Book Review : Zero to One ( จาก 0 เป็น 1 วิธีสร้างธุรกิจให้เป็นเบอร์ 1 )

เป็นอีกหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจสำหรับเหล่า Startup ทั้งหลายในวงการเทคโนโลยีจากผู้เขียนที่เป็นเจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Peter Thiel ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่บทบาทสำคัญกับบริษัทเทคโนโลยีที่โด่งดังจำนวนมากใน Silicon Valley

สำหรับ Peter Thiel นั้นโด่งดังมาจากการสร้างระบบ Paypal ซึ่งเป็นระบบ Payment online เจ้าแรก ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะขายให้กับ Ebay ซึ่งเหล่า founder ของ Paypal ก็ถือว่าเป็นผู้ที่บทบาทสำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม dotcom ในยุคหลังปี 2000 หลังจากช่วงฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000

หลังจากขาย Paypal ให้กับ Ebay แล้วนั้น Peter Thiel ก็ได้มาสร้างบริษัทด้านการลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยบริษัทของเขานั้นได้ลงทุนไปกับหลาย ๆ startup ชื่อดังจำนวนมากเช่น facebook , reddit , zynga  และบริษัท startup ขนาดเล็กอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประสบการณ์ในการลงทุนของ Peter Thiel และมุมมองทางด้านการลงทุนกับบริษัททางด้านเทคโนโลยี

เนื้อหาหลักที่ผมค่อนข้างสนใจคือ การกล่าวถึงการผูกขาด ซึ่งรูปแบบการผูกขาดธุรกิจในมุมมองของ Peter Thiel นั้นเป็นมุมมองบวก กล่าวคือ การทำธุรกิจไปจนถึงการผูกขาดได้นั้น เป็นสิ่งที่ดีกว่าการมีตลาดที่สมบูรณ์ โดยที่มองถึงภาพรวมในระบบ หากมีการตลาดที่สมบูรณ์นั้น ก็จะมีการแข่งขันกัน และหาก Product ที่แทบไม่ต่างกัน ก็จะสูกันด้วยเรื่องกลยุทธ์ทางด้านการตลาด หรือ กลยุทธ์ทางด้านราคา ซึ่งสุดท้าย ก็มีโอกาสสูงที่ผู้แข่งขันจะตายไปด้วยกันทั้งหมด แตกต่างจากระบบที่เหมือนจะผูกขาดโดยยกตัวอย่าง google ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นการผูกขาดในธุรกิจ search engine แต่ในมุมมองของ Peter Thiel นั้นแตกต่างกัน ถึงจะผูกขาดในตลาด search engine แต่ก็เป็นเพียงผู้เล่นขนาดเล็กในอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีมูลค่ากว่า แสนล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นวิธีคิดแนวใหม่ที่แตกต่างจากตำราเดิม ๆ ที่เราได้ร่ำเรียนกันมาและยังเป็นแนวคิดให้มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อมาผูกขาดในธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ดีกว่าการไปแข่งขันในตลาดเดิม ๆ ที่มีโอกาสที่จะตายกันหมด

มุมมองอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือความสำคัญของนักขาย ซึ่งเหล่า geek ทางด้านเทคโนโลยีนั้นค่อนข้างที่จะมีมุมมองด้านลบต่อพวกนักขาย แต่ peter thiel นั้นมองว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจาก geek ทางด้านเทคโนโลยีนั้น ค่อนข้างเชี่ยวชาญในด้านเทคนิคเท่านั้น สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่เยี่ยมยอดออกมาได้ แต่หากไม่มีนักขายที่เก่งนั้น ผลิตภัณฑ์ที่สุดยอดเหล่านั้น ก็ไม่มีทางออกไปสู่ผู้บริโภคจริง ๆ ได้

สรุปหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่น่าอ่านอีกเล่มหนึ่ง สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจโดยเฉพาะการทำธุรกิจ startup ซึ่งจากชื่อหนังสือ Zero to One การที่จะพลิกบริษัทจาก 0 ให้กลายเป็น 1 ได้นั้นก็ต้องผ่านกระบวนการมากมาย รวมถึงโชคชะตาที่จะนำพาบริษัทเกิดใหม่ต่าง ๆ ก้าวขึุ้นเป็นบริษัทยิ่งใหญ่ในระดับโลกได้ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็มีประโยชน์ในมุมมองใหม่ ๆ ของการทำธุรกิจในปัจจุบัน

เก็บตกจากหนังสือ

  • เหล่า founder ของ paypal นั้นเป็นผู้มีบทบาทที่สำคัญมาในธุรกิจดอทคอมของสหรัฐยุคหลังฟองสบู่ปี 2000
  • Peter Thiel นั้นเน้นการลงทุนในธุรกิจดอทคอม โดยเน้นกระจายความเสี่ยงไปในหลาย บริษัท ซึ่งมีโอกาสที่ จะสร้างผลตอบแทนได้ 100 เท่าหรือ 1000 เท่า แตกต่างจากธุรกิจในด้านอื่น ๆ
  • แนวคิดหลาย ๆ อย่างในการดำเนินธุรกิจนั้นค่อนข้างฉีกจากตำราเดิมที่เราได้ร่ำเรียนกันมา

 

Martin Lau, President of Tencent: Our Mission is to Enhance People’s Quality of Life

พูดถึง Tencent คิดว่าหลายคนคงไม่รู้จักเท่าที่ควร แต่ถ้าพูดถึง chat application ชื่อดังอย่าง Wechat นั้น ก็น่าจะรู้จักกัน เนื่องจากทาง Wechat นั้นก็ได้มาทำตลาดในไทยมาช่วงหนึงแล้ว ถึงแม้จะยังไม่สามารถโค่นผู้นำอย่าง LINE ไปได้ แต่ถือว่าในประเทศจีนนั้น WeChat ไม่เป็นสองรองใคร

Martin Lau นั้นขณะนี้รับตำแหน่ง President ของ Tencent Group บริษัทเทคโนโลยีระดับแถวหน้าของประเทศจีน จากวีดีโอข้างต้นนั้น ทาง Martin Lau นั้นได้ไปพูดในงานเสวนาที่ Stanford University ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสิ่งที่เป็นข้อดีสำหรับนักศึกษาในมหาลัยชั้นนำของอเมริกา คือ จะได้รับแรงบรรดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายทั่วโลก มาบรรยายให้ฟังกันบ่อย ๆ

สำหรับ Tencent นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ดูแลอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็น Platform ในระบบ internet แทบทั้งสิ้น โดย product เปิดตัวที่ทำให้ Tencent เริ่มแจ้งเกิดคือ QQ โปรแกรมแชทชื่อดังในอดีต ซึ่งในยุคแรก ๆ ของการ chat นั้น QQ ก็ถือว่าเป็น chat application ยอดนิยมของจีน ที่ครองตลาดมาจนถึงปัจจุบัน

Marting Lau นั้นได้กล่าวเปรียบเทียบ Business Model ของทางฝั่ง US และ China ที่มีความแตกต่างกัน โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดจะเป็น Ecommerce ซึ่งน่าจะเหมือนกับใน US แต่ส่วนที่ต่างที่ทำให้ Tencent กลายเป็นบริษัทแนวหน้าในจีนนั้นคือ ส่วนของ Online Game ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงกว่าตลาดของ Display Ads และ Search Ads รวมกัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดแตกต่างที่สำคัญของตลาด US และ China ซึ่งทาง Tencent นั้นสร้าง Platform ขึ้นมาอยู่ใน QQ.com ซึ่งจะประกอบไปด้วย service ต่าง ๆ มากมายทั้ง Game online , Instant Messenging , Ecomerce ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับตลาดใน จีน ซึ่งมีขนาดตลาดที่ใหญ่ อเมริกา อยู่มากทำให้สามารถทำรายได้อย่างมหาศาลจาก User

ซึ่ง User ที่เป็น Monthly Active User ของ Tencent นั้นตัวหลักคือ QQ ที่มีสูงถึง 818 ล้าน user ส่วน Wechat ที่เป็น product ใหม่ก็มีสูงถึง 236 ล้าน User ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของบริษัทเทคโนโลยี ในตลาดที่มีขนาดใหญ่ จะมีความได้เปรียบกว่า การเริ่มสร้างในตลาดที่มีขนาดเล็ก เพราะต้นทุนทางด้าน Technology นั้นจะสูงแค่ในช่วงแรก ๆ สำหรับการจ้างคน หรือ สร้าง server เท่านั้น และสามารถหากินกับ จำนวน User ที่เพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ โดยลงทุนการลงทุนเพิ่มนั้นไม่ได้มากมายเหมือนช่วงแรกที่เริ่มการสร้าง Product

นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีจีน ที่สามารถสร้างรายได้มากมายมหาศาล ซึ่งสามารถสู้กับบริษัทเทคโนโลยีของ อเมริกา ได้อย่างสบาย เนื่องจากขนาดของตลาดที่ใหญ่กว่าในตอนเริ่มต้น และ สิ่งสำคัญคือนโยบายการ Block Service แทบจะทุกอย่างจากอเมริกาเช่น facebook , twitter , youtube … ซึ่งทำให้บริษัทภายในจีนนั้นสามารถแจ้งเกิดขึ้นมาได้ และเนื่องจากความสามารถของคนจีนในด้านเทคโนโลยีนั้น ก็ถือว่าแทบไม่ต่างจากทางฝั่งอเมริกาเลย และ โดยเฉลี่ยสูงกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งเราจะเห็นคนฝั่งเอเชียชื่อดังใน silicon valley เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

ก็น่าสนใจเหมือนกันว่าในอนาคตนั้นบริษัทเทคโนโลยีจีนเหล่านี้อาจจะกลับมาบุกประเทศอเมริกาก็เป็นได้หลังจากสร้างความแข็งแกร่งจากตลาดภายในประเทศเรียบร้อย คิดว่าคงอีกไม่กี่จากนี้ เราอาจจะได้เห็นบริษัทเทคโนโลยีจีน เข้าซื้อกิจการบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาก็เป็นได้