จากตอนที่แล้ว ที่เราได้กล่าวถึงเรื่องราว ของเหล่าผู้ก่อตั้งทั้ง 4 อย่าง เอฟ , โนอาห์ , แจ็ค และ บิซ แล้วนั้น เราจะเห็นถึง ความแตกต่างของ ทั้ง 4 หนุ่ม ที่โชคชะตา ลิขิต ให้มาอยู่ร่วมกัน เพื่อก่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่จะเปลี่ยนการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารครั้งยิ่งใหญ่ ของมนุษย์เรา
แม้จะมีความแตกต่างอย่างสุดขั้ว แต่สิ่งนึงที่เราได้เห็นเหมือนกัน คือ พวกเค้าไม่ได้เป็นอัจฉริยะ มาตั้งแต่แรก ไม่ได้เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่พร้อม ไม่มีแม้โอกาสที่จะเรียนมหาลัยให้จบด้วยซ้ำ และห่างไกลกับคำว่าอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ ที่มีเกลื่อนกลาด ไปหมดทั่ว ซิลิกอน วัลเลย์
โปรเจ็ค โอดีโอ ของโนอาห์ ตอนนี้มันกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เว๊บไซต์ ที่เขานั้นคาดหวังหวัง ไว้ว่ามันจะทำไว้ให้คนสร้าง และ อัดเสียงแล้วแบ่งปันกันคนอื่นบนเว๊บไซต์ ซึงเหมือน blogger แต่เป็น version มีเสียงนั่นเอง
แต่ปัญหาใหญ่ของโอดีโอ คือ ความขัดแย้งกันเองระหว่าง โนอาห์ กับ เอฟ ที่มีความขัดแย้งกันแทบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สี รูปแบบโลโก้ การวางตลาดว่าผลิตภัณฑ์จะไปยังกลุ่มผู้ใช้กลุ่มไหน หรือ แม้กระทั่งเรื่องใหญ่ ๆ อย่างใครมีอำนาจสั่งการที่แท้จริงในบริษัท
ต้องยอมรับอย่างนึงว่า การที่ได้เอฟมาอยู่กับโปรเจ็ค นี้ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนได้ง่าย เพราะเค้าเคยทำ blogger ประสบความสำเร็จมาแล้ว
แม้จะยังไม่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนมากนัก โอดีโอ ก็ได้รับเงินทุนกว่า 5 ล้านเหรียญแล้ว ทำให้มีการจ้างทีมงานเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และเริ่มขยายบริษัทไปอยู่ใน office แห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
แต่นิสัยอย่างนึงของเอฟ คือ การชอบทำตัววางเฉย กับปัญหา หรือหนีปัญหาโดยการไม่เข้าออฟฟิส ไปเลย เมื่อใดที่เค้ามีปัญหากับ โนอาห์ แล้วไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เอฟเลือกทางเดิน คือ หนีปัญหา และปล่อยปัญหาไว้คาราคาซังแบบนั้นตลอด
ส่วน แจ๊ค เนื่องจากอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ก็ได้แต่คอยรับฟัง เค้าไม่ค่อยมีปัญหากับใคร และเปิดรับฟังทุก idea เสมอ ที่สำคัญคือ เค้ามักจะหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง มีอารมณ์ แบบศิลปิน ซึ่งเค้ามักจะแนะนำเพื่อนร่วมงานถึงหนังใหม่ เพลงใหม่ที่น่าฟัง งานแสดงศิลปะที่กำลังจะมาถึง หรือ แม้แต่ปาร์ตี้ ที่แนะนำให้เพื่อนร่วมงานไม่ควรพลาด
และเมื่อถึงวันที่ โอดีโอ จะต้อง online โดยที่โนอาห์ พยายามผลักดันให้เว๊บไซต์ online ขึ้นสักที หลังจากใช้เวลาพัฒนามาอย่างยาวนาน
แต่เหมือนทุกครั้ง เอฟ คิดว่า โอดีโอ ยังไม่พร้อม งานมันยังไม่ถึงระดับ production จริง ๆ ยังเหมือนโปรเจคทดลองมากกว่า แต่สุดท้าย โนอาห์ก็ดัน ให้ โอดีโอ online ได้สำเร็จ
แม้จะมีคน register เข้ามาใช้งานเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่มันต่างจาก blogger อย่างสิ้นเชิง เพราะ แทบจะไม่มีคนกลับมาใช้ใหม่ มันเหมือน โปรดักให้คนทดลองใช้ แล้วก็ผู้คนเหล่านั้นหนีไป แค่นั้นจริง ๆ ไม่ได้ดึงดูดให้ user กลับมาใช้งานต่อเนื่องใน platform เหมือนที่ blogger ทำได้เลย
มันเละเทะมาก โปรเจค โอดีโอในตอนนี้ แม้กระทั่งคนใน office ยังไม่ใช้มันเลย อย่าไปหวังว่าคนข้างนอกจะมาใช้ platform ตัวนี้
การทำงานภายในก็แทบจะไม่มีระบบ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนมีอำนาจสูงสุดตัวจริง ระหว่าง โนอาห์ หรือ เอฟ พนักงานก็เป็นเหล่าวิศวกรขบท ที่พร้อมจะแหกกฏบริษัทเสมอ แม้เอฟ จะพยายามหามืออาชีพ มาจัดการ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเหล่าพนักงานเป็นพวกนิยมอนาธิปไตย และที่เจ็บปวดที่สุดคือ เอฟ เป็นคนที่คัดเลือกพวกเค้าเหล่านี้มาเองทั้งนั้น
PODCRASH
ความเละเทะในบริษัทนั้น มันยังไม่เลวร้ายเท่า วันที่ สตีฟ จ๊อบส์ CEO ของ apple ได้ประกาศเปิดตัว IPod รุ่นใหม่ และที่มีประกาศที่สำคัญ ที่กำลังปิดการแจ้งเกิดของโอดีโออย่างชัดเจน คือ PodCast
ใช่แล้ว!!! apple กำลัง เพิ่มบริการ PodCast ลงไปใน Itunes สื่อต่างพาดหัวข่าวกันอย่างสนุกสนาน เพราะตอนนี้ PodCast ของ apple นั้นกำลังเข้าสู่ตลาดกระแสหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอฟ รู้ทันที ว่านี่เป็นการยิงกระสุนตัดขั้วหัวใจของโอดีโอ พวกเขาไม่สามารถที่จะชนะ apple ที่เป็นเจ้าของ Itunes ซึ่งเป็นบริการดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกในสมัยนั้นได้อยู่แล้ว มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ (Pod) Cast make Odeo (Crash) เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
เอฟ ได้ ปรึกษากับ โนอาห์ เรื่องเกี่ยวกับการปิดตัว โอดีโอ เพราะ เอฟ รู้สึกเหนื่อยและมองไม่เห็นการแก้ปัญหาเลยสำหรับโอดีโอ แต่โนอาห์ กำลังทำสิ่งบางอย่างเพื่อยืดอายุบริษัทออกไป คือ การรีดเอาไอเดียออกจากพนักงาน เพื่อรักษาบริษัทไว้ให้ได้
และนั่นเป็นที่มาในการคุย idea บางอย่างกับ แจ๊ค ที่เค้าทั้งสองเคยคุยกันมาคร่าว ๆ บ้างแล้ว โนอาห์พยายามที่จะรีดเอา idea เรื่อง Status Message ซึ่งเป็น idea ที่แจ๊คเคยจดบันทึกไว้
มันเป็นแนวคิดของ เว๊บไซต์พิเศษที่คนสามารถใช้เพื่อแบ่งปัน สถานะปัจจุบันของเขา ตัวอย่างเช่น “นายกำลังฟังเพลงอะไรอยู่” หรือ “นายกำลังทำงานอะไรอยู่”
โนอาห์คิดว่า idea นี้มันฟังดูธรรมดามาก ๆ มันราบเรียบเกินไป แล้วเขาก็ปิ๊ง idea ได้ว่า มันควรจะเป็นเครือข่ายสังคม ที่เชื่อมโยงผู้คน เข้ากับคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ผ่าน status message
แจ๊คเริ่มตื่นเต้นไปกับคำแนะนำเหล่านั้น ตอนนี้ idea ต่าง ๆ เริ่มพรั่งพรูออกมา และพวกเขาทั้งสองคิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปคุยกับ เอฟและบิซ แล้ว idea นี้มันเริ่มเข้าท่า
หลังจากเอฟกับบิซ ได้ฟัง ก็คิดว่ามันเป็นไปได้ บิซ เสนอแนะ ให้มันเป็น platform การส่งข้อความที่สามารถทิ้งข้อความไว้ให้กลุ่มเพื่อนฟัง และคิดย้อนไปถึงโปรเจค “phonenet” ของตัวเองสมัยยังอยู่ google
มันคือ internet สำหรับมือถือ และเมื่อ บิซ ได้ฟัง idea เรื่อง status message ของ แจ๊คเมื่อมารวมกับมือถือ ใช่เลย มันต้องเป็นอะไรที่เปลี่ยนโลกได้อย่างแน่นอน เอฟกับบิซ ก็หลงรัก idea นี้ทันที
มาถึง ตอนนี้ idea ถูกฝังอยู่ในหัวของทุกคน ผู้ก่อตั้งทั้ง 4 พวกเขากำลังจะสร้างบางอย่างด้วยกัน idea ต่าง ๆ กำลังพรั่งพรูออกมา idea นี้ต้องเป็นอะไรที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล แล้วมันจะมีชื่อว่าอะไร? แล้วโปรเจคโอดีโอล่ะ จะทิ้งไปเลยหรือไม่? บริษัทของพวกเขาจะอยู่รอดต่อไปด้วยเงินทุนที่เหลือน้อยเต็มทีได้หรือไม่? โปรดติดตามตอนต่อไป
–> อ่านตอนที่ 4 : 1st Tweet
<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***
Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA
Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
Geek Forever’s Podcast
“Open Your World With Technology“
AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning
Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ