ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 8 : An Imperial Awakening

ในตอนเย็นของวันพุธที่ 23 ตุลาคม 2002 นักสู้ชาวเชเชนติดอาวุธอย่างหน้อยสี่สิบคนได้บุกเข้าไปในโรงละครดนตรี Dubrovka ในย่านชานเมืองมอสโกทางใต้ของเครมลิน โดยยิงไรเฟิลจู่โจมขึ้นไปในอากาศ ขณะที่นักเต้นแท็ปแดนซ์กำลังเดินข้ามเวทีเพื่อเปิดฉากที่สอง

ดูเหมือนจะกลายเป็นฝันร้ายที่สุดของ Putin ตั้งแต่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี นักสู้ชาวเชชเนียที่นำโดย Movsar Barayev หลานชายของกลุ่มกบฎที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของเชชเนีย เรียกร้องให้ยุติสงครามที่กระทำโดยรัสเซีย

ข่าวปิดล้อมกระฉ่อนไปทั่วมอสโก เหล่านักการเมืองฝ่ายค้านและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรวมตัวกันนอกโรงละครท่ามกลางความมืดและสายฝนที่หนาวเหน็บ ทุกคนต่างตกใจว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเพียงแค่สามไมล์ครึ่งจากเครมลิน มีกลุ่มกบฎจำนวนมากที่ติดอาวุธสามารถเข้าไปในโรงละครได้อย่างไร

Putin ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่ลุกลามจนควบคุมไม่ได้ ในขณะที่เขากำลังหาทางออกจากวิกฤติ เขาได้ยกเลิกการเดินทางไปเม็กซิโก ซึ่งเขาจะต้องเดินทางไปพบกับผู้นำระดับโลก รวมทั้งประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐฯ

กลุ่มกบฎได้อนุญาติให้บุคคลสำคัญบางคนเข้ามาในโรงละครเพื่อเจรจา ซึ่งรวมถึงสมาชิกรัฐสภาและนักร้องชื่อดัง Iosif Kobzon นักการเมืองฝ่ายค้านเสรีนิยม และ นักข่าว Anna Politkovskaya ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการรายงานอย่างไม่เกรงกลัวต่อสงครามในเชชเนีย

ในที่สุดหน่วยรักษาความปลอดภัยของรัสเซียก็ได้ลงมือก่อนรุ่นสางในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ไห้กลุ่มกบฎวางระเบิด แก๊สจึงถูกปล่อยเข้าไปในโรงละครผ่านระบบระบายอากาศของอาคาร

ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ตัวประกันและนักสู้ชาวเชชเนียบางคนล้มลง แต่มันก็ทำให้ตัวประกันเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้ที่รอดชีวิตถูกนำมาวางไว้ริมถนน อาเจียนบ้าง บางคนก็หมดสติ บางคนสำลักจากควันแก๊ส

การโจมตีโรงละคร Dubrovka ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก (CR:BBC)
การโจมตีโรงละคร Dubrovka ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก (CR:BBC)

วันถัดมา มีรายงานอย่างเป็นทางการพบว่ามีตัวประกันเสียชีวิต 115 ราย มีเพียงสองคนที่ถูกสังหารด้วยปืนจากกลุ่มกบฎ ส่วนที่เหลือล้วนเสียชีวิตจากแก๊ส

แต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นผลบวกสำหรับ Putin ประชาชนส่วนใหญ่ต่างโล่งใจที่รู้ว่ายอดผู้เสียชีวิตไม่ได้สูงมากนัก Putin ได้รับการยกย่องจากนานาชาติและนักการเมืองท้องถิ่นในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

คะแนนความนิยมของเขาพุ่งขึ้นสูงสุดตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่ง แทนที่จะเผชิญกับความสั่นคลอนที่ยอมให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธเข้ามาในใจกลางกรุงมอสโก บริการด้านความมั่นคงของรัสเซียกลับได้รับเงินสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น

และที่สำคัญการโจมตีในครั้งนี้ ทำให้คนของ Putin สามารถปฏิบัติการทางทหารในเชชเนีย ยกเลิกแผนการที่จะลดจำนวนทหาร ทำให้หลังจากนั้นชาวเชชเนียนับไม่ถ้วนเริ่มหายตัวไปจากบ้านของพวกเขาในตอนกลางคืน

Putin เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ในความฝันที่จะสร้างจักรวรรดิ์รัสเซียใหม่ เขาเริ่มที่จะเชื่อในอำนาจของเขาในฐานะซาร์องค์ใหม่ เขากล้าที่จะตัดสินใจที่เข้มงวดและมีความเผด็จการมากยิ่งขึ้น และเขาได้คนไว้ใจมาทดแทนกลุ่มคนจากตระกูล Yeltsin อย่าง Dmitry Medvedev ซึ่งได้ถูกแต่งตั้งให้เห็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของเครมลินคนใหม่

การเลือกตั้งประธานาธิบดีในวาระเทอมสองของ Putin เขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 71% คู่แข่งอย่าง Gennady Zyuganov หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ และ Vladimir Zhirinovsky แห่งพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งชาติ ไม่สามารถจะต่อกรกับ Putin ได้เลยแม้แต่น้อย กลายเป็นว่า Nikolai Kharitonov ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักมาเป็นอันดับสองด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 13

ต้องบอกว่ามันไม่ใช่การแข่งขันที่แท้จริง Putin ได้ควบคุมทุกอย่างไว้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทีวีของรัฐให้เวลาของคู่แข่งในการหาเสียงเท่ากับศูนย์สำหรับผู้สมัครฝ่ายค้าน

ในไม่ช้า KGB ของ Putin ก็เข้ามาควบคุมตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลที่สุดในคณะรัฐมนตรี พวกเขากำลังเริ่มดำเนินการวาระที่สองโดยแทบจะไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเหมือนในยุค Yeltsin อีกต่อไปแล้ว

กลายเป็นว่าคนเดียวที่คัดค้านการดำรงตำแหน่งในวาระที่สองของ Putin ก็คือ Lyudmilla ภรรยาของเขา เธอถูกเลี้ยงดูมาในหมู่บ้านที่ทรุดโทรมในคาลินินกราด พ่อของเธอเป็นคนขี้เมาหนักมาก และเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะปรับตัวให้เข้ากับภาระหน้าที่ใหม่ของ Putin

เป็นการยากที่ Lyudmilla จะปรับตัวให้กับ Putin ที่ทำงานอย่างหนัก ตลอดอาชีพการงานของ Putin เขาต้องออกไปทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงในทุก ๆ วัน Putin พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเขากับภรรยา โดยพา Lyudmilla ไปออกงานอย่างเป็นทางการน้อยมาก ๆ

สำหรับอุดมการณ์ใหม่ของกลุ่ม KGB เพื่อฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของรัฐรัสเซียและสนับสนุนความสัมพันธ์ของจักรพรรดิกับอดีตสาธารณรัฐโซเวียตได้เกิดขึ้น หนึ่งในการกระทำครั้งแรกของ Putin ในฐานะประธานาธิบดี ที่สร้างความผิดหวังให้กับกลุ่ม Yeltsin คือการเรียกคืนเพลงโซเวียต ‘The Unbreakable Union of Freeborn Republics’ บทเพลงอันทรงพลัง

ซึ่งเป็นบทเพลงที่เป็นการเรียกร้องให้รื้อฟื้นอาณาจักรแห่งอดีตสหภาพโซเวียต มันได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นบทเพลงของสตาลินและความสำเร็จที่ประเทศประสบความสำเร็จในฐานะมหาอำนาจระดับโลก เช่นเดียวกับการเสียสละอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง

รวมถึงเรื่องของศาสนา ความร้อนแรงแบบใหม่สำหรับคริสตจักรออร์โธดอกซ์ดูเหมือนจะจับกลุ่มชนชั้นปกครอง Putin ได้เผยแพร่ความเชื่อทางศาสนาของเขาไปทั่วโลกในหนังสือสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเขา

เขาเล่าอย่างภาคภูมิใจว่าแม่และเพื่อนบ้านในอพาร์ตเมนต์ของชุมชนเลนินกราดให้บัพติศมา (พิธีรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน) เขาอย่างลับ ๆ โดยปกปิดไม่ให้พ่อของเขารู้ เพราะพ่อของเขาเป็นสมาชิกพรรคและไม่สามารถมีความเชื่อทางศาสนาได้

เขาเคยเล่าให้ฟังว่าในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เมื่อเขาจะไปเยือนอิสราเอลในฐานะรองนายกเทศมนตรีเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แม่ของเขาได้มอบไม้กางเขนบัพติศมาให้เขาเพื่อที่เขาจะได้พรที่สุสานของพระเยซู

“ผมไม่เคยถอดมันออกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” เขากล่าว

มันดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกสำหรับเจ้าหน้าที่ KGB ที่ใช้ชีวิตในอาชีพการงานของรัฐที่สั่งห้ามคริสตจักรออร์โธดอกซ์ให้ยอมรับความเชื่อทางศาสนา แต่ KGB ที่รายล้อมรอบตัว Putin กำลังค้นหาเอกลักษณ์ประจำชาติใหม่

หลังคำสอนของนิกายออร์โธดอกซ์ได้ก่อให้เกิดลัทธิการรวมพลังอันทรงพลังซึ่งย้อนไปไกลกว่ายุคโซเวียตจนถึงสมัยของอดีตจักรพรรดินิยมของรัสเซีย ที่กล่าวถึงความเสียสละ ความทุกข์ทรมาน และความอดทนอันยิ่งใหญ่ของชาวรัสเซีย

รวมถึงความเชื่อลึกลับว่ารัสเซียจะเป็นอาณาจักรที่สาม ต่อจาก โรม ที่จะปกครองโลกในยุคถัดไป มันเป็นอุดมคติที่จะสร้างชาติขึ้นมาใหม่จากความยากลำบากและความสูญเสีย ซึ่งมันกำลังได้รับการออกแบบเพื่อรัสเซียอีกครั้ง เพื่อให้ Putin สามารถปกครองด้วยอำนาจแบบเด็ดขาด

ในการค้นหาแนวคิดใหม่ในการสร้างประเทศหลังการล่มสลายเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ Putin และผู้สนับสนุนของเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

“คอมมิวนิสต์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีความสามารถในการพัฒนาตนเองที่ดีพอ ทำให้ประเทศของเราล้าหลังประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มันเป็นถนนสู่ตรอกคนตาบอด ซึ่งห่างไกลจากกระแสหลักของอารยธรรมโลก” Putin กล่าวก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี

ดังนั้นในช่วงปีแรก ๆ ของการขึ้นสู่อำนาจของเขา เหล่าคณาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ถูกนำเข้ามาเพื่อปลูกฝังให้ประธานาธิบดีคนใหม่อยู่ในประวัติศาสตร์ของรัฐรัสเซียใหม่ของเขา

พวกเขาได้ดึงเอาเรื่องราวของอดีตจักรวรรดิ์ออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย Putin ได้รับการสอนเกี่ยวกับผู้อพยพผิวขาวที่หนีออกจากรัสเซียช่วงการปฏิวัติบอลเชวิค และได้ใช้ช่วงเวลาที่พลัดถิ่นพยายามสร้างอุดมการณ์ใหม่สำหรับการฟื้นฟูประเทศเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย

จุดมุ่งหมายคือการสร้างเอกลักษณ์สำหรับระบอบการปกครองของ Putin ที่จะเสริมความแข็งแกร่งไม่ให้ล่มสลายจากภายในและถูกการโจมตีจากภายนอก ทายาทสายตรงของผู้อพยพชาวรัสเซียผิวขาว ซึ่งหลายคนมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ KGB ถูกนำเข้าสู่กลุ่มคนวงในของ Putin เพื่อเป็นผู้นำในการเชื่อมต่อกับอดีตจักรพรรดิรัสเซีย

หนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวอธิบายปรัชญาของการปกครองของ Putin ว่า “เป็นระบอบที่มีสามองค์ประกอบ อย่างแรกคือเผด็จการ – รัฐบาลที่เข้มแข็ง , ผู้ชายที่เข้มแข็ง องค์ประกอบที่สองคืออาณาเขต ความรักชาติ และอื่น ๆ องค์ประกอบที่สามคือคริสตจักร เป็นองค์ประกอบในการรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน”

Putin ระมัดระวังเป็นอย่างมากในการนำองค์ประกอบทั้งสามมารวมกัน มันเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาประเทศได้ หากมีใครนำองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งออกไป ระบอบดังกล่าวจะพังทลายลงทันที

ดูเหมือนว่าภัยคุกคามที่เพิ่มสูงขึ้นต่ออิทธิพลของรัสเซียที่มีต่อเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่สุดในยูเครน ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น การเลือกตั้งประธานาธิบดีของยูเครนกำลังใกล้เข้ามา

วาระตามรัฐธรรมนูญของ Leonid Kuchma อดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ที่สร้างสมดุลระหว่างตะวันออกและตะวันตกตั้งแต่ปี 1994 กำลังจะสิ้นสุดลง

Viktor Yanukovych ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่สนับสนุนเครมลิน ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้รับการยกย่องจากที่มั่นของโดเนตสค์โปรรัสเซียในยูเครนตะวันออก กำลังเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจาก Viktor Yushchenko ผู้สมัครที่ชื่นชอบการบูรณาการที่ใกล้ชิดกับตะวันตก และสาปแช่งแผนการของ Putin สำหรับยูเครน

Viktor Yanukovych (ซ้าย) ฝ่ายโปรรัสเซีย vs Viktor Yushchenko (ขวา) ฝ่ายโปรตะวันตก (CR:Spiegel)
Viktor Yanukovych (ซ้าย) ฝ่ายโปรรัสเซีย vs Viktor Yushchenko (ขวา) ฝ่ายโปรตะวันตก (CR:Spiegel)

ในบรรดาอดีตสาธารณรัฐโซเวียตทั้งหมด มอสโกมักจะรู้สึกถึงการสูญเสียยูเครนหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตอย่างดีที่สุด ราวกับว่ามันเป็นแขนขาของจักรวรรดิที่รัสเซียยังคงเชื่อว่าติดอยู่กับพวกเขา

ยูเครนเคยเป็นสาธารณรัฐโซเวียตที่ใหญ่เป็นอันดับสามรองจากรัสเซียและคาซัคสถาน ประชากรเกือบ 30% พูดภาษารัสเซียเป็นภาษาหลัก และเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีความเชื่อมโยมอย่างใกล้ชิดกับรัสเซียตั้งแต่สมัยโซเวียต

ในขณะที่ Putin พยายามยืนยันการคืนชีพของจักรวรรดิ์รัสเซีย สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือให้ยูเครนหันไปทางตะวันตก แต่ประเทศถูกแบ่งแยกมานานแล้ว ซึ่งเป็นทางแยกระหว่างตะวันออกกับตะวันตกตั้งแต่สมัยก่อนการปฏิวัติ

โปแลนด์และลิทัวเนียได้ควบคุมพื้นที่กว้างใหญ่ของยูเครนตะวันตกมาตั้งแต่ปี 1686 เมื่อรัสเซียและโปแลนด์แบ่งประเทศระหว่างสองประเทศหลังสงครามสามสิบปี แม้ว่าการปกครองของสหภาพโซเวียตในภายหลังจะยุติเศษเสี้ยวของสิ่งนั้น

อิทธิพลของตะวันตกยังคงตราตรึงอย่างไม่อาจลบเลือนทางตะวันตกของยูเครน และขบวนการเรียกร้องอิสระภาพที่สนับสนุนยุโรปก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างการปกครองของ Kuchma ได้ดำเนินการสร้างสมดุลระหว่างกองกำลังฝ่ายตะวันตกและฝ่ายสนับสนุนรัสเซียของประเทศอย่างราบรื่น

แต่ตอนนี้ Yushchenko ได้ออกมาท้าทายแผนการของ Putin ในการกระชับสหภาพแรงงานผ่านการสร้างเขตเศรษฐกิจร่วมยูเรเซียน ซึ่งรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้ให้สัตยาบันการสร้างเขตเศรษฐกิจร่วมกันในเดือนเมษายน

ในใจของ Putin มองว่า Yushchenko ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลตะวันตกซึ่งมุ่งมั่นที่จะขัดขวางการฟื้นคืนชีพของรัสเซีย

Yushchenko สนับสนุนการรวมยูเครนเข้ากับสหภาพยุโรปและ NATO อย่างแข็งขัน แต่ทาง Kuchma ไล่เขาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเรื่องที่ Westerninising ภรรยาชาวยูเครน-อเมริกันของเขาได้รับการเลี้ยงดูในชิคาโก และไปรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่ง Putin มองว่า Yushchenko ได้รับการคัดเลือกจาก CIA

Putin ได้ประกาศคำเตือนครั้งแรกของเขาเกี่ยวกับยูเครนทางตะวันตกในฤดูร้อนนั้นแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคำเตือนของเขาจะไม่เป็นผล ความนิมยมของ Yushchenko ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้ว่า Putin จะมีการส่งทีมงานไปยังเคียฟเพื่อระดมคะแนนเสียงของ Yanukovych

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานฝ่ายตรงข้ามของ Yushchenko ก็เริ่มบุกโจมตี เมื่อ Yushchenko ไปทานอาหารเย็นที่กระท่อมของนายพล Ihor Smeshko หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของยูเครน

วันรุ่งขึ้นเขารู้สึกไม่สบายและซีสต์ที่น่ากลัวก็ขึ้นเต็มบนใบหน้าของเขาในวันต่อมา แพทย์ในออสเตรียซึ่งเขาบินไปรับรักษา สรุปว่าเขาได้รับพิษจากไดออกซินที่เป็นพิษสูง

และเมื่อถึงการเลือกตั้งจริง ๆ ในปลายเดือนพฤศจิกายน การแทรกแซงของ Putin ดูเหมือนจะได้ผลอีกครั้ง เมื่อ Yanukovych ได้รับชัยชนะอย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าผลสำรวจความนิยมจะชี้ชัดไปที่ Yushchenko ก็ตาม

นั่นทำให้ผู้สนับสนุน Yushchenko หลายหมื่นคนพากันออกไปตามถนน รวมถึงกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมาก หลายคนรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นที่นำโดยกลุ่มเยาวชน Pora! ที่ Maidan จัตุรัสกลางเมืองเคียฟ

แม้อากาศจะหนาวเย็นยะเยือก การประท้วงก็เพิ่มขึ้น โดยมีผู้คนนับล้านมารวมตัวกันที่จัตุรัส Maidan และในท้ายที่สุด Kuchma ถูกบังคับให้มีการลงคะแนนใหม่ ภายใต้ผู้สังเกตการณ์ของทั้งในและต่างประเทศ และจบลงด้วยชัยชนะของ Yushchenko ผู้สมัครที่เกลียด Putin เข้าเส้นเลือด

สำหรับ Putin และผู้สนับสนุนของเขา มันเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่มาก ๆ ผลพวงจากเรื่องดังกล่าวที่เรียกกันว่า “การปฏิวัติสีส้ม” นั้นยิ่งใหญ่มาก

สำหรับ Putin และพันธมิตร กองกำลังของตะวันตกดูเหมือนจะเข้ามาย่างกรายใกล้ตัวเขามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นฝันร้ายที่สุดของ Putin

มันเป็นการทำให้ประเทศรัสเซียอยู่ในการปิดล้อม สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนและจอร์เจียจะมีอิทธิพลต่อการกระทำของเครมลินของ Putin ในอีกหลายปีต่อมา

Putin มองว่าพวกเขาต้องต่อสู้เพื่ออาณาจักรและต่อสู้เพื่อตัวเอง จึงไม่สามารถปล่อยให้อิทธิพลภายนอกเกิดขึ้นได้

ในเดือนธันวาคม ไม่กี่วันก่อนการลงคะแนนเสียงครั้งที่สองในยูเครน Putin ใช้การแถลงข่าวประจำปีของเขาเพื่อต่อต้านตะวันตก ซึ่งเขาอ้างว่ากำลังพยายามแยกรัสเซียออกจากกันโดยปลุกปั่นให้เกิดการปฏิวัติในต่างประเทศที่อยู่ใกล้ ๆ กับรัสเซีย

เมื่อถึงเวลาที่ Putin กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีเกี่ยวกับชาติในเดือนเมษายนถัดมา ประเด็นสำคัญที่เขาได้เรียนรู้จากผู้อพยพชาวรัสเซียผิวขาวในอดีตของจักรวรรดิก็ปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน

Putin ได้กล่าวว่า รัสเซียกำลังเดินตามเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร รูปแบบของประชาธิปไตยจะไม่เป็นไปตามแบบอย่างของตะวันตก การล่มสลายของสหภาพโซเวียต เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ยี่สิบ

ก่อนหน้านั้นหนึ่งปี คำปราศรัยของ Putin ได้เน้นเกือบทั้งหมดในด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเพิ่ม GDP เป็นสองเท่า เพื่อสร้างชีวิตที่สุขสบายสำหรับพลเมืองชาวรัสเซีย และบูรณาการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เข้ากับเศรษฐกิจโลกและยุโรป

“การขยายตัวของสหภาพยุโรปไม่ควรเพียงแค่ทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจและจิตวิญญาณด้วย” เขากล่าวในการปราศรัยของเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน

แต่สุนทรพจน์ในปีนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“รัสเซียควรดำเนินภารกิจด้านอารยธรรมต่อไปในทวีปยูเรเซียน เราถือว่าการสนับสนุนระหว่างประเทศในการเคารพสิทธิของรัสเซียในต่างประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งไม่สามารถเป็นเรื่องของการเจรจาทางการเมืองและการทูตได้”

มาถึงจุดนี้ต้องบอกว่า รัสเซียกำลังประกาศให้โลกรู้ถึงขอบเขตอิทธิพลของตนใหม่ แม้จะล่าช้า แต่ตอนนี้มันกำลังอยู่บนวิถีใหม่ เพื่อเป็นการสร้างสะพานไปสู่อดีตของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ของรัสเซียอีกครั้งแล้วนั่นเองครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Kremlin Inc

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube