Movie Review : Whiplash


Review

ต่อเนื่อง Series Oscar 2015 ด้วยเรื่อง Whiplash จากผลงานการกำกับ ของ Demien Chazelle  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับการเข้าชิงในหลายสาขา และ สาขาใหญ่ที่ได้รับรางวัลคือ ดาราสมทบชายยอดเยี่ยมจาก J.K. Simmons  ที่รับบท Fletcher Conductor ผู้ควบคุมวงที่รับบทบาทโหดได้อย่างสมจริง และส่งให้เขาได้รับรางวัลดังกล่าวไป

หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวงดนตรี และ นักดนตรี โดยเฉพาะมือกลองที่พระเอกคือ Miles Teller ที่รับบท Andrew หนุ่มที่ใฝ่ฝันที่จะได้เป็นมือกลองอาชีพ แต่ถูกขัดขวางโดนผู้เป็นผู้ที่ไม่อยากให้ลูกประกอบอาชีพนี้  เรื่องนี้ทำให้ลืมบทเก่า ๆ ที่ได้รับของ Miles Teller ไปเลยที่ส่วนใหญ่จะรับบทที่เป็นวัยรุ่นทั่วไป ซึ่งไม่ได้ทำให้เค้าได้แสดงศักยภาพการแสดงออกมาเต็มที่เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นถึงการเล่นบท Drama ของเขาที่ถือว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุด เท่าที่เคยได้เล่นมาเลยในตลอดช่วงหลายปีให้หลังเลยก็ว่าได้

ส่วน J.K Simmons นั้นการันตีด้วยรางวัลที่ผ่านมามากมาย ไม่ต้องห่วงเรื่องการแสดง และเรื่องนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นนักแสดงคุณภาพของเขาที่ได้รับรางวัลใหญ่อย่าง ดาราสมทบชายยอดเยี่ยม ซึ่งความจริงนั้น เรื่องนี้เค้าแทบจะแบกรับหนังทั้งเรื่องไว้ และส่งการแสดงให้กับ Miles Teller ทำให้แสดงได้อย่างดีมาก ๆ

ตัวหนังนั้นเป็นหนัง Drama โดยผสมผสานเรื่องของความรัก และ ครอบครัวเข้ามา และสิ่งสำคัญของเรื่องนี้ที่ขาดไม่ได้คือ ดนตรี Jazz ซึ่งเป็นส่วนที่ผสมที่ลงตัวเอามาก ๆ แต่จะเสียดายตรงตอนจบของหนังนิดหน่อยที่มันยังไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ น่าจะมีบทการจบของหนังที่ดีกว่านี้ แต่เนื่องจากเป็นหนังที่ปูทางเรื่องของดนตรีมาทั้งเรื่องทำให้ นักดนตรีหรือคนที่เกี่ยวข้องกับวงดนตรี ( โดยเฉพาะ Jazz) อาจจะอินกับหนังเรื่องนี้ได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่ก็เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ

เก็บตกจากหนัง

  • การเล่นดนตรี Jazz นั้นไม่ใ่ช่เรื่องง่าย
  • จังหวะของเพลง Caravan หรือ Whiplash ที่เป็นจังหวะกลองนั้นโหดน่าดู
  • ดูเรื่องนี้จะอินกับบทบาทการเล่นของ J.K. Simmons มาก ๆ
  • หนังเรื่องนี้สื่อให้เราทราบถึงอาชีพของนักดนตรีหรือศิลปินนั้นก็เปรียบเป็นอาชีพที่เต้นกินรำกินที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวซักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากในประเทศไทย

คะแนน

9/10


สรุป
“ดนตรี jazz , ความรัก , ครอบครัว คือส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับหนังเรื่องนี้”

ในปีที่แรงปลาย

ผ่านเกมส์ใหญ่ไปอย่างน่าประใจสำหรับ อาเซน่อลในเกมส์พบกับ liverpool เมื่อคืนนี้ ก่อนเกมส์นั้นก็มองว่าเกมส์นี้น่าจะออกได้ทั้ง 3 หน้า เนื่องจาก liverpool หลังปีใหม่มานี่ก็ฟอร์มแจ่มไม่ใช่เล่น เพิ่งมาสะดุดในเกมส์ที่แล้วที่แพ้แมนยู คาบ้านมาเท่านั้นเอง เกมส์เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเล่นได้ดีเท่าไหร่นัก ดูโอกาสการทำประตูของทั้งสองทีมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ จุดเด่นในปีนี้ของอาเซน่อลคือ จังหวะการทำประตูนั้นมีความคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการปรับรูปแบบการเล่นเพื่อความแน่นอนมากขึั้น จะไม่เห็นการพยายามต่อบอลจนไปถึงประตูหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน เริ่มมีความหลากหลายของการทำเกมส์รุกมากขึ้นซึ่งถือว่า ลงตัวเลยทีเดียว ไม่ต้องคอยชิ่งไปมาหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน อีกส่วนที่สำคัญก็คือเกมส์รับนั้นถือว่า ได้ ก๊อกโกแลง มาถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ ชิ้นสำคัญเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ทีมฟอร์มดีอย่างต่อเนื่องถึงตอนนี้ เพราะไม่ต้องมานั่่งกังวลกับเกมส์รับมากมาย ตัวรุกของทีมก็รุกกันได้อย่างสบายใจเมื่อมีคนคอย screen หลังให้ ก่อนจะถึงกองหลัง ซึ่งก็ออกมาเป็นผลงานอย่างที่เห็นที่เจอกับลิเวอร์พูล

ปรกติในหลาย ๆ ฤดูกาลหลังในช่วงนี้ของฤดูกาลคือ ช่วง มีนาคม – เมษายน นั้น อาเซน่อลจะฟอร์มแผ่วในทุก ๆ ปีและจะประสบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บในช่วงนี้ของทุก ๆ ปี แต่ปีนี้ถือว่ามาแปลกเลยทีเดียวที่ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมานั้น ถือว่าเป็นทีมที่ฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดในลีคเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรซ์ ไม่น้อยสำหรับฟอร์มช่วงหลังของอาเซน่อล  แต่ที่ผิดหวังคือทำไมต้องมาแรงช่วงปลายฤดูกาล หรือ ต้นฤดูกาลสลับกันแบบนี้ อยากให้เป็นอย่างงี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลบ้างจนจบ  คิดว่าคงได้แชมป์แน่ ๆ หากเล่นได้แบบนี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับในปีนี้นั้น ช่วงแรก ๆ อาจจะมีฟอร์มสะดุด เนื่องจากพบปัญหานักเตะบาดเจ็บเป็นหางว่าว ถือว่าเป็นคราวซวยซ้ำซวยซ้อนของอาเซน่อล ที่ต้องมีช่วงนึงของฤดูกาลที่นักเตะเจ็บกันเป็นพรวน ๆ  แต่พอหายเจ็บก็หายเจ็บกลับมาพร้อม ๆ กัน ทำให้ฟอร์มเริ่มดีขึ้นอย่างที่เห็น

ถ้าดูจากทีมเชลซี จ่าฝูงนั้น จะพบว่าไม่ค่อยพบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บยาว ๆ เลย ทีมค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นฤดูกาล มีเจ็บนิด เจ็บหน่อย หรือ อาจจะโดนแบน 1-2 เกมส์แล้วก็กลับมาทำให้ฟอร์มของทีมเชลซีนั้นค่อนข้างแน่นอนมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งปีนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะพลาดในตำแหน่งแชมป์ ถึงแม้ตามทฤษฏีแล้ว อาเซน่อลก็ยังมีโอกาสที่จะแซงได้ในเกมส์ที่เหลือ แต่ถ้ามองถึงความเคี่ยวของ มูรินโย่ แล้วนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการตามหลังถึง 7 คะแนนและแข่งมากกว่า 1 นัดแบบนี้

ในปีหน้าอาเซน่อลน่าจะพร้อมที่จะล่าแชมป์อย่างเต็มตัว หลังจากได้เติมผู้เล่นระดับเกรด A อย่างอเล็กซิซ ซานเชส และ เมซุต โอซิลเข้ามาร่วมทีม ปีหน้าก็ภาวนาอย่างยิ่งว่า จะไม่มีนักเตะหลัก ๆ เจ็บพร้อม ๆ กันเหมือนกับในหลาย ๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้อาเซน่อลเป็นคู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์ในปีหน้านั่นเองครับ