Time Poverty Syndrome : กฎ 2 ชั่วโมง กับวิธีมีความสุขในยุคที่ทุกคนบ่นไม่มีเวลา

เวลาเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้ เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไปล้วนหล่อหลอมเป็นเรื่องราวชีวิตของเรา ในฐานะศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขและการศึกษาเรื่องเวลา Cassie Holmes ได้มาแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจผ่านเวที Ted Talks ในหัวข้อ You can be happy without changing your life

ย้อนกลับไปในช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ Wharton มีวันหนึ่งที่ Holmes ต้องเดินทางไปบรรยายที่นิวยอร์ก วันนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทั้งต้องรีบนำเสนอ ประชุมต่อเนื่อง ร่วมงานเลี้ยงกับเพื่อนร่วมงาน แล้วยังต้องวิ่งแข่งกับเวลาเพื่อไปขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายกลับฟิลาเดลเฟียที่ลูกน้อยวัย 4 เดือนและสามีกำลังรออยู่

แม้จะขึ้นรถไฟทันในคืนนั้น แต่ความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจยังคงอยู่ Holmes ได้แต่พิงศีรษะกับกระจกรถไฟ มองแสงไฟยามค่ำคืนพร่าเลือนผ่านสายตาไป พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทั้งหน้าที่การงาน บทบาทของการเป็นแม่และภรรยาที่ดี การเป็นเพื่อนที่ดี รวมถึงงานบ้านที่ไม่มีวันจบสิ้น เวลา 24 ชั่วโมงในแต่ละวันช่างไม่เพียงพอเลย

Holmes ต้องการที่จะมีเวลามากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อจัดการงานต่างๆ ให้เสร็จ แต่อยากได้เวลาที่จะชะลอชีวิตลงและซึมซับทุกช่วงขณะของชีวิตอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้ชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับภาพเบลอ ภาวะที่ Holmes เผชิญอยู่นี้เรียกว่า “Time poverty” หรือความยากจนด้านเวลา ซึ่งหมายถึงความรู้สึกว่ามีภาระมากมายแต่เวลาไม่เพียงพอ

หลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับคำนี้ แต่ Holmes เชื่อว่าทุกคนเข้าใจความรู้สึกนี้ดี จากการสำรวจระดับชาติของทีมวิจัยพบว่าชาวอเมริกันเกือบครึ่งรู้สึกว่าตนเองมีเวลาไม่พอ และปรากฏการณ์นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐอเมริกา แต่ผู้คนทั่วโลกต่างประสบปัญหาการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและขาดแคลนเวลาเช่นกัน

คืนนั้นบนรถไฟ เมื่อรู้สึกว่าเวลาของเธอไม่เคยพอ Holmes คิดว่าทางออกที่ชัดเจนคือการลาออกจากงานและย้ายไปอยู่เกาะแทน เพราะหากมีเวลาทั้งวันที่จะผ่อนคลายและทำในสิ่งที่อยากทำ ก็น่าจะมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่อคิดลึกๆ แล้ว Holmes เริ่มตั้งคำถามว่า คนที่มีเวลามากกว่านี้จริงๆ แล้วมีความสุขกว่าหรือไม่?

นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจที่สามารถทดสอบได้ และ Holmes ต้องการหาคำตอบก่อนที่จะตัดสินใจลาออกหรือชวนสามีไปใช้ชีวิตริมชายหาด จึงได้ชักชวนนักวิจัยที่ไว้ใจมาร่วมศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเวลาว่างกับความสุข

จากการวิเคราะห์ American Time Use Survey ซึ่งบันทึกการใช้เวลาในแต่ละวันของชาวอเมริกันหลายหมื่นคน ทั้งผู้ที่ทำงานและไม่ได้ทำงาน พบรูปแบบที่น่าสนใจ คือกราฟความสัมพันธ์มีลักษณะเป็นรูปตัว U คว่ำ

ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าความสุขลดลงที่ปลายทั้งสองด้าน คนที่มีเวลาว่างน้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันจะมีความสุขน้อยลง ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เพราะความเครียดจากการยากจนด้านเวลาส่งผลชัดเจน แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ คนที่มีเวลาว่างมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันก็มีความสุขน้อยลงเช่นกัน

กราฟความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและความสุข (CR:Ted Talks)

การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า การมีเวลามากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสุข เนื่องจากมนุษย์มีความต้องการพื้นฐานในการสร้าง productivity และความรู้สึกมีคุณค่า เมื่อมีเวลาว่างมากเกินไปโดยไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ จะทำให้ขาดความรู้สึกว่ามีเป้าหมายในชีวิต

งานวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นอีกว่า การมีเวลาว่างประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวันเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความสุข เมื่อ Holmes ได้ทบทวนตารางชีวิตตนเองอย่างจริงจัง พบว่าเป้าหมาย 2 ชั่วโมงนี้ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม แม้ในช่วงชีวิตที่วุ่นวายที่สุด เช่น การใช้เวลา 15 นาทีในตอนเช้ากอดลูก 25 นาทีคุยกับเพื่อนสนิทระหว่างเดินทางกลับบ้าน 30 นาทีทานอาหารเย็นกับสามี และ 20 นาทีร้องเพลงกล่อมลูก

เมื่อรวมเวลาแล้วได้ 90 นาที ซึ่งล้วนเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและเติมเต็มความสุขให้ชีวิต การค้นพบนี้ทำให้ตระหนักว่า คำตอบของความสุขไม่ได้อยู่ที่การมีเวลาว่างมากขึ้น แต่อยู่ที่วิธีการลงทุนกับเวลาที่มีอยู่

การบริหารเวลาที่ดีไม่ได้หมายถึงการพยายามหาเวลาว่างให้มากที่สุด แต่เป็นการจัดสรรเวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่าและความหมาย การสร้างสมดุลระหว่างงาน ครอบครัว และเวลาส่วนตัว รวมถึงการตระหนักถึงคุณค่าของช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน

หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้เราเห็นคุณค่าของเวลาคือการนับเวลาที่เหลือ เช่น การนัดดื่มกาแฟทุกสัปดาห์กับ Lita ลูกสาวของเธอ ซึ่ง Holmes ได้คำนวณว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอกับลูกสาวได้ดื่มกาแฟด้วยกันประมาณ 400 ครั้ง และเมื่อคำนวณไปข้างหน้า โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงตามวัยของเธอ คาดว่าจะเหลือโอกาสอีกประมาณ 230 ครั้ง หรือคิดเป็น 36% ของจำนวนทั้งหมด

แม้ตัวเลขนี้อาจดูน่าใจหาย แต่มันกลับสร้างผลกระทบเชิงบวก เพราะทำให้ตระหนักถึงความล้ำค่าของช่วงเวลาเหล่านี้ และกระตุ้นให้จัดสรรเวลาอย่างมีคุณภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน Holmes จะปกป้องเวลาสำหรับนัดดื่มกาแฟกับ Lita อย่างเคร่งครัด โดยปรับเปลี่ยนจากเช้าวันพฤหัสมาเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แทน เพราะตารางเรียนของเธอเปลี่ยนไป

การใส่ใจและตระหนักถึงคุณค่าของเวลาทำให้ Holmes เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า พยายามทำให้รายการสิ่งที่ต้องทำในหัวเงียบลง เพราะไม่อยากเสียสมาธิไปกับการคิดถึงและวางแผนสิ่งที่จะทำต่อไป แม้จะเป็นเพียง 30 นาทีต่อสัปดาห์ แต่ช่วงเวลานี้กลับส่งผลต่อความรู้สึกตลอดทั้งสัปดาห์ และส่งผลต่อมุมมองที่มีต่อชีวิตโดยรวม

ความสุขจากการใช้เวลาร่วมกันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในช่วงเวลานั้น แต่ยังแผ่ขยายไปถึงความรู้สึกตื่นเต้นในการรอคอย ทุกนาทีเหล่านี้และสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวมีค่ามหาศาล ปัจจุบันแม้ Holmes ยังคงมีงานที่กดดันสูง มีสามีและลูกสองคนที่ต้องดูแล รวมถึงงานบ้านที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่เธอก็สามารถพูดได้อย่างจริงใจว่าเธอมีความสุข

การศึกษาด้านจิตวิทยาเชิงบวกพบว่า การสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพและการใช้เวลาอย่างมีความหมายกับคนที่เรารัก เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งของความสุขที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ความสุขชั่วคราว แต่เป็นความพึงพอใจในชีวิตระยะยาว

เรื่องราวนี้นำเรากลับมาสู่ประเด็นสำคัญที่ว่า ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเวลาที่เรามี แต่อยู่ที่คุณภาพของการใช้เวลาและความใส่ใจที่เรามอบให้กับช่วงเวลานั้นๆ ด้วยความตั้งใจและความเอาใจใส่เพียงเล็กน้อย เราสามารถค้นพบความสุขอันยิ่งใหญ่ได้จากช่วงเวลาธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน

การบริหารเวลาที่ดีจึงไม่ใช่แค่การจัดตารางให้มีประสิทธิภาพ แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะใช้เวลาอย่างมีคุณค่า เห็นความงามในความธรรมดา และเข้าใจว่าทุกนาทีที่ผ่านไปล้วนมีความหมาย การตระหนักเช่นนี้จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากขึ้น แม้ในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความกดดันมากเพียงใดก็ตาม

References :
You can be happy without changing your life | Cassie Holmes | TEDxManhattanBeach
https://youtu.be/VOC44gKRTI4?si=6kD8t7P_kOWv5_uD


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube