เมื่อ TikTok ได้ทำการสอดแนมนักข่าวชื่อดังของ Forbes

การตรวจสอบภายในโดย ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นสุดฮอตอย่าง TikTok พบว่าพนักงานของพวกเขาได้สอดแนมนักข่าวหลายคน ทำให้เข้าถึงที่อยู่ IP และข้อมูลผู้ใช้อย่างไม่เหมาะสมเพื่อพยายามระบุว่าพวกเขาอยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่

ByteDance ได้ติดตามนักข่าวของ Forbes หลายคนในฐานะส่วนหนึ่งของแคมเปญสอดแนมแบบลับๆ นี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเปิดเผยต้นตอของการรั่วไหลภายในบริษัทตามเรื่องราวที่เปิดเผยความเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่องของบริษัทไปยังประเทศจีน 

ผลจากการสอบสวนทำให้ ByteDance ได้ไล่ Chris Lepitak ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ตรวจสอบภายในซึ่งเป็นผู้นำทีมที่รับผิดชอบ  , Song Ye ผู้บริหารระดับสูงในจีนซึ่ง โดย Lepitak จะรายงานโดยตรงต่อ Rubo Liang ซีอีโอของ ByteDance

Forbes รายงานกลยุทธ์การสอดแนมเป็นครั้งแรก ซึ่งดูแลโดยทีมงานจากประเทศจีนที่ ByteDance ในเดือนตุลาคมปี 2022 ที่ผ่านมา 

โดยทาง TikTokได้ออกมาประกาศผ่าน Twitter หลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่โดยกล่าวว่า “TikTok ไม่เคยถูกใช้เพื่อ ‘กำหนดเป้าหมาย’ สมาชิกของรัฐบาลสหรัฐฯ นักเคลื่อนไหว บุคคลสาธารณะ หรือ นักข่าว” และ “TikTok ไม่สามารถติดตามหรือสอดแนมผู้ใช้ในสหรัฐฯได้” 

“นี่เป็นการโจมตีโดยตรงต่อแนวคิดของสื่อเสรีและบทบาทที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยที่กำลังดำเนินอยู่” Randall Lane หัวหน้าเจ้าหน้าที่เนื้อหาของ Forbes

การสืบสวนที่รู้จักกันเป็นการภายในในชื่อ Project Raven เริ่มขึ้นในฤดูร้อนนี้หลังจาก BuzzFeed Newเผยแพร่เรื่องราวที่เปิดเผยว่าพนักงานของ ByteDance ในจีนได้เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

โดยอ้างอิงจากการบันทึกเสียงการประชุมภายใน TikTok มากกว่า 80 ชั่วโมง ตามเอกสารภายในของ ByteDance ที่ตรวจสอบโดย Forbes 

Project Raven เกี่ยวข้องกับ Chief Security and Privacy Office ของบริษัท ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการปฏิบัติตามกฎหมายทั่วโลกของ TikTok และได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารของ ByteDance ในประเทศจีน ให้สอดแนม Emily Baker-White, Katharine Schwab และ Richard Nieva นักข่าว Forbes สามคนที่เคยทำงานที่ BuzzFeed News

หลังจากเรื่องนี้เผยแพร่ โฆษกของ TikTok Hilary McQuaide กล่าวว่า “การประพฤติมิชอบของบุคคลบางคนซึ่งไม่ได้ทำงานที่ ByteDance อีกต่อไป เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างร้ายแรงในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และไม่แนวทางการปฏิบัติของ TikTok เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ของเรา”

Jennifer Banks โฆษกของ ByteDance กล่าวเสริมว่า “ByteDance ขอประณามแผนการที่เลวร้ายนี้ซึ่งละเมิดจรรยาบรรณของบริษัท” 

เธอกล่าวว่า ByteDance ไม่พบหลักฐานว่าบริษัทได้ทำการสอดแนมนักข่าวคนอื่น ๆ ของ Forbes นอกเหนือจาก Baker-White แต่การสืบสวนยังดำเนินอยู่ เอกสารภายในบริษัทที่ตรวจสอบโดย Forbes ระบุว่ามีการเฝ้าระวังนักข่าวอีกสองคนคือ Schwab และ Nieva เช่นเดียวกัน

“เรื่องนี้ตอกย้ำความกังวลอย่างจริงจังว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอนุญาตให้วิศวกรและผู้บริหารของ TikTok ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้จะอ้างต่อฝ่ายนิติบัญญัติและผู้ใช้หลายครั้งว่าข้อมูลนี้ได้รับการคุ้มครอง” วุฒิสมาชิก Mark Warner กล่าว 

“Department of Justice (DoJ) สัญญามานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพวกเขากำลังมองหาวิธีที่จะปกป้องข้อมูลผู้ใช้ของสหรัฐฯ จาก Bytedance และ The Chinese Communist Party (CCP) ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาแนวทางแก้ไข มิฉะนั้นรัฐสภาอาจถูกบังคับให้เข้าร่วมการจัดการเรื่องนี้ในไม่ช้า”

นอกจากการปลดหัวหน้าผู้ตรวจสอบภายในของ TikTok แล้ว Chris Lepitak ซึ่งถูกสั่งพักงานหลังจาก รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับแผนการสอดแนมของ Forbes ในเดือนตุลาคม ByteDance ยังไล่พนักงาน TikTok เพิ่มอีกสองคนในสหรัฐอเมริกาและจีนอันเป็นผลมาจากการเรื่องอื้อฉาวนี้

ByteDance ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายแรกที่ใช้แอพเพื่อตรวจสอบผู้ใช้เฉพาะราย ในปี 2017 New York Times รายงานว่า Uber ได้ทำการสอดแนมตัวนักการเมืองและหน่วยงานกำกับดูแลในท้องถิ่นหลายแห่ง และให้บริการแอป Uber เวอร์ชันแยกต่างหากเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษด้านกฎระเบียบ 

ในเวลานั้น Uber ยอมรับว่าได้ดำเนินการโปรแกรมที่เรียกว่า “greyball” แต่ใช้เพื่อปฏิเสธคำขอเรียกรถไปยังฝ่ายตรงข้ามที่สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้ารัฐที่แบบลับๆ เพื่อดักจับคนขับที่เป็นหนอนบ่อนไส้

มีรายงานว่าทั้ง Uber และ Facebook ติดตามตำแหน่งของนักข่าวที่รายงานเกี่ยวกับแอพของพวกเขา การสืบสวนในปี 2017 โดยศูนย์ข้อมูลความเป็นส่วนตัวทางอิเล็กทรอนิกส์พบว่า Uber ได้ตรวจสอบตำแหน่งของนักข่าวที่รายงานข่าวบริษัท

หนังสือ An Ugly Truth ฉบับปี 2021 อ้างว่า Facebook ทำแบบเดียวกัน เพื่อพยายามระบุแหล่งที่มาของนักข่าว Facebook ไม่ได้ตอบโดยตรงต่อในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

แต่โฆษกคนหนึ่งของ Facebook ได้บอกกับ San Jose Mercury News ในปี 2018 ว่าเช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ Facebook “ใช้ข้อมูลที่บันทึกจากแพลตฟอร์มเป็นประจำในการสืบสวนในที่ทำงาน”

แต่ก็ต้องบอกว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้การรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ส่วนตัวของ ByteDance แตกต่างจากกรณีของ Uber และ Facebook ก็คือ TikTok ได้บอกกับฝ่ายนิติบัญญัติในเดือนมิถุนายนปีที่แล้วว่าการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ บางอย่างซึ่งน่าจะรวมถึงตำแหน่งด้วย จะจำกัดเฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นตามโปรโตคอลที่พัฒนาร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ

References :
https://www.forbes.com/sites/emilybaker-white/2022/12/22/tiktok-tracks-forbes-journalists-bytedance
https://www.latimes.com/business/technology/la-fi-tn-uber-privacy-20150622-story.html
https://www.buzzfeednews.com/article/emilybakerwhite/tiktok-project-texas-bytedance-user-data
https://thevpn.guru/is-tiktok-safe-download-install-use/


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube