South Korea ตอนที่ 7 : The Glory of Korea

ประเทศเกาหลีใต้ ได้ถือกำเนิดมาในสภาพรัฐที่สิ้นหวัง ทั้งยากจน บอบช้ำจาก การถูกล่าอาณานิคม แถมยังถูกสงครามทำลายอย่างย่อยยับ ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีเพียงน้อยนิด ประเทศที่ถูกแบ่งเหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นแรงผลักดันให้ประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จ ได้อย่างเหลือเชื่อ ในเวลาเพียงแค่ชั่วอายุคนเพียงเท่านั้น ความสามัคคี และรักชาติ นำพาเกาหลีใต้พลิกฟื้นประเทศ จนกลายเป็นประเทศที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกประเทศนึงในปัจจุบัน

มันไม่เหมือนประเทศอย่างจีน หรือ สิงคโปร์ ความสำเร็จของเกาหลีใต้นั้น มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึง ทั้งเรื่องการเมือง และ สังคม รวมถึงความเป็นประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งของเกาหลีด้วย

ผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม ก็ไม่น้อยหน้าประเทศไหนในโลก  สังคมของเกาหลีใต้ กำลังได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น และยังคอยพัฒนาอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดยั้ง เรายังไม่ได้เห็นจุดสูงสุดของประเทศเกาหลีใต้ในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน เพราะพวกเขากำลังพัฒนาด้วยอัตราเร่ง แบบไม่ได้ชะลอความรวดเร็วลงไปเลย

ด้วยบุคลิก และ ลักษณะทางสังคมที่มีความยืดหยุ่นนั้น ทำให้คนในสังคมเกาหลีใต้อยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางความขัดแย้งและแตกต่าง มันก็เหมือนกับทุกประเทศที่ผู้คนต่างมีอุดมการณ์ไม่ว่างทางการเมือง ศาสนา หรือ จารีต ประเพณีต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน

แต่เกาหลีใช้จุดนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าจะถ่วงความเจริญก้าวหน้า นิสัยหลาย ๆ อย่างของชาวเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นความแน่วแน่ และทุ่มเทอย่างไม่ลดละเพื่อเป้าหมาย ก็สามารถช่วยให้คนเกาหลีสร้างความเจริญก้าวหน้าในหลาย ๆ ด้านได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นที่อิจฉาของทุก ๆ ชาติ

แต่มันก็ต้องแลกด้วยอะไรหลายอย่าง คนเกาหลีใต้ ต้องทำงานหนักกว่าใครเพื่อน เรียนหนักกว่าใครเพื่อน จิตวิญญาณที่รักการแข่งขัน ที่อยู่กับพวกเขาตลอดชีวิต ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยเกษียณ มันแลกด้วย ความสุขที่ลดลงไปของชาวเกาหลี

แม้ตอนนี้พวกเขาจะประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว กลายเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วเทียบเท่า อเมริกา ญี่ปุ่น หรือ ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้สำเร็จแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนพวกเขายังไม่หยุดที่จะก้าวต่อไป

คนเกาหลียังคงมีชั่วโมงการทำงานที่มากที่สุดเหมือนเคย การลงทุนกับเรื่องการศึกษาที่บ้าคลั่ง ดูเหมือนจะเกิดพอดีไปเสียด้วยซ้ำ การแย่งชิงตำแหน่งงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุด นิสัยชอบการแข่งขัน เหล่านี้นั้น กระตุ้นเร้าให้เกิดการพัฒนาแบบต่อเนื่องอย่างไม่ทีท่าว่าจะลดน้อยลงไปเลย

เกาหลีใต้กับความเจริญที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
เกาหลีใต้กับความเจริญที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย

ซึ่งการแข่งขันกันอย่าบ้าคลั่ง มันส่งผลต่อเกาหลีใต้อย่างใหญ่หลวง ตั้งแต่แต่ทศวรรษ 1960-1980 แม้จะทำให้เกิดความเครียดที่สูงกับชาวเกาหลีบ้างก็ตาม แต่มันไม่ได้มีการต่อต้านจากสังคมแต่อย่างใด มันเหมือนทุกคนในประเทศพร้อมยอมรับในจุดนี้

การแข่งขัน มาตั้งแต่เด็ก ค่าเรียนต่าง ๆ ที่สูงขึ้นทุกปี เงินที่จ่ายไปกับเครื่องสำอางค์ แบรนด์หรู ๆ รวมถึงเรื่องการศัลยกรรมพลาสติก สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยยกระดับสถานะทางสัมคมของคนเกาหลีแทบจะทั้งสิ้น ทุกคนต่างทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนำเสนอตัวตนที่เยี่ยมที่สุดสู่สังคมภายนอก 

แม้คนเกาหลีนั้นจะก้าวผ่านสงครามกลางเมือง และความอดอยาก ยากจน มาแล้ว ก่อนที่จะเปลี่ยนจากดินแดน ผู้ถูกล่า และเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ให้กลายมาเป็น ประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตย ที่มีการเมืองที่เสถียรภาพแห่งหนึ่งของโลก และความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี ที่ไปไกลกว่าใครเพื่อน มันถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศแห่งนี้ ควรจะหยุดพักผ่อน แล้วหันมาจิบแชมเปญสักแก้ว แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายประเทศสุดแสนมหัศจรรย์อย่างเกาหลีใต้นั้น ก็ยังมีอีกสิ่งนึงที่ต้องพิชิตให้ได้ ซึ่งก็คือ การบาลานซ์ ความสมดุล ระหว่างความสุขและความพึงพอใจของประชาชนชาวเกาหลี กับการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วดังที่เราได้เห็นจาก Blog Series ชุดนี้ 

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวประเทศเกาหลีใต้ จาก Blog Series ชุดนี้

ห้าสิบปีที่แล้ว เกาหลีคือประเทศยากจนที่บอบช้ำจากสงคราม  แทบจะไม่คงเหลือประเทศในฐานะรัฐ ๆ หนึ่ง และเกาหลีใต้ได้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้อย่างมั่นคงจนได้กลายเป็นแม่แบบให้กับประเทศกลังพัฒนาทั่วโลก รวมถึงไทยเองด้วยก็ตามที

แม้ตอนนี้พวกเขายังคงไม่พอใจกับการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว อย่างที่ได้ตั้งความหวังไว้ ยังมีแรงกดดันอยู่ต่อเนื่อง ในการก้าวขึ้นสู่ขั้นต่อไป เทียบกับมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของโลก พวกเขาได้สร้างมาตรฐาน ที่ดูเหมือนชาติอื่นจะอิจฉา ทั้ง ด้านการศึกษา ด้านเทคโนโลยี ไม้เว้นแม้แต่เชื่อเสียง และ รูปร่างหน้าตา พวกเขาในตอนนี้ ก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของโลกได้สำเร็จ

วัฒนธรรมอย่าง K-Pop ที่ฉีกกฏเกณฑ์ ทุกอย่าง ทำให้โลกตะวันตก สามารถยอมรับนับถือวัฒนธรรมของโลกตะวันออกได้ แบบที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน มันเป็นกำแพงที่สูงชัน แต่เกาหลีสามารถที่จะก้าวผ่านกำแพงนั้นไปได้สำเร็จ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย สำหรับคนเกาหลีใต้

ข้อคิดสำคัญสำหรับเรื่องของประเทศเกาหลีใต้ ก็คือ ไม่ว่าบ้านเมืองจะเละเทะ ถูกย่ำยีเพียงใด เหมือนประเทศไทย ที่อยู่กับทศวรรษ แห่งความหยุดนิ่ง ความแตกแยกที่รุนแรงภายในประเทศ แต่ประเทศเรายังเจออะไรเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาชาวเกาหลีใต้ได้เคยเจอมา

เพราะฉะนั้น ประเทศเราก็ยังมีโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่ต่างจากประเทศอย่างเกาหลี หากทุกคนในชาติ นั้นลืมเรื่องความขัดแย้ง และสร้างมันเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความสามัคคีของคนในชาติ มันก็สามารถให้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของชาติให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแบบที่เกาหลีเคยทำมาแล้วได้อย่างแน่นอน 

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Foundation *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

South Korea ตอนที่ 5 : Defensive Nationalism

มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความบอบช้ำทางจิตใจของประชาชาวเกาหลี ที่ต้องกลายเป็นเครื่องมือของชาติที่แข็งแกร่งกว่า มาอย่างยาวนาน เพื่อเป็นการตอบโต้จากอดีตเจ้าอาณานิคมที่สำคัญอย่างญี่ปุ่น ที่พยายามล้างสมองชาวเกาหลีว่า ชาวเกาหลีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ญี่ปุ่น จึงได้มีการพัฒนาชุดความคิดในเรื่องชาตินิยม โดยจะมีการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ให้เชื่อว่าชาวเกาหลีนั้น สืบสายตระกูลเดียวกันกับบรรพบุรุษเกาหลีคนแรกเมื่อ 5,000 ปีก่อน 

และรัฐบาลทหารของนายพล ปาร์ค ก็ได้ย้ำแนวคิดชาตินิยม โดยมุ่งให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในประเทศ และเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปลุกใจเหล่าประชาชนชาวเกาหลี ให้ทุ่มเทแรงกายรายใจทั้งหมด เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลี และมันเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการหลุดพ้นจากอดีตอันขื่นขมที่ผ่านมา

ความสัมพันธ์ระหว่าง เกาหลี และ ญีปุ่่น มีมานาน ตั้งแต่สมัย โชกุน ที่มักจะแวะมารุกราน ฆ่าชีวิตชาวเกาหลีไปหลายแสนคน ในช่วงปี 1592-1598 ซึ่ง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อเกาหลี มีทั้งการสังหารหมู่ มีการสะสมหูกับจมูกที่ตัดมาจากศพของชาวเกาหลีเพื่อเป็นรางวัลจากสงคราม

ญี่ปุ่น รุกราน เกาหลีมาตลอดในประวัติศาสตร์
ญี่ปุ่น รุกราน เกาหลีมาตลอดในประวัติศาสตร์

และหลังจากนั้นในช่วงการยึดครองเกาหลีของญี่ปุ่นในปี 1910-1945 นั้น ก็เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดของทหารญี่ปุ่นไม่ต่างกัน กลุ่มชาวเกาหลีที่คิดต่อต้าน จะถูกนำไปทรมาน หรือประหารชีวิต มีการบังคับให้เปลี่ยนชื่อไปใช้ภาษาญี่ปุ่น และพูดภาษาญี่ปุ่นแทน ที่สำคัญ ผู้หญิงชาวเกาหลีจำนวนมากถูกบังคับให้ไปเป็นนางบำเรอกามของทหารญี่ปุ่นในช่วงยุคสงครามโลก มันได้ทำให้ชาวเกาหลี เคียดแค้น มาจวบจนถึงปัจจุบัน

แต่หลังจากจักรวรรดิ ญี่ปุ่นได้ล่มสลายลงไปหลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง เหล่าผู้เคลื่อนไหวเพื่อเอกราชส่วนใหญ่ที่ได้ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ก็ได้เดินทางกลับมาเกาหลี แต่อนาคตของเกาหลีไม่ได้อยู่ในมือของคนเกาหลีอีกต่อไป

มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างสหภาพโซเวียต กับ สหรัฐอเมริกา ฝ่ายคอมมิวนิสต์ กับ ฝ่ายประชาธิปไตย และสุดท้ายมันทำให้ประเทศถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งนึงเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ปกครองโดย คิม อิลซอง โดยสหภาพโซเวียตหนุนหลังอยู่

คิม อิล ซอง ผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ที่โซเวียตหนุนหลังอยู่
คิม อิล ซอง ผู้ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ที่โซเวียตหนุนหลังอยู่

ส่วนเกาหลีอีกฝั่งนั้น ปกครองโดย ซึงมัน รี ที่ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพสหรัฐ เพราะตัวเขานั้นได้จบการศึกษาจากประเทศอเมริกา และนับถือศาสนาคริสต์ และอ้างว่า ยึดถือหลักการของประชาธิปไตย

มันเป็นความแตกแยกที่ไม่ได้สร้างโดยคนเกาหลี พวกเขาไม่สามารถกำหนดอนาคตตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ การแบ่งแยกฝั่งเหนือ และ ใต้นั้น ถูกสถาปนาโดยชาติยักษ์ใหญ่อย่าง สหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกา

และสุดท้าย มันก็ได้ทำให้เกิดสงครามระหว่างชาวเกาหลีด้วยกันเองขึ้นในปี 1950 แม้ทางฝั่งใต้ เกือบจะถูกยึดได้เกือบทั้งหมดแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้น เกาหลีเหนือ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตบุกมาจนเกาหลีใต้ แทบจะหายไปจากแผนที่แล้ว เหลือเพียงปราการด่านสุดท้าย บริเวณเมืองท่าทางตอนใต้ คือ ปูซาน 

สงครามระหว่างชาติเดียวกัน โดยมีชาติยักษ์ใหญ่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
สงครามระหว่างชาติเดียวกัน โดยมีชาติยักษ์ใหญ่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

และเป็น นายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ ที่มาเป็นฮีโร่ให้ชาวเกาหลีใต้ ในการยกพลขึ้นบก ที่เมือง อินชอน โดยร่วมมือกับ กองกำลังของสหประชาชาติ สามารถตีฝ่าวงล้อมกองทัพเกาหลีเหนือ ให้ถอยไปถึงชายแดนจีนได้สำเร็จ

และฝั่งเกาหลีใต้ ก็เกือบจะประกาศชัยชนะ ได้อยู่แล้ว แต่ ท่านประธานเหมา จาก จีนก็ได้ส่งกองกำลังมาช่วยเหลือเกาหลีเหนือ ทำให้กองกำลังของสหประชาชาติ ต้องถอยร่นลงมา ทำให้ไม่มีฝ่ายใดที่สามารถเอาชนะได้แบบเด็ดขาด  จึงทำให้ต้องมีการประกาศสงบศึก พร้อมกับการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนไว้ที่เส้นขนานที่ 38 จวบจนถึงปัจจุบัน

การแบ่งประเทศเช่นนี้ มันทำให้ เกิดความแตกแยกของความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว และ บรรดาเพื่อน ๆ มันได้สร้างความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นกับชาวเกาหลีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ ผู้ที่เคยอยู่ในสถานที่กั้นระหว่างเขตแดนของประเทศทั้งสอง เพราะความเป็นญาติมิตรกันนั้นยังอยู่ แต่ ไม่สามารถที่จะพบเจอกันได้เหมือนอยู่คนละประเทศ

และหลังจากสิ้นสุดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความรักชาติ ของผู้ชายชาวเกาหลีมาที่สุด คือการที่ต้องทนเห็นภาพทหารอเมริกัน อยู่กับผู้หญิงชาวเกาหลี ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการล่าอาณานิคมทางเพศ

ทุกสิ่งเหล้านี้ ล้วนปลุกเร้าให้เกิดความเป็นชาตินิยมขึ้นในเกาหลี มันเริ่มตั้งแต่การเรียน ครูต่างพร่ำสอนนักเรียนให้เชื่อว่าคนเกาหลีสืบสายเลือดกันมากว่า 5,000 ปี เมื่อจบการศึกษาและได้ทำงาน พวกเขาต่างถูกรายล้อมไปด้วยการรณรงค์ ทั้งป้ายประกาศ สื่อต่าง ๆ ของประเทศ ให้ร่วมกันล้ม ประเทศญี่ปุ่นให้จงได้

นักเรียนเกาหลีใต้ถูกปลุกความเป็นชาตินิยมตั้งแต่เด็ก
นักเรียนเกาหลีใต้ถูกปลุกความเป็นชาตินิยมตั้งแต่เด็ก

ญี่ปุ่น ซึ่งเคยกดขี่ข่มเหง เกาหลี ทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศแข็งแกร่งด้วยการทำงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าชาวบ้าน ต้องทำงานให้ได้วันละ 12 ชม. ไม่หยุดแม้กระทั่งในวันเสาร์ มีการแต่งเพลงปลุกใจ แล้วปล่อยทางวิทยุ โดยเปิดเพลงเหล่านี้ซ้ำ ๆ ให้เป็นที่จดจำสำหรับประชาชนทุกคน

ท่านนายพล ปาร์ค นั้นก็ได้เป็นแบบอย่างที่ดี ในการแสดงความเป็นชาตินิยม ใครที่อุดหนุนสินค้าต่างชาติ นั้น จะกลายเป็นถูกมองว่าทรยศ ซึ่งมันได้ช่วยให้สนับสนุนนโยบายการบริโภคสินค้าในประเทศ ฝังความเป็นชาตินิยมแบบสุดโต่งไว้ในหัวของชาวเกาหลีใต้ และสร้างกำแพงป้องกัน โดยการ จัดเก็บภาษีนำเข้าแบบสูงมาก ๆ เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขันได้ยาก

และแม้เกาหลีใต้จะเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 1997 เหมือนเช่นที่ประเทศไทยได้เจอ แต่ความเป็นชาตินิยมหนึ่งเดียวของเกาหลีนั้น ก็ทำให้เขาสามารถคลี่คลายปัญหาใหญ่นี้ได้ก่อนใครเพื่อน

การร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหา ทั้งรัฐบาลและผู้นำธุรกิจระดับสูง ออกมาเรียกร้องความรักชาติ และความสามัคคีจากประชาชน ตัวอย่างเช่น บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ฮุนได ตั้งเวทีรวมพลหน้าสำนักงานใหญ่ เพื่อ ประกาศว่า ฮุนไดต้องชูธงสนับสนุนการอุทิศตัวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของเกาหลี 

วิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย ที่เกาหลีสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยความสามัคคีของคนในชาติ
วิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย ที่เกาหลีสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยความสามัคคีของคนในชาติ

พนักงานของบริษัท ฮุนได นั้นถูกปลุกเร้าให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานเพียงเพื่อความสำเร็จของบริษัทเพียงเท่านั้น แต่กำลังกอบกู้ประเทศจากวิกฤติเศรษฐกิจไปด้วย 

กลุ่ม แชโบล ยักษ์ใหญ่ของเศรษฐกิจเกาหลี ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนนั้น มาร่วมกันบริจาคทองคำเข้าคลังของประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มทองคำสำรองของประเทศ และที่สำคัญมันยังช่วยสร้างขวัญกำลังใจที่สำคัญ มันเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกัน ที่พาเกาหลีใต้ ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้

ความเป็นชาตินิยม เพื่อปกป้องตนเองของเกาหลีใต้นั้น ถือเป็นเหมือนกาวเชื่อมสังคมให้มาสามัคคีกันได้อยู่เสมอ มันเป็นสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่เกาหลีนั้นมาใช้ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดรอยร้าวขึ้น 

ไม่ใช่ว่าชาวเกาหลีใต้นั้นจะสมานสามัคคีกันในทุกเรื่อง มันก็เหมือน ๆ กับทุกประเทศ ไมว่าจะเป็น เรื่องการแบ่งขั้วทางการเมือง การแบ่งตามภูมิภาค หรือ การแบ่งแยกที่มีช่องว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าของเกาหลี

แต่เมื่อประเทศกำลังประสบปัญหา หรือ มีภัยจากภายนอกเข้ามาคุกคาม ความสามัคคีเพื่อพิชิตเป้าหมาย การร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ และพาเกาหลีผ่านพ้นวิกฤตมาทุกครั้ง และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเกาหลีถึงได้กลายเป็นชาติที่พัฒนาได้เร็วติดจรวดได้ถึงเพียงนี้

–> อ่านตอนที่ 6 : More Than K-Pop

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Foundation *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ