ต้องบอกว่าในยุคปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนโลกของเราไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 มันเป็นแค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล แชร์ไฟล์ และการช้อปปิ้งเท่านั้น จนกระทั่ง Mark Pincus ก้าวเข้ามาและมองเห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นมองข้าม
Mark Pincus เป็นคนที่มีความฝันว่าเขาอยากสร้าง “สมบัติบนอินเทอร์เน็ต (internet treasure)” บริการที่ทำให้ผู้คนจินตนาการไม่ออกว่าชีวิตก่อนหน้านี้เป็นยังไง และไม่สามารถอยู่โดยปราศจากมันได้ ไม่ต่างจากคนที่ติดเฟซบุ๊คจนเลิกไม่ได้นั่นแหละ
ชีวิตวัยเด็กของ Pincus หล่อหลอมให้เขาเป็นคนชอบแข่งขัน เขาเติบโตในย่าน Lincoln Park ของชิคาโก มีแม่เป็นสถาปนิกชื่อ Donna เขาเป็นลูกคนกลางและเป็นลูกชายคนเดียว ทำให้มีการแข่งขันกันในบ้านอย่างหนัก
พ่อของเขาชื่อ Ted เป็นเจ้าของบริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใครๆ ก็เทิดทูน Ted เป็นคนชอบฝ่าฝืนกฎ มีความเป็นผู้นำสูง ในภาษายิดดิช คำที่อธิบายตัวตนของเขาคือ “chutzpah” ซึ่งหมายถึงความเป็นผู้นำและกล้าที่จะเปลี่ยนกฎ
บทเรียนสำคัญที่ Pincus ได้รับจากพ่อคือ “ถ้าจะทำอะไร ให้ทำเต็มที่ ทุ่มสุดตัว อย่ายอมแพ้” และนี่แหละที่ทำให้เขาเป็นคนที่ไม่เคยยอมจำนนต่อความล้มเหลว
หลังจบจาก Wharton School of Business มหาวิทยาลัย Pennsylvania เขาทำงานเป็นนักวิเคราะห์การเงินในนิวยอร์ก ก่อนไปเรียนปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด แล้วย้ายไปวอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นจุดที่ชีวิตเขาเริ่มพลิกผัน
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 1994 เมื่อ Pincus ได้สัมผัสเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตเครื่องแรกของโลก เขาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความตื่นเต้นและเขียนเรียงความถึงอนาคตของอินเทอร์เน็ต
เรียงความนั้นทำให้เขาได้คุยกับนักลงทุนหนุ่ม Fred Wilson ที่เสนอเงินกู้ 250,000 ดอลลาร์ให้ทำตามไอเดีย ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นการเสี่ยงเอามาก ๆ
ด้วยเงินก้อนนี้ Pincus สร้างสตาร์ทอัพแรกชื่อ freeloader เป็นแถบเครื่องมือที่ติดกับเบราว์เซอร์ ให้คนสมัครรับเนื้อหาที่ชอบและดาวน์โหลดตอนนอนหลับ
การทำงานหนักสุดๆ เขาและทีมมีเวลาแค่ 4 เดือนในการสร้างผลิตภัณฑ์ พิสูจน์ความเป็นไปได้ และหาเงินเพิ่ม พวกเขาทำงาน 7 วันไม่มีหยุด แบบจัดหนักจัดเต็ม
ความพยายามไม่สูญเปล่า ในเดือนมิถุนายน 1996 Pincus ขาย freeloader ให้ Individual Inc. ด้วยมูลค่า 38 ล้านดอลลาร์ ส่วนแบ่งของเขาในวัย 30 ปีคือ 7.5 ล้านดอลลาร์
แต่ความสำเร็จนี้ไม่ยั่งยืน หลังจากย้ายทีมไปซานฟรานซิสโก ปัญหาการจัดการได้ทำให้บริษัทแม่เจ๊ง และภายในปีเดียว freeloader ก็ดับสูญ นี่เป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวด
หลังความล้มเหลวของ freeloader Pincus ไม่ยอมแพ้ เขาเริ่มธุรกิจใหม่ชื่อ Support.com ให้บริการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์จากระยะไกล
แต่เขายอมรับว่ามันเป็นบริษัทซอฟต์แวร์เอนเตอร์ไพรส์ที่น่าเบื่อที่สุดในโลก ไม่ใช่สิ่งที่เขาถวิลหาอย่างแท้จริง มันแค่เป็นสถานีระหว่างทางเท่านั้น
ที่ Support.com Pincus เริ่มมีปัญหากับนักลงทุน จนสุดท้ายโดนบังคับให้ลงจากตำแหน่งซีอีโอ แต่ยังเป็นประธานกรรมการ
เขาเป็นคนที่ชอบท้าทายและไม่ยอมรับหากทิศทางบริษัทกำลังเดินไปในทางที่ผิด ประสบการณ์นี้ทำให้เขารู้ว่าการเป็นผู้ประกอบการและสร้างผลิตภัณฑ์ดีนั้นไม่พอ ต้องเป็นผู้นำที่คนอยากติดตามด้วย
ในขณะเดียวกัน Sean Parker ได้ร่วมก่อตั้ง Napster ซึ่งกำลังเป็นเครือข่ายฮอตสุดๆ บนอินเทอร์เน็ต Pincus มองว่า Napster เป็นจุดเริ่มของเว็บโซเชียลที่เราใช้ทุกวันนี้
Pincus พบกับ Reid Hoffman ผู้บริหาร PayPal ที่มีวิสัยทัศน์คล้ายกัน ทั้งสองลงทุนใน Friendster ซึ่งกำลังบูมอย่างรวดเร็วในตอนนั้น
และเมื่อเห็นความสำเร็จของ Friendster Pincus ร่วมมือกับ Paul Martino เริ่มเว็บไซต์เครือข่ายสังคมของตัวเองชื่อ Tribe.net ด้วยความเชื่อว่าโลกอินเทอร์เน็ตกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนที่ทุกอย่างจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในบริบททางสังคม
แต่ Tribe.net ไม่เวิร์คอย่างที่หวัง ปัญหาหนึ่งคือเว็บไซต์ถูกครอบงำโดยกลุ่มคนรัก Burning Man ซึ่งเป็นเทศกาลในทะเลทรายเนวาดา แม้ว่า Pincus จะสนับสนุนวัฒนธรรมแชร์แบบเปิดกว้าง แต่เว็บไซต์กลับกลายเป็นที่ที่คนแชร์ข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป
Tribe.net เริ่มล้มเหลวและขาดทุนในท้ายที่สุด Pincus รู้สึกไม่สนุกที่ต้องเข้าทำงานตอนเช้าในขณะที่ธุรกิจกำลังดิ่งลงเหว เครือข่ายสังคมอื่นๆ เช่น MySpace กำลังเติบโตแบบพุ่งกระฉูด ทำให้เขาเริ่มสงสัยในตัวเอง
ในช่วงเวลาแห่งความท้อแท้นี้ Pincus ได้พบกับ Tony Robbins ข้อความสำคัญที่เขาได้รับคือ “คนส่วนใหญ่ให้อำนาจตัวเองในการล้มเหลว” แต่เราสามารถเขียนเรื่องราวของเราเองได้
ในช่วงเวลาที่ว่างเปล่า Pincus ใช้เวลาหลายชั่วโมงเล่นเกมออนไลน์ Rise of Nations เขาหงุดหงิดที่เด็กๆ ในเกมเอาชนะเขาได้ง่ายๆ และเกิดความคิดที่จะจ่ายเงินเพื่ออัพเลเวลเร็วขึ้น
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ Mark Zuckerberg ประกาศเปิด Facebook Platform ให้นักพัฒนาสร้างแอปบน Facebook ได้ Pincus มองเห็นโอกาสทันที เขาคิดที่จะนำเสนอเกมเป็นวิธีให้คนเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยไม่ต้องสร้างเอง เขาเลือกเริ่มต้นด้วยเกมโป๊กเกอร์
สำหรับ Mark Pincus ความพยายามครั้งที่สี่ ในที่สุดเขาก็พบไอเดียโครตเทพ เขาตั้งชื่อบริษัทใหม่ว่า Zynga ตามชื่อของ American Bulldog ที่เขารัก
เกมแรกของ Zynga คือ Texas Hold’em ช่วงแรกพวกเขากังวลว่าจะไม่มีใครมาเล่น แต่แล้วเกมกลับแพร่กระจายเร็วมาก จากผู้เล่นร้อยคนกลายเป็นพันคน และพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ
เกมของ Zynga เป็นเกมฟรี รายได้มาจากโฆษณา Pincus เคลื่อนไหวเร็วมากเพื่อขยายบริษัท เขาพูดซ้ำๆ ว่าต้องการเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในวงการเกมโซเชียล
ด้วยความกังวลว่าเงินทุนของตัวเองอาจไม่พอ Pincus จึงมองหานักลงทุนภายนอก แต่มีเงื่อนไขชัดเจน เขาบอกตรงๆ ว่าเขาสร้างบริษัทสำหรับระยะยาวเท่านั้น จะไม่ขายบริษัท และเขาจะยังเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม
John Doerr นักลงทุนระดับตำนานจาก Kleiner Perkins สนใจใน Zynga แม้จะรู้ว่า Pincus ไม่ใช่คนที่ประนีประนอม เมื่อมีคนตรวจสอบประวัติของ Pincus และรายงานว่าไม่ควรสนับสนุน Doerr กลับตอบว่า “บางทีเราควรเปลี่ยนประเภทของผู้ประกอบการที่เราจะสนับสนุน”
ในที่สุดกลุ่มนักลงทุนนำโดย Kleiner Perkins ก็ให้เงิน 29 ล้านดอลลาร์กับ Zynga แต่เกมฮิตต่อไปของ Zynga คือ Mafia Wars กลับโดนข้อหาลอกเลียนแบบเกม Mob Wars Zynga ยุติคดีด้วยเงินจำนวนหนึ่งที่ไม่เปิดเผย
ข้อกล่าวหาเรื่องการลอกเลียนเกิดขึ้นอีกตอน Zynga เปิดตัว FarmVille ซึ่งคล้ายกับ Farm Town ที่เปิดตัวโดย Slashkey หลายเดือนก่อนหน้า
Pincus โต้แย้งข้อกล่าวหา อ้างว่ากลไกเกมไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ และผู้ใช้หลายล้านคนถูกดึงดูดโดยสินค้าเสมือนใน FarmVille ที่สามารถซื้อได้ สินค้าเหล่านี้กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินที่ผลักดันให้ Zynga เติบโตอย่างก้าวกระโดด
Pincus ต้องเผชิญกับเรื่องฉาวโฉ่เมื่อมีการเปิดเผยวิดีโอปี 2009 ที่เขาพูดบรรยายกับกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ว่า “ให้ทำทุกสิ่งที่แย่ในหนังสือ เพื่อสร้างรายได้” คำพูดนี้ทำร้ายภาพลักษณ์ของเขามาก
Zynga เติบโตมหาศาลส่วนใหญ่เพราะ Facebook ซึ่งให้รายได้มากกว่า 90% แต่ความสัมพันธ์เริ่มมีรอยร้าวเมื่อผู้ใช้ Facebook ที่ไม่เล่นเกมรำคาญโฆษณา Zynga และ Facebook ต้องการส่วนแบ่งรายได้มากขึ้น
การเผชิญหน้าระหว่างสองบริษัทกลายเป็นสงครามใหญ่ John Doerr เข้ามาไกล่เกลี่ย สุดท้าย Zuckerberg และ Pincus บรรลุข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ 5 ปี โดย Zynga ยอมจ่าย 30% สำหรับสินค้าเสมือนที่ขายผ่าน Facebook
หลังพ้นวิกฤต Zynga ขยายตัวด้วยการซื้อ Newtoy และเกม Words with Friends ด้วยราคา 53 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2011 บริษัทพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์
Zynga เข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนธันวาคม 2011 ด้วยมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเสนอขายหุ้น web IPO ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ Google
แต่ Pincus ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นต่อได้ รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในปี 2012 แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังใช้เงินมากขึ้นในการวิจัยและพัฒนา แต่ผู้ใช้กลับอยู่ไม่นาน และการเติบโตส่วนใหญ่มาจากเกมมือถือซึ่งไม่ใช่ที่ที่บริษัททุ่มเทงบประมาณลงไป
แปดเดือนหลัง IPO บริษัทมูลค่าลดฮวบไปกว่า 70% ผู้บริหารระดับสูงหลายคนลาออก Zynga ถูกฟ้องร้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์และการซื้อขายหุ้นโดยคนวงใน ความสัมพันธ์กับ Facebook ก็เริ่มแตกหัก
วิกฤตใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งตอน Facebook IPO ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจาก Zynga พึ่ง Facebook เกือบทั้งหมด ความล้มเหลวของ Facebook จึงกระทบ Zynga โดยตรง ทำให้มูลค่าหุ้นร่วงไม่เป็นท่า
แม้จะเจอวิกฤตหนักหนา Pincus ก็ยังฝ่าฟันต่อสู้ เขาประกาศแผนเกมใหม่ๆ มุ่งเน้นตลาดเกมมือถือมากขึ้น และการเคลื่อนไหวไปสู่การเล่นเกมที่ใช้เงินจริง
แม้จะรวยแล้ว แต่ Pincus ยังมีความหลงใหลและความทะเยอทะยาน เขาอยากให้ Zynga อยู่ในระดับเดียวกับ Google และ Amazon
เส้นทางของ Mark Pincus แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ต้องใช้ในการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จ: วิสัยทัศน์ ความอดทน และความกล้าที่จะล้มเหลวและลุกขึ้นใหม่
จาก freeloader ไปจนถึงการสร้าง Zynga ให้เป็นอาณาจักรเกมโซเชียลมูลค่าพันล้าน Pincus ไม่เคยละทิ้งความปรารถนาที่จะสร้าง “สมบัติบนอินเทอร์เน็ต” ตามความฝันของเขา
ความสำเร็จของเขาไม่ได้มาจากชัยชนะครั้งเดียว แต่มาจากการต่อสู้และเรียนรู้ผ่านความล้มเหลว เขาเรียนรู้ว่าการเป็นผู้นำที่ดีสำคัญพอๆ กับการเป็นนักธุรกิจและผู้สร้างผลิตภัณฑ์
แม้ Zynga จะเจอความท้าทายในปี 2012 แต่เรื่องราวของ Pincus ยังไม่จบ เขายังคงมองตัวเองเป็นนักกีฬาที่พร้อมแข่งขันทุกวัน แม้จะไม่ใช่หนุ่มวัย 28 อีกต่อไป แต่ความทะเยอทะยานของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน
ปัจจุบัน แม้ความนิยมของเกมโซเชียลบน Facebook จะไม่เหมือนตอนบูม ๆ แต่อิทธิพลของ Zynga ยังเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมเกมมือถือและเกมออนไลน์ทั่วโลก บริษัทได้ปรับตัวสู่แพลตฟอร์มมือถือและยังสร้างเกมที่ดึงดูดผู้เล่นหลายล้านคนในปัจจุบัน
เรื่องราวของ Mark Pincus เตือนใจว่าในโลกของการเป็นผู้ประกอบการ ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นบทเรียนในเส้นทางสู่ความสำเร็จ และสำหรับผู้ที่มีความมุ่งมั่นเพียงพอ แม้จะประสบพบเจอกับความล้มเหลว แต่สุดท้ายก็ยังกลับมาสร้างอาณาจักรธุรกิจและมรดกที่ยั่งยืนได้เหมือนที่ Pincus ทำได้สำเร็จมาแล้วนั่นเองครับผม
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ