ประวัติ Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง เน็ตฟลิกซ์

ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในวงการ Technology Start up ของ America สำหรับ Platform ดังอย่าง Netflix ซึ่งมีที่มาที่ไปค่อนข้างหน้าสนใจ เลยทีเดียว ถือเป็น startup ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนาน ในวงการธุรกิจของอเมริกา

ประวัติ Reed Hastings (รีด แฮสติงส์)

Reed Hastings นั้น เรียนจบ ระดับมัธยมศึกษาจาก Buckingham Browne & Nichols School Cambridge หลังจากเรียนจบ ในระดับมัธยมศึกษา ก็ได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ Bowdoin College ในสาขาด้านคณิตศาสตร์

และหลังจากนั้น เขาได้อาสาสมัคร ไปยังประเทศ Swaziland ซึ่งเป็นประเทศด้อยพัฒนาในทวีป Africa เพื่อทำการสอนวิชาคณิตศาสาตร์ ที่เขาได้ร่ำเรียนมา ให้เหล่านักเรียน ในช่วงปี 1983-1985

ภายหลังจากกลับมาจากเป็นอาสาสมัคร เขาก็ใช้ profile เหล่านี้ในการเข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัย Standford University และสำเร็จการศึกษาในระดับ Master Degree ในสาขาวิชา วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ในปี 1988

Reed Hastings นั้นได้ตั้งบริษัทของตนเองในชื่อ Pure Software โดยนำเสนอ solution ในการแก้ปัญหาปัญหาต่าง ๆ ให้เหล่าองค์กร หรือ SME ต่าง ๆ และสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้น ในปี 1997 ได้ทำการร่วมกับ Marc Randolph และจับมือกันเพื่อก่อตั้งบริษัท Netflix ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการให้เช่าสื่อความบันเทิง แบบ online ให้แก่ลูกค้าที่อยู่ในประเทศอเมริกา

จับมือกับ Marc Randolph เพื่อสร้าง netflix

จับมือกับ Marc Randolph เพื่อสร้าง netflix

Netflix นั้นผ่านมรสุมของธุรกิจมาอย่างมากมายตั้งแต่เริ่มคิด idea ในการสร้างธุรกิจการเช่าหนังแบบ Online โดยใช้ระบบเหมาจ่าย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่เอามาก ๆ สำหรับในยุคนั้น ที่ร้านเช่า DVD แทบจะอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งตามเหมืองใหญ่

แต่ไม่ใช่ปัญหาของ Reed Hastings ผู้ก่อนตั้ง Netflix ซึ่งจบมาทางด้าน computer science ได้ทำการสร้าง model ธุรกิจใหม่และ สร้างระบบ online ที่ใช้ในการเช่าหนังโดยมีการผสมผสานระหว่าง Technology และ การบริการได้อย่างลงตัวกล่าวคือ เป็นการเลือกหนังจาก website แต่จะมีการส่งให้ยืมผ่านระบบไปรษณีย์ ซึ่งในยุคนั้น เครื่องเล่น DVD ยังเป็นส่ิ่งสำคัญประจำบ้านของทุกครัวเรือนในสหรัฐ ยังไม่มีการดูหนัง online streamming อย่างเช่นในปัจจุบัน

ตอนที่เขาได้เริ่มกิจการนั้น ผู้คนปรกติยังใช้การเช่าหนังผ่านระบบร้านเช่า ซึ่งที่เป็นยักษ์ใหญ่ในสหรัฐขณะนั้นก็คือ Blockbuster ซึ่งมีรายได้หลายพันล้านเหรียญต่อปี แต่ ทาง Reed Hastings ก็ใช้ Technology เข้ามาผสมผสานกับรูปแบบของ model ธุรกิจใหม่ทำให้บริษัทของเค้าเจริญเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว

ถีงแม้ภายหลังทาง blockbuster จะมาทำ service แข่งนั้น โดยการลดราคาแข่งขัน สุดท้ายแล้ว ก็ทำให้ service อื่นๆ  ตายลงไปหมดและ Netflix ก็ได้ไป take over มาเนื่องจากทาง Netflix เน้นความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุด และเข้าใจลูกค้าได้ดีสุด จนสุดท้ายนั้นบริษัท Blockbuster ได้ถึงกับล้มละลาย ซึ่งถือเป็น Case Study ที่น่าศึกษาของบริษัทที่ไม่มีการปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

netflix ทำให้ blockbuster ถึงกับล้มละลาย

netflix ทำให้ blockbuster ถึงกับล้มละลาย

ถึงแม้ทาง netflix จะ win ในศึกแรกมาได้ แต่ก็ต้องมาเจอศึกใหม่กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเป็นใหญ่อย่างรวดเร็วทั้งทางด้าน infrastucture ของ internet ซึ่งทำให้ internet มี speed สูงมาก และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนเป็น โหลดจากทาง Web แทนทั้งที่ถูกกฏหมายและผิดกฏหมายรวมถึงการเกิดขึ้นของระบบ Bit Torrent ทำให้ยอดสมาชิกร่วงลงเป็นจำนวนมาก

Bittorrent ศัตรู ตัวฉกาจของ netflix

Bittorrent ศัตรู ตัวฉกาจของ netflix

แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจาก Reed Hastings นั้นเป็นคนที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วทำให้รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นหากไม่มีการปรับตัวเพราะผู้บริโภคได้เปลี่ยนรูปแบบการดูหนังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เค้าเลยได้สร้างระบบ Streaming ขึ้นมาเพื่อให้สามารถชม online ผ่าน internet ได้ และมีการปรับตัวเข้ากับ Platform ใหม่ ๆ ทั้งระบบ IOS หรือ Android รวมถึงการดูผ่าน Web Streaming ซึ่งทำให้สามารถรอดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคไปได้ ซึ่ง Case นี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการปรับตัวได้ทันกับ Technology ที่เปลี่ยนไปไม่งั้นเราคงไม่เห็น Netflix เติบโตมาได้จนถึงวันนี้ครับ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

Bloomberg Game Changer : How Microsoft Attacked the Beast who created Netscape, Mozilla Firefox & invested Skype

โดยส่วนตัวนั้นเป็นคนชอบดู Documentary ของทางเมืองนอก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวงการ IT และ Series หนึ่งที่ชอบติดตามดูเป็นพิเศษคือ Game Change : ของทางฝั่ง Bloomberg ที่ได้สร้าง Documentary ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาที่น่าสนใจในหลาย ๆ ประเด็น

สำหรับตอนที่จะกล่าวใน blog นี้คือ How Microsoft Attacked the Beast who created Netscape, Mozilla Firefox & invested Skype เป็นเรื่องราวในยุคต้นกำเนิดของ Internet ซึ่งเราคงมองภาพไม่ออกในยุคแรก ๆ  ที่ยังไม่มี internet ใช้ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ สำหรับการสร้าง Web Browser มาซัวในยุคปลาย 1990

สำหรับ Browser ตัวแรกของโลกนั้นต้องยกให้กับ Mosaic ที่พัฒนาโดย Lab ของ University of Illinois of Urbana Chanpaign ที่ผู้ที่ได้ว่าเป็นผู้ถือกำเนิดมันก็คือ Marc Andreessen ซึ่งต้องถือเป็นเจ้าพ่อ internet ในยุคแรก ๆ เลยก็ว่าที่ทำให้ internet เป็น Graphic ที่สวยงามให้คนทั่วไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในช่วงนั้นยังเป็นรูปแบบของ text mode อยู่ หลังจากปล่อยให้ Download Free และเป็นที่นิยมอย่างมากแล้วนั้น Marc ก็ถูกนายทุน โดย  Jim Clark ที่ชักชวน Marc ให้มาเปิดบริษัทเพื่อพัฒนา Web Browser เพื่อขายเป็น commercial โดยได้ร่วมตั้ง Netscape ขึ้นมา ต้องถือว่าโชคดีผมก็มีโอกาสได้ใช้ Netscape กับเค้าเหมือนกัน ๆ กันยุคแรก ๆ  ก่อนที่ Microsoft จะใช้ IE ตีตลาดจนไม่เหลือที่ว่างให้ Netscape และก็ได้มีโอกาสได้สร้าง HTML Web ในช่วงแรก ๆ เหมือนกันซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เบนเข็มมาเรียนทางด้าน Computer Engineer

ในช่วงปลาย 1990 นั้น Marc ถือว่าเป็นบุคคลที่โด่งดังมาก เนื่องจากหลังจากสร้าง NetScape และปล่อยออกสู่ตลาดนั้น ก็ได้นำบริษัททำ IPO เพื่อเข้าตลาดหุ้นโดยแทบจะทันที ซึ่งตอนนั้นก็ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วนอยู่พอสมควร เนื่องจากมูลค่าหุ้นขึ้นไปสูงถึงระดับ 171$  ในช่วงเปิดตัวแรก ๆ  ทำให้บริษัทมีมูลค่าทันทีถึง  2 พันล้านเหรียญในยุคนั้น ซึ่งถือว่ามากพอตัว   และทำให้เค้ากลายเป็นเศรษฐีหนุ่มทันทีจากมูลค่าหุ้น และนักลงทุน ที่ร่วมก็รวย ๆ กันไปตาม ๆ กันจากมูลค่าหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงดังกล่าว

แต่การเกิดขึ้นของ NetScape นั้นเหมือนเป็นการปลุกยักษ์ให้ตื่น Microsoft ในสมัยนั้นเป็นบริษัทที่มูลค่าแทบจะสูงที่สุดในโลกของ Technology Company ซึ่ง Gate ก็ไม่รอช้า ในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ Microsoft ต้องออก OS ใหม่พอดีซึ่งก็คือ Microsoft Windows 95  โดยทาง Microsoft นั้นใช้แผนที่เหนือเมฆ คือนำ Internet Exproler ออกสู่ตลาดโดยแถมมากับระบบปฏิบัติการ Windows 95 เลยแทบจะทันที โดย microsoft นั้นก็ได้พัฒนาตัว IE โดยใช้พื้นฐานมาจาก Mosaic ที่ Marc เป็นคนพัฒนาขึ้นในตอนอยู่  University of illinois of Urbana Chanpaign นั่นเอง ซึ่ง Microsoft นั้นเป็นบริษัทที่ทุนหนาอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแต่อย่างใด ในการแถม Browser ไปกับระบบปฏิบัติการ และเป็นยิ่งส่งเสริมให้คนหันมาใช้ ระบบปฏิบัติการ Windows 95 มากยิ่งขึ้นเสียไปอีก ซึ่งเป็นความโหดมากของ microsoft ในการแทบจะ ฆ่า Netscape ออกไปจากตลาด และ เพิ่มยอดขายของ Windows 95 เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว

สุดท้ายก็มีการฟ้องร้องกันหาว่า Microsoft ผูกขาดการตลาดของระบบปฏิบัติการ ทางฝั่ง microsoft นั้นก็ไม่แยแสในเรื่องที่เกิดขึ้นเดินหน้าแถม Browser ต่อไปจนครองส่วนแบ่งแทบจะทั้งหมดของ Browser ในขณะนั้น และ ทำให้ Netscape ต้องถูกขายให้กับ AOL ในภายหลังก่อนจะพัฒนากลายมาเป็น Moziila Firefox อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนคดีความฟ้องร้องนั้น ถึงแม้สุดท้าย ศาลจะพิพากษาให้ Microsoft เป็นฝ่ายผิด แต่ microsoft ก็ยินยอมจ่ายค่าปรับเพียงร้อยกว่าล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเปรียบเหมือนในสงครามนี้ microsoft ยอมแพ้ในศาลแต่ ในเชิงธุรกิจนั้น Netscape ได้ตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง