มันส์ยันวินาทีสุดท้าย! ย้อนความหลังดูการชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ใกล้ชิดชวนเป็นลมที่สุดในศตวรรษที่ 21

สำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลปัจจุบัน เรียกได้ว่าเรากำลังรับชมการขับเขี้ยวแข่งขันของยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษมากถึงสามทีม แชมป์เก่า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ก็คงอยากจะป้องกันแชมป์ให้ได้อีกสมัย ซึ่งจะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้สี่สมัยติด ๆ ส่วน “ลิเวอร์พูล” แชมป์ยุคโควิด ก็อยากจะสู้สุดตัวเพื่อสั่งลานายใหญ่ “เยอร์เก้น คล็อปป์” หลังจากคุมทีมมาได้ร่วม 9 ปี พร้อมมีลุ้นขึ้นไปทาบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย ในขณะที่ “อาร์เซน่อล” หลังจากที่พลาดท่าไปในปีที่แล้ว ก็พร้อมจะกลับมาท้าชิงมงกุฎเพื่อคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีให้จงได้

ซึ่งนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นสามทีมเข้าชิงแชมป์กันในรอบไม่รู้กี่ปี เพราะฉะนั้น เรามาย้อนความหลังไปรับชมการชิงชัยที่ใกล้ชิดแนบแน่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกกัน มาดูกันว่าพอจบเดือนพฤษภาคม ใครกันแน่จะได้เฉลิมฉลอง

2013/2024: ซิตี้ได้ฉลอง ลิเวอร์พูลลื่นสะดุด

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำประตูชัยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 3-2 ที่แอนฟิลด์ ทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงหลังจบเกมนัดที่ 34 ก่อนที่หลังจบเกม จะมีภาพของสตีเฟน เจอร์ราร์ด โอบกอดเพื่อนร่วมทีมและลั่นวิวาทะ “This does not f**king slip now!” (เราจะไม่ปล่อยให้แชมป์หลุดมือไป) แต่โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลก เมื่อเป็นเจอร์ราร์ดที่ลื่นสะดุดหลังจับบอลหลุดเท้า ส่งให้เดมบา บา เข้าไปยิงประตูในช่วงท้ายครึ่งแรกส่งให้เชลซีขึ้นนำในเกมถัดมา ก่อนจะแพ้ไป 2-0

แต่ ในขณะที่หลายคนยังคงเยาะเย้ยเจอร์ราร์ดด้วยจังหวะลื่นล้มมาจนถึงตอนนี้ มันไม่ใช่เกมนั้นครับที่ทำให้ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์ แต่มันเป็นเกมที่พวกเขาพลาดท่าปล่อยให้คริสตัล พาเลซ คัมแบ็คกลับมาตีเสมอ 3-3 หลังจากที่ทิ้งห่างไปได้ถึง 3-0 แล้วต่างหาก จริงอยู่ที่สุดท้ายมันก็คงจะไม่ช่วยอะไร แต่ใครจะไปรู้ครับ

ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะรวด ๆ ในสี่เกมสุดท้าย และเอาชนะเวสต์แฮมในนัดสุดท้ายเพื่อคว้าแชมป์ด้วยคะแนน 86 คะแนน มากกว่าลิเวอร์พูล 2 คะแนน มากกว่าเชลซี 4 คะแนนเท่านั้น

2007/2008: ศึกสามเส้า สิงห์-ผี-ปืน

ช่วงปี 2007/2008 ถือเป็นหนึ่งในยุคที่พรีเมียร์ลีกมีสีสันและเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มากที่สุดในโลกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ยุโรปของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยการเอาชนะเชลซี หรือการคว้าแชมป์สโมสรโลกในปีถัดมาของยูไนเต็ด แต่สิ่งที่เป็นเครื่องจุดประกายทุกอย่างก็คือแชมป์ลีกสมัยนี้นั่นเอง

ในฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อลโชว์ฟอร์มแรงและนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกข้ามมาจนถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พวกเขาพลาดท่าเสมอกับเบอร์มิงแฮม ก่อนจะเอาชนะคู่แข่งได้อีกเพียงครั้งเดียวจากอีกแปดเกมถัดมา รวมถึงแพ้เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่ดับความหวังทั้งหมดลง แต่เพื่อนร่วมเมืองอย่างเชลซี ภายใต้การคุมทีมของกุส ฮิดดิ้งค์ ก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาไร้พ่ายถึง 18 นัดติด ๆ รวมถึงเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ได้อีก 2-1 ทำให้พวกเขามีแต้ม 84 คะแนนเท่ากับยูไนเต็ดในนัดรองสุดท้าย แต่ตามหลังด้วยผลประตูได้เสีย

แต่ในที่สุด ยูไนเต็ดก็มาเหนือและคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จด้วยการเอาชนะวีแกนไป 2-0 ก่อนจะเดินหน้าทำลายความฝันของเชลซีอีกรอบในเวทีฟุตบอลยุโรป

2011/2012: “อเกวโรรรรรรรรรรรรรรรร่!”

แน่นอนครับว่าเราต้องปิดท้ายด้วยฉากจบที่น่าจะดึงดราม่าและเร้าอารมณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ดราม่ายิ่งกว่าการเเข่งขันกีฬาไหน ๆ ในรอบหลายปี นั่นก็คือการต่อสู้ชิงแชมป์ระหว่างสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง จนแล้วจนรอด หลัง 37 เกมผ่าน คู่ปรับร่วมเมืองทั้งสองฝั่งทำคะแนนได้ 86 คะแนนเท่ากัน แต่แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีประตูได้เสียที่ดีกว่า 8 ประตู คู่ปรับในวันสุดท้ายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่กำลังหนีตกชั้น ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องเดินทางขึ้นเหนือไปเยือนซันเดอร์แลนด์

ยูไนเต็ดขึ้นนำซันเดอร์แลนด์ 1-0 ในขณะที่ซิตี้ตามหลังคิวพีอาร์อยู่ 2-1 จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พวกเขาต้องทำประตู 2 ประตูในช่วง 4 นาทีเพื่อคว้าแชมป์ให้ได้ หลาย ๆ คนคิดว่ายูไนเต็ดทำได้สำเร็จ แต่เอดิน เชโก้ ก็มาทำประตูตีเสมอเป็น 2-2 เพื่อจุดประกายความหวังให้กับทุกคนในทีม ก่อนที่จะตามมาด้วยจังหวะสุดคลาสสิก มาริโอ บาโลเตลลี่ได้บอล ก่อนจะสะกิดต่อไปให้กับเซอร์คิโอ อเกวโร่ ตะบันผ่านโรเบิร์ต กรีน เข้าตาข่ายไป ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์ลีกอังกฤษเป็นสมัยแรกนับแต่ปี 1968 หรือในรอบกว่า 44 ปีเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าตื่นเต้นเร้าใจกันมาก ๆ แต่ก็ไม่ตื่นเต้นเร้าใจเท่ากับเล่นคาสิโนออนไลน์บน happyluke แน่นอน ทั้งหลากหลาย ปลอดภัย และชวนน่าติดตาม เข้าเว็บไซต์และเล่นตอนนี้เลย!

การชิงแชมป์สุดมันส์ครั้งอื่น ๆ ที่น่าพูดถึง

  • 2018/2019 “ต้องแค่ไหนถึงจะพอ?” ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์ทั้งที่เก็บคะแนนได้มากถึง 97 คะแนน ซึ่งน้อยกว่าแชมป์ในปีนั้นอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 คะแนน
  • 2009/2010 “ต้องแค่ไหนถึงจะพอ? (รุ่นพ่อ)” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพลาดแชมป์ทั้งที่เก็บคะแนนได้มากถึง 85 คะแนน ซึ่งน้อยกว่าแชมป์ในปีนั้นอย่างเชลซี 1 คะแนน ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษ เนื่องจากสมัยนั้น แทบจะหาทีมเก็บคะแนนได้เกิน 80 คะแนนแล้วพลาดเเชมป์ได้ยากมาก
  • 2015/2016 “จิ้งจอกปาฏิหารย์” เลสเตอร์ ซิตี้ พลิกบ่อน พลิกกูรูทั่วโลก ด้วยการเถลิงขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เอาชนะทั้งอาร์เซน่อล สเปอร์ส และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้สำเร็จ