Free for All กับการปรับแนวคิดโมเดลทางธุรกิจที่ถูกที่ถูกเวลาที่สุดของ Google

ยักษ์ใหญ่ทางด้านการค้นหาอย่าง Google นั้นเรียกได้ว่ามีการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีได้เร็วที่สุดบริษัทหนึ่งใน Silicon Valley และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นการเห็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนผ่านการค้นหาจาก PC/Desktop ไปสู่มือถือ Smartphone

ในเดือนกันยายนปี 2005 ข่าวใหญ่ในวงการมือถือโลกคงจะหนีไม่พ้นการประกาศรวมตัวของ Microsoft และ Palm ซึ่งหวังจะพิชิตตลาดมือถื อSmartphone ที่อีกเพียงไม่กี่ก้าวพวกเขาก็จะยึดครองได้เบ็ดเสร็จเหมือนที่ทำกับตลาด PC ได้แล้วแท้ ๆ

เหตุการณ์การประกาศรวมตัวที่สั่นสะเทือนวงการที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงาน Google คนหนึ่งเกิดความสนใจขึ้นมา เขาคือ Andy Rubin ผู้เป็นอดีตพนักงาน Apple และเพิ่งได้ทำการขายบริษัทที่สองของเขาคือ Android ไปให้กับ Google ได้ไม่นาน

Andy Rubin เป็นชาวยิวอเมริกัน ที่เติบโตในนิวยอร์ก เป็นลูกของนักจิตวิทยาที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเอง และพ่อของเขาก็ทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย เขาสามารถสร้างกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเองขณะที่ยังเด็ก

โดยเขาเรียนจบจากวิทยาลัยอูตีกา ในอูตีกา นิวยอร์ก ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขามีประวัติการทำงานอันน่าทึ่ง เพราะเริ่มทำงานที่บริษัท คาร์ล ไซซ์ ในตำแหน่ง วิศวกรหุ่นยนต์  ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่บริษัทแอปเปิล ในฐานะวิศวกรควบคุมฝ่ายการผลิต

หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมงานกับ Artemis Research ที่ก่อตั้งโดย Steve Perlman ซึ่งเป็นผู้สร้าง WebTV ที่สุดท้ายได้ถูก Microsoft ซื้อไปในที่สุด

หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมา Rubin ก็ได้ออกมาตั้งบริษัทเองชื่อ Danger Inc. ซึ่งบริษัท Danger นี่เองที่เป็นผลงานโดดเด่นมากของ Rubin ในการทำระบบ OS บนมือถือ

ซึ่งได้กลายเป็นสินค้ายอดฮิตของวัยรุ่นอเมริกานั่นคือ Danger Hiptop (T-Mobile SideKick) ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่มีความสามารถคล้าย ๆ กับ PDA โดยมีการบอกความเป็น Entertainment ให้ดูมีความสนุกสนานเหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งต่อมา Microsoft ก็ได้เข้าไปซื้อกิจการในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 

สำหรับ Android นั้น ดูเหมือนว่าในตอนแรก Google จะดูไม่มีท่าทีจะสนใจโดยเฉพาะ CEO ในขณะนั้นอย่าง เอริก ชมิตต์ ดูจะส่ายหัวกับไอเดียในการสร้างระบบปฏิบัติการมือถือของ Google ขึ้นมา

แต่สองผู้ก่อตั้งของ Google อย่าง แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน นั้นได้มองเห็นโทรศัพท์มือถือว่าเป็นอนาคตที่สำคัญ จึงได้ทำการไปแอบซื้อ Android มาโดยไม่ปรึกษา CEO ในขณะนั้นอย่าง ชมิตต์ แต่อย่างใด

แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองได้เล็งเห็นถึงอนาคตของวงการมือถือ เพราะผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Search Engine ของ Google นั้น ในอนาคตเหล่าผู้คนต้องใช้งานผ่านมือถือโดยเฉพาะ Smartphone อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการตัดสินใจซื้อบริษัทครั้งสำคัญครั้งนึงเลยของ Google ที่มีต่อแผนธุรกิจระยะยาวของพวกเขา

ทั้ง เพจ,บริน และ รูบิน นั้น มองเห็นอนาคตของ อินเทอร์เน็ตที่จะเคลื่อนไปสู่มือถือ และเมื่อถึงตอนนั้นผู้คนก็จะค้นหาผ่านมือถือมากกว่า PC และ Smartphone จะกลายเป็นอุปกรณ์ประจำกายของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน

ทั้ง เพจ,บริน และ รูบิน นั้น มองเห็นอนาคตของ อินเทอร์เน็ตที่จะเคลื่อนไปสู่มือถือ (CR:lemondeinformatique.fr)
ทั้ง เพจ,บริน และ รูบิน นั้น มองเห็นอนาคตของ อินเทอร์เน็ตที่จะเคลื่อนไปสู่มือถือ (CR:lemondeinformatique.fr)

เพราะคนสามารถใช้ Smartphone เคลื่อนที่ไปไหนก็ได้อย่างอิสระเสรี ไม่ต้องมาอยู่กับที่เหมือนกับการเล่นอินเทอร์เน็ตบน PC หรือ Desktop และจะเกิดข้อมูลขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเหล่าผู้ใช้งานเคลื่อนที่ไปแต่ละแห่งอยู่ตลอดเวลา

แน่นอนว่าการค้นหาก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และที่สำคัญเมื่อมีข้อมูลจากเหล่าผู้ใช้งานมากขึ้น ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการค้นหาของ Google นั้นดียิ่งขึ้นไปอีก และยากที่ใครจะมาโค่นล้ม Google ในธุรกิจการค้นหาได้

ซึ่งเมื่อมือถือกลายเป็นตลาดที่เติบโตมหาศาล ในที่สุดผู้ผลิตก็จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล เพื่อนำบริการการค้นหาใด ๆ เป็นค่าเริ่มต้นของมือถือของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่า Google คงไม่อยากเสียเงินแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อให้เป็นการค้นหาเริ่มต้นใน Browser อย่าง Firefox และ Safari ในยุค PC ก่อนหน้า

ซึ่งวิธีเดียวที่จะรับประกันอนาคตของ Google ให้มีที่ยืนในโปรแกรมค้นหาบนมือถือได้ ณ ขณะนั้นก็คือ Android และต้องมีแรงจูงใจพิเศษที่เหล่าผู้ผลิตมือถือได้รับแล้วไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอได้

หลังจากการเปิดตัวอย่างสวยงามของ iPhone ในต้นปี 2007 Google จึงได้เริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างของวงการโทรศัพท์มือถือโลก ว่าโลกของมือถือในอนาคตนั้นจะขับเคลื่อนไปในรูปแบบมือถือจอสัมผัส อย่างที่ iPhone สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน

มันเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจที่ชาญฉลาดที่สุดครั้งนึงในการเปลี่ยน Android จากเดิมนั้นต้องมีคีย์บอร์ด QWERTY แบบเดียวกับที่ Blackberry ทำให้กลายร่างมาเป็นมือถือแบบจอสัมผัสอย่างที่ Apple ทำกับ iPhone

และ Google ก็เริ่มลุยทันทีโดยไม่ปล่อยให้ช้าเกินไป โดยในปี 2007 google ได้เปิดตัว OHA (Open Hanset Alliance) โดย Google จะเสนอตัวในการสร้างระบบปฏิบัติการมือถือให้ฟรีสำหรับผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ ๆ ทุกราย

ซึ่งแน่นอนการได้ของฟรีแบบนี้ ใครจะไม่ชอบล่ะ เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านมือถือจากทั่วโลกต่างตบเท้าเข้าร่วมกับ Google ใน OHA ไม่ว่าจะเป็น HTC , Motorola , T-Mobile , หรือ Qualcom 

OHA (Open Hanset Alliance) ที่บริษัทยักษ์ใหญ่มือถือทั่วโลกต่างเข้าร่วม (CR:androidwidgeteg)
OHA (Open Hanset Alliance) ที่บริษัทยักษ์ใหญ่มือถือทั่วโลกต่างเข้าร่วม (CR:androidwidgeteg)

และที่สำคัญ เครือข่ายโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง China Mobile นั้นก็ตอบรับในข้อเสนอดังกล่าวของ Google เพราะมองว่าจีนจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของ Smartphone ในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ด้วยการที่จีนเติบโตอย่างรวดเร็วและจำนวนชนชั้นกลางเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนั้น การใช้ระบบปฏิบัติการที่ฟรีอย่างที่ Google เสนอนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับประเทศจีน

ซึ่งแนวคิดหลักของ OHA นั้น Google จะเป็นแกนหลักของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา รวมถึงบริการต่าง ๆ ของ Google ที่จะติดมากับระบบปฏิบัติการใหม่ตัวนี้ โดยระบบจะเปิดให้มากที่สุด ซึ่งผู้ผลิตสามารถเข้าถึง Sourcecode ของระบบปฏิบัติการได้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ Apple กับ Microsoft ทำ ที่ปกป้อง Sourcecode ของตัวเองดั่งไข่ในหิน

แน่นอนว่าสิ่งนี้มันไม่ดีต่อทั้ง Apple และ Microsoft อย่างแน่นอน Google ได้พยายามทำสิ่งที่  Microsoft ทำในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่พวกเขากำลังทำทุกอย่างให้ใช้กันแบบฟรี ๆ ให้เหล่าผู้ผลิตมือถือเอาไปใช้ได้อย่างสบายใจ เพียงแค่ต้องมีบริการของ Google ติดตั้งค่ามาตั้งแต่โรงงานเพียงเท่านั้น

และที่สำคัญเหล่าผู้ผลิตมือถือเริ่มที่จะระแวง Microsoft ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกลัวจะซ้ำรอยเดิมกับตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สุดท้ายคนที่รวยจริง ๆ ก็คือ Microsoft แต่เพียงผู้เดียว

และท่ามกลางความไม่ไว้วางใจนี้เองที่ Android ได้แทรกตัวเข้ามา ทำให้รูปแบบของโมเดลธุรกิจของ Google นั้นน่าสนใจขึ้นมาทันทีสำหรับเหล่าบริษัทผู้ผลิตมือถือทั่วโลก เพื่อสร้างความแตกต่างกับตลาด Google ได้แปลงสิ่งที่ Microsoft เก็บค่าบริการมาเปิดให้บริการฟรี

แม้ในขณะนั้น Microsoft ยังดูมั่นใจในตลาดมือถือของตัวเองเป็นอย่างมาก โดยปี 2008 ในงาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนาประเทศสเปน Microsoft ยังแถลงตัวเลขของ Windows Mobile ที่ดูสวยหรู

โดยสามารถขายสิทธิ์การใช้งาน Windows Mobile ไปได้กว่า 14.3 ล้านชุด ซึ่งในขณะนั้นทำให้ Microsoft กลายเป็นผู้นำในตลาด Smartphone แซงหน้าทั้ง RIM ที่ผลิต Blackberry และ ไม่ต้องพูดถึง iPhone ที่เพิ่งตั้งไข่ในตลาดโทรศัพท์มือถือ

Microsoft ที่เกือบจะพิชิตตลาดมือถือสมาร์ทโฟนด้วย Windows Mobile ได้แล้ว (CR:Techrepublic)
Microsoft ที่เกือบจะพิชิตตลาดมือถือสมาร์ทโฟนด้วย Windows Mobile ได้แล้ว (CR:Techrepublic)

แต่เหมือน Microsoft นั้นย่ามใจในตลาดโทรศัพท์มือถือ โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่เกือบทั้งหมด และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เหล่าผู้ผลิตโทรศัพท์ เริ่มรู้สึกว่า Microsoft นั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน

และไม่ใช่การเกิดขึ้นของ iPhone แต่เป็นการมาถึงของ Android ของ Google ต่างหากที่เป็นตัวเร่งในการกำจัด Windows Mobile ของ Microsoft ออกไปจากตลาด

Google ทำให้ Microsoft เหนื่อยอีกครั้ง เพราะจะไปสู้กับโมเดลธุรกิจแบบแจกฟรีของ Google ได้อย่างไร

แม้ปีที่รุ่งเรืองที่สุดของ Windows Mobile ตั้งแต่เดือน กรกฏาคมปี 2007 ถึง มิถุนายน ปี 2008 Apple ขาย iPhone ได้ 5.41 ล้านเครื่อง และในปีต่อมาในช่วงเวลาเดียวกัน Apple สามารถจำหน่าย iPhone ไปได้ถึง 20.25 ล้านเครื่อง ซึ่งมันได้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญแล้ว ที่สามารถขายได้มากกว่าลิขสิทธิ์ของ Windows Mobile ถึง 2 ล้านหน่วย

บรรดาสื่อ รวมถึง นักวิเคราะห์ตามสำนักข่าวใหญ่ ๆ เริ่มสังเกตเห็นปรากฏการณ์เพราะพวกเขาสามารถดูจากสถิติการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของสำนักข่าวใหญ่ ๆ เหล่านี้ได้ว่ามาจากอุปกรณ์ใด 

ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เป็นสาวก iPhone นั้นเป็นพวกชอบใช้เว็บไซต์บนมือถือมาก เพราะมันได้ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจาก Smartphone อื่น ๆ ที่เคยมีมาอย่างชัดเจน และยุคของ อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ มันได้เริ่มต้นแล้วอย่างแท้จริง

และข้อตกลงครั้งสำคัญที่ให้ Google เป็น Search Engine เริ่มต้นใน Browser Safari ของ Apple ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดอีกครั้ง เพราะตอนนั้นโลกของ Mobile กับ อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

โลกของการท่องอินเทอร์เน็ตได้ถูกขับเคลื่อนใหม่ด้วยมือถือแบบจอสัมผัส แบบที่ iPhone ทำแล้วนั่นเอง ซึ่งผู้ใช้งานเข้าสู่โปรแกรมการค้นหาผ่าน iPhone โดย Safari มากกกว่าอุปกรณ์ใด ๆ อย่างชัดเจนขึ้นหลังเทศกาลคริสต์มาสปี 2007

ซึ่งข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ยืนยันถึงโลกธุรกิจมือถือยุคใหม่ที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว และดูเหมือน Microsoft แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล และข้อมูลที่ google ได้เห็นนั้น มันได้ทำให้โครงการ Android ของ Google ที่นำโดย Andy Rubin เปลี่ยนธุรกิจของ Google ไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากวันนั้นเป็นต้นมานั่นเองครับผม


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube