Geek Forever

ด.ดล Blog

Open Your World with Technology. เปิดโลกใบใหม่ของคุณ ด้วยเรื่องราวของเทคโนโลยี ( Business x Technology x Inspirational Stories )

HOME

  • ABOUT ME
  • BECOME A SUPPORTER
  • CONTACT
  • EDITORS ‘ PICKS
  • PODCAST

Categories

  • Advertorial
  • AI & Robot
  • Bitcoin
  • Blockchain
  • Blog Series
  • Books
  • Business
  • Cars
  • Case Study
  • COVID-19
  • Deep Learning
  • Digital Music War
  • Documentary
  • Entertainment
  • Entrepreneurship
  • Failed Startup
  • Football Product
  • Games
  • Geek China
  • Geek Daily
  • Geek Life
  • Geek Monday
  • Geek Story
  • Geek Talk
  • Healthcare
  • Home & Garden
  • Investment
  • JT 8704
  • Life of Pine
  • Lifestyle
  • Machine Learning
  • Marketing
  • Movies
  • Paypal Mafia
  • PodCast
  • Political
  • Popular Blog
  • Products
  • Programming
  • Recommendations
  • Review
  • Sci & Tech
  • Search War
  • Self Help
  • Series
  • Smartphone War
  • Sport
  • Startup
  • Story
  • The Story
  • Tokyo in the Rain
  • Trading
  • Travel
  • World War III
  • ประวัติ Bill Gates
  • ประวัติ Bitcoin
  • ประวัติ Elon Musk
  • ประวัติ Google
  • ประวัติ iPod
  • ประวัติ Jack Ma
  • ประวัติ Jeff Bezos
  • ประวัติ Jho Low
  • ประวัติ mark zuckerberg
  • ประวัติ MBS
  • ประวัติ Netflix
  • ประวัติ Netscape
  • ประวัติ Reed Hastings
  • ประวัติ Reid Hoffman
  • ประวัติ Steve Jobs
  • ประวัติ Tim Cook
  • ประวัติ Twitter
  • ประวัติ Youtube
  • แบบบ้านสวย

Archives

  • March 2021
  • February 2021
  • January 2021
  • December 2020
  • November 2020
  • October 2020
  • September 2020
  • August 2020
  • July 2020
  • June 2020
  • May 2020
  • April 2020
  • March 2020
  • February 2020
  • January 2020
  • December 2019
  • November 2019
  • October 2019
  • September 2019
  • August 2019
  • July 2019
  • June 2019
  • May 2019
  • April 2019
  • March 2019
  • February 2019
  • January 2019
  • December 2018
  • November 2018
  • October 2018
  • September 2018
  • August 2018
  • May 2018
  • January 2018
  • December 2017
  • November 2017
  • October 2017
  • September 2017
  • August 2017
  • July 2017
  • June 2017
  • May 2017
  • April 2017
  • March 2017
  • February 2017
  • September 2016
  • June 2016
  • April 2016
  • March 2016
  • February 2016
  • January 2016
  • December 2015
  • October 2015
  • September 2015
  • May 2015
  • April 2015
  • March 2015
  • February 2015
  • December 2014
  • November 2014
  • October 2014
  • September 2014
  • August 2014
  • April 2014
  • March 2014
  • February 2014
  • January 2014

Meta

  • Log in
  • Entries feed
  • Comments feed
  • WordPress.org

Tag Archives: บิซ สโตน ประวัติ

ประวัติ Twitter ตอนที่ 13 : The End of war

By tharadhol in Story December 24, 2018

และในที่สุดมันเหตุการณ์ต่าง มันก็ย้อนรอย เหมือนที่แจ๊คเคยโดนเมื่อสองปีก่อน หรือเหตุการณ์ที่โนอาห์โดน เมื่อสี่ปีก่อนหน้า เอฟสูญเสียงานใน twitter อย่างเป็นทางการแล้ว ณ ตอนนี้ เขาไร้อำนาจอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ใน twitter อีกต่อไป

ตอนนี้ การตัดสินใจทั้งหมดของ Twitter นั้นอยู่กับ แจ๊ค ในฐานะ ตำแหน่งประธานบริหาร และ ดิก ผู้เป็นนายของเอฟที่ twitter อย่างเป็นทางการ และถูกต้องตามกฏหมาย

twitter ตอนนีอยู่ในมือ แจ๊ค และ ดิก เรียบร้อยแล้ว
twitter ตอนนีอยู่ในมือ แจ๊ค และ ดิก เรียบร้อยแล้ว

และในที่สุด มันก็ถึงวันที่ จะต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการที่สำนักงาน twitter แม้ข้อสรุปสุดท้ายนั้น เป็นแผนที่แจ๊ค ไม่ได้ยินดีด้วยซ้ำเท่าไหร่ ซึ่งหมายความว่า ตัวแจ๊คนั้นจะไม่ได้เข้าร่วมในการประกาศครั้งนี้ มันเหมือนการประกาศชัยชนะของแจ๊ค แต่เขาไม่สามารถเข้าร่วมได้เท่านั้นเอง รวมถึงการที่จะให้เอฟได้งานในบริษัทต่อไปในตำแหน่งผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ แต่แจ๊คนั้นรู้ว่าแผนดังกล่าวะคงไว้แค่ไม่นานเท่านั้น โดยที่เอฟไม่รู้

วันสุดท้ายของการปฏิบัติหน้าที่ CEO ของเอฟนั้น จบลงด้วยการอ๊วกลงไปในก้นถังขยะ เนื่องจากตอนนี้ท้องไส้ของเอฟ ปั่นป่วนไปหมดแล้ว เขากำลังครุ่นคิดว่า อะไรที่นำพาเขามาถึงจุดนี้ ที่ ๆ เขาจะถูกขับไล่ไสส่งออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งได้ยังไง บริษัที่เป็นตัวเขาเอง ที่ได้ว่าจ้างเพื่อนฝูง ให้มาบริหาร แต่บาคนกลับกลายเป็นคนทรยศเขา

เอฟ ผู้แพ้ต้องเดินจากไป
เอฟ ผู้แพ้ต้องเดินจากไป

และแล้วก็ถึงเวลา

เหล่าบรรดาพนักงานยืนขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินเข้ายังโรงอาหาร จากนั้นเอฟก็ปรากฏตัวพร้อมกับ บิซ และบอกกับเหล่าพนักงานว่าเขาตัดสินใจจะก้าวลงไปรับบทบาทด้านผลิตภัณฑ์ และขอให้ดิก มารับตำแหน่ง CEO

และภายในไม่กี่วินาที หลังจากทีมประชาสัมพันธ์ของ twitter ได้เผยแพร่ คำกล่าวดังกล่าวของ เอฟ ออกไปทางบล็อกของบริษัท ทำให้สื่อต่าง ๆ เริ่มช่วงชิงกันถ่ายทอดสดประกาศนั้น ซึ่งเป็นการประกาศที่ไม่ได้เอ่ยถึงเหล่ากบฏที่ร่วมกันวางแผนเพื่อทำการรัฐประหารเอฟ ไม่ได้กล่าวว่าเอฟเกือบที่จะตกงานโดยสิ้นเชิง รวมถึงไม่ได้กล่าวถึง แจ๊ค ที่จะกลับมายังบริษัท เพราะทั้งหมดนั่นยังมาไม่ถึง

Come Back Jack !!!

เป็นช่วงเวลาที่แจ๊ค รอคอย และวางแผนมานาน ช่วงเวลาที่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่หลายเดือนก่อน เมื่อเอฟถูกบีบให้รับตำแหน่งต่ำลง ตอนนี้ เอฟถูกบีบออกไปอย่างถาวรแล้ว

เอฟนั้นแทบจะไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงานใน twitter มากว่า 2 เดือนแล้ว ตอนนี้เขาได้พ่ายแพ้แล้ว เพราะตำแหน่งประธานด้านผลิตภัณฑ์ ที่เขาได้รับมานั้น แทบจะไม่มีอำนาจใด ๆ และดิก ผู้เป็น CEO ก็ไม่ได้สนใจการทำงานในส่วนนี้ของเอฟอีกต่อไป การประชุมด้านการบริหารถูกแยกออกไปโดยไม่มีเอฟ รวมถึงการคุยกับเหล่านักลงทุน เอฟ ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ได้เข้าไปร่วมอีกต่อไป

ทำให้สำหรับเอฟนั้น มันจบลงแล้ว บทบาทของเอฟใน twitter ต่อไปนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวันอีกต่อไป เขาเพียงช่วย twitter ได้ในฐานะผู้ก่อตั้ง คณะกรรมการ ผู้ถือหุ้นของบริษัทเพียงเท่านั้น

บิซ ผู้ร่วมก่อตั้งคนสุดท้าย ก็ต้องออกเช่นเดียวกัน เพราะผู้ร่วมงานที่เขารักและเคารพได้ออกไปหมดแล้ว และเขาก็ไม่มีงานใด ๆ ใน twitter อีกต่อไป 

บิซ เมื่อไม่มีเพื่อน ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
บิซ เมื่อไม่มีเพื่อน ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม

ส่วนแจ๊ค นั้น แม้จะดำรงตำแหน่งประธานบริหารของบริษัท แต่ตอนนี้เขามีอำนาจในมืออยู่เต็มเปี่ยม เพราะเขาสามารถขจัดเอฟออกจากเส้นทางที่ขวางเขาไว้ได้สำเร็จแล้ว ดิก นั้น เป็น CEO ก็จริง แต่จากการออกสื่อต่าง ๆ ที่แจ๊ค พยายามให้ทุกคนรู้ว่า เขาคือคนคิดค้นและก่อตั้ง twitter ทำให้ตอนนี้ คนส่วนใหญ่ก็ต่างเข้าใจว่าเขาเป็น  CEO ของ Twitter เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดความทะเยอทะยานของเขาได้อีกต่อไปแล้ว

บทสรุปของผู้ก่อตั้งทั้ง 4 คน

@noah (โนอาห์-Noah Glass)

@noah (โนอาห์-Noah Glass)
@noah (โนอาห์-Noah Glass)

โนอาห์นั้นได้ย้ายกลับมายัง ซานฟรานซิสโก ในช่วงกลางปี 2011 กลับมาใช้ชีวิตที่แตกต่างจากที่เขาได้ทิ้งไปเมื่อ 2 ปีก่อน แม้ twitter จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากไม่มีโนอาห์ แต่ตอนนี้ โนอาห์ไม่มีตัวตัวก็เพราะ twitter เช่นกัน

เขามาใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเดิม เขาเช่าอพาร์ตเม้นต์ แบบลอฟต์ อยู่กับภรรยาเขาแบบเรียบง่าย เขามีลูกด้วยกัน 1 คน ซึ่งเป็นลูกสาวที่เขาอยากได้มาโดยตลอด มันทำให้เขารู้สึกคลายเหงาลงไปได้บ้าง

ซึ่งหากเทียบกับอดีตผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่น ๆ แล้วนั้น โนอาห์ ทำเงินได้จาก twitter น้อยมาก ๆ เขาคิดว่าสักวันหนึ่ง เขาจะลองมาเปิดธุรกิจเกิดใหม่อีกสักครั้ง

@biz (บิซ-Biz Stone)

@biz (บิซ-Biz Stone)
@biz (บิซ-Biz Stone)

บิซ นั้น ถือว่าได้ส่วนแบ่งจากการถือหุ้นไปมากพอที่จะทำให้ชีวิตเขาสบายไปตลอดชาติ เพราะตอนนี้ มูลค่า twitter นั้นสูงเป็นพันล้านเหรียญแล้ว เขาหลบไปใช้ชีวิต กับ ลิเวีย ภรรยา ที่บ้านขนาด สองพันตารางเมตร ที่ตั้งอยู่บนอ่าวมารินเคาน์ตี

บัญชีธนาคารของพวกเขา ที่เมื่อก่อนเป็นเลขติดลบ นั้น มาตอนนี้ลงท้ายด้วยเลขศูนย์เจ็ดตัว บิซ ก็ได้รับเชิญไปพูดต่อสาธารณชน เกี่ยวกับ twitter อยู่เสมอ ๆ บางครั้งเขาไปพูดแค่ 15 นาทีและสามารถทำงานได้กว่า ครึ่งล้านเหรียญ

แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิต ฟุ้งเฟ้อ แต่อย่างใด เขายังขับรถโฟล์คสวาเกน หรือ ซูบารุคันเก่า ๆ ไปทำงาน และเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มักจะไปลงที่มูลนิธิบิซ และ ลิเวีย สโตน(องค์กรไม่แสดงผลกำไรที่พวกเขาก่อตั้ง ซึ่งมอบเงินและสนับสนุนให้แก่องค์กรที่ทำให้การช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสเป็นไปได้ง่ายขึ้น) 

@jack (แจ๊ค-Jack Dorsey)

@jack (แจ๊ค-Jack Dorsey)
@jack (แจ๊ค-Jack Dorsey)

ช่วงต้นปี 2012 แจ๊คได้ขายห้องแบบลอฟต์ของเขาในมินต์พลาซา ย้ายไปย่านสุดหรูของซานฟรานซิสโก บ้านใหม่ของเขามีมูลค่ากว่า 12 ล้านเหรียญ

ในปี 2013 กับรายได้ระดับพันล้านเหรียญนั้น อาจจะดูเหมือนว่าแจ๊ค “ชนะ” จากเมื่อแปดปีก่อนหน้าที่เขาเข้ามาร่วมงานโปรเจคโอดีโอ ในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์อายุน้อยผู้เงียบขรึม ที่มองหาเพื่อนและผู้ให้คำแนะนำสั่งสอน

แต่ตอนนี้ เขาค้นพบผู้ให้คำปรึกษาเลียนแบบ สตีฟ จ๊อบส์ แต่เขาได้สูญเสียเพื่อน เมื่อเขาใช้คนกลุ่มเดียวกันนั้นเองเป็นบันไดเหยียบขึ้นไปสู่จุดสูงสุด

แต่ความโด่งดังของแจ๊ค ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาได้ลงปกนิตยสารชื่อดังเป็นประจำ เขามักถูกเรียกว่า สตีฟ จ๊อบส์ คนต่อไป และผู้คิดค้น twitter เพียงคนเดียว

แผนต่อไปของเขาก็คือ การทำให้บริษัทเติบโตเป็นธุรกิจหลายพันล้านเหรียญ ทั้ง twitter และ square โปรเจคส่วนตัวของเขา ซึ่งเขามีแผนอยู่ในหัวมากมายไปจนถึงการที่เขาจะกลายเป็นนายกเทศมนตรีแห่งนครนิวยอร์กเข้าสักวัน

@ev (เอฟ-Evan Williams)

@ev (เอฟ-Evan Williams)
@ev (เอฟ-Evan Williams)

ตัวเอฟนั้นเป๋ ไปหลายเดือนเลยทีเดียวหลังจากออกจาก twitter แต่ในขณะที่ twitter เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น  ทำให้หุ้นใน twitter ของเขามีมูลค่าเกือบ ๆ สองพันล้านเหรียญ

เอฟ กับ ภรรยา ซาร่า นั้นมีลูกด้วยกัน 2 คน หลังจากออกจาก twitter ไป 1 ปี เขาก็เริ่มวางแผนการให้ลูกน้อยทั้งสองของเขา ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ทำแบบที่เขาโดนกระทำที่ twitter 

พวกเขาหาทางออกได้ 2 ทาง อย่างแรก เงินที่พวกเขาหามาได้ในระยะเวลาหลายปีจะอยู่ในรูปแบบกองทุน เมื่อ ลูกทั้ง 2 โตขึ้น พวกเขาจะมีหน้าที่มอบหมายมันให้กับการกุศล องค์กรที่จะตั้งขึ้นเพื่อพยายามทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น อย่างที่สองคือ พวกเขาจะจัดตารางประจำสัปดาห์ และยึดมั่นตามนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าครอบครัวมาก่อนสิ่งอื่นใด

ถึงตัวเอฟ นั้นจะออกจาก twitter แล้ว แต่เขาก็ยังมีออบเวียสคอร์เปอเรชัน ซึ่งเขาเปิดทำธุรกิจใหม่อีกครั้งหลังจากออกจาก twitter อย่างเป็นทางการ สำนักงานของเขาเป็นอาคารเรียบ ๆ ห่างจากสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ twitter เพียงไม่กี่ช่วงตึก

และสุดท้ายเขาก็ได้สร้าง Online Publishing Platform ซึ่งดูแล้วคล้ายคลึงกับ twitter แต่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ 140 ตัวอักษร เหมือน concept แรกของ twitter ซึ่งมันก็คือ medium ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้นั่นเอง เอฟ ได้รับการยกย่องเป็นผู้สร้างความสำเร็จต่อเนื่องในด้านธุรกิจใหม่ เพราะเค้าสามารถสร้างบริการให้คนได้ใช้งานทั่วโลกมาแล้วมากมาย ไมว่าจะเป็น Blogger , Twitter หรือ Medium โปรเจคล่าสุดของเขานั่นเอง

เราได้เรียนรู้อะไรจากการสร้าง Twitter

ถ้าเรามองผิวเผิน ในเรื่องราวมากมายของ twitter จาก Blog Series ชุดนี้ นั้นเราจะเห็นถึงการแก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น การหักหลัง มันคือสงครามการแก่งแย่ง ธุรกิจ ที่แลกมาด้วยความเจ็บช้ำ ของเหล่าผู้ก่อตั้งมากมาย

ถ้าถามว่ามีใคร ชนะ อย่างแท้จริงในศึกนี้มั๊ย นั้น ตอนนี้อาจจะเป็นแจ๊ค ที่ดูเหมือนจะมายึดบริษัทคืนได้ แต่ในโลกธุรกิจจริง ๆ นั้น มันคงยังไม่จบง่าย ๆ มันมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะ บริษัทหน้าใหม่ใน silicon valley ที่พร้อมจะมาล้มยักษ์ได้อยู่ทุกเวลา อาจจะเป็นบริษัทเกิดใหม่ในโรงรถ ที่ใดแห่งหนึ่ง ที่กำลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เหมือนที่ twitter เคยทำมาแล้วก็อาจจะเป็นไปได้

แต่เรื่องของ twitter นั้นต่างจาก facebook อย่างนึงคือ เราจะเห็นได้ถึง เหล่าผู้ร่วมก่อตั้งนั้น ไม่ใช่เป็นคนอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ มาตั้งแต่เกิดเหมือนที่มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กเป็น พวกเขาเป็นกลุ่มคนบ้า ที่คลั่งไคล้เทคโนโลยี ที่มารวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนโลกของการสื่อสารที่มีมากว่า 100 ปี ด้วย twitter โปรเจคที่ดูเหมือนง่าย มีแนวคิดที่ simple มาก ๆ แต่มัน impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล มันเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ สิ่งในโลกของข้อมูลข่าวสารของมนุษย์เราไปอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งมันน่าจะเป็นแรงบัลดาลใจ ให้คนที่ไม่เก่ง ไม่ต้องฉลาดสุด ๆ เหมือนอย่างมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก หรือแม้แต่เหล่า loser ทั้งหลายในโลกแห่งความจริง มันก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากเหล่าผู้ก่อตั้งเหล่านี้ได้ทำมา การทำในสิ่งง่าย ๆ ด้วยแนวคิดง่าย ๆ  แต่บางครั้งมันก็อาจจะไม่เคยมีคนทำมาก่อนในโลกนี้เหมือน twitter เคยทำก็เป็นได้  ซึ่งในวันนึงเราอาจจะได้เห็นโปรเจคที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้เหมือนที่ twitter ทำ เกิดขึ้นในประเทศเราก็อาจเป็นไปได้ครับ

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

ประวัติ Twitter ตอนที่ 12 : Betray Ev

By tharadhol in Story December 24, 2018

หลังจากที่ แจ๊ค ได้เริ่มคุยกับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของ twitter ไปหลาย ๆ คนแล้ว ทำให้เขาได้รับรู้ความเป็นไปภายใน twitter มากพอสมควร ว่าเอฟ กำลังนำพา twitter ไปในทิศทางใด ซึ่งเหล่าผู้บริหาร หลาย ๆ คนของ twitter ก็เริ่มกังวลใจมากขึ้นในการบริหารของเอฟ และทิศทางที่เอฟกำลังพาไปของ twitter

และเหมือนกับผู้บริหารคนอื่นๆ  ที่ตบเท้าเข้าหา แจ๊ค  ดิก คอสโตโล ก็เช่นกัน แม้จะเป็นคนที่เอฟชักชวนให้มารับตำแหน่ง COO เองก็ตาม ดิก ก็ไม่อยากตกขบวนรถนี้เหมือนผู้บริหารคนอื่น ๆ 

เขาได้มีโอกาสมาพบแจ๊ค ที่อพาร์ตเม้นต์ของแจ๊คด้วย เพื่อโน้มน้าวใจ ดิก ให้เห็นถึงการทำงานที่ล่าช้าของเอฟ ซึ่งทุก ๆ การประชุมเป็นไปอย่างลับ ๆ และแจ๊คก็เริ่มโน้มน้าวคณะกรรมการ และ พนักงานระดับอาวุโสของ twitter ส่วนใหญ่ได้สำเร็จแล้ว ดิก ก็เป็นอีกหนึ่ง keyman เพราะมีแผนให้ ดิก มารับตำแหน่ง CEO ชั่วคราว หากสามารถที่จะไล่เอฟออกจากตำแหน่ง CEO ได้สำเร็จ

ดิก เพื่อนรักเอฟ ก็มาร่วมขบวนกับเขาด้วย
ดิก เพื่อนรักเอฟ ก็มาร่วมขบวนกับเขาด้วย

แต่ดูเหมือนเอฟ นั้น แทบจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ว่ากำลังจะถูกรัฐประหารในครั้งนี้ ทุกอย่างดูเหมือนเรียบร้อยดีที่ twitter ตัวเลขต่าง ๆ ก็ดูดีไปหมด ผู้คนส่ง tweet กว่าสองพันล้านครั้งต่อเดือน  มี user ใหม่เข้าใช้งานกว่าล้านคน ในทุก ๆ สัปดาห์

เขาก็ได้นัดประชุมกับ บิลล์ แคมป์เบลล์ในทุกสัปดาห์ และหน้าฉาก แคมป์เบลล์ นั้นก็ได้สรรเสริญ เยินยอ เอฟ ทุกครั้งในการประชุมร่วมกับบอร์ดบริหาร

แต่ในขณะที่ลับหลังนั้น ตอนนี้ แคมป์เบลล์ กลายเป็นบุคคลหนึ่งที่จะร่วมทำการรัฐประหารเอฟในครั้งนี้ด้วย ลับหลังเอฟ เขาจะพูดกรอกหูบอร์ดทุกคนว่า ให้ไล่เอฟออกไปซะ เอฟนั้นแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยในการบริหารงานบริษัท 

ซึ่งตอนนี้ เอฟ แทบจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เรื่องการประชุมลับ เหล่านี้เลยด้วยซ้ำ เหล่าขุนพลผู้บริหารระดับสูงของเขาไปคุยกับทั้งแจ๊ค และ บอร์ด เท่าที่เขารู้คือ ตอนนี้เขา “ทำหน้าที่ได้โครตดี”

และแล้วในเดือนกันยายน ปี 2010 มันก็ถึงวันที่จะต้องเชือดเอฟ ลงจากตำแหน่ง และหน้าที่ในการคุยครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ โค้ช CEO ของเขา บิลล์ แคมป์เบลล์ นั่นเอง 

มันเป็นการวางแผนมาอย่างดีพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งตัวแทน CEO ชั่วคราวอย่าง ดิก คอสโตโล หรือ การสนับสนุนจากบอร์ด ทั้ง เฟนตัน บิฌาน และ เฟร็ด นั้น มีความเห็นในทางเดียวกันแล้วว่าจะต้องปลดเอฟลงจากตำแหน่ง

เมื่อบิลล์กล่าวกับเอฟ “บอร์ดอยากให้คุณออกจากตำแหน่งและก้าวขึ้นไปรับบทประธานบริษัท”  “บอร์ดจะแต่งตั้งดิกเป็น CEO”

เอฟได้ยินครั้งแรก นึกว่า แคมป์เบลล์ กำลังเล่นมุก แต่หารู้ไม่ว่า นี่มันคือเรื่องจริง เรื่องซีเรียส ที่ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดีแล้ว เอฟแทบจะไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน และพยายามโทรหาบอร์ดและหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

บิลล์ แคมป์เบลล์ รับบทมือเชือดเอฟเอง
บิลล์ แคมป์เบลล์ รับบทมือเชือดเอฟเอง

และเหล่าบอร์ดทั้ง เฟนตัน บิฌาน และ เฟร็ดนั้น ก็ให้คำตอบมาแบบเดียวกันเป๊ะ เพราะเป็นการวางแผนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว เฟร็ด นั้นถึงแม้จะเคยอยู่ข้างเอฟมาตลอด แต่ตอนนี้เขาได้ย้ายฝั่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพูดถึงขนาดว่า เอฟ ไม่ได้เป็นคนก่อตั้ง twitter แต่เป็นแจ๊ค ที่ก่อตั้ง twitter ขึ้นมา

ตอนนี้เอฟเริ่มสับสนไปหมดแล้ว คงเหลือ แค่ บิซ กับ โกลด์แมน เท่านั้น ที่อยู่ข้างเอฟในตอนนี้ แล้ว ดิก ล่ะ คนที่เขาเป็นคนชักจูงเข้ามาเอง ต้องรู้เรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน เขาจึงได้โทรไปถาม ดิก แต่เป็นการเล่นบทเนียนของ ดิก ที่บอกเอฟว่า เขาก็ไม่รู้เรื่อง เพิ่งได้ฟังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเจ้าตัวรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด

ตอนนี้ แม้การเติบโตของ twitter จะรวดเร็วขนาดไหน แต่ความวุ่นวายภายใน twitter ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นเสียที เมื่อต้องคุยประจันหน้ากับเอฟจริง ๆ จัง ดิก ก็ไม่อยากรับตำแหน่ง CEO เหมือนกัน เพราะเขาเคยกล่าวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่หักหลังเพื่อนเด็ดขาด

ส่วนบิซ นั้น อยู่ในระหว่างการเดินสายอยู่ในญี่ปุ่น ก็ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน twitter มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดี ๆ ทำไม เอฟถึงถูกไล่ออก  และจู่ ๆ แจ๊ค ก็โทรไปหาบิซ ให้กลับมาที่ซานฟรานซิสโกด่วน เพราะจะมีการแถลงเรื่องสำคัญ และบิซ ก็ต้องอยู่ด้วย

บิซ ก็ช็อค กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวเขานั้นกำลังเดินสายโปรโมต twitter ที่ญี่ปุ่น
บิซ ก็ช็อค กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวเขานั้นกำลังเดินสายโปรโมต twitter ที่ญี่ปุ่น

แต่บอร์ดก็บังคับไม่ให้ดิก ทำอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่การตัดสินใจของบอร์ดเองว่าจะดำเนินการยังไงต่อ โดยมีการเรียกประชุมบอร์ดด้วยในวาระด่วนเรื่องนี้โดยเฉพาะ 

ทั้งบอร์ดบริหาร รวมถึงพนักงานระดับสูงของ twitter นั้นเข้าร่วมประชุมครั้งนี้กันอย่างคับคั่ง เฟร็ดเปิดประเด็นทันที เพราะความรำคาญกับความโกลาหลของ twitter ในอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่มันต้องการสองเสียงเป็นอย่างน้อย เพื่อโหวตวาระดังกล่าว และเป็นแจ๊คเองที่ยกมือขึ้นอีกคน

ตอนนี้เอฟ เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แจ๊คนั้นอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้ เขาวางหมากไว้อย่างแยบยล นี่คือการล้างแค้นของแจ๊ค และตอนนี้ไม่มีอะไรที่เอฟจะทำเพื่อหยุดพวกเขาได้แล้ว

บอร์ดแจ้งเรื่องจะมีการสับเปลี่ยนที่นั่งในคณะกรรมการ เหล่าบอร์ดบริหารได้วางแผนไว้หมดแล้ว และวางหมากในทุกตำแหน่งไว้อย่างดีแล้ว เอฟจะถูกผลักตำแหน่งต่ำลงไปอีก และแจ๊คจะได้เป็นประธานบริหารของ twitter เอฟถึงกับช็อคที่บอร์ดใช้แรงบีบที่โหดร้ายกับเขาได้ถึงเพียงนี้

แต่เอฟก็ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เสียไปมากกว่านี้ พยายามล็อบบี้ เฟนตัน ให้เขานั้นยังคงดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ และไม่อยากให้แจ๊คไปที่บริษัทเพื่อประกาศอย่างเป็นทางการ ซึ่งส่วนนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เอฟกับเฟนตันคุยกันก่อนประชุม 

เฟนตัน ยังมีเยื่อใยกับเอฟอยู่บ้าง ไม่ได้ทำตามแผนทั้งหมด
เฟนตัน ยังมีเยื่อใยกับเอฟอยู่บ้าง ไม่ได้ทำตามแผนทั้งหมด

เมื่อการประชุมถึงบทสรุป แจ๊ค โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่เขาจะไม่ได้กลับไปที่บริษัทเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ที่เขาเตรียมไว้พูดปลุกเร้าความรู้สึกของพนักงาน ทันทีที่เขากลับไปยังออฟฟิสของ Square ที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาก็เริ่มโทรศัพท์หาเฟนตันทันที และ คำรามใส่เฟนตันผ่านโทรศัพท์ 

“นี่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนนะ!”  แจ๊คกล่าว

“ผมรู้ ผมรู้ ผมจะแก้ไขมัน”  เฟนตันกล่าวอย่างนิ่มนวล

ตอนนี้แผนการรัฐประหารเอฟ ของ แจ๊ค ได้ดำเนินมาถึงจุดที่ใกล้จะสำเร็จเต็มที่แล้ว แม้เฟนตันจะมีเยื่อใยอยู่กับเอฟบ้าง ทำให้มันไม่ได้เป็นไปตามแผนทั้งหมดที่วางไว้ก็ตาม แต่ตอนนี้เอฟนั้นก็กลายเป็นผู้ก่อตั้งอีกราย ที่กำลังจะถูกไล่ออกจากตำแหน่ง CEO Twitter ตำแหน่งอาถรรพ์ ที่ใครได้นั่งแล้ว จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นตามมามากมาย  ศึกการชิง twitter นั้นมาถึงตอนใกล้จบแล้ว ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย ของ series นี้แล้ว บทสรุปเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 13 (ตอนจบ) : The End of War

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Twitter ตอนที่ 11 : Steve Jobs 2.0

By tharadhol in Story December 24, 2018

ตอนนี้ ทิศทาง ของ twitter ค่อนข้างที่จะชัดเจนแล้ว บริษัทก็กำลังเติบโตในทุกแง่มุม ทั้ง จำนวนผู้ใช้งาน ผู้คนใช้งานเป็นประจำโดย tweet กว่า 35 ล้าน tweet ต่อวัน แต่จำนวนพนักงานของบริษัทนั้นเพิ่มอย่างช้า ๆ ยังมีเพียงไม่ถึง 100 คนเท่านั้น

เหล่าคณะกรรมการของบริษัท ก็ได้กดดันเอฟ ให้เริ่มว่าจ้างมืออาชีพ มารับมือสถานการณ์ ของบริษัทที่กำลังเติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ บริษัทควรที่จะมี CTO , COO และ CFO มืออาชีพมาดูแลได้แล้ว

แต่ปัญหาใหญ่ของเอฟ คือ เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้ล่าช้ามาก  ๆ และเค้ามักที่จะเลือกคนมาทำงานจากเพื่อนก่อนเสมอ ซึ่งจะเป็นคนที่เขาสามารถเชื่อใจได้ว่า จะไม่มาทำลายเขาในภายหลัง หรือ มาเร่งการตัดสินใจอันแสนช้าของเขานั่นเอง

และ เพื่อนคนหนึ่งที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับ Twitter คือ ดิก คอสโตโล ที่จะมารับหน้าที่ในตำแหน่ง COO เพื่อช่วยเหลือเอฟ ในการจัดการภายในบริษัท

ดิก คอสโตโล เพื่อนสนิทเอฟ ผู้มารับตำแหน่ง COO
ดิก คอสโตโล เพื่อนสนิทเอฟ ผู้มารับตำแหน่ง COO

ทั้งคู่ได้รู้จักกัน จากการที่ ดิก ได้ขายบริษัทชื่อ Feed Burner ที่ช่วยเหล่าบล็อกเกอร์ จัดการบล็อกโพสต์ของพวกเขา โดยขายให้กับ google กว่า 100 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้ทั้งคู่ได้พบกัน และเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด 

ปัญหาคือตอนนี้ twitter มันกำลังเติบโตมากเกินกว่าบริษัทอื่น ๆ ที่เอฟเคยได้เจอะเจอมา เพราะมันกำลังกระจายไปทั่วโลก ผู้คนหลายล้านคนกำลังใช้งาน twitter ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นที่มาของการที่ต้องมีโค้ช มาช่วยเอฟ ในการจัดการในเรื่องการตัดสินใจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

และคน ๆ นั้น ก็ไม่ใช่ใคร เขาคือ บิล แคมป์เบลล์ โค้ช CEO ในตำนาน ที่เคยให้คำปรึกษา สตีฟ จ๊อบส์  , แอริค ชมิตต์ รวมถึง แลรรี่ กับ เซอร์เกย์ ของ google ก็ล้วนผ่านมือ บิล แคมปเบลล์มาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งสุดท้าย เอฟก็ได้ตกลงเข้าพบกับ บิลล์ แคมป์เบลล์

บิลล์ แคมป์เบลล์ โค้ช CEO ในตำนาน
บิลล์ แคมป์เบลล์ โค้ช CEO ในตำนาน

หลังจากได้ลองมา Coaching กับ บิล แคมป์เบลล์ เอฟก็เริ่มหลงเคลิ้มกับแคมป์เบลล์ มีการพบปะพูดคุยกันสัปดาห์ละครั้ง ซึ่ง ในภายหลัง บิล แคมป์เบลล์ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทใน twitter อีกคน แม้จะไม่ได้เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง แต่เขาก็มักเข้ามาร่วมประชุมกรรมการของ twitter อยู่เสมอ ในฐานะ โค้ช CEO

Steve Jobs 2.0

ส่วนทางฟากฝั่ง แจ๊ค นั้น ได้เริ่มสร้างตัวตนใหม่ ผ่านการเปลี่ยน style การแต่งตัว เป็นเสื้อเชิ้ตติดกระดุม และเริ่มสวมสูทเป็นประจำ เริ่มเป็นคนที่ยึดติดความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น มันถูกออกแบบมาให้คล้ายคลึงกับนักธุรกิจผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในอเมริกาอย่าง สตีฟ จ็อบส์

แจ๊คนั้นเป็นคนที่ชื่นชม จ๊อบส์ เสมอมา เขาพยายามที่จะทำความเข้าใจในสไตล์การทำธุรกิจของจ๊อบส์ ในปี 2009 ตอนที่ แจ๊ค เริ่มสร้าง Square ขึ้นมานั้น เขาไม่ใช่แค่ยกย่อง จ๊อบส์ เฉย ๆแต่เขาพยายามเลียนแบบทุกสิ่งของจ๊อบส์

แจ๊ค พยายาม เลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างของ จ๊อบส์
แจ๊ค พยายาม เลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างของ จ๊อบส์

เขาทดลองด้วยแว่นตาแบบกลมของจ๊อบส์ และเริ่มเลียนแบบการแต่งกายประจำวัน แม้กระทั่งฟังเพลง บีเทิลส์ ศิลปินคนโปรดของจ๊อบส์

แจ๊คเริ่มว่าจ้างอดีตพนักงานของ apple ให้มาทำงานที่ Square เริ่มมีไตล์การพูดที่ใช้คำรูปแบบเดียวกับ จ๊อบส์ ตัวอย่างเช่น “ไม่มีใครเคยทำสิ่งนี้มาก่อน”  “วิเศษ”  “น่าประหลาดใจ” “น่ายินดี” ซึ่งคำเหล่านี้ จ๊อบส์ชอบใช้ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ apple แทบจะทั้งสิ้น

ซึ่งมันไม่ใช่แผนการใหญ่โตของแจ๊คที่จะเลียนแบบจ๊อบส์ ทว่ามันคือแผนการทีละเล็กละน้อยที่ร่วมเติมแต่งในการสร้างตัวตนใหม่ของเขา

หลังจากที่ จ๊อบส์ ล้มป่วยลงในปี 2009 สื่อก็พยายามหา สตีฟ จ๊อบส์คนต่อไป ซึ่งสำหรับแจ๊ค การสร้างตัวตนใหม่ให้กลายเป็น Steve Jobs 2.0 ขึ้นมานั้น ไม่ใช่เพียงแค่เลียนแบบว่ามีวิสัยทัศน์แบบจ๊อบ มันยังเป็นผลที่ไม่ได้ตั้งใจของการจุดไฟที่แจ๊คพยายามก่อตั้งขึ้น ตั้งแต่เขาถูกขับออกจาก twitter และมันเป็นกองไฟที่จะรมควันให้เอฟออกจากบริษัทไปด้วย

สื่อพยายามหาตัวแทน จ๊อบส์ ที่ล้มป่วยลงในปี 2009
สื่อพยายามหาตัวแทน จ๊อบส์ ที่ล้มป่วยลงในปี 2009

ถึงแม้ตอนนี้ เฟนตัน บอร์ดที่มี power สูงจะอยู่ฝ่ายแจ๊คมาโดยตลอดหลังจากได้คุยกัน แต่ปัญหาคือ จะทำอย่างไรให้ เฟร็ด กับ บิฌาน ที่อยู่ข้างเอฟ หันมาสนับสนุนเขาด้วย

แต่มันเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทุกอย่างเป็นใจเข้าทางแจ๊ค เมื่อรองประธานฝ่ายวิศวกรรม อย่าง ไมค์ แอ๊บบอต ได้มาปรึกษากับแจ๊ค เรื่องทิศทางของบริษัท ซึ่งตอนนั้น ไมค์ คิดว่า แจ๊ค ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ใน twitter เพราะแจ๊คมักบอกกับสื่อต่าง ๆ ว่าเขาคือคนคิดค้น twitter 

ไมค์ แอบบอต รองประธานฝ่ายวิศวกรรมที่เข้ามาปรึกษาแจ๊ค
ไมค์ แอบบอต รองประธานฝ่ายวิศวกรรมที่เข้ามาปรึกษาแจ๊ค

และแน่นอน แจ๊ค ก็ปฏิบัติการใส่ไฟเต็มที่ บอก ไมค์ ว่า ตำแหน่งรองประธานของ ไมค์ นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าตำแหน่ง CEO หรอก การไปปรึกษาเอฟมันก็ไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างแน่นอน ให้บอกความกังวลเหล่านี้กับเหล่าคณะกรรมบริษัท อย่าง เฟร็ด , บิฌาน หรือ เฟนตัน เลย หรือ ไม่ก็บอกความกังวลเหล่านี้ไปถึง บิลล์ แคมป์เบลล์โค้ชของเอฟ เลยด้วยก็ดี

ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ ไมค์ เริ่มไปบอกผู้บริหารคนอื่น ๆ ใน twitter ให้มาพบแจ๊คด้วย ซึ่งถึงจุดนี้ แจ๊ค กำลังสร้างกองกำลังในการก่อกบฏ ใน twitter ขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วเอฟล่ะ กำลังทำอะไรอยู่ ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบหนีปัญหามาตั้งแต่แรก แทนที่จะไปจัดการเรื่องการบริหาร เอฟดันเอาตัวเองไปหมกมุ่น กับเรื่องการออกแบบ twitter version ใหม่ ซึ่งเป็นการละเลยงานประจำวันของ CEO โดยใช่เหตุ ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาในตำแหน่ง CEO กับเหล่าผู้บริหารของ twitter ดูย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ 

มันทำให้ตอนนี้ แจ๊ค ค่อย ๆ สะสมกองกำลัง ในการที่จะก่อการปฏิวัติ รัฐประหาร แย่งชิง อำนาจกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้แผนการของ แจ๊ค กำลังเริ่มเห็นทางสว่าง ในการที่เค้าจะกลับคืน Twitter ได้อีกครั้งแล้ว เอฟที่ไป focus ผิดจุด ทิ้งงาน CEO ทำให้เกิดความเหินห่างกับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของ Twitter ซึ่งต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งหมด ถึงตอนนี้ใกล้จะถึงบทสรุปของ Series อันยาวนานนี้แล้ว โปรดติดตามในตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 12 : Betray Ev

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Twitter ตอนที่ 10 : Time 101

By tharadhol in Story December 24, 2018

หลังจากได้ออกรายการ ดิโอปราห์วินฟรีย์ โชว์ จำนวนผู้ใช้งานของ twitter สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่วนการแข่งขันระหว่าง แอชตัน คุชเชอร์ กับ CNN นั้น ปรากฏว่า แอชตัน คุชเชอร์ สามารถเอาชนะไปได้ สามารถสร้างยอดติดตามใน twitter ได้ ถึง 1 ล้านคนก่อน และยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ twitter ด้วย

ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ อเมริกา เพียงประเทศเดียวแล้ว twitter กำลังแพร่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2008 ซึ่ง บารัค โอบามา ใช้ twitter เป็นเครื่องมือสำคัญในการหาเสียง

บารัค โอบามา ใช้ twtter หาเสียงจนประสบความสำเร็จในปี 2008

บารัค โอบามา ใช้ twtter หาเสียงจนประสบความสำเร็จในปี 2008

ทำให้เหล่าผู้มีอิทธิพล ในทุก ๆ วงการเริ่มมาเห็นความสำคัญ ของ twitter ทั้ง แวดวงการเมือง  ดารา  นักร้องนักดนตรี หรือ นักกีฬา ที่มีชื่อทั่วโลก ต่างเข้ามาใช้งาน twitter เพื่อเป็นสื่อประชาสันพันธ์ส่วนตัวให้กับตัวเอง ซึ่งมันเห็นผลมาแล้วจากโอบามา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

และแจ๊ค ก็ไม่อยากน้อยหน้า เอฟ ที่ได้ไปออกรายการ ดิโอปราห์วินฟรีย์โชว์ จึงเสนอตัวเป็นตัวแทนของ twitter ในการเข้าไปในอิรัก ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐ ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง google , youtube , yahoo หรือ facebook ในการช่วยเหลือชาวอิรักในการกอบกู้ประเทศหลังผ่านพ้นสงครามโดยอาศัยเทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้มาช่วยเหลือ

แจ๊คไปลุย อิรัก ด้วยตัวเอง

แจ๊คไปลุย อิรัก ด้วยตัวเอง

ซึ่งงานนี้ ทำให้แจ๊ค มีความสุขในการไปในฐานะ ผู้ร่วมก่อตั้ง twitter และสามารถที่จะแย่งชิงความเด่นจาก เอฟ และ บิซ ได้ เพราะหลังจบงานนี้ ทำให้แจ๊ค สามารถยึดพื้นที่สื่อให้กลับมารุมล้อมเค้าได้อีกครั้ง เพราะ twitter ของ แจ๊คนั้น โดดเด่นมากในการโชว์ตัวในอิรัก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในอิรัก ต่างมาทดลองใช้ twitter และต่างสรรเสริญ twitter ว่าจะมาเปลี่ยนโลกของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารไปอย่างสิ้นเชิง

Time 101

จากสองปีก่อน แจ๊ค บิซ และ เอฟ เป็นเพียงคนดังในเหล่าเนิร์ด แห่ง ซิลิกอน วัลเลย์ ยังเป็นคนที่แทบจะไม่มีชื่อ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังมาไกลมาก มากเกินกว่าที่พวกเขาเคยคิดไว้ด้วยซ้ำ

เพราะพวกเขากำลังได้รับเสนอชื่อ เป็นบุคคลทรงอิทธิพล 100 คนของโลกในนิตยสาร Time  นิตยสารชื่อดังของอเมริกา

เอฟ และ บิซ ได้รับเสนอชื่อเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกในนิตยสาร Time

เอฟ และ บิซ ได้รับเสนอชื่อเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกในนิตยสาร Time

และแน่นอน เขาได้รับเชิญมางานเลี้ยงกาล่าของ Time 100 ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาผู้มีชื่อเสียง ทั้งดารา นักร้อง นักการเมือง ซีอีโอพันล้าน เจ้าของรางวัลโนเบล หรือแม้กระทั่ง สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และตอนนี้ พวกเขากำลังอยู่ในจุดเดียวกับพวกเขาเหล่านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าในงานจะเต็มไปด้วย เซเลบ ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มิเชล โอบามา , ลิฟ ไทเลอร์ , เคต ฮัตสัน  , จอห์น เลเจนด์  หรือ โอปราห์ วินฟรีย์ เองก็ตาม พวกเขาเหล่านั้น ก็ต่างพูดถึงคนสามคน ก็คือเหล่าผู้ก่อตั้ง twitter

เหล่าเซเลบ ชื่อดัง มางานกับเพียบ

เหล่าเซเลบ ชื่อดัง มางานกับเพียบ

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า  ทันทีที่แจ๊ค ได้ทราบข่าวว่า นิตยสาร Time จะประกาศรายชื่อหนึ่งร้อยผู้ทรงอิทธิพลของโลก โดยที่ 98 คนในหมู่ผู้ทรงอิทธิพล คือ ผู้นำทางการเมือง นักฟิสิกส์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล นักดนตรี และ เซเลบริตี้ ชื่อดัง ส่วนอีก สองที่ ในรายชื่อ มันกลายเป็น เอฟ และ บิซ แห่ง twitter ซึ่งมันไม่มี แจ๊คอยู่ด้วย

แต่อย่างน้อย เอฟ และ บิซ ก็ทำการล็อบบี้ ให้แจ๊ค สามารถเข้าร่วมงาน กาล่า ดินเนอร์ได้ ซึ่งหลาย ๆ คนในงานก็ไม่รู้ว่า มันไม่ใช่ Time 100 แต่มันกลายเป็น Time 101 ที่แจ๊คเป็นส่วนเกินเข้ามาร่วมงานด้วย

อย่างไรก็ดี แจ๊ค ก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากที่ไม่มีชื่อเขาไปติดทำเนียบดังกล่าว ชื่อของ แจ๊ค ดอร์ซี่ย์ ไม่ได้ถูกกล่าวถึงเลยในบทความของ Time  ซึ่งมันตรงข้ามกับที่แจ๊ค มักจะให้สัมภาษณ์ กับสื่อต่าง ๆ ว่า เขาเป็น ผู้สร้าง twitter เป็นผู้รังสรรค์ มันขึ้นมาเพียงคนเดียว

ซึ่งความจริงแล้ว แจ๊คนั้น แทบจะไม่ได้ทำงานกับ twitter มากว่า 7 เดือนแล้ว ตอนนี้ twitter วิวัฒนาการไปในทางที่ไม่มีผู้ก่อตั้งคนใดคาดคิดมาก่อน แนวคิดเรื่องการอัปเดทสถานะในตอนต้น นั้น ตอนนี้มันเริ่มถูกบดบัง ด้วยบทบาทของการเป็นบริการของข่าว 24 ชั่วโมงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และที่สำคัญ twitter ยังกลายเป็นเครือข่ายที่ใช้ แบ่งปันสิ่งที่สื่อแขนงต่าง ๆ กำลังรายงานอยู่ และ มันกำลังแพร่ขยายไปทั่วโลก

ตอนนี้ ยิ่ง twitter เติบโตขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้แจ๊ค ยิ่งจะกระหายที่จะกลับมาครองบัลลังก์ในฐานะ ผู้ก่อตั้งโดยชอบธรรม

เขามองข้ามเหตุผลต่าง ๆ และเชื่อมั่นอย่างเดียวว่า เขาถูกผลักไส ด้วยการปฏิวัติ เพื่อกุมอำนาจ และอิทธิพล โดยเอฟ และ มันก็ยิ่งเจ็บช้ำขึ้นไปอีกเมื่อในงาน กาล่า Time 100 นั้น เอฟได้รับการแนะนำว่าเป็น CEO ของ Twitter ซึ่งไม่ใช่แจ๊ค

มิเชล โอบามา กล่าวสรรเสริญ เอฟ และ twitter

มิเชล โอบามา กล่าวสรรเสริญ เอฟ และ twitter

แจ๊ค รับไม่ได้ ที่เอฟได้นั่งที่โต๊ะ ระดับแถวหน้า ร่วมกับ เหล่าคนดังแถวหน้าของอเมริกา ห่างไปไม่กี่ฟุต จากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง อย่าง มิเชล โอบามา ผู้ซึ่งกำลังกล่าวสรรเสริญ twitter อยู่บนเวที เกี่ยวกับนวัตกรรม และการเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการหน้าใหม่ และเธอมองลงมาที่ เอฟ ไม่ใช่แจ๊ค

ตอนนี้ เรื่องราวต่าง ๆ เข้าใกล้มาถึงตอนจบแล้วนะครับ แจ๊ค จะหาวิธีในการกลับมาเป็น CEO ของ twitter ได้อย่างไร ในเมื่อ twitter กำลังเจริญก้าวหน้า และเอฟ ก็ได้รับการสรรเสริญไปทั่ว และไม่มีข้อผิดพลาดในการบริหาร twitter แต่อย่างใด จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเหล่าผู้ก่อตั้ง twitter โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 11 : Steve Jobs 2.0

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

ประวัติ Twitter ตอนที่ 9 : The Oprah Effect

By tharadhol in Story December 24, 2018

แม้แจ๊ค จะดูเหมือนถูกขับไล่ออกจาก twitter ไปแล้วนั้น แต่เอฟก็ไม่ได้ไล่แจ๊คออกไปเลยซะทีเดียว โดยได้ปรับให้ แจ๊ค ขึ้นไปเป็นประธานของบริษัท แทนที่ตำแหน่ง CEO เดิม  ซึ่งตำแหน่งที่ยังคงอยู่ของแจ๊ค ทำให้เขายังสามารถเข้าร่วมประชุมบอร์ด twitter ได้เหมือนเดิม แค่ ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกเสียงใด ๆ เท่านั้น

ซึ่งทุกครั้งที่มีการประชุม แจ๊ค ก็เข้าร่วมเสมอเหมือนเดิม โดยเขาเข้ามาเพื่อเพียง นั่งจ้องหน้าเอฟเฉย ๆ เค้าแค่อยากรู้ว่า twitter กำลังทำอะไรต่อไปเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรใด ๆ ในการประชุมทุก ๆ ครั้งของบอร์ดบริหาร twitter

และเช่นเดียวกัน ฟากฝั่ง เอฟ รวมถึง เฟร็ด และ บิฌาน ก็เริ่มทำเฉย ทำให้มันเหมือนเป็นเรื่องปรกติเท่านั้น ก็แค่ทำเป็นไม่ได้มองว่า แจ๊ค ยังอยู่ในที่ประชุมก็เท่านั้นเอง

ตอนนี้ twitter ดังจนฉุดไม่อยู่แล้ว เอฟนั้นได้ทุ่มเทเวลา แก้ไขปัญหาเรื่อง site ล่มได้เป็นผลสำเร็จ ส่วน บิซ ผู้ซึ่งเป็นคนชอบเข้าสังคม ได้ทำหน้าที่เป็นหน้าเป็นตาของ twitter อย่างเป็นทางการต่อ สาธารณชน

บิซ ออกเดินสายโปรโมท twitter

บิซ ออกเดินสายโปรโมท twitter

เขาได้เดินทางทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่ twitter ไปสู่วงกว้าง โดยเข้าร่วมการประชุมสัมนา รายการทีวี ต่างๆ  คอยให้สัมภาษณ์ นิตยสาร รวมถึงหนังสือพิมพ์ กว่าร้อยฉบับ เพื่อ promote twitter ให้สู่วงกว้างมากที่สุด

ส่วนแจ๊ค เริ่มมา focus กับ square บริษัทด้านการชำระเงินผ่านมือถือตัวใหม่ของเขา โดยได้ย้ายออฟฟิส มายังอพาร์ทเม้นต์ เล็ก ๆ ของเขา ที่อยู่ไม่ไกลนักจากสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ twitter

แจ๊ค หันมาปั้น Square โปรเจคด้านการรับชำระเงินผ่านมือถือ

แจ๊ค หันมาปั้น Square โปรเจคด้านการรับชำระเงินผ่านมือถือ

แต่มีสมาชิก นักลงทุนกลุ่มใหม่ที่งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น ปีเตอร์ เฟนตัน เป็นคณะกรรมการคนใหม่ของ twitter เนื่องจากเขาเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในการสนับสนุนการเงินรอบใหม่ของ twitter ซึ่งเขาได้ลงเงินไปกว่า 21 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ twitter ในตอนนี้นั้น พุ่งขึ้นไปสูงกว่า 250 ล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปีเตอร์ เฟนตัน นักลงทุนคนใหม่ที่เข้ามาลงทุนใน twitter

ปีเตอร์ เฟนตัน นักลงทุนคนใหม่ที่เข้ามาลงทุนใน twitter

ตัวเฟนตัน เองนั้นยังเข้าใจว่าแจ๊ค มีบทบาทในแต่ละวันที่ twitter มากกว่านี้ ก่อนมาลงทุนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ก่อตั้งทั้งสอง ทั้งแจ๊ค และ เอฟ นั้นไม่ชอบขี้หน้ากันอย่างร้ายแรง

และในที่สุด เฟนตัน  ก็มีโอกาสได้พูดคุยส่วนตัวกับแจ๊ค โดยแจ๊คนั้นบอกกับ เฟนตัน ว่า เอฟผลักไส เขาออกไปเพื่อกุมอำนาจบริษัท และ idea twitter ทั้งหมดนั้นเป็นของเขา และเริ่มบ่นให้เห็นทิศทางใหม่ของบริษัทที่เอฟกำลังนำพาไปอยู่

มันเป็นการใส่ไฟเอฟ ให้กับเฟนตันได้รับฟัง ซึ่งเฟนตันนั้น ยังเป็นผู้ซึ่งกำลังจะมามีบทบาทอย่างสูงคนต่อไปใน twitter และที่สำคัญ เฟนตัน นั้นก็รู้สึกคล้อยตามแจ๊คซะด้วย และสัญญากับแจ๊คว่า จะพาแจ๊คกลับไปมีอำนาจในบริษัทให้ได้อย่างแน่นอน

มันเป็นแผนการที่ร้ายกาจของแจ๊คมาก ที่สามารถดึงบอร์ดที่มี power สูงอย่าง เฟนตัน เข้ามาเป็นพวกได้ ซึ่งตอนนี้นั้น แจ๊ค ก็เริ่มเห็นเส้นทางที่จะพาเขากลับไปยัง twitter อีกครั้งแล้ว

The Oprah Effect

เมื่อถึง ปี 2009  ตอนนี้ twitter เริ่มดังจนเข้าสู่กระแสหลักได้บ้างแล้ว ทั้ง celebrity รายการทีวี  ช่องข่าวชื่อดังต่าง ๆ ได้ใช้ twitter เป็นสื่อหลักในการรายงานข่าวอัดเดทกันแทบจะทั้งหมด

และมันถึงเวลาที่ twitter จะต้องไปออกรายการ ดิโอปราห์วินฟรีย์โชว์ หนึ่งในผู้หญิงที่โด่งดังและมีอิทธิพลที่สุดในโลก เอฟ จะต้องไปช่วย โอปราห์ วินฟรีย์ ส่ง tweet แรกของเธออย่างเป็นทางการในรายการของเธอ

และในช่วงเดียวกัน CNN และ แอชตัน คุตเชอร์ กำลังจะแข่งขันกันเพื่อจะให้กลายเป็นบัญชีแรกใน twitter ที่มีผู้ติดตามถึง 1 ล้านคน

แอชตัน คุชเชอร์ กับ CNN แข่งกันว่าใครจะมี follower ถึง 1 ล้านคนก่อน

แอชตัน คุชเชอร์ กับ CNN แข่งกันว่าใครจะมี follower ถึง 1 ล้านคนก่อน

ถึงตอนนี้ twitter เริ่มจะเอาไม่อยู่อีกแล้ว แต่ละวัน เริ่มมีผู้ใช้งานใหม่หลายแสนราย ซึ่งทั้งหมดต่างใช้งาน tweet เข้าไปในระบบอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ server ของ twitter เริ่มที่จะถึงขีดจำกัดอีกครั้ง

ทีมวิศวกรของ twitter ตอนนี้นั้น แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน ต้องทำงาน 24 ชม. เพื่อให้ไซต์ทำงานได้ปรกติ

ซึ่งการไปออกรายการที่มีผู้ชมระดับ 26 – 42 ล้านรายต่อสัปดาห์อย่าง ดิโอปราห์วินฟรีย์โชว์ นั้น ถือเป็นฝันร้ายของเหล่าวิศวกร twitter เลยทีเดียว

รายการของโอปราห์ มีผู้ชมสดกว่า 20 ล้านคน

รายการของโอปราห์ มีผู้ชมสดกว่า 20 ล้านคน

และโอปราห์นั้นเป็นตัวแทนของกระแสหลัก ซึ่งเข้าถึงผู้ชมระดับ mass ได้มากมาย และแฟน ๆ ของ โอปราห์ อาจจะลงทะเบียนเข้ามาถล่ม server twitter ได้ในวันออกอากาศ

เอฟ รีบประชุมกับวิศวกรโดยด่วน ว่าจะทำยังไงให้ site ไม่ล่มออกอากาศแบบสด  ๆ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อ twitter อย่างแน่นอน จึงได้ตัดสินใจกับทีมวิศวกรว่า จะให้สร้าง server ตัวใหม่ เพื่อ โอปราห์ โดยเฉพาะ  เป็น server twitter พิเศษส่วนตัวของเธอไปเลย ซึ่งการันตีว่า site จะไม่ล่มแน่นอน และการ tweet ครั้งแรกของเธอ ไม่มีทางล่มออกอากาศ

ตอนนี้ ทีมงาน twitter ต้องเตรียมรับศึกทั้งสองทาง ทั้งการแข่งขันระหว่าง CNN และ แอชตัน คุตเชอร์ เพื่อให้ได้ผู้ติดตาม 1 ล้านคนแรกก่อน รวมถึง ดิโอปราห์วินฟรีย์โชว์ ที่จะออกอากาศในไม่กี่วันข้างหน้า

และในที่สุดวันออกอากาศ จริง ก็มาถึง มีการเตรียม script ไว้อย่างดี แม้ตัวโอปราห์เองนั้น จะเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีแม้แต่น้อย แต่ทุกอย่างถูก set ไว้หมดแล้ว โอปราห์ เพียงแค่ พิมพ์ แล้วกด ปุ่ม Tweet

แต่โอปราห์ ดันไปกดปุ่ม cap lock ทำให้ tweet แรกของเธอ กลายเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด โดย tweet แรกของ โอปราห์ คือ “HI TWITTER. THANK YOU FOR A WARM WELCOME. FEELING REALLY 21st CENTURY.”

แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือ เธอดันไปกดปุ่ม ลบ Tweet แทนปุ่ม ส่ง Tweet ทำให้โอปราห์ ยังไม่ได้ Tweet ออกไปจริง ๆ  เอฟจึงรีบผลักโอปราห์ไปข้าง ๆ แล้วคว้าคีย์บอร์ดมาพิมพ์ tweet ตัวพิมพ์ใหญ่แบบเดียวกันอย่างรวดเร็ว แล้วกดส่งใหม่อีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงพักเบรกโฆษณาพอดี

Tweet ของ โอปราห์ วินฟรีย์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของ twitter

Tweet ของ โอปราห์ วินฟรีย์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของ twitter

และ Tweet ของครั้งนี้จาก โอปราห์ ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งยิ่งใหญ่ของ twitter  เมื่อรายการกำลังดำเนินต่อไป ผู้ชมของโอปราห์ต่างหลั่งไหลไปลงทะเบียน twitter ผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม twitter ในวันนั้นมากกว่าวันไหน ๆ ในประวัติศาสตร์ twitter คนกว่าครึ่งล้านเข้ามา register ภายใน 24 ชม.หลังจากนั้น และทยอยหลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ตอนนี้ twitter เข้าสู่กระแสหลักของสังคมเต็มรูปแบบแล้ว

เอฟนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ กับวันนี้ วันที่เขาสามารถพา twitter ประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง เหมือนที่เค้าสามารถทำ blogger สำเร็จมาแล้ว ลบคำสบประหม่า ว่าเขาไม่มีทางที่จะสร้างความสำเร็จได้ซ้ำสองลงได้สำเร็จ

แต่ในอีกมุมหนึ่งนั้น โนอาห์ ซึ่งกำลังได้ดูรายการสดของ โอปราห์อยู่ด้วย แทบไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ว่าเขาได้ถูกลบออกจากเรื่องราวของ twitter หมดสิ้นไปแล้ว เขาได้ tweet ระบายออกมาว่า “พอดูเขาในทีวี ฉันสงสัยว่าฉันไร้ตัวตนขนาดนี้ได้ยังไง หายไปจากเวที ไม่มีลายนิ้วมือแม้แต่น้อย”

ส่วน แจ๊ค เมื่อได้ดูรายการโอปราห์ เขาโกรธ จนแทบจะเส้นเลือดสมองแตก เค้าโมโหมาก ที่เขาไม่ได้เป็นคนไปปรากฏตัวในรายการ เหมือน เขาถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ twitter ไปอีกคน

แจ๊ค โมโหอย่างมาก ที่ตัวเองเหมือนไม่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้

แจ๊ค โมโหอย่างมาก ที่ตัวเองเหมือนไม่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้

แจ๊ครู้สึกว่าชื่อเขาถูกลบออกไป และเขาไม่เหมือนกับโนอาห์ ที่ยอมแพ้กับเรื่องดังกล่าวแล้วหลบฉากหายตัวไปดั่งคนพ่ายแพ้ แต่แจ๊ค กำลังมีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น

ต้องบอกว่า ถึงตอนนี้ twitter ได้ก้าวข้ามจากบริษัทเล็ก ๆ แห่งนึงใน ซิลิกอน วัลเลย์ กลายเป็นบริษัทที่ถูกพูดถึง และ ยกย่องอย่างมากในสื่อกระแสหลัก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ twitter ทำนั้นกำลังเปลี่ยนโลกของเราไปอย่างสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนว่าปัญหาความผิดใจกันของเหล่าผู้ก่อตั้ง ก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยดีแต่อย่างใด แล้วแผนการใหญ่ของแจ๊ค นั้นคืออะไร จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับ twitter โปรดติดตามตอนต่อไป

–> อ่านตอนที่ 10 : Time 101

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

Search

  • POSTS
  • TAGS

POSTS

  • Becky Li กับอิทธิพลของ KOL ที่ขายรถ Mini ออนไลน์ได้ 100 คันในเวลา 4 นาที
  • Henrys คนรุ่นมิลเลนเนียลที่ทำรายได้ 6 ​​หลัก แต่ก็ยังบอกว่าพวกเขารู้สึกยากจน
  • Geek Monday EP81 : Real-Time Engagement กับเทคโนโลยีเบื้องหลังสตาร์ทอัพพันล้านอย่าง Clubhouse
  • รักแรก รักเดียว และรักแท้ ของชายที่ชื่อ Bill Gates
  • Geek Story EP85 : Digital Music War (ตอนที่ 6 – ตอนจบ)

TAGS

AI alibaba amazon android apple big data bill gates CoronaVirus Covid19 ebay elon musk facebook google huawei iphone ipod jack ma machine learning mark zuckerberg microsoft netscape paypal paypal mafia peter thiel Robot samsung SpaceX startup steve jobs Tesla ประวัติ alibaba ประวัติ alipay ประวัติ Elon Musk ประวัติ facebook ประวัติ google ประวัติ Jack Ma ประวัติ Larry Page ประวัติ mark zuckerberg ประวัติ paypal ประวัติ อีลอน มัสก์ ประวัติ แจ๊ค หม่า สตีฟ จ๊อบส์ หุ่นยนต์ แจ๊ค หม่า โคโรน่าไวรัส
March 2021
M T W T F S S
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031  
« Feb    
Proudly powered by WordPress. Theme: DW Minion by DesignWall.

อย่าลืมช่วยกด Like เพจกันด้วยนะคร้าบ!


This will close in 320 seconds