ประวัติ Vladimir Putin ตอนที่ 12 : Russia’s Soft Power

การปฏิบัติการเริ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในยูเครน นานก่อนที่สายลับรัสเซียจะแทรกซึมการบริหารงานของภูมิภาคทางตะวันออกของประเทศ ช่วยให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนเครมลินสามารยึดครองภูมิภาคได้อย่างง่ายดาย

นักการเมืองชาวยูเครนได้เตือนมานานแล้วถึงอำนาจกัดกร่อนของเงินสดสีดำของรัสเซีย ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวรู้สึกได้ในโครงการซื้อขายก๊าซที่เชื่อกันว่าได้ทุจริตและบ่อนทำลายการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนของ Viktor Yushchenko

ก่อนที่ภูมิภาคนี้จะถูกยึดครองโดยกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนเครมลิน นักบวชนิกายออร์โธดอกซ์ชาวรัสเซียจะสวดภาวนาให้มอสโกเพื่อช่วย ‘Holy Rus’ ซึ่งเป็นชื่อของแหล่งกำเนิดของจักรวรรดิรัสเซียที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนในเคียฟ

ในบรรดาผู้มีอำนาจออร์โธด็อกซ์เหล่านี้ ได้แก่ Vladimir Yakunin อดีตหัวหน้าการรถไฟของ KGB รัสเซีย และ Konstantin Malofeyev ผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินในเจนีวา บุตรบุญธรรมของ Serge de Pahlen และ Jean Goutchkov ซึ่งมีฐานที่มั่นในเจนีวาที่มีความใกล้ชิดกับ Putin และ Gennady Timchenko ซึ่งเป็นพันธมิตรผู้ค้าน้ำมันของ Putin

Malofeyev เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเพื่อการลงทุน Marshall Capital ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วสามารถถือครองทรัพย์สินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในด้านโทรคมนาคม ผู้ผลิตอาหารสำหรับเด็ก โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์

เขาได้ก่อตั้งองค์กรการกุศลของรัสเซียออร์โธดอกซ์ ชื่อมูลนิธิ St Vasily the Great สนับสนุนการเผยแพร่ค่านิยมออร์โธด็อกซ์ และอุดิมการณ์อนุรักษ์นิยมทั่วทั้งประเทศยูเครน รวมถึงในยุโรปและอเมริกา

มูลนิธิ St Vasily the Great ของ Malofeyev จะกลายเป็นส่วนสำคัญในโครงการทางการเมืองที่กำลังเติบโตของเครมลินเพื่อขยายอิทธิพลของรัสเซีย และ Malofeyev จะเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ์รัสเซียกับอำนาจตะวันตก

เครมลินได้เริ่มสร้างเครือข่ายขององค์กรพัฒนาเอกชนของรัสเซียและกลุ่มตัวแทนของรัฐที่พยายามหาทางที่จะยึดครองยูเครนก่อน จากนั้นจึงขยายไปสู่ตะวันตก

ภารกิจของพวกเขาคือการต่อต้านองค์กรนอกภาครัฐที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ เช่น National Endowment for Democracy, Freedom House และ Open Society ของจอร์จ โซรอส

KGB ของ Putin เชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้สมคบคิดกับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เพื่อลดอิทธิพลของรัสเซียในยูเครน ในสายตาของเครมลิน การมุ่งความสนใจไปที่สิทธิมนุษยชน เสรีภาพพลเมือง และการสนับสนุนประชาธิปไตยนั้นไม่ได้มากไปกว่าการเยาะเย้ยถากถางที่จะดึงอดีตรัฐโซเวียต ซึ่งมอสโกถือว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของตนเสมอ เข้าสู่วงโคจรของกลุ่มตะวันตก

แทนที่จะเปิดกว้างแบบเสรีนิยมของโซรอส อย่างที่ Open Society พยายามที่จะส่งเสริม กลุ่มของ Putin ต้องการที่จะเพิ่มก้าวหน้าในอุดมการณ์โดยยึดตามค่านิยมสลาฟที่ใช้ร่วมกันของออร์โธดอกซ์รัสเซียซึ่งเทศน์เกือบจะตรงกันข้ามกับแนวคิดเสรีนิยมแบบของตะวันตก 

Russian Orthodoxy มองว่าตัวเองเป็นความเชื่อที่แท้จริงเพียงอย่างเดียว โดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างถือเป็นบาป สิทธิส่วนบุคคลที่เทศนาต้องอยู่ภายใต้ประเพณีของรัฐและการรักร่วมเพศถือเป็นบาป

KGB ของ Putin ได้เลือกเหตุผลเชิงอุดมคติสำหรับแรงผลักดันในการฟื้นฟูอาณาจักรรัสเซีย โดยจะเจาะไปที่กลุ่มผู้คนที่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้ข้างทางท่ามกลางความวุ่นวายของโลกยุคโลกาภิวัตน์

มีการเสนอทฤษฎีที่เกี่ยวกับรัสเซียในฐานะอาณาจักรยูเรเซียนที่จะเข้ามาแทนที่โดยชอบธรรมเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงหนึ่งเดียวของโลก เช่นเดียวกับ กรุงโรม พวกเขายึดถืออุดมการณ์ที่จะรวมพันธมิตรของพวกเขากับเสรีนิยมตะวันตก

Malofeyev และ Yakunin ได้ระดมทุนผ่านองค์กรการกุศล Russian Orthodox ที่เขาก่อตั้ง Andrei the First-Called ซึ่งตั้งชื่อตามอัครสาวกเซนต์แอนดรูว์ โดยเงินถูกเทลงในเว็บของหน่วยงานของรัฐที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริม Soft Power ของรัสเซียในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึง Rossotrudnichestvo และ Russky Mir หรือ Russian World ที่สร้างขึ้นในปี 2008 และ 2007 ตามลำดับ

Konstantin Malofeyev กลุ่มคนวงในของ Putin ที่ทำหน้าที่ส่งเสริม Soft Power ของรัสเซ๊ย (CR:Alchetron.com)
Konstantin Malofeyev กลุ่มคนวงในของ Putin ที่ทำหน้าที่ส่งเสริม Soft Power ของรัสเซ๊ย (CR:Alchetron.com)

พวกเขาดำเนินโครงการด้านวัฒนธรรมและภาษาสำหรับผู้พลัดถิ่นชาวรัสเซียและที่อื่น ๆ ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อส่งเสริมกิจกรรมของเครมลิน

องค์กรตัวแทนอื่น ๆ จำนวนมากก็เริ่มดำเนินการเช่นกัน กลุ่มคอซแซครัสเซียของเยาวชนทหาร แก๊งค์นักปั่นที่รู้จักในนาม Night Wolves ซึ่งทำหน้าที่เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นกลุ่มกึ่งทหารกึ่งพลเรือน ได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจาก Putin เช่นเดียวกัน

ปฏิบัติการในยูเครนทำอย่างเงียบ ๆ เมื่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียก่อตั้งขบวนการทางการเมือง ‘สาธารณรัฐโดเนตสค์’ ในยูเครนตะวันออกในปี 2005 ไม่นานหลังจากการปฏิวัติสีส้มสิ้นสุดลง

กลุ่มเหล่านี้จัดการชุมนุมที่เรียกร้องให้โดเนตสค์ได้รับสถานะพิเศษของรัฐบาลกลางที่ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น พวกเขาแจกแแผ่นพับซึ่งมีเนื้อหาประณามชาติยูเครนว่าเป็นฟาสซิสต์

เมื่อถึงจุดหนึ่งหลังจากคอยแทรกซึมเข้าไปทีละน้อย สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป ภายในปี 2012 ขบวนการสาธารณรัฐโดเนตสค์ก็เพิ่มจำนวนมากพอที่จะทำการเปิดสถานทูตของตนเองในสำนักงานใหญ่ของขบวนการเยาวชนยูเรเซียนในกรุงมอสโก

เมื่อ Yanukovich หนีไปไม่นานหลังจากการลอบสังหารที่ Maidan เป้าหมายทางการเมืองของกลุ่มชายขอบก็กลายเป็นความจริง พวกเขาเข้าร่วมการบุกโจมตีอาคารบริหารของโดเนตสค์ โดยได้มีการชักธงรัสเซียขึ้นมาชั่วขณะ

แม้ว่าความพยายามครั้งแรกของพวกเขาในการประกาศตัวเองเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์จะอยู่ได้เพียงไม่นานก่อนที่พวกเขาจะถูกจัดการโดยตำรวจปราบจราจลของยูเครน

แต่ขบวนการสาธารณรัฐโดเนสตค์ก็เติบโตอย่างรวดเร็วจากผู้คนไม่กี่ร้อยคนในช่วงแรก ๆ ของเดือนมีนาคม 2014 เป็นจำนวนหลายพันคน ในขณะที่กลุ่มชาตินิยมรัสเซียหลั่งไหลข้ามพรมแดนเพื่อมาเข้าร่วมกับพวกเขา

ภายในเดือนเมษายน การประท้วงกลายเป็นการจราจลของทหาร เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธสวมหน้ากากหลายร้อยคนได้บุกเข้ายึดอาคารรัฐบาลทั่วยูเครน

แต่เมื่อเดือนพฤษภาคม กองทหารยูเครนต่อสู้เพื่อเอาคืน สิ่งที่เริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็ก ๆ สองสามโหล กลายเป็นกองทัพของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรเครมลินที่มีการจัดการอย่างดีและติดอาวุธประสิทธิภาพสูงในทันที

มีกลุ่มทหารที่มาจากมอสโกได้เข้าร่วมควบคุมสาธารณรัฐแบ่งแยกดินแดนใหม่ รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นอาสาสมัคร แต่สายสัมพันธ์ของพวกเขาบางคนกับผู้มีอำนาจที่สนับสนุนเครมลินดำเนินไปอย่างยาวนานและลึกซึ้ง

สงครามในยูเครน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 13,000 คน และกลายเป็นวิกฤติครั้งใหญ่สำหรับประเทศตะวันตก จะไม่มีวันเกิดขึ้นหากปราศจากเงินสดของรัสเซีย บางส่วนเป็นผลจากแผนการฟอกเงินที่ซับซ้อนบางส่วนก็มาจากเงินอัดฉีดโดยตรง

และเป็น Malofeyev นี่เองที่เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น สำนักงานในมอสโกของเขาไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของไอคอนโบราณมากมายและแผนที่ซาร์ที่หายากเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ทำงานของผู้ชายที่กลายมาเป็นผู้นำของการรุกรานยูเครนที่แอบแฝงของรัสเซีย

Malofeyev ปฏิเสธว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น นอกเหนือจากการจัดหาเงินทุนสำหรับผู้ลี้ภัยที่หนีการสู้รบ และกล่าวว่าความสัมพันธ์ของเขากับกลุ่มผู้นำกบฎนั้นเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น

ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้หยุดลงไปเลยเมื่อสหรัฐฯ และยุโรปกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในเดือนมีนาคม 2014 ในทางกลับกัน รัสเซียกลับเร่งและเพิ่มความพยายามที่จะแบ่งแยกฝั่งตะวันตกมากยิ่งขึ้น

แทนที่จะพยายามหาวิธีในการยกเลิกการคว่ำบาตร ดูเหมือนว่ารัสเซียไม่เคยแคร์สิ่งเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ พวกเขาเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มานานมากแล้ว และกระสุนน้ำมันของพวกเขาก็ยังมีอย่างไม่จำกัดอีกด้วย

ในสมัยโซเวียต กลวิธีดังกล่าวเรียกว่า ‘มาตรการเชิงรุก’ และภายในปี 2014 เมื่อรัสเซียได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทุนนิยมแบบรัฐที่สมบูรณ์แล้ว เครมลินก็พร้อมที่จะบุกเข้าสู่ฝั่งตะวันตกอีกครั้ง กลวิธีบางอย่างในยูเครนได้รับการฝึกฝนอย่างรวดเร็วโดยขยายไปสู่ยุโรปตะวันออกก่อนแล้วจึงขยายต่อไปทางตะวันตก เครือข่ายเก่ากำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และแนวรบใหม่กำลังถูกนำไปใช้

เป้าหมายของรัสเซียนั้นลึกซึ้งกว่าที่หลายคนคิดมาก คนของ Putin กำลังพยายามสร้างกลุ่มของตัวเองภายในยุโรป และล้มล้างภูมิทัศน์ทางการเมืองของทั้งทวีป และนักการเมืองจากกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาจัดในชาติต่าง ๆ ของยุโรป ก็เต็มใจที่จะรับเงินและอิทธิพลจากเครมลินเสียด้วย

ด้วยการสนับสนุนกลุ่มการเมืองทั้งทางซ้ายสุดและทางขวาสุด เครมลินจึงเกาะติดและปลุกกระแสความไม่พอใจที่เพิ่มสูงขึ้นในยุโรปตะวันออก ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปมาเกือบทศวรรษแล้ว

ความรุ่งเรืองของตะวันตกและลัทธิเสรีนิยมก็เริ่มเสื่อมลงอย่างชัดเจน และยุโรปฝั่งตะวันออกก็เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าสุดหรูและไอโฟนรุ่นล่าสุดไม่ต่างจากที่ฝั่งตะวันตกมี  ในตอนนี้วิญญาณในอดีตของสหภาพโซเวียต เครือข่ายของตัวแทนที่เคยทำงานกับ KGB ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งสังคมยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กิจกรรมปั่นหัว ที่มอสโกพยายามทำทั่วยุโรปมาเป็นเวลานาน ในเยอรมนี Putin มีพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับอดีตนายกรัฐมนตรี Gerhard Schröder ซึ่งได้รับรางวัลมากมายจากการทำงานของเขาในการปกป้องการกระทำของ Putin ในยูเครนและซีเรีย รวมถึงเรื่องการปราบปรามประชาธิปไตยที่รัสเซีย 

และได้ร่วมมือกับ Matthias Warnig พันธมิตรที่ใกล้ชิดของ Putin จาก Stasi, ตัว Schröder เองก็อยู่ในคณะกรรมการของกลุ่มท่อส่งก๊าซ Nord Stream ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 14.8 พันล้านยูโรที่นำโดยรัสเซียเพื่อส่งออกก๊าซโดยตรงจากรัสเซียใต้ทะเลบอลติกโดยไม่ผ่านยูเครน 

ในอิตาลี Putin เป็นเพื่อนกับ Silvio Berlusconi มานานแล้ว ชายสองคนไปเที่ยวพักผ่อนที่ซาร์ดิเนียด้วยกัน และ Berlusconi ก็เป็นแขกประจำที่บ้านโซซีของ Putin 

Putin ที่เป็นเพื่อนซี้กับ Berlusconi (CR:Tass)
Putin ที่เป็นเพื่อนซี้กับ Berlusconi (CR:Tass)

Berlusconi ยังเป็นสมาชิกของเครือข่ายการเงินและอิทธิพลที่มีมาตั้งแต่สมัยโซเวียต เขายังทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายธนาคาร อันโตนิโอ ฟัลลิโก ผู้ซึ่งรู้จักการดำเนินการด้านเงินทุนต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างใกล้ชิด และธนาคาร Intesa ซึ่งยังคงเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ให้กับกลุ่มทุนนิยม KGB ของ Putin 

เมื่อรัฐสภาอิตาลีเปิดเผยความพยายามที่ชัดเจนโดยคนกลางที่เชื่อมโยงกับ Gazprom ในการหาช่องทางทำเงิน นั่นทำให้วิธีของ Berlusconi ถูกเปิดเผยโดยรัฐสภาอิตาลี นักการเมืองทั้งในพรรคของ Berlusconi และฝ่ายค้านบอกกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงโรมว่าพวกเขาเชื่อว่ามันไม่ใช่โครงการเครมลินเพียงโครงการเดียวที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของ Berlusconi

ในออสเตรีย Heinz-Christian Strache หัวหน้าพรรคเสรีภาพถูกบังคับให้ลาออกหลังจากมีวีดีโอรั่วไหลจากการประชุมที่ดื่มเหล้าที่วิลล่าในอิบิซ่า ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้หญิงที่บอกว่าเธอเป็นหลานสาวของผู้ประกอบการด้านธุรกิจก๊าซในรัสเซีย

ในอังกฤษมีกระแสเงินสดรัสเซียมากมายที่หลั่งไหลเข้าสู่การเมืองของอังกฤษ รวมทั้งจากชายที่มีชื่อเสียงสองคนที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ KGB ซึ่งเคยบริจาคเงินจำนวนมากให้กับพรรค Tory ด้วย (พรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษ)

หนึ่งในนั้นคือ Alexander Temerko ผู้ถือหุ้นของ Yukos เขาได้รับสัญชาติอังกฤษในปี 2011 และทุ่มเงินกว่า 1 ล้านปอนด์ให้กับกองทุน Tory

อีกคนคือ Nikolai Patrushev หัวหน้าคณะมนตรีความมั่งคงที่ทรงอำนาจ เขาดื่มไวน์และทานอาหารมื้อค่ำเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ Boris Johnson ซึ่งเป็นหัวหอกในการรณรงค์ให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป

แต่ดูเหมือนว่ากิจกรรมของรัสเซียส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่นักธุรกิจชาวอังกฤษซึ่งไม่เคยปรากฎตัวที่ไหนเลยเพื่อนำเงินทุนสำหรับการรณรงค์ที่ผลักดันให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป

หนึ่งในนั้นคือ Arron Banks เศรษฐีเงินล้านที่เริ่มสร้างความมั่งคั่งในธุรกิจประกันภัยแล้วขยายไปสู่เหมืองเพชรในแอฟริกาใต้

Banks เป็นผู้ให้ทุนรายใหญ่ที่สุดของแคมเปญ Leave.EU โดยบริจาคเงิน 8.4 ล้านปอนด์ ซึ่งแหล่งที่มาของเงินก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เนื่องจากความอ่อนแอของกฎหมายของสหราชอาณาจักร ซึ่งเปิดทางให้ทุนจากต่างประเทศเข้าสู่การเมืองของสหราอาณาจักรได้แบบง่ายดาย

เงินเดิมพันเหล่านี้ถูกวางไว้สำหรับการแบ่งแยกพันธมิตรตะวันตก ในขณะที่ยุโรปกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดนับแต่แต่สิ้นสุดสงครามเย็น

ต้องบอกว่ากลวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ Yakunin และคนอื่น ๆ ในวงในของ Putin ได้ใช้มานานแล้ว ในอดีต Yakunin ได้เข้าร่วม KGB ในแผนกต่อสู้กับผู้เห็นต่าง ต่อต้านเกย์ หรือกับใครก็ตามที่คิดต่าง

บัดนี้พวกเขาได้ใช้กลอุบายเดียวกันเพื่อแทรกซึมการเมืองตะวันตก การเชื่อมโยงกับ World Congress of Families เป็นหนึ่งในความพยายามให้ประชาชนของ Putin ก้าวเข้าสู่แนวร่วมกลุ่มอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ

Yakunin ยังได้สร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ Dana Rohrabacher สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับรีกัน ซึ่งเป็นที่รู้จักดีจากความคิดเห็นที่สนับสนุน Putin ของเขา

ขณะที่ Malofeyev และ Serge de Pahlen กำลังสร้างความสัมพันธ์กับ Rand Paul วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่ง Ron Paul ผู้พ่อเป็นเสรีนิยมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับกลุ่ม Tea Parry (กลุ่มอนุรักษนิยมเชิงเสรีนิยมของสหรัฐอเมริกา)

กลวิธีเหล่านี้ถูกดึงออกจากตำราอีกครั้งในสมัยโซเวียต เมื่อ KGB แทรกซึมขบวนการต่อต้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และการประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม

แต่ตอนนี้พันธมิตรของ Putin กำลังดึงดูดฐานประชานิยม เพื่อสร้างอคติต่อผู้อพยพและชนกลุ่มน้อย มันเป็นการสื่อสารที่เย้ายวนใจสำหรับคนจำนวนมากที่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยกระแสโลกาภิวัฒน์และทุนนิยมสุดโต่งของตะวันตก

มันทำให้คนหลายกลุ่มเริ่มหวนคิดถึงสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นวันที่เรียบง่ายกว่าเดิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ความผิดพลาดทางการเงินในปี 2008 ซึ่งได้เพิ่มความเหลื่อมล้ำและการแบ่งแยกระหว่างคนรวยและคนจนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อรองประธานาธิบดี Biden (ตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ส่งเสียงเตือนในปี 2015 โลกก็ค้นพบว่าในไม่ช้าภัยคุกคามต่อความสามัคคีของชาวตะวันตกมีความลึกซึ้งและถูกแทรกซีมเข้ามาไกลเกินที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ เสียแล้ว

จุดอ่อนของระบบการเมืองตะวันตกได้ทิ้งรอยร้าวขึ้นในสังคมอย่างลึกซึ้ง ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นและการเมืองที่เข้มงวดซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากวิกฤติการเงินในปี 2008 ได้ทำให้ชาติตะวันตกเปิดกว้างต่อยุทธวิธีใหม่เชิงรุกของรัสเซียในการเติมเชื้อเพลงให้ฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายสุดในโลกตะวันตกมากยิ่งขึ้น

และเมื่อสหราชอาณาจักรตื่นขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2016 เนื่องด้วยผลการลงประชามติที่น่าตกใจที่เสียงข้างมากสนับสนุนให้ออกจากสหภาพยุโรป

การแทรกซึมหลังสงครามเย็นได้เข้าสู่ดินแดนที่ไม่อาจคาดคิดว่าจะเข้าถึงได้แม้กระทั่งใน สหราชอาณาจักร หรือ สหรัฐอเมริกา

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 จะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะได้รู้ว่าอำนาจของพวกเขามีมากมายเพียงใด ความรู้สึกที่แพร่หลายว่าชนชั้นปกครองได้ละทิ้งและลืมพื้นที่ใจกลางอเมริกาและชนชั้นแรงงาน ได้เปิดทางให้เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับรีกัน

“หาก Donald Trump ชนะ เขาจะฝัง EU” Alexander Temerko อดีตมหาเศรษฐีด้านอาวุธของรัสเซียซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสมาชิกชั้นนำของของ แคมเปญ Brexit ของสหราชอาณาจักรกล่าว

“และ Donald Trumb จะเป็นพันธมิตรใหม่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของรัสเซียนับจากนี้”

–> อ่านตอนที่ 13 : Russia’s Revenge (ตอนจบ)

ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube