ถอดรหัสวิกฤต Tesla รถไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยความขัดแย้ง เมื่อวิสัยทัศน์คนเดียวอาจทำลายล้างทั้งบริษัท

ใครๆ ก็รู้จัก Elon Musk สุดยอดนักนวัตกรรมที่โครตเทพ แต่ทุกวันนี้หลายคนกำลังตั้งคำถามว่าตัวของ Musk นี่เองอาจกลายเป็นตัวดึงบริษัทอย่าง Tesla ดิ่งลงเหวก็เป็นได้

Tesla กำลังเผชิญช่วงเวลาวิกฤติแบบไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งยอดขายลดฮวบ การประท้วงไปทั่ว และภาพลักษณ์ที่กำลังเละเทะไม่เป็นท่า

ทุกอย่างเริ่มจากการที่ Musk หันไปมุ่งมั่นกับการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างเปิดเผยและเข้าไปร่วมงานกับรัฐบาลของ Donald Trump จนสร้างรอยร้าวกับแฟนๆ Tesla ที่เคยเทิดทูนเขา

Tesla เคยเป็นสัญลักษณ์ของพลังงานสะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน แต่เมื่อผู้ก่อตั้งไปสนับสนุนฝ่ายที่มีจุดยืนต่อต้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มันเหมือนเกลือเป็นหนอน ที่กำลังกัดกินความน่าเชื่อถือของแบรนด์จากข้างใน

ทุกวันนี้ Tesla ถูกตั้งคำถามถึงอนาคต ว่าผู้มีวิสัยทัศน์อย่าง Musk ยังเป็นทรัพย์สินล้ำค่าของบริษัท หรือกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งไปแล้ว? และ Tesla จะยังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้หรือไม่?

ตัวเลขไม่โกหก ยอดขาย Tesla กำลังลดฮวบอย่างหนัก โดยเฉพาะในยุโรปที่เป็นตลาดใหญ่อันดับสองรองจากอเมริกา

เยอรมนีเป็นภาพชัดที่สุด ยอดขายทรุดฮวบถึง 76% ในเดือนกุมภาพันธ์ ฝรั่งเศสก็ไม่ดีกว่ากันเมื่อยอดตกไป 45% ส่วนโปรตุเกสก็ร่วงลง 53% ประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็เจอปัญหาคล้ายกันหมด

ไม่ใช่แค่ยุโรปที่กำลังเมินหน้าหนี ออสเตรเลียก็มียอดขาย Tesla ตกลง 71% เทียบกับปีก่อน แม้แต่ในแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Tesla การจดทะเบียนรถก็ลดลง 12% ในปีที่ผ่านมา

เหตุผลหลักคือการที่ Musk เดินเข้าสู่ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว เมื่อ Trump ชนะการเลือกตั้งและกลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม 2025 เขาแต่งตั้ง Musk ให้เป็นหัวหน้า “กรมประสิทธิภาพรัฐบาล” หน่วยงานใหม่เอี่ยมที่ตั้งขึ้นเพื่อลดกฎระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ

หลายฝ่ายมองว่านี่คือช่องทางให้ Musk สร้างประโยชน์ให้กับ Tesla, SpaceX และธุรกิจอื่นๆ ของเขา แม้แต่นักลงทุนของ Tesla เองก็ตะหงิดใจว่า Musk กำลังแบ่งเวลาแบบผิดเพี้ยน ที่ปล่อยให้บริษัทดิ้นรนตามยถากรรมอยู่ในขณะนี้

แต่ปัญหาไม่ได้อยู่แค่เรื่องเวลา การที่ Musk แสดงจุดยืนการเมืองฝ่ายขวาจัดอย่างเปิดเผย เช่น สนับสนุนพรรค AfD ในเยอรมนี และใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) เป็นกระบอกเสียงให้นักการเมืองฝ่ายขวาในหลายประเทศ กำลังผลักไสกลุ่มลูกค้าหลักของ Tesla ออกไป

เรื่องนี้สำคัญมากเพราะคนที่ซื้อ Tesla ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะในยุโรป) มีแนวคิดสนับสนุนสิ่งแวดล้อมและมีอุดมการณ์แบบหัวก้าวหน้า พอ Musk ไปสนับสนุนฝ่ายที่ต่อต้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มันเหมือนถูกแทงข้างหลังโดยคนที่พวกเขาเคยเทิดทูน

เสียงต่อต้านไม่ได้อยู่แค่ในโซเชียลมีเดีย การประท้วงกระจายไปทั่วทั้งสหรัฐฯ และยุโรป โชว์รูม Tesla ในเมืองใหญ่ๆ อย่าง New York, Palo Alto, St. Louis, Chicago รวมถึงในยุโรปที่ Barcelona, London และ Lisbon กลายเป็นจุดรวมพลของผู้ประท้วง

ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวว่า: “ผมเข้าร่วมประท้วงเพื่อส่งข้อความถึง Elon Musk แบบตรงๆ ว่าเราสามารถทำให้เขาเจ็บปวดทางการเงินได้ เหมือนที่เขากำลังทำกับทหารผ่านศึก ผู้สูงอายุ และประชาชนผู้โชคร้าย”

อีกคนบอก: “วิธีเดียวที่จะหยุดคนอันตรายอย่าง Musk คือการสร้างแรงกดดันทางการเงิน คุณต้องหยุดซื้อ Tesla และขายหุ้น Tesla ของคุณ”

ผลกระทบมาเร็วและแรง ราคาหุ้น Tesla ดิ่งลงอย่างน่าใจหาย มูลค่าตลาดลดลงไป 45% จากจุดพีคที่เคยสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2024

สถานการณ์หนักถึงขั้นที่ Trump ต้องเข้ามาช่วยโอบอุ้ม โดยประกาศต่อสาธารณะว่าจะซื้อรถ Tesla: “ผมจะซื้อเพราะหนึ่ง มันเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเทพ และสองเพราะชายคนนี้ได้อุทิศชีวิตเพื่อสร้างมัน ผมคิดว่าเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากคนกลุ่มเล็กๆ”

แม้ราคาหุ้นจะฟื้นขึ้นมาบ้าง แต่ปัญหาของ Tesla ยังมีอีกเยอะมาก และสิ่งที่น่ากังวลไม่น้อยคือการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าร้อนระอุมากกว่าที่เคย BYD ผู้ผลิตจากจีนแซงหน้า Tesla กลายเป็นผู้จำหน่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว

ค่ายรถดั้งเดิมอย่าง Volkswagen, BMW, Stellantis และ Renault ก็เร่งเครื่องขยายไลน์รถไฟฟ้าในยุโรปอย่างหนัก ส่วนในอเมริกา Ford และ General Motors ก็กำลังตั้งราคาแข่งกับ Tesla เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด

Tesla ต้องลดราคาและให้ส่วนลดจำนวนมากเพื่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งบีบให้อัตรากำไรลดฮวบเหลือแค่ 13.6% ในไตรมาสที่สี่ สร้างความกังวลให้นักลงทุนมากโข

ยิ่ง Musk วอกแวกไปกับการเมือง งานในรัฐบาล และธุรกิจอื่นๆ มากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่ Tesla จะรักษาความได้เปรียบในตลาด

แต่ Tesla ก็ไม่ได้นั่งรอความตาย บริษัทกำลังบุกตลาดใหม่อย่างอินเดียอย่างเอาจริงเอาจัง หลังจากความพยายามหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็เช่าโชว์รูมในมุมไบ และมีแผนเปิดอีกแห่งในเดลีเร็วๆ นี้

อินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคนและชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่การเข้าสู่ตลาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้บริโภคชาวอินเดียให้ความสำคัญกับราคาและความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก

ปัจจัยบวกมีอยู่บ้าง ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่าง Trump กับนายกฯ อินเดีย Narendra Modi อาจช่วย Tesla ในการเปิดตลาดนี้ และจุดยืนทางการเมืองของ Musk อาจไม่ส่งผลลบมากในอินเดียเท่ากับในยุโรปและสหรัฐฯ

Tesla ยังพยายามปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ พัฒนารถรุ่นราคาประหยัดเพื่อเข้าถึงลูกค้าวงกว้าง และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่ยังเป็นจุดแข็งเหนือคู่แข่ง

คำถามใหญ่คือ Musk จะปรับสมดุลระหว่างการเมืองกับธุรกิจได้หรือไม่ และเขาจะยอมลดการแสดงความเห็นที่สร้างความแตกแยกเพื่อรักษาฐานลูกค้าหรือเปล่า?

จากบริษัทที่เคยเป็นความหวังของคนรักษ์โลก Tesla กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ล้าสมัย แต่มาจากภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เปลี่ยนไปเพราะตัวผู้ก่อตั้งเอง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Musk กับ Tesla ซับซ้อนสุดๆ แรกเริ่มเขาคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้ Tesla ประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวถ่วงที่อาจทำให้บริษัทดิ่งลงเหว

นักวิเคราะห์หลายคนเริ่มเสนอว่าถึงเวลาที่ Tesla ควรแยกทางกับ Musk หรืออย่างน้อยควรมีผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลการดำเนินงานประจำวัน ปล่อยให้ Musk มุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์และนวัตกรรมในภาพกว้างแทน

แต่การแยก Musk ออกจาก Tesla ไม่ใช่เรื่องง่าย ในสายตาคนทั่วไป Musk คือ Tesla เขาไม่ใช่แค่ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ แต่ยังเป็นหน้าตาและเสียงของบริษัท

สิ่งที่แน่นอนคือ Tesla กำลังยืนอยู่ที่ทางสองแพร่ง เส้นทางข้างหน้ามีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ถ้าบริษัทฝ่าฟันวิกฤตนี้ได้ โอกาสในการเติบโตยังมีอีกมาก แต่ถ้าปล่อยให้การเมืองและตัวตนของ Musk มีอิทธิพลเหนือทิศทางบริษัทมากเกินไป อนาคตอาจไม่สดใสอย่างที่หวัง

ในที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับ Tesla อาจไม่ใช่คู่แข่งในตลาด แต่เป็น Elon Musk เอง ชายที่เคยสร้าง Tesla ให้ยิ่งใหญ่ อาจจะเป็นผู้ที่ขีดชะตาชีวิตให้บริษัทร่วงดิ่งสู่ความล้มเหลวก็เป็นได้

บทเรียนจากเรื่องนี้คือแม้แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จสุดๆ ก็พังทลายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์กับตัวผู้นำเป็นเนื้อเดียวกัน การรักษาสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์ส่วนตัวกับความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและท้าทายอย่างยิ่ง

การตัดสินใจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าของทั้ง Musk และบอร์ดบริหาร Tesla จะเป็นตัวกำหนดว่าบริษัทจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หรือจะเป็นเพียงบทเรียนในประวัติศาสตร์ธุรกิจว่าอย่าผสมการเมืองกับการค้า

ในโลกธุรกิจที่พลิกผันเร็วขนาดนี้ แม้แต่บริษัทมหากาฬอย่าง Tesla ที่เคยเปลี่ยนโฉมวงการยานยนต์ ก็อาจพบว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เรื่องราวของ Tesla และ Musk ยังไม่จบ และบทต่อไปจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั่วโลกอย่างแน่นอน

Geek Daily EP277 : ถอดรหัสวิกฤต Tesla เมื่อวิสัยทัศน์คนเดียวอาจทำลายล้างทั้งบริษัท

Elon Musk คือชื่อที่สั่นสะเทือนวงการนวัตกรรมโลก เขาคือสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ที่เหนือชั้น แต่ปัจจุบันเรากำลังเห็นภาพที่เปลี่ยนไป จากชายผู้ปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้าและการสำรวจอวกาศ กลายเป็นบุคคลที่สร้างความแตกแยกและเป็นที่ถกเถียงมากขึ้นทุกวัน

Tesla บริษัทที่เขาสร้างขึ้นและทุ่มเทมาตลอดหลายปี กำลังเผชิญความปั่นป่วนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งยอดขายที่ดิ่งลง การประท้วงที่ลุกลามไปทั่วโลก และภาพลักษณ์แบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คำถามสำคัญที่หลายคนกำลังตั้งคือ “ชายที่สร้าง Tesla ให้ยิ่งใหญ่กำลังกลายเป็นต้นเหตุที่จะทำลายบริษัทของตัวเองหรือไม่?”

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/5fnhrztp

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/yesu6hca

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/42hffwps

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ZAv6izTXH6M

Musk ขวาจัด กับราคาที่ Tesla ต้องจ่าย ‘คิงเมกเกอร์’ แห่งยุคดิจิทัล การเดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจทำลายธุรกิจตัวเอง

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมว่าหลายคนอาจจะได้เห็น Elon Musk ในแง่มุมใหม่ ๆ เป็น Elon Musk ที่หลาย ๆ คนน่าจะไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน โดยมีเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามองคือการที่เขาสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดในเยอรมนีอย่างเปิดเผย

มหาเศรษฐีเทคโนโลยีรายนี้โพสต์สนับสนุนพรรค Alternative fur Deutschland (AfD) บนแพลตฟอร์ม X ของเขาเองกว่า 24 ครั้ง สัมภาษณ์ผู้นำพรรค และบอกผู้ติดตาม 219 ล้านคนว่าพรรคนี้คือ “ความหวังเดียว” ของเยอรมนี

แต่เจ้าพ่อเทคโนโลยีคนนี้อาจต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะแม้ AfD จะได้อันดับสองในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ แต่การสนับสนุนของ Musk ดูจะมีอิทธิพลเพียงเล็กน้อยต่อความสำเร็จนี้

CEO ของ Tesla ยังคงยืนหยัดสนับสนุนอุดมการณ์ฝ่ายขวาทั่วยุโรปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดกลับตกอยู่กับแบรนด์ Tesla ที่กำลังเละเทะไม่เป็นท่า

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Musk อาจมีเป้าหมายระยะยาวสำหรับอาณาจักรธุรกิจ: สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวโน้มลดกฎระเบียบที่เขามองว่าขัดขวางนวัตกรรม

ย้อนไปเดือนมกราคม Musk แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า “ชั้นของกฎระเบียบและระบบราชการ” ของยุโรป หลังเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปขู่ลงโทษเขาเมื่อปีที่แล้ว

Musk ตอบโต้บน X ด้วยมีมจากหนัง “Tropic Thunder” ที่ว่า: “ถอยหลังก้าวใหญ่และเอา… หน้าตัวเองไปได้เลย!” แสดงถึงความแสบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

ต้องบอกว่า AfD ไม่ใช่พรรคธรรมดา หน่วยข่าวกรองเยอรมันจัดให้เป็น “กลุ่มหัวรุนแรงต้องสงสัย” แต่กลับกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดหลังการเลือกตั้งล่าสุด แม้จะมีมลทินเชื่อมโยงกับฝ่ายขวาจัดเพราะประวัติศาสตร์นาซีของเยอรมนี

นักการเมืองอาวุโสคนหนึ่งของพรรคเคยถูกบังคับให้ถอนตัวเมื่อปีที่แล้วหลังพูดว่า SS ซึ่งเป็นกองกำลังหลักของนาซี “ไม่ใช่อาชญากรทั้งหมด” ทั้งนี้ Musk ได้ถ่ายทอดการสัมภาษณ์กับ Alice Weidel ผู้นำพรรค AfD บน X เมื่อวันที่ 9 มกราคม

ความนิยมที่พุ่งทะยานของ AfD ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเยอรมนี แต่สะท้อนการเติบโตแบบพุ่งพรวดของพรรคฝ่ายขวาจัดทั่วยุโรป

จากเดิมที่เคยเป็นแค่กลุ่มชายขอบ ปัจจุบันพรรคฝ่ายขวาจัดในหลายประเทศได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหรือร่วมรัฐบาลในอิตาลี เนเธอร์แลนด์ ฮังการี สโลวาเกีย ฟินแลนด์ และโครเอเชีย

พวกเขาเป็นพรรคใหญ่ที่สุดหรืออันดับสองในรัฐสภาของสวีเดน ออสเตรีย และเยอรมนี มีคะแนนนิยมพุ่งในฝรั่งเศส และกำลังเติบโตในโรมาเนีย เบลเยียม สเปน และโปรตุเกส

ปัจจัยที่ดันความนิยมพรรคเหล่านี้คือการย้ายถิ่นฐานที่สูง เศรษฐกิจชะงักงัน และการรับรู้ว่าเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัด – ซึ่งเป็นประเด็นที่ Musk มักจะโพสต์จี้ประเด็นเหล่านี้ใน X

มีการสังเกตว่า Musk ให้ความสนใจการเมืองยุโรปมากขึ้นหลังช่วย Trump ชนะเลือกตั้งกลับสู่ทำเนียบขาวเมื่อพฤศจิกายนด้วยเงินบริจาคกว่า 250 ล้านดอลลาร์

Musk ไม่ได้จำกัดการแสดงความคิดเห็นเฉพาะในเยอรมนี แต่ใช้ X สนับสนุนบุคคลฝ่ายขวาในอังกฤษ อิตาลี และโรมาเนีย พร้อมไม่ลังเลที่จะเยาะเย้ยผู้นำการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป

ข้อมูลชี้ว่าเมื่อ Musk เริ่มสนับสนุน AfD ครั้งแรกวันที่ 20 ธันวาคม พรรคมีคะแนนนิยมอยู่ที่ 19.3% และสุดท้ายได้ 20.8% ในการเลือกตั้ง แสดงว่าอิทธิพลของเขาต่อผลเลือกตั้งมีน้อยมาก

นักวิเคราะห์บางคนมองว่าปัจจัยอื่นส่งผลต่อคะแนน AfD มากกว่า เช่น เหตุการณ์โจมตีรุนแรงในเยอรมนีโดยผู้ต้องสงสัยจากตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน ซึ่งตรงกับนโยบายของพรรคที่ต้องการเนรเทศผู้อพยพ

แม้อิทธิพลจะไม่มาก แต่ Martin Fassnacht ประธานด้านกลยุทธ์และการตลาดที่ WHU – Otto Beisheim School of Management กล่าวว่า “เขาช่วยให้ AfD ดูเจ๋งและสร้างสรรค์มากขึ้น” โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อย ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ในขณะที่ Musk สยายปีกอิทธิพลทางการเมืองในยุโรป ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของเขากลับดิ่งลงเหว การแสดงจุดยืนทางการเมืองฝ่ายขวาจัดทำให้ยอดขาย Tesla ในยุโรปลดฮวบถึง 45% ในเดือนมกราคมเทียบกับปีก่อน ขณะที่คู่แข่งเพิ่มขึ้นกว่า 37%

ข้อมูลในช่วงต้นกุมภาพันธ์ชี้ว่าแนวโน้มการลดลงยังคงดำเนินต่อไป ผู้จัดการในอุตสาหกรรมรถยนต์ขององค์กรสี่แห่งบอกว่าส่วนแบ่ง Tesla ในการดูแลของพวกเขาคงที่หรือลดลง ส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาท้าทายที่ Tesla กำลังเผชิญ

Reuters วิเคราะห์โพสต์ของ Musk บน X พบว่าเขาหันมาสนใจการเมืองยุโรปมากขึ้นหลังช่วย Trump ชนะเลือกตั้งด้วยเงินบริจาคมหาศาล

ในอังกฤษ Musk โจมตีนายกฯ Keir Starmer เรียกร้องปล่อยนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาจัดที่ถูกจำคุก และสนับสนุนพรรค Reform ซึ่งมีนโยบายลดการย้ายถิ่นฐานและละทิ้งเป้าหมายการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ Trump

ในอิตาลี เขาสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกฯ Giorgia Meloni โดยทั้งคู่กังวลเรื่องการย้ายถิ่นฐานและอัตราเกิดที่ลดลงในประเทศตะวันตก Meloni ถึงกับเรียก Musk ว่าเป็น “อัจฉริยะผู้ทรงคุณค่า”

ส่วนในโรมาเนีย Musk ส่งเสริมโพสต์เกี่ยวกับนักการเมืองฝ่ายขวาจัด Calin Georgescu และวิจารณ์ผู้พิพากษาที่ยกเลิกการลงสมัครประธานาธิบดีของ Georgescu เมื่อปีที่แล้ว ด้วยข้อสงสัยเรื่องการแทรกแซงจากรัสเซีย

Damian Tambini ผู้เชี่ยวชาญจาก London School of Economics บอกว่าแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอเมริกันอย่าง X มีพลังมหาศาลในการกำหนดความคิดเห็นสาธารณะในยุโรป

“ไม่เหลือเชื่อเกินไปที่ Musk จะพลิกประเทศผ่านการเมืองได้” Tambini กล่าว “ซึ่งจะสร้างสมดุลอำนาจที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง” ภายในสหภาพยุโรป เมื่อรัฐบาลฝ่ายขวาจัดมีอิทธิพลมากขึ้น พวกเขาอาจช่วย Musk ยกเลิกหรือลดความเข้มงวดของกฎระเบียบที่เขาไม่ชอบ

Musk ซึ่งเข้ามาช่วย Trump ในการลดขนาดรัฐบาลกลางสหรัฐ วิจารณ์กฎระเบียบธุรกิจยุโรปอย่างเปิดเผย เรียกว่าเป็นสิ่งไม่ดีต่อการเติบโตและเป็นการเซ็นเซอร์

เขาถูกสอบสวนโดยสหภาพยุโรปเป็นเวลากว่าหนึ่งปีสำหรับการละเมิดกฎหมายที่กำกับแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ โดย X อาจเจอค่าปรับ 6% ของรายได้ทั่วโลกหากไม่จัดการกับเนื้อหาผิดกฎหมายและข้อมูลเท็จ

เมื่อวิเคราะห์การวิจารณ์ยุโรปของ Musk พบว่าเขามักแชร์ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันและรีโพสต์คนดัง ๆ ที่มักเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

โพสต์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน ข้อจำกัดเสรีภาพแสดงความคิดเห็น อัตราเกิดที่ลดลง และสิทธิคนข้ามเพศ เขาหลีกเลี่ยงสื่อกระแสหลัก นักการเมือง และนักวิชาการ แต่สนับสนุนเครือข่ายบัญชีฝ่ายขวาจัดใน X

หนึ่งในบัญชีที่ Musk สนับสนุนคือ PeterSweden7 โดย Peter Imanuelsen นักข่าวที่เคยบอกว่าเหตุการณ์ 9/11 เป็นการจัดฉากและการลงจอดบนดวงจันทร์เป็นของปลอม Musk รีโพสต์ข้อความบิดเบือนของเขาอย่างน้อย 6 ครั้ง

อีกบัญชีที่ Musk มีปฏิสัมพันธ์ประจำคือของ Tommy Robinson นักปลุกระดมฝ่ายขวาที่มีประวัติฉ้อโกงและทำร้ายร่างกาย ปัจจุบันติดคุกเพราะฝ่าฝืนคำสั่งศาลลอนดอน Musk เรียกร้องปล่อยตัวเขาโดยรีโพสต์ข้อความเท็จว่าเขาเป็น “นักโทษการเมือง”

Mert Can Bayar นักวิจัยจาก University of Washington บอกว่า สำหรับ Musk เจ้าของบัญชีเหล่านี้เป็นเหมือนทหารในสงครามระหว่างนักการเมืองฝ่ายซ้ายที่จำกัดเสรีภาพ กับผู้สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นฝ่ายขวา

ในขณะที่อิทธิพลของ Musk ต่อการเมืองยุโรปยังไม่ชัดเจน การเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขาส่งผลกระทบชัดเจนต่อ Tesla ยอดขายในยุโรปดิ่งเหว หลังจากลดลง 10.8% ในปี 2024 ในช่วงที่ตลาดลดลงเพียง 1.3%

การสำรวจโดย Electrifying.com พบว่า 59% ของชาวอังกฤษที่เป็นเจ้าของรถไฟฟ้าหรือวางแผนซื้อ จะไม่เลือก Tesla เพราะ Musk มีแคมเปญต่อต้าน Tesla ใน X ด้วยแฮชแท็ก #teslatakedown และ #swasticars

ความคิดเห็นทางการเมืองของ Musk เพิ่มปัญหาให้ Tesla เมื่อ Model Y เปิดตัวปี 2020 มีรถไฟฟ้าเพียง 25 รุ่นในอังกฤษ แต่ในปัจจุบันมี 133 รุ่น เพราะแบรนด์จีนนำรถราคาไม่แพงเข้ามาลุยตลาด

Tim Albertsen ซีอีโอของ Ayvens บริษัทให้เช่ารถใหญ่ที่สุดในยุโรป กล่าวว่า “ไลน์อัพผลิตภัณฑ์ ของ Tesla ค่อนข้างอ่อนแอ”

Ben Kilbey ผู้บริหารบริษัทสื่อสารในอังกฤษ เจ้าของ Model Y สามปี บอกว่ากำลังจะเลิกใช้รถคันนี้เพราะ Musk “ผมรัก Tesla ของผม รักเทคโนโลยี แต่ไม่อยากถูกเชื่อมโยงกับการเมืองหรือเรื่องคุยโวโอ้อวดของ Musk ใน X”

การเคลื่อนไหวของ Musk ในยุโรปสะท้อนการคำนวณที่ซับซ้อนระหว่างธุรกิจและอุดมการณ์ส่วนตัว แม้การแสดงจุดยืนฝ่ายขวาจัดทำร้าย Tesla ในระยะสั้น แต่เขาอาจวางแผนระยะยาวเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่ออาณาจักรเทคโนโลยีในอนาคต

การสนับสนุนพรรคที่แนวโน้มลดกฎระเบียบอาจเป็นกลยุทธ์ให้ Tesla, SpaceX หรือ X ดำเนินการได้อิสระมากขึ้น โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปที่มีกฎเข้มงวด

แต่การเดิมพันนี้มาพร้อมความเสี่ยงสูง ผู้บริโภคในยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มสนใจรถไฟฟ้า มักมีแนวคิดเสรีนิยมและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคม การผลักดันวาระการเมืองที่ขัดค่านิยมลูกค้า อาจทำลายแบรนด์ Tesla ระยะยาว

ความท้าทายของ Musk คือสร้างสมดุลระหว่างวาระส่วนตัวกับความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น Tesla ที่อาจกังวลเรื่องมูลค่าหุ้นและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง

การบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีและการเมืองแบบนี้อาจเป็นเทรนด์ที่เติบโตในอนาคต เมื่อบริษัทเทคโนโลยีมีอำนาจมากขึ้นต่อชีวิตผู้คน ผู้นำบริษัทอาจรู้สึกมีสิทธิ์และความรับผิดชอบในการร่วมกำหนดนโยบายที่ส่งผลต่อธุรกิจ

คำถามสำคัญคือ การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้นำเทคโนโลยีอย่าง Musk จะส่งผลดีต่อประชาธิปไตยและสังคมหรือไม่ หรือจะนำสู่การกระจุกตัวของอำนาจมากเกินไปในมือคนกลุ่มเล็กที่มีทรัพยากรและอิทธิพลมหาศาล

การเคลื่อนไหวของ Musk ในยุโรปน่าจะดำเนินต่อไป โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาความสำเร็จล่าสุดในการสนับสนุน Trump และบทบาทเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของเขา การสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดในยุโรปอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สร้างระเบียบโลกใหม่ที่เอื้อต่อวิสัยทัศน์ของเขา

ในท้ายที่สุด เรื่องราวของ Musk เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างผู้นำธุรกิจ บริษัท และการเมือง แม้เขามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นและสนับสนุนพรรคที่เลือก แต่การกระทำมีผลกระทบต่อทั้งธุรกิจและสังคมในวงกว้าง

ชะตากรรมของ Tesla และอิทธิพลทางการเมืองของ Musk จะเป็นเรื่องน่าจับตาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะบอกเราว่าเกมของมหาเศรษฐีเทคโนโลยีผู้นี้จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ในการขีดชะตาอนาคตของยุโรปและธุรกิจของเขาเอง

Geek Daily EP275 : Musk ขวาจัด กับราคาที่ Tesla ต้องจ่าย การเดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจทำลายธุรกิจตัวเอง

ในโลกที่เทคโนโลยีและการเมืองเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น Elon Musk ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครสำคัญที่มีอิทธิพลทั้งในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อย้อนมองไปในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ามหาเศรษฐีเทคโนโลยีรายนี้ได้แสดงการสนับสนุนพรรค Alternative fur Deutschland (AfD) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาจัดของเยอรมนีอย่างเปิดเผย ด้วยการโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ของเขาเองมากกว่า 24 ครั้ง สัมภาษณ์ผู้นำพรรค และประกาศต่อผู้ติดตามกว่า 219 ล้านคนว่า พรรคนี้คือ “ความหวังเดียว” ของประเทศเยอรมนี

ที่น่าสนใจคือ CEO ของ Tesla ผู้นี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่การสนับสนุนพรรคการเมืองในเยอรมนี แต่ยังคงแสดงจุดยืนในการสนับสนุนอุดมการณ์ฝ่ายขวาทั่วทั้งยุโรปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดจนถึงปัจจุบันกลับเป็นความเสียหายต่อแบรนด์ Tesla นักวิเคราะห์หลายท่านให้ความเห็นว่า Musk อาจมีเป้าหมายระยะยาวสำหรับอาณาจักรธุรกิจของเขา นั่นคือการสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวโน้มจะช่วยลดกฎระเบียบที่เขามองว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/3skkp56z

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5bwap4jh

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/ys882dxy

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/6hMC2MWAcug

Geek Daily EP253 : ปฏิรูปก่อนล้มละลาย เบื้องหลังที่มา DOGE หน่วยงานใหม่ Elon Musk ที่จะเปลี่ยนอเมริกา

Elon Musk ได้ให้สัมภาษณ์กับ Joe Rogan เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในหัวข้อที่ค่อนข้างน่าสนใจมาก ๆ :

“แนวคิดเรื่องหน่วยงานประสิทธิภาพรัฐบาลนี้ค่อนข้างเรียบง่าย เรามีระบบราชการรัฐบาลกลางที่ใหญ่โตจนอึดอัด การใช้จ่ายของรัฐบาลกำลังทำให้ประเทศล้มละลาย การจ่ายดอกเบี้ยหนี้รัฐบาลตอนนี้เกินงบประมาณกระทรวงกลาโหม ซึ่งงบกลาโหมก็ราวๆ หนึ่งล้านล้านดอลลาร์ต่อปี 23% ของภาษีเงินได้ทั้งหมด ภาษีศุลกากร และทุกอย่าง กำลังถูกใช้ไปกับการจ่ายดอกเบี้ยในตอนนี้ และตัวเลขนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง งบประมาณรัฐบาลทั้งหมดจะถูกใช้ไปกับการจ่ายดอกเบี้ย จะไม่มีเงินเหลือสำหรับอะไรเลย จะไม่มีเงินสำหรับประกันสังคม จะไม่มีเงินสำหรับ Medicare ไม่มีอะไรเลย นั่นคือทิศทางที่เรากำลังมุ่งไป ตื่นเถอะ! ตื่นได้แล้ว! ดังนั้นเราต้องลดการใช้จ่ายของรัฐบาล หรือไม่ก็จะล้มละลายเหมือนกับที่คนทั่วไปจะล้มละลายถ้าใช้จ่ายเกินตัว”

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2azpbdaa

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/mvbj466y

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/fpauywsd

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/Iqy8uCYcUxI