Geek Story EP73 : Kiva กับแนวคิด Peer-to-Peer Lending ที่ปฏิวัติวงการ Microfinance

Kiva ใช้แพลตฟอร์ม Crowd Lending แบบ peer-to-peer ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วโลกสามารถเข้าถึงเงินทุนที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยเหลือตนเองจากความยากจนได้

Kiva นั้นเกิดจากแนวคิดของ Premal Shah หนึ่งในสมาชิกของ Paypal Mafia โดยจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าว เกิดจากการถูกมอบหมายให้ไปสร้างต้นแบบของแนวคิดด้าน micro-lending แบบบุคคลต่อบุคคล ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Shah นั้นสนใจมาตั้งแต่เรียนใน stanford

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3brRSEX

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2m0PTzR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/_2dTQc3uxrQ

Kiva กับแนวคิด Peer-to-Peer Lending ที่ปฏิวัติวงการ Microfinance

Kiva ใช้แพลตฟอร์ม Crowd Lending แบบ peer-to-peer ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วโลกสามารถเข้าถึงเงินทุนที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยเหลือตนเองจากความยากจนได้

Kiva นั้นเกิดจากแนวคิดของ Premal Shah หนึ่งในสมาชิกของ Paypal Mafia โดยจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าว เกิดจากการถูกมอบหมายให้ไปสร้างต้นแบบของแนวคิดด้าน micro-lending แบบบุคคลต่อบุคคล ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Shah นั้นสนใจมาตั้งแต่เรียนใน stanford

ซึ่งหลังจากทีได้ไปคลุกคลีทำงานในอินเดียถึง 2 ปี ทำให้เขาอยากเอาแนวคิดดังกล่าวมาช่วยเหลือคนที่เข้าถึงแหล่งทางการเงินยากๆ  ในประเทศอเมริกาบ้าง 

และเมื่อเขากลับมายัง Silicon Valley อีกครั้งในปี 2005 ก็ได้ไปเจอกับ Matt Flannery และ Jessica Jackley ที่กำลังก่อตั้งบริการด้าน micro-lending พอดี ซึ่งตรงกับความต้องการของ Shah ที่ต้องการมาสร้างบริการแบบนี้ที่อเมริกา

Premal Shah หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Kiva
Premal Shah หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Kiva

ซึ่งจากผลงานงานที่ผ่านมาของ Shah กับ Paypal นั้น ก็ทำให้ทั้ง Flannery และ Jackley เชื่อใจให้เขาเข้ามาร่วมปั้นบริการ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรระดับโลกให้ได้ 

ซึ่งในที่สุด พวกเขาก็ได้ ก่อตั้ง Kiva ขึ้นในปี 2005 เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่แสวงหาผลกำไรแห่งแรกที่พัฒนาขึ้นเพื่อเปิดใช้งาน “การระดมทุน” ของสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่สามารถเข้าถึงเครดิตในลักษณะที่เป็นทางการได้ 

Kiva ทำงานอย่างไร

Kiva ใช้เว็บไซต์เพื่อแสดงคุณสมบัติผู้ประกอบการทั่วโลกพร้อมด้วยรูปภาพของผู้ประกอบการจำนวนเงินกู้ที่ขอและคำอธิบายว่าจะใช้เงินกู้อย่างไร โดยสามารถเข้าสู่เว๊บไซต์ Kiva เรียกดูโปรไฟล์ผู้ประกอบการแต่ละรายได้

ด้วยความสามารถในการกรองข้อมูลของ อุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค และคุณลักษณะอื่น ๆ และยังสามารถเลือกผู้ประกอบการที่พวกเขาต้องการให้ยืม ผู้ให้กู้สามารถมีส่วนร่วมโดยใช้เงินเพียงแค่ 25 ดอลลาร์ ในการเข้าร่วม

Kiva ดำเนินงานใน 83 ประเทศผ่านพันธมิตรกว่า 300 ราย เช่น สถาบันการเงินรายย่อย Microfinance Institutions(MFIs) ซึ่ง Kiva ได้สร้างพันธมิตรด้วย MFIs เหล่านี้ จะทำการกลั่นกรองผู้กู้เพื่อรับความเสี่ยงและความตั้งใจและเงินทุนที่ได้รับจากผู้ให้กู้

โดยเงินทุนของ Kiva จะถูกส่งไปยังผู้ประกอบการผ่านทาง MFI ในท้ายที่สุด โดยทั่วไปหุ้นส่วนของ Kiva จะปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิมและเรียกเก็บดอกเบี้ยให้กับลูกค้าของพวกเขาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของพวกเขา (แม้ว่า Kiva เองจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ จากจำนวนเงินกู้) 

อย่างไรก็ตามการดำเนินการผ่านทาง Kiva นั้น MFI ทั่วไปจะมีแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าได้มากกว่า Kiva ติดตามกระบวนการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างละเอียดก่อนที่จะร่วมมือกับ MFIs ใหม่ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานทางการเงินและการควบคุมทางการเงินได้รับการการันตี เพื่อป้องกันการฉ้อโกงหรือการใช้ประโยชน์ทางการเงินในด้านอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง

ซึ่งแตกต่างจากเว็บไซต์ระดมทุนอื่น ๆ เช่น Kickstarter หรือ GoFundMe โดยแง่มุมที่แตกต่างของ Kiva คือมันเป็นแพลตฟอร์มการให้ยืม ไม่ใช่แพลตฟอร์มการลงทุนทางการเงิน

ดังนั้นผู้ให้กู้สามารถคาดหวังว่าไม่เพียงช่วยคนที่ต้องการเงินทุนเท่านั้น แต่ยังสามารถรับเงินปันผลคืนได้ โดยได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เนื่องจาก Kiva มีอัตราการชำระหนี้สูงถึง 98.5% จากสินเชื่อทั้งหมด

Peer-to-Peer Lending สนับสนุนผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปรกติ
Peer-to-Peer Lending สนับสนุนผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปรกติ

นอกเหนือจากความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่จำกัด Kiva ยังเสนอแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ Kiva ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการบริจาคเงินกู้และไม่ใช้เงินยืมใด ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของตนเอง

ซึ่งแทนที่จะได้รับเงินทุนภายนอกจากการบริจาคเหมือนบริการ Crowd Funding อื่น ๆ นอกจากนี้กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียดของ Kiva ในการจัดการความเสี่ยงนั้นได้รับการสนับสนุนโดย Kiva Fellows ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่ใช้เวลาประมาณ 10 สัปดาห์ในการทำงานกับพันธมิตรทางการเงินรายย่อยของ Kiva เพื่อช่วยระบุถึงพฤติกรรมการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้

Kiva ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่และธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลก รูปแบบ peer-to-peer ช่วยให้ผู้ให้กู้สามารถค้นหาผู้ประกอบการที่ต้องการสนับสนุนและติดต่อกับบุคคลเหล่านั้นได้ทันที 

การขยายแพลตฟอร์มด้วย Kiva Zip

ในปี 2011 Kiva ได้ใช้โมเดล Kiva Zip ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มที่มีผู้คนใช้งานจำนวนมาก ผ่านทาง Kiva Zip, ซึ่ง Kiva หวังว่าจะให้บริการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% แก่ธุรกิจขนาดเล็ก (เทียบกับรูปแบบการคิดดอกเบี้ยแบบดั้งเดิมที่เรียกเก็บโดย MFIs)

โดยใช้เครือข่ายส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ เพื่อวัดความน่าเชื่อถือ และขอให้พวกเขารับรองผู้ประกอบการที่ต้องการกู้เงิน 

หลังจากที่ถึงเกณฑ์การระดมทุนที่กำหนดที่จะได้รับจากผู้ที่ได้รับการรับรอง ซึ่ง แคมเปญสินเชื่อของผู้ประกอบการที่ได้รับนั้น ก็จะกลายเป็นโปรไฟล์แบบสาธารณะ สำหรับให้ผู้อื่นในแพลตฟอร์มที่จะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินเชื่อต่อ (เริ่มต้นที่ 25 ดอลลาร์)  

นอกจากนี้ Kiva Zip ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมของความสามารถในการสนทนาโดยตรงกับผู้ยืมเมื่อผู้ให้กู้สนับสนุนเงินกู้ของพวกเขา ซึ่งเมื่อเทียบกับรูปแบบ Kiva ดั้งเดิม ที่ผู้ให้กู้ไม่มีการสื่อสารกับผู้ยืมเป็นหลัก 

รูปแบบนวัตกรรมของ Kiva ในการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อให้การทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ผู้คนมากกว่า 1.9 ล้านคนให้ยืมแก่ผู้ประกอบการกว่า 3.6 ล้านคนทั่วโลกโดยมีสินเชื่อเกือบ 1 ล้านบัญชี ที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

References : http://www.kiva.org/about/stats
http://www.kiva.org/zip
http://www.cnbc.com/2015/08/06/alternative-small-business-loans.html
http://www.nation.co.ke/lifestyle/smartcompany/How-online-lender-is-transforming-lives-through-small-loans/-/1226/2818906/-/pde99w/-/index.html
http://www.theatlantic.com/business/archive/2015/08/crowdfunding-success-kickstarter-kiva-succeed/400232/
https://openmicroc.com/how-a-kiva-loan-could-get-your-business-off-the-ground/

Paypal Mafia ตอนที่ 6 : Ken Howery

Ken Howery เป็นอีกหนึ่งคนในฐานะ Co-Founders ของ Paypal ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากกับการปฏิวัติระบบการเงินออนไลน์ โดยเขาเป็นคนทำหน้าที่หลักในด้านการดูแลเรื่องการเงินในฐานะ CFO (Chief Financial Officer) ของ paypal

Howery นั้นเกิดในปี 1975 โดยจบการศึกษาจากมหาลัยชั้นนำของสหรัฐอย่าง Stanford University ในปี 1998 สาขาเศรษฐศาสตร์ ในขณะเรียนที่ Stanford นั้น เขายังเป็นหนึ่งในนักเขียนของสื่อชั้นนำในมหาวิทยาลัยอย่าง The Stanford Review ที่เป็น สื่อที่ขับเคลื่อนโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford

และในปีเดียวกันกับที่เขาได้จบการศึกษาจาก Stanford นี่เอง เขาได้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงินออนไลน์อย่าง paypal ขึ้นมา โดยร่วมกับ Peter Thiel , Luke Nosek , Elon Musk และ Max Levhcin ก่อตั้งบริการชำระเงินที่ต้องการปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินแบบเดิม ๆ ให้มาอยู่บนออนไลน์

ซึ่งที่ paypal เขาได้รับตำแหน่ง CFO ดูแลทางด้านการเงิน และช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และยกระดับ paypal ให้ติดตลาดมากขึ้น เขาเป็นทีมงานคนสำคัญที่ทำให้ paypal สามารถระดมทุนในช่วงแรกของการก่อตั้งได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญ รวมถึงดูแลเรื่องการ IPO ของบริษัท และ เจรจา Deal ที่สำคัญกับ Ebay ก่อนที่จะถูกซื้อไปในราคากว่า 1.5 พันล้านเหรียญ

และเมื่อ paypal ถูกขายให้ ebay เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็ยังดำรงตำแหน่งใน ebay ในฐานะ Director of Corporate Development จนถึงปี 2003 หลังจากนั้นก็หยุดไปพักผ่อนเป็นเวลา 1 ปี หลังจากได้เงินจำนวนมหาศาลจากการขาย paypal ให้ ebay

Howery นั้นได้กลับมาร่วมงานกับ Peter Thiel อีกคร้้งในปี 2004 ในบริษัทด้านการลงทุนใน startup เกิดใหม่ของ peter Thiel อย่าง Clarium Capital Management ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งในฐานะ Vice President of Private Equity 

เขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ทำการลงทุนใน Series A ของ Social Network Platform อย่าง Facebook ก่อนที่จะเติบโตจนกลายมาเป็น Platform อันดับหนึ่งทางด้าน Social network อย่างในปัจจุบัน และมีผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคน

Howery นั้นยังมีบทบาทสำคัญในองค์ระดับโลก โดยถูกเสนอชื่อในฐานะ Young Global Leader ของ World Economic Forum และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกโครงการทางด้านเทคโนโลยีของ World Economic Forum อีกด้วย

Young Global Leader ใน World Economic Forum
Young Global Leader ใน World Economic Forum

และเขายังเป็นที่ปรึกษาในการก่อตั้ง Kiva.org องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ให้บริการ ช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินจากสถานบันการเงินแบบปรกติได้ 

ในปี 2005 เขาได้ร่วมกับ Peter Thiel และ Luke Nosek ก่อตั้งกองทุน ที่ลงทุนใน startup เกิดใหม่อย่าง Founders Fund ซึ่งบริหารเงินในกองทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญ ทำการลงทุนใบริษัทเกิดใหม่กว่า 300 บริษัทตัวอย่างเช่น ZocDoc , Cedar รวมไปถึง Quancast

ชื่อของเขานั้นได้รับการขานอย่างกว้างขวางในสื่อต่าง ๆ ทั้ง Wall Street Journal , Forbes และ Fortune และยังได้รับเลือกให้กล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมผู้ประกอบการหน้าใหม่ของ Harvard Business School และมีชื่อติด 1 ใน 10 ของ Venture Capitalist โดยนิตยสาร Worth อีกด้วย

และบทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในวงการการค้าโลก โดยเข้าไปหนึ่งในคณะกรรมการของสภาสหรัฐ ที่ดูแลด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของสหรัฐในตลาดการค้าโลก

–> อ่านตอนที่ 7 : David O. Sacks

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Paypal Mafia ตอนที่ 4 : Premal Shah

เป็นอีกคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญทางด้านธุรกิจของ paypal ในยุคก่อตั้งสำหรับ Premal Shah ด้วยดีกรีที่ไม่ธรรมดาที่เรียนปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก Stanford University รับตำแหน่งสำคัญของผลิตภัณฑ์หลักในฐานะ Product Manager ที่ paypal

สำหรับ Premal Shah นั้นเกิดที่ Ahmedabad ในประเทศ india แต่ได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ Minnesota ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสามารถเข้าสู่มหาลัยชั้นนำของประเทศอย่าง Stanford University โดยเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเขาจะโฟกัสและมีความสนใจการพัฒนารากฐานของเศรษฐกิจในระดับจุลภาพ

ซึ่งระบบการเงินในระดับจุลภาค (Micro-Finance) นั้น จะเน้นไปในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อจำนวนเล็ก ๆ ให้แก่คนยากไร้ และ คนยากจนเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงสินเชื่อในรูปแบบปรกติผ่านทางสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

โดยที่หลังจากเรียนจบจาก Stanford ในปี 1998 Shah ก็ได้เริ่มทำงานเป็นนักวิเคราะห์ในบริษัท Oliver Wyman ช่วงสั้น ๆ 

โดย Oliver Wyman นั้นจะเป็นบริษัทให้คำปรึกษากับธุรกิจชั้นนำที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ซึ่งดูเหมือนว่า Shah ที่เพิ่งจบใหม่และต้องการความท้าทายใหม่ ๆ จึงอยู่กับ Oliver Wyman เพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะได้รับงานที่ท้าทายกว่ากับธุรกิจที่กำลังปฏิวัติระบบการเงินที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนอย่าง paypal

Shah เริ่มงานแรกที่ Oliver Wyman บริษัทด้านที่ปรึกษาชั้นนำ
Shah เริ่มงานแรกที่ Oliver Wyman บริษัทด้านที่ปรึกษาชั้นนำ

ที่ paypal เขาได้รับตำแหน่ง Product Manager ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์ตัวหลักของบริษัท โดยจะช่วยคิด สร้างสรรค์ บริการใหม่ ๆ ที่คิดว่าจะตอบโจทย์กับลูกค้า ซึ่งต้องเป็นสิ่งใหม่ชนิดที่ว่าไม่เคยมีมาก่อนผ่านบริการออนไลน์

ซึ่งแม้ paypal จะถูกขายให้กับ ebay ในปี 2002 แต่ตัว Shah นั้นก็ยังทำงานต่อที่ paypal โดยไม่ได้ลาออกไปทำอย่างอื่น เหมือนอีกหลาย ๆ คนในแก๊ง paypal mafia โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเขาน่าจะเป็นการถูกมอบหมายให้ไปสร้างต้นแบบของแนวคิดด้าน micro-lending แบบบุคคลต่อบุคคล ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจมาตั้งแต่เรียนใน stanford

ซึ่งหลังจากทีได้ไปคลุกคลีทำงานในอินเดียถึง 2 ปี ทำให้เขาอยากเอาแนวคิดดังกล่าวมาช่วยเหลือคนที่เข้าถึงแหล่งทางการเงินยากๆ  ในประเทศอเมริกาบ้าง 

และเมื่อเขากลับมายัง Silicon Valley อีกครั้งในปี 2005 ก็ได้ไปเจอกับ Matt Flannery และ Jessica Jackley ที่กำลังก่อตั้งบริการด้าน micro-lending อย่าง Kiva ขึ้นมาพอดี ซึ่งตรงกับความต้องการของ Shah ที่ต้องการมาสร้างบริการแบบนี้ที่อเมริกา

ซึ่งจากผลงานงานที่ผ่านมาของ Shah กับ paypal นั้น ก็ทำให้ทั้ง Flannery และ Jackley เชื่อใจให้เขาเข้ามาร่วมปั้นบริการ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรระดับโลกให้ได้ 

ซึ่ง Shah นั้นก็ได้ปรับบริการของ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้คนที่ไร้โอกาส และไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 80 ประเทศ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ โดยภารกิจหลักของ Kiva ที่ Shah ได้วางไว้ก็คือ “การเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน”

Shah ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับ Kiva บริการเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน
Shah ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กับ Kiva บริการเชื่อมโยงผู้คนผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อบรรเทาความยากจน

ซึ่ง Kiva ก็ได้เติบโตมาอย่างต่อเนื่องและขยายบริการไปทั่วโลก เพื่อให้คนทั่วโลกได้เข้าถึงบริการนี้ โดยข้อมูลล่าสุดนั้น สามารถระดมทุนได้กว่า พันล้านเหรียญ เพื่อปล่อยกู้ยืมให้กับคนที่ลำบาก ทั้งนักศึกษาที่ยากจน ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ไร้เงินทุน โดย มีผู้มาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน ใน 80 ประเทศทั่วโลก โดยมีอัตราการได้คืนกลับจากเงินที่ปล่อยยืมถึงกว่า 96%

shah นั้นถือได้ว่ามีบทบาทอย่างมากต่อหลาย ๆ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร แม้ตำแหน่งปัจจุบันจะดำรงตำแหน่งประธานของ Kiva แต่เขายังนั่งในกรรมการขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นบริการชื่อดังอย่าง Change.org , Watsi รวมถึง VolunteerMatch

สำหรับชีวิตส่วนตัว Shah นั้น อาศัยอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย กับภรรยาและลูกสองคน เขามักจะไปปรากฏตัวตามงานเสวนาต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อสังคม โดยจะพูดในเรื่องศักยภาพของเทคโนโลยี ที่จะ Impact ต่อส่วนต่าง ๆ ของสังคม และวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน

–> อ่านตอนที่ 5 : Luke Nosek

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References :wikipedia.org