เมื่อ Iron Man แห่งวงการรถยนต์ Comeback Elon Musk จะพลิกวิกฤต Tesla ได้จริงหรือ?

แสงไฟในสำนักงานใหญ่ Tesla ที่ Austin เริ่มสว่างจ้าในยามค่ำคืนอีกครั้ง เมื่อ Elon Musk ลูกพี่ใหญ่ประกาศกลับมาทุ่มเทให้กับบริษัทรถไฟฟ้าของเขามากขึ้น หลังจากแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากมายก่อนหน้านี้

ไม่ว่าจะเป็น SpaceX, X (Twitter เดิม), Neuralink และล่าสุดคืองานกับรัฐบาล การประกาศครั้งนี้มาได้ถูกเวลามาก เพราะ Tesla เพิ่งรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ที่ค่อนข้างแย่

ในการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการ Musk เผยว่าเขาจะลดบทบาทในงานด้านรัฐบาลลง โดยเฉพาะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญกับ Department of Government Efficiency

พี่ใหญ่อย่าง Musk วางแผนจะกลับมาโฟกัสที่ Tesla อย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป การปรับตารางเวลาครั้งนี้จะทำให้เขาใช้เวลากับงานรัฐบาลเพียงหนึ่งถึงสองวันต่อสัปดาห์เท่านั้น

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะกลับมาผลักดันการเติบโตของ Tesla อีกครั้ง ในช่วงที่บริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่โหดเหี้ยมและความท้าทายรอบด้าน

โดยเฉพาะจากคู่แข่งจากจีนและยุโรปที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของ Tesla ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจน

กำไรของบริษัทลดฮวบอย่างมากถึง 71% จาก 1.39 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือเพียง 409 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ก็ลดลง 9% จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่

ยิ่งไปกว่านั้น อัตรากำไรขั้นต้นยังลดลงจาก 17.4% เหลือ 16.3% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังต้องจัดการกับต้นทุนที่สูงขึ้น หรือราคาขายที่ต้องปรับลดลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกลับมีปฏิกิริยาในเชิงบวกต่อการประกาศของ Musk โดยหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นถึง 5% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ

แม้ว่าในภาพรวมของปี 2025 ราคาหุ้น Tesla จะลดลงมากกว่า 40% แล้วก็ตาม นักลงทุนดูเหมือนจะให้ความเชื่อมั่นว่าการกลับมาของ Musk จะช่วยพลิกวิกฤตได้

เพื่อกู้สถานการณ์ Musk และทีมผู้บริหารของ Tesla ได้วางแผนกลยุทธ์สำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัว Model Y รุ่นใหม่ที่มีราคาย่อมเยากว่าเดิม

ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ถวิลหารถยนต์ไฟฟ้าที่จับต้องได้มากขึ้น นอกจากนี้ Tesla ยังวางแผนที่จะเปิดตัวบริการ robotaxi แบบเสียค่าใช้จ่ายในเมือง Austin ภายในช่วงกลางปี 2025 นี้

และจะเป็นก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติสุดล้ำของบริษัท Musk ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ

โดยเขาเชื่อว่ารถยนต์ Tesla หลายล้านคันจะสามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และบริการรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติอาจมีให้บริการในหลายเมืองของสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้

แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Musk จะฟังดูเจ๋งมาก ๆ และน่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับความพร้อมของเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Tesla

นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยชั้นนำได้เตือนว่าระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานโดยปราศจากการควบคุมจากมนุษย์ เพราะยังมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

โดยเฉพาะในสภาวะทัศนวิสัยต่ำหรือในสถานการณ์การจราจรที่ซับซ้อน ระบบ Full Self-Driving ของ Tesla ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA)

การได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นอีกด่านสำคัญที่ Tesla จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนที่จะสามารถเปิดตัวบริการ robotaxi ได้อย่างเต็มรูปแบบ

ในขณะเดียวกัน Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดยเฉพาะ BYD ที่กำลังรังสรรค์แบตเตอรี่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปที่กำลังเร่งพัฒนารุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยและมีดีไซน์ที่ดึงดูดใจ ยิ่งไปกว่านั้น จุดยืนทางการเมืองของ Musk ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ลูกค้าชาวยุโรปบางส่วนรู้สึกห่างเหิน

และเลือกที่จะหันไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์อื่นแทน การที่ Musk หันมาให้ความสำคัญกับ Tesla อีกครั้งอาจช่วยลดผลกระทบจากประเด็นนี้ได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นความท้าทายที่บริษัทจะต้องจัดการ

การกลับมาของ Musk ในครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อาจลดน้อยลง ทั้งจากการแสดงจุดยืนทางการเมืองและการที่เขาแบ่งเวลาไปให้กับธุรกิจอื่นๆ มากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ประวัติที่ผ่านมาของ Musk แสดงให้เห็นว่าเขามักจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างช่วยให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคไปได้เสมอ

Tesla ยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะจากการเพิ่มขึ้นของภาษีนำเข้าวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการนำเข้ารถยนต์บางรุ่น

การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนี้ได้บังคับให้ Tesla ต้องระงับคำสั่งซื้อสำหรับรุ่นรถยนต์บางรุ่นในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัท

นอกจากนี้ การสร้างโรงงานใหม่ในต่างประเทศเพื่อลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าก็มีต้นทุนที่สูงและใช้เวลาในการก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้แผนการขยายกำลังการผลิตของ Tesla ต้องชะงักในระยะสั้น

การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมทางการค้าที่ผันผวนเช่นนี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่นและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Musk เคยแสดงให้เห็นถึงความเทพในการนำ Tesla ผ่านพ้นวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง

แม้จะมีความท้าทายมากมาย แต่ยังมีความหวังในผลประกอบการของ Tesla ที่ช่วยสร้างความหวังให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน นั่นคือการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

ในไตรมาสแรกของปี 2025 Tesla มีรายได้จากการขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่นถึง 595 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 442 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เครดิตเหล่านี้เป็นรายได้ที่มีอัตรากำไรสูง

และช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของบริษัท ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น Tesla สามารถสร้างกระแสเงินสดถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งพุ่งทะยานจากเพียง 242 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งนี้ช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้กับบริษัท และเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ

ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งแม้ในช่วงที่กำไรลดลงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงินของ Tesla และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม

แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Tesla ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคต โดยเฉพาะด้วยแผนการผลิตรถยนต์ที่มีราคาถูกลงและการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง

การกลับมาทุ่มเทของ Musk น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดของ Tesla เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจ

การมี Musk กลับมาอยู่ที่พวงมาลัยอย่างเต็มตัวอีกครั้งอาจเป็นสิ่งที่ Tesla ต้องการในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ราวกับฟ้าลิขิตให้เขากลับมาในจังหวะที่เหมาะสม

การปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายแรกๆ ที่ Musk จะให้ความสำคัญเมื่อเขากลับมาบริหาร Tesla อย่างเต็มที่

การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตจะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนและยุโรปได้ดียิ่งขึ้นในสงครามรถไฟฟ้าโลก

นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีต้นทุนต่ำลงก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ Tesla สามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้

บริษัทได้ลงทุนอย่างมากในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และคาดว่าจะมีการประกาศความก้าวหน้าในด้านนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน

แม้ว่า Tesla จะเผชิญกับความท้าทายในปัจจุบัน แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อ Musk ให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับบริษัทใด บริษัทนั้นมักจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและแผนการพัฒนาเทคโนโลยีสุดเจ๋ง Tesla ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในระยะยาว

Tesla ยังคงมีโอกาสที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งและรักษาตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดได้ในระยะยาว หากฟ้าลิขิตให้ Musk ได้แสดงความเทพของเขาอีกครั้งนั่นเองครับผม


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube