เมื่อประเทศไทยเนื้อหอม กับเหตุผลว่าทำไมค่ายรถยนต์ EV จากจีนต่างแห่กันมาบุกประเทศไทย

เป็นบทความที่น่าสนใจจาก The Economist นะครับ เกี่ยวกับเรื่องราวของเหตุผลว่าทำไมประเทศเราจึงกลายเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากค่ายรถยนต์จากประเทศจีนที่วิ่งกันเต็มท้องถนนกันในทุกวันนี้

เมื่อ 60 ปีที่แล้ว หลังจากที่เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นได้เริ่มกระโจนออกจากตลาดบ้านเกิด ยักษ์ใหญ่ของการผลิตรถยนต์ระดับโลก ทั้ง Toyota , Nissan และ Honda เริ่มเข้ามาขยายการผลิตในประเทศไทย

การที่ไทยเราได้กลายเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตรถยนต์ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นได้ทำให้ประเทศไทยเรากลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก แซงหน้าประเทศยักษ์ใหญ่อย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ

มาถึงวันนี้ประเทศไทย ได้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งสำหรับความทะเยอทะยานของผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน

บริษัทจากจีนได้แห่กันมาลงทุนโรงงานในประเทศไทย ในเดือนมีนาคม BYD ซึ่งไตรมาสแรกแซงหน้า Volkswagen ในฐานะบริษัทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน ได้บุกมาเปิดโรงงานการผลิตในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเดิมอยู่แล้ว

ในเดือนเมษายน Changan ได้เปิดเผยการลงทุน 285 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างรถยนต์พวงมาลัยขวาคันแรกนอกประเทศจีน และเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม Hozon บริษัทจีนอีกแห่งจะเข้ามาผลิต Neta V รถยนต์ไฟฟ้าเรือธงในประเทศไทย

 Hozon บริษัทจีนอีกแห่งจะเข้ามาผลิต Neta V รถยนต์ไฟฟ้าเรือธงในประเทศไทย (Kapook.com)
Hozon บริษัทจีนอีกแห่งจะเข้ามาผลิต Neta V รถยนต์ไฟฟ้าเรือธงในประเทศไทย (Kapook.com)

ต้องบอกว่าสถานการณ์ของตลาดในบ้านเกิดประเทศจีนกำลังเติบโตอย่างเต็มที่ การแข่งขันภายในประเทศก็เริ่มรุนแรงขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนก็เริ่มลดลง ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์สูงขึ้นเป็นอย่างมาก

Tu Le จาก Sino Auto Insights ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในดีทรอยต์ ได้กล่าวว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สงครามราคาได้ปะทุขึ้นในจีนระหว่างค่ายรถยนต์ EV

ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายมองว่าการขยายตัวในต่างประเทศเป็นหนทางสู่การเติบโตที่แน่นอนกว่า จีนส่งออกรถยนต์มูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2023 มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 82%

ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความตึงเครียดทางด้านภูมิศาสตร์และการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและตะวันตก เหล่าผู้ผลิตยานยนต์ชาวจีนจึงได้มองหาพื้นที่ที่เป็นกลางในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

ประเทศไทยในฐานะพันธมิตรของอเมริกาและเป็นสมาชิกของหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) จึงมีแรงดึงดูดใจเป็นพิเศษ

โดยรถยนต์ที่ผลิตในไทยของบริษัทจีนบางส่วนจะขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ยอดขายรถยนต์ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น 23% ในปีที่ผ่านมา เป็น 3.4 ล้านคัน แต่เหล่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนก็มองไปที่ตลาดในประเทศตะวันตกเช่นเดียวกัน

การวิจัยโดย Allianz บริษัทประกันสัญชาติเยอรมันพบว่า บริษัทจีนมีสัดส่วนประมาณ 4% ของยอดขายแบตเตอรี่-EV ในเยอรมนีระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 3 เท่านับจากปีที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์บางรายรวมถึง BYD กำลังพยายามพิชิตตลาดอเมริกาเหมือนที่บริษัทญี่ปุ่นเคยทำได้มาก่อน

มุมมองที่น่าสนใจจากฝั่งรัฐบาลไทย

ในช่วงเลือกตั้งพอดีได้มีโอกาสฟัง รายการฟัหูไว้หู ที่ออกอากาศในวันที่ 4 พ.ค. 66 ที่ได้สัมภาษณ์ หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นคนที่ดำเนินการนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ EV โดยตรงของรัฐบาลชุดปัจจุบัน (ก่อนการเลือกตั้ง)

 หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (CR:Bluechipthai)
หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (CR:Bluechipthai)

อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประเทศเรามีเดิมนั้นเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์น้ำมัน ความน่าสนใจก็คือแล้วจะทำให้ยังไงให้ประเทศเราสามารถรักษาฐานผลิตสิ่งเหล่านี้ไว้ได้ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนในการส่งออกสินค้าและสร้างรายได้ให้กับประเทศสูงมาก ๆ และถือเป็นรายได้หลักอันดับต้น ๆ ของประเทศ

คู่แข่งหลักของประเทศเราคือ อินโดนีเซีย เพราะมีแร่นิกเกิลที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นต้นทุนหลัก 40% ของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

หม่อมหลวงชโยทิต มองว่าหากประเทศเราถูกแย่งตลาดนี้ไปหมด ประเทศเราไม่รอดแน่ ประเทศเราจะกลายเป็น Last Man Standing สำหรับรถยนต์น้ำมัน

จึงได้มีการหารือกับเหล่าสมาคม EV ในประเทศไทยทั้งกลุ่มญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐฯ ว่าประเทศเราจะสู้อินโดนีเซียได้อย่างไร ซึ่งทุกคนมองว่าประเทศไทยมีทั้งองค์ความรู้ มีระบบนิเวศซัพพลายเชนดีกว่าประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก

ซึ่งทางกลุ่มผู้ผลิตได้บอกว่าถ้าประเทศเราสามารถทำให้พวกเขาเห็นได้ว่าตลาดในประเทศไทยยอมที่จะเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์น้ำมันไปเป็นรถยนต์ EV คือสร้างอุปทานในประเทศให้หล่าบริษัทผลิตรถยนต์ต่าง ๆ ได้

นั่นเองเป็นที่มาที่ทางรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการกระตุ้นการใช้รถยนต์ EV ในราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทางรัฐจะมีการ subsidize ราคาให้ 150,000 บาท

ทางฝั่งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ก็ท้าทายว่า หากไทยสามารถสร้างยอดขายได้ 10,000 คันภายในปีแรก (2022) ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว แต่กลายเป็นว่าด้วยกระแส รวมถึงการอุดหนุนจากรัฐบาล ไทยสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 35,000 คัน ในขณะที่คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างอินโดนีเซียทำได้เพียงแค่ 700 คันเท่านั้น

ไทยสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 35,000 คัน ในขณะที่คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างอินโดนีเซียทำได้เพียงแค่ 700 คันเท่านั้น (TorqueThailand)
ไทยสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 35,000 คัน ในขณะที่คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างอินโดนีเซียทำได้เพียงแค่ 700 คันเท่านั้น (TorqueThailand)

ในขณะที่สามเดือนแรกของปี 2023 สร้างยอดขายได้ 52,000 คัน นั่นทำให้ประเทศเราพลิกกลับมาเป็นประเทศที่น่าดึงดูดใจในการลงทุนแทบจะทันที เพราะยอดขายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกระแสที่ตื่นตัวขนาดนี้ ทำให้ไทยเป็นรองเพียงแค่จีนเท่านั้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเอเชีย

นั่นทำให้เหล่าบริษัทยานยนต์ทั้งจากฝั่งญี่ปุ่น อเมริกา เยอรมัน จีน รวม 17 บริษัท ได้เซ็นสัญญาเพื่อจะเข้ามาลงทุนการผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยแทบจะทันที

ส่วนของนโยบายนั้นการ subsidize 150,000 ในเฟสแรกเนื่องจากยังไม่มีการผลิตในประเทศ มีการลดภาษีนำเข้าให้ แต่ต้องมีการเข้ามาผลิตภายในสองปีข้างหน้า สำหรับเจ้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีโรงงานในประเทศไทยเช่นผู้ผลิตจากจีนที่ต้องเริ่มจากศูนย์ รัฐบาลก็จะมีการ extend ให้มากกว่า 2 ปี แต่ต้องมีการผลิตจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น x1.5 , x2 เท่า

เป้าหมายของรัฐบาลคือ กำลังการผลิตรถยนต์ทั้งหมดที่ตอนนี้ขายในประเทศประมาณ 1 ล้านคัน และ ส่งออกอีกประมาณ 1 ล้านคัน ต้องกลายเป็นรถยนต์ EV ประมาณ 30% ภายในปี 2030

และนั่นคือสาเหตุที่สำคัญอย่างที่นักวิเคราะห์จาก The Economist ได้กล่าวไว้ว่าทำไมประเทศเราจึงเนื้อหอม โดยเฉพาะจากเหล่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนนั่นเองครับผม

References :
https://www.economist.com/business/2023/05/11/why-chinese-carmakers-are-eyeing-thailand
https://www.youtube.com/watch?v=OaXQCy_NGPM
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-11-01/china-s-byd-great-wall-hozon-eye-thailand-in-next-sales-push
https://www.cmcmarkets.com/en/opto/byd-shares-boosted-by-plans-to-build-first-ev-plant-in-thailand


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube