BCI อาจะทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ผ่านกระแสจิต

งานวิจัยล่าสุดอาจจะทำให้เราสามารถที่จะสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองผ่านกระแสจิตได้สำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยี อินเตอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมอง (Brain Computer Interface-BCI) ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าครั้งล่าสุดที่เป็นส่วนสำคัญของรายงานฉบับใหม่ เกี่ยวกับเทคโนโลยีปลูกถ่ายประสาทเทียมโดย Royal Society ซึ่ง เป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร

โดย เอกสารนี้ได้รายงานการ เชื่อมต่อส่วนต่าง ๆ ของสมองกับคอมพิวเตอร์ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งตอนนี้สามารถทำให้เป็นไปได้ แต่ก็ได้มีการเตือนว่าการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์นั้นอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง

“ ไม่เพียง แต่ความคิด หรือ ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสเท่านั้น ที่สามารถสื่อสารจากสมองสู่สมอง”  “ ตอนนี้เทคโนโลยีมันทำให้สามารถส่ง “ข้อมูลอะไรก็ตาม” ของสิ่งที่พวกเขาเห็น ได้ยิน หรือชิมเข้าไป และส่งผ่านกระแสจิต เข้าไปในสมองของเพื่อนที่บ้านได้”

เพื่อให้แน่ใจว่าการปลูกฝังระบบประสาทเหล่านี้ในอนาคตจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของผู้คนและสังคมอย่างถูกต้องที่สุด , Royal Society กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบในเทคโนโลยีดังกล่าวก่อนที่จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์จริง ๆ

มิฉะนั้นบริษัทเอกชน เช่น Facebook ที่ทำงานอยู่ในระบบของตัวเอง ก็จะสามารถกำหนดวิธีการในการใช้เทคโนโลยีตามเงื่อนไขของตนเองได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมูลดังกล่าวนั้นสามารถส่งผ่านคลื่นสมองออกไปได้ง่าย ๆ นั่นเอง

“พวกเขาอาจจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากในสหราชอาณาจักรและเปลี่ยนแปลงสุขภาพของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงประโยชน์ในการดูแลสังคมที่ดีขึ้นนั่นเอง” วิศวกร จาก อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน Christofer Toumazou กล่าว “ แต่หากการพัฒนาได้รับการกำหนดโดยบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีข้อมูลมหาศาล และเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง และเป็นเหตุผลที่เรากำลังเรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มการสอบสวนเรื่องราวเหล่านี้ในระดับนานาชาติ”

References : https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/brain-computer-interface-neuralink-elon-musk-telepathy-a9097821.html https://michellepetersen76.files.wordpress.com/2017/10/advanced-artificial-limbs-mapped-in-the-brain-neuroinnovations.jpeg?w=585&h=280&crop=1

กองทัพสหรัฐกับการพัฒนาโดรนควบคุมด้วยพลังจิต

เพนตากอนกำลังพยายามสร้างเทคโนโลยีที่จะทำให้ทหารมีความสามารถในการควบคุมโดรนด้วยความคิด (Mind Control Drone)

“การทำงานกับเจ้าหน้าที่ทางทหารในการควบคุมโดรนผ่านสมองนั้น จะสามารถทำได้เร็วกว่าผ่านอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ” นักวิจัยทางด้านประสาทวิทยาแห่ง DARPA Al Emondi บอกกับ MIT Technology Review

Emondi เป็นผู้ดำเนินโครงการ Nonsurgical Neurotechnology แห่ง DARPA  ซึ่งเปิดตัวหน่วยงานในเดือนมีนาคม 2018 โดยหวังว่าจะพัฒนาส่วนต่อประสานสมอง คอมพิวเตอร์ (BCI) ที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดกับอุปกรณ์ทางการทหาร

ในเดือนพฤษภาคม 2019 ได้มอบรางวัลให้กับทีมวิจัย 6 ทีมจากทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อระดมทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวโดยแต่ละทีมจะใช้วิธีการที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่นทีมงานของ Carnegie Mellon University กำลังทดสอบว่าสัญญาณไฟฟ้าและอัลตร้าซาวด์สามารถรองรับ BCI หรือไม่ ในขณะที่กลุ่มของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins กำลังสำรวจความเป็นไปได้ของแสงอินฟราเรดในเทคโนโลยีดังกล่าว

การสร้างอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ทหารควบคุมโดรนด้วยความคิดของพวกเขาทำให้เกิดคำถามที่น่าสงสัยหลายอย่าง เช่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทหารคิดคำสั่งขึ้นมาโดยบังเอิญ? หรือหากศัตรูได้รับอุปกรณ์เหล่านี้ของพวกเขาและสวมมันเอง?

เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อกองทัพมักจะนำไปสู่ผลกระทับต่อชีวิตพลเรือนในที่สุด และมันก็ยากที่จะกล่าวถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี BCI ที่จะกระทบกับสังคม

คนทั่วไปสามารถใช้อุปกรณ์นี้ได้และสามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในชีวิตของพวกเขาได้ทันทีตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงบ้านอัจฉริยะด้วยความคิดของพวกเขา

และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพจะมีความน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ผู้ที่มีแขนขาที่เป็นอัมพาตท หรือ คนพิการที่ไม่มีแขนหรือขา สามารถควบคุมขาเทียมหรือแม้กระทั่งร่างกายเต็มรูปแบบโดยใช้เพียงความคิดของพวกเขา และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นสามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

ถึงกระนั้นขั้นตอนแรกก็คือการทำให้เทคโนโลยีทำงานได้จริง และในขณะที่ทีม DARPA ทั้ง 6 ทีม กำลังวิจัยสิ่งต่าง ๆ รุดหน้าไปค่อนข้างมาก และในอนาคตพวกเขาจะทำการสร้าง BCI ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ซึ่งในที่สุดอุปกรณ์เหล่านี้ก็พร้อมที่จะถูกสวมใส่โดยทหาร หรือแม้กระทั่งพลเรือนเองได้อย่างแน่นอน

References : https://www.technologyreview.com https://www.wetalkuav.com/wp-content/uploads/2018/03/Brain.jpg

Exoskeleton กับการช่วยชายอัมพาตให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง

ชายชาวฝรั่งเศษที่เป็นอัมพาตได้ฟื้นความสามารถในการเดิน ด้วยความช่วยเหลือของหุ่นยนต์ ที่ควบคุมด้วยจิตใจของเขา ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่น ๆ

โดยหุ่นยนต์ควบคุมจิตใจที่สุดล้ำตัวนี้ ใช้ขั้วไฟฟ้าที่ปลูกฝังเหนือเยื่อหุ้มชั้นนอกของสมองโดยไม่ได้ทำการผ่านตัดเข้าไปอยู่ในสมองของผู้ป่วยแต่อย่างใด นั่นสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและอุปสรรคอื่น ๆ ที่เป็นตัวขัดขวางความสำเร็จของหุ่นยนต์ที่ควบคุมจิตใจ

ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย Grenoble Alpes ในประเทศฝรั่งเศส ผู้ป่วยที่มีชื่อว่า Thibault ที่มีอาการอัมพาตไม่สามารถเดินได้นั้น ถูกใช้แผ่นดิสก์ขนาดห้าเซ็นติเมตร ฝังในเนื้อเยี่อหัวของกะโหลกศีรษะของเขา โดยจะถูกแทนที่ด้วยเซ็นเซอร์สมองแต่ละอันที่มีขั้วไฟฟ้าจำนวน 64 เส้น 

นักวิจัยทำแผนที่สมองของ Thibault เพื่อกำหนดว่าบริเวณใดที่จะใช้งานได้ เมื่อเขาเริ่มใช้ความคิดเกี่ยวกับการเดินหรือการขยับแขนหรือขา และใช้แผนที่เหล่านั้นเพื่อฝึกระบบให้สามารถทำตามได้ 

โดยการฝึกฝนครั้งแรกของ Thibault เขาทำการจินตนาการถึงการเดินและการเคลื่อนไหวผ่านอวาตาร์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นเขาถูกมัดไว้กับชุด Suit ที่ถูกเรียกว่า Exoskeleton ที่มีน้ำหนัก 65 กิโลกรัมและใช้มันช่วยเหลือในการเดินได้สำเร็จ

แม้ตอนนี้ระบบจะยังไม่สมบูรณ์แบบ  แต่เนื่องจากตัวขั้วไฟฟ้านั้นไม่ได้ถูกฝังในสมองโดยตรง พวกเขาจึงมีความเสี่ยงลดลงจากการติดเชื้อในสมอง การทดลองก่อนหน้าซึ่งวางขั้วไฟฟ้าในสมองจะหยุดทำงานเมื่อเซลล์ที่สร้างขึ้นรอบขั้วไฟฟ้าเกิดปัญหา 

นักวิจัยยังไม่คาดหวังว่าจะนำไปใช้งานจริง ๆ ในเร็ว ๆ นี้ และการทดสอบของ Thibault ยังคงต้องทำต่อไปอีก 27 เดือน นักวิจัยกล่าวว่าระบบนี้สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและด้วยเทคโนโลยีที่ลดขนาดลง อย่างที่เราเห็นใน exosuits อื่น ๆ ซึ่งในที่สุดมันอาจจะช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพาตเหล่านี้ให้เห็นช่องทางให้พวกเขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้งนั่นเองในอนาคตอันใกล้นี้

References : https://www.engadget.com

Geek Monday EP13 : Trend ใหม่สุดล้ำกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์

การเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปรกติภายในหนึ่งทศวรรษหรือประมาณนั้น โดยมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสมอง หลายสิบล้านเครื่องถูกจำหน่ายในทุกๆ ปี ในอนาคตอันใกล้นี้

BMIs (Brain Machine Interfaces) เป็นงานที่น่าสนใจในการวิจัยที่มีศักยภาพสูงโดยเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อแชร์ข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ 

งานบางส่วนของ BMI นั้นไม่เกินเลยจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยนึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ซึ่ง
รูปแบบพื้นฐานของเทคโนโลยี BMI ได้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานหลายปีแล้วเช่นประสาทหูเทียมซึ่งให้ความรู้สึกถึงเสียงแก่คนที่หูหนวกหรือได้ยินยาก ซึ่งยังรวมถึงอีกกรณีที่ใช้ทางการแพทย์ในการเป็นขาเทียม

ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์กับสมองแบบใหม่ ๆ  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สักวันหนึ่งอาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่แพร่หลายซึ่งจะช่วยเหลือทุกคนได้ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep13-trend-brain-machine-interfaces/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/640CmtDmWTn9d2FaqWBRfz

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/PMU42BW-xSY

เมื่อนักวิจัยสามารถต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จ

การเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปรกติภายในหนึ่งทศวรรษหรือประมาณนั้น โดยมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสมอง (BMI) หลายสิบล้านเครื่องถูกจำหน่ายในทุกๆ ปี

BMIs (Brain Machine Interfaces) เป็นงานที่น่าสนใจในการวิจัยที่มีศักยภาพสูงโดยเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อแชร์ข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ 

งานบางส่วนของ BMI นั้นไม่เกินเลยจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยนึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน  ซึ่งบริษัทที่รู้จักกันดีที่สุดที่ทำงานกับเทคโนโลยีนี้ คือ Neuralink บริษัท ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Elon Musk ซึ่งมีจุดประสงค์ในการพัฒนาอุปกรณ์ ‘neural lace’ แบนด์วิดธ์สูงพิเศษเพื่อเชื่อมต่อมนุษย์และคอมพิวเตอร์

อย่างน้อยส่วนหนึ่งของเหตุผลที่มัสค์ สนใจในความคิดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อสมอง – คอมพิวเตอร์คือเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถช่วยเหลือมนุษย์ที่ตามคนอื่นไม่ค่อยจะทัน ด้วยปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่ชาญฉลาด  แนวคิดก็คือการเชื่อมโยงจิตใจของเราโดยตรงไปยัง AI ด้วยลิงก์แบนด์วิธสูง

อย่างไรก็ตามรูปแบบพื้นฐานของเทคโนโลยี BMI ได้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานหลายปีแล้วเช่นประสาทหูเทียมซึ่งให้ความรู้สึกถึงเสียงแก่คนที่หูหนวกหรือได้ยินยาก ซึ่งยังรวมถึงอีกกรณีที่ใช้ทางการแพทย์ในการเป็นขาเทียม

แต่รูปแบบ BMI ที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นเช่นการควบคุมหรือสื่อสารกับคอมพิวเตอร์หรือ Avatar นั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยี Juniper Research  คาดการณ์ว่ายอดขายอุปกรณ์ BMI จะสูงถึง 25.6 ล้านเครื่อง ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 350,000 ในปี 2562 คาดการณ์ว่า BMI จะขยายตัวเกินกว่าจะใช้เพียงในกรณีการทดลองทางการแพทย์  

อุปกรณ์ดังกล่าวจะให้ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์เสมือนจริง นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่าการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้  ซึ่งรวมถึงฟังก์ชั่นเพื่อสุขภาพเช่นการทำสมาธิแบบมีไกด์คอยช่วยเหลือ หรือ การเสริมคุณภาพในการนอนหลับ

จูนิเปอร์กล่าวว่าในสัดส่วนของอุปกรณ์ทางการแพทย์จะผลักดันรายได้ คิดเป็นถึง 78% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2573 “อุปกรณ์การแพทย์เช่นอุปกรณ์การทดลองทางสายตาและแขนขาเทียมจะมีราคาแพงมาก ซึ่งมาพร้อมกับการวิจัยและการทดลองทางคลินิกที่จำเป็นเพื่อให้ใช้งานได้เต็มศักยภาพ” นักวิเคราะห์กล่าวว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เฟซต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งรวมถึง เครื่องมืออย่าง electroencephalography  (EEG) อีกด้วย 

ในขณะที่จูนิเปอร์กล่าวว่า EEG นั้นมีราคาไม่แพงเนื่องจาก เป็นเครื่องมือที่มีอยู่จำนวนมากในวงการแพทย์อยู่แล้ว  และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งในตอนนี้นั้นมีผู้บริโภคเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจที่จะให้สมองของพวกเขาได้รับการผ่าตัด เพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สำหรับทดลองของเทคโนโลยีนี้นั่นเอง

References : 
https://www.zdnet.com/article/10-years-from-now-your-brain-will-be-connected-your-computer/