TikTok vs Vine ทำไม TikTok ถึงประสบความสำเร็จในขณะที่ Vine ผู้มาก่อนถึงล้มเหลว?

ต้องบอกว่า Trend วีดีโอแบบสั้นที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลกในตอนนี้นั้น TikTok ไม่ใช่แพล็ตฟอร์มแรกที่สร้างมันขึ้นมา ถ้าใครยังจำกันได้ดี มีแพลตฟอร์มอย่าง Vine ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว และเป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มวีดีโอแบบสั้น ๆ ตัวจริง

แต่คำถามก็คือ ทำไมในตอนนั้น Vine จึงไม่สามารถแจ้งเกิดได้เหมือนอย่างที่ TikTok ทำได้สำเร็จในทุกวันนี้ ทั้งที่ทั้งคู่ก็ทำงานบนหลักการเดียวกันด้วยซ้ำ

Vine ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย Dom Hofman , Rus Yusupov และ Colin Kroll ถูกซื้อโดย Twitter ในปีเดียวกันด้วยเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

แอปที่เปิดตัวบน Android , iOS และ Windows ในปี 2013 ต้องบอกว่าในช่วงสองสามปีแรก Vine แทบจะไม่มีใครมาแข่งขันด้วยเลย พวกเขาเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้คนที่ต้องการสร้างและดูเนื้อหาวีดีโอแบบสั้น ๆ

เนื่องจากแทบไม่มีการแข่งขัน Vine จึงได้รับความนิยมอย่างมาก มี creator บน Vine ชื่อดังไม่ว่าจะเป็น King Bach , Nash Grier , Amanda Cerny และ Rudo Mancuso ที่กลายเป็น creator ลำดับต้น ๆ บนแพลตฟอร์มที่มีผู้ติดตามนับล้าน ๆ

ในปี 2016 เพียงสามปีหลังจากการเปิดตัว Vine ได้ประกาศหยุดให้บริการ ซึ่งผู้ใช้ยังคงดูและดาวน์โหลด Vine ได้ แต่การสร้างและโพสต์ Vines ใหม่ได้หยุดลง และในปี 2017 แอปได้ถูกปิดตัวลงอย่างถาวรและถูกลบออกจากแอปสโตร์ทั้งหมด

ฝั่ง TikTok ก่อตั้งโดย ByteDance ยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีของจีน และเปิดตัวบน Android และ iOS ในปี 2017 โดยพื้นฐานแล้ว TikTok คือเวอร์ชั่น Global ของ Douyin หรือ TikTok เวอร์ชั่นจีน ซึ่งเปิดตัวในปี 2016 และทำงานบนเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากในชื่อ TikTok

ซึ่งก็ต้องบอกว่า TikTok ได้ทำการเปิดตัวขึ้นหลังจากการปิดตัวลงของ Vine แทบจะในทันที เป็นเรื่องที่ท้าทาย TikTok อย่างมาก ที่จะทำให้กระแสวีดีโอแบบสั้น ๆ ที่ผู้คนเริ่มเลิกให้ความสนใจกลับมาคึกคักอีกครั้ง

หลังจากเปิดตัว TikTok เองก็ไม่ได้ฮิตแบบทันทีทันใด หลายคนก็ตั้งคำถามเช่นเดียวกับ Vine ว่าแพลตฟอร์มแบบนี้มันจะอยู่รอดได้หรือ

แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการที่ ByteDance เข้าซื้อกิจการ Musical.ly ในช่วงปลายปี 2017 และรวมเข้ากับ TikTok ในปี 2018

Musical.ly เป็นแอปตัดต่อวีดีโอใส่เสียงที่เน้นตลาดอเมริกาเป็นหลัก มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งด้วยการที่ TikTok เป็นพาร์ทเนอร์กับ Musical.ly อยู่แล้ว การควบรวมกิจการจึงเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย

จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการที่ ByteDance เข้าซื้อกิจการ Musical.ly ในช่วงปลายปี 2017 (CR:Family Tech Blog)
จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการที่ ByteDance เข้าซื้อกิจการ Musical.ly ในช่วงปลายปี 2017 (CR:Family Tech Blog)

หลังจากนั้น แพลตฟอร์มของ TikTok ก็กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตติดลมบนแทบจะทันที รวมถึงการได้อานิสงส์จากช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 คนส่วนใหญ่ถูก lockdown อยู่กับบ้านไม่มีอะไรทำ ทำให้แพลตฟอร์ม TikTok ได้รับความนิยมแบบฉุดไม่อยู่

ทำไม TikTok ถึงชนะแต่ Vine กลับล้มเหลว

ต้องบอกว่าความล้มเหลวของ Vine และความสำเร็จของ TikTok นั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงข้อผิดพลาดของ Vine เอง และสิ่งที่ TikTok ทำได้แบบถูกที่ถูกเวลา

1. Vine ขาดในเรื่องการสร้างรายได้ให้กับเหล่า Creator

สาเหตุที่ใหญ่ที่สุดที่ Vine ล้มเหลวก็เพราะว่าไม่มีโปรแกรมสร้างรายได้เพื่อให้รางวัลแก่ Creator บนแพลตฟอร์ม กลับกัน Vine สร้างรายได้จากโฆษณานับล้านจากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ในขณะที่เหล่า Creator พยายามอย่างสุดความสามารถในการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาให้กลายเป็นอาชีพ

Vine ไม่ต้องการจ่ายเงินให้กับเหล่า Creator สำหรับเนื้อหาที่พวกเขาได้ผลิตได้แบบฟรี ๆ แต่ TikTok เข้าใจดีว่าเพื่อให้ Creator สร้างสรรค์ต่อไปได้ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับเงิน แม้มันจะไม่ใช่ตัวเลขที่มากมาย แต่อย่างน้อย TikTok ก็เข้าใจหัวอกของ Creator มากกว่า Vine

2. เครื่องมือในการสร้างเนื้อหาในแอป

Vine ไม่ได้เสนอฟีเจอร์การสร้างเนื้อหาในแอปให้เหล่า Creator เล่น ซึ่งทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดในการสร้างเนื้อหานั้นยากขึ้นและใช้เวลานานขึ้นเป็นอย่างมาก เหล่า Creator ถูกทิ้งให้ค้นหาสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และต้องพึ่งพาเครื่องมือของบุคคลที่สามเพื่อสร้างเนื้อหา แทนที่จะทำทุกอย่างได้บนแอป

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างมากใน TikTok เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเหลือทุกอย่างเพื่อให้ Creator สร้างเนื้อหาที่ดีขึ้น ล้ำขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์ รวมถึงเสียงประกอบต่าง ๆ มากมายที่ให้เหล่า Creator ได้เลือกใช้กันแบบฟรี ๆ

TikTok มีเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์ รวมถึงเสียงประกอบต่าง ๆ มากมายที่ให้เหล่า Creator ได้เลือกใช้กันแบบฟรี ๆ (CR:PhoneWorld)
TikTok มีเอฟเฟกต์และฟิลเตอร์ รวมถึงเสียงประกอบต่าง ๆ มากมายที่ให้เหล่า Creator ได้เลือกใช้กันแบบฟรี ๆ (CR:PhoneWorld)

แถมยังช่วยให้ธุรกิจโฆษณาผลิตภัณฑ์และบริการของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ TikTok เกิดการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และรับรายได้มากขึ้น แต่ Vine ไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย

3. ผู้ชมของ TikTok มีส่วนร่วมมากกว่า

Vine มีชุมชน Creator แบบรวมศูนย์ มีผู้ใช้เพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สร้างเนื้อหาขึ้นมาเป็นประจำ ในขณะที่ส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้เสพเนื้อหาที่แทบไม่มีการโต้ตอบใด ๆ และจากจำนวน Creator ที่มีอยู่อย่างจำกัด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับความนิยม

ซึ่งแตกต่างจาก TikTok ที่มีชุมชม Creator กระจายไปทั่ว นั่นหมายความว่าผู้คนใน TikTok มีแนวโน้มที่จะสร้างเนื้อหาต้นฉบับของตนเองมากกว่าที่จะเป็นผู้เสพเนื้อหาแบบเงียบ ๆ เหมือน Vine

และยิ่งมีการเผยแพร่เนื้อหาบนแพลตฟอร์มมากเท่าใด การมีส่วนร่วมและการสร้างรายได้จากโฆษณาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งช่วยให้ TikTok สามารถเพิ่มจำนวนเงินที่จะจ่ายกับเหล่า Creator และทำให้เกิด Influencer ขึ้นมากมายในแพลตฟอร์ม TikTok อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

4. เมื่อยักษ์ใหญ่มาลงศึกวีดีโอสั้น

ปรกติในการแข่งขัน เมื่อแพลตฟอร์มอื่นเห็นความสำเร็จของ Vine และอนาคตที่สดใสของแพลตฟอร์มวีดีโอสั้นที่กำลังจะเฟื่องฟู

แพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คิดว่า Vine จะกลายมาเป็นคู่แข่งต้องมีการใส่คุณสมบัตินี้ลงในแอปของตนเอง แน่นอนว่าไม่เพียง Youtube เท่านั้นที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับ Vine แต่ทั้ง Instagram และ Snapchat ก็เพิ่มฟีเจอร์คล้าย ๆ กับ Vine ลงในแอปของพวกเขา

และเนื่องจากทั้ง Instagram และ Snapchat มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว พวกเขาจึงสามารถครอบงำ Vine และทำให้เหล่า Creator เปลี่ยนแพลตฟอร์มได้แบบง่าย ๆ เพราะ Vine แทบไม่มีอะไรดึงดูดพวกเขาเลยอยู่แล้ว

Vine เองก็ไม่สามารถแข่งขันกับแอปยักษ์ใหญ่เครือข่าย Social Media เหล่านี้ได้เลย เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญมากเพียงพอ รวมถึงทรัพยากรทั้งบุคคลและเงินทุนที่เพียงพอที่จะขึ้นไปต่อกรกับยักษ์ใหญ่เหล่านี้ที่เข้ามาลงสนามในแพลตฟอร์มวีดีโอสั้น

บทสรุป

ต้องบอกว่า Vine เองก็มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จ แนวคิดหลักของแอปนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือการปฏิวัติวงการวีดีโอสั้น แต่เหมือนกับหลาย ๆ แพลตฟอร์มที่การมีเพียงแค่ความคิดที่ยอดเยี่ยมมันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เปลี่ยนเป็นโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนได้

มาถึงตอนนี้ TikTok เป็นมากกว่าแหล่งรวมคลิปเต้นไร้สาระ แต่มันได้กลายเป็นพื้นที่สำหรับหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ความเชื่อ วัฒนธรรม และส่งเสริมการศึกษาและความคิดริเริ่มใหม่ ๆ

แม้ TikTok จะไม่ใช่ผู้บุกบุกในแพลตฟอร์มวีดีโอสั้น แต่พวกเขามีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจฐานผู้ใช้งานมากกว่า และการเข้ามาในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ทำให้สุดท้ายสามารถครองใจผู้บริโภคได้สำเร็จอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับผม

References :
https://www.spiralytics.com/blog/tiktok-vs-vine/
https://thestrand.ca/tiktok-versus-vine/
https://www.makeuseof.com/why-did-tiktok-succeed-but-vine-failed/
https://bettermarketing.pub/why-is-tiktok-better-than-vine-b33ce1cf3367



 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube