วันที่ Made in Japan ไม่ขลังอีกต่อไป Hisense จากโรงงานก๊อปปี้ สู่แบรนด์ทีวีที่โค่น Sony ถึงในบ้าน

ในยุคที่โลกยังไม่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การได้นั่งดูทีวีจอสีในห้องนั่งเล่นคือความสุขสูงสุดของทุกครอบครัว และในยุคนั้น มีเพียงชื่อเดียวที่ทุกคนต่างถวิลหา… นั่นก็คือผลิตภัณฑ์ที่มี logo “Made in Japan”

แบรนด์อย่าง Sony, Panasonic หรือ Sharp ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตทีวี แต่พวกเขาคือผู้รังสรรค์นวัตกรรม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงการอิเล็กทรอนิกส์โลก คุณภาพระดับเทพของพวกเขาคือมาตรฐานที่ไม่มีใครสู้ได้

การมีทีวีญี่ปุ่นประดับประดาอยู่ในบ้าน คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จ เป็นเครื่องยืนยันว่าคุณคือคนทันสมัยตัวจริง ชื่อเสียงของพวกเขาดังกระฉ่อนไปทั่วหล้า และดูเหมือนว่าบัลลังก์นี้จะไม่มีวันสั่นคลอน

แต่ใครจะรู้ว่า ท่ามกลางแสงสปอตไลท์ที่สาดส่อง ยังมีมุมมืดและรอยร้าวเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ รอวันที่จะทำให้ทุกอย่างพังทลายลงมา

เรื่องของเรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อพี่ใหญ่ของโลกอย่างอเมริกา เริ่มรู้สึกไม่ดีกับการขาดดุลการค้ามหาศาลกับญี่ปุ่น พวกเขาจึงผลักดันข้อตกลงที่ชื่อว่า Plaza Accord

พูดง่ายๆ มันคือการบังคับให้ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นแบบพุ่งกระฉูด ผลลัพธ์คือสินค้าญี่ปุ่นที่เคยว่าแพงอยู่แล้ว กลับแพงขึ้นไปอีกจนน่าตกใจ เหมือนโดนถีบส่งให้ไปขายของบนดาวอังคาร

บริษัทญี่ปุ่นแก้เกมด้วยการมุ่งเป้าไปที่ตลาดพรีเมียม จัดหนักจัดเต็มกับเทคโนโลยีสุดล้ำสำหรับคนกระเป๋าหนักเท่านั้น พวกเขามองว่าตลาดล่างเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่เคยชายตามองเลยแม้แต่น้อย

ทว่ามันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะในขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับลูกค้าไฮโซ ที่อีกฟากหนึ่งของโลก ในเมืองชิงเต่า ประเทศจีน บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งกำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา

บริษัทนี้แทบจะเรียกได้ว่าสิ้นไร้ไม้ตอก เริ่มต้นจากการเป็นโรงงานวิทยุห้องแถวที่มีคนงานแค่หยิบมือ ผลิตวิทยุราคาถูกเพื่อคนในประเทศ พวกเขาไม่มีทั้งเงินทุน เทคโนโลยี หรือชื่อเสียงใดๆ เลย

โรงงานแห่งนี้ คือจุดกำเนิดของบริษัทที่ชื่อว่า Hisense ในวันนั้น การจะไปเทียบกับ Sony ก็ดูจะเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ แต่บางครั้ง พรหมลิขิตก็ชอบเล่นตลก และโชคชะตาก็กำลังจะขีดเขียนเรื่องราวบทใหม่ที่โลกต้องจดจำ

Hisense รู้ตัวดีว่าพวกเขาเป็นรองทุกประตู การจะไปสู้กับยักษ์ใหญ่คงมีแต่จบเห่ พวกเขาจึงเลือกหนทางที่ฉลาดกว่า ด้วยการเข้าไปร่วมชายคาเป็นพันธมิตรกับ Panasonic เพื่อขอเรียนรู้วิชา แต่เบื้องหลังนั้น ความแสบของ Hisense คือการใช้กลยุทธ์ “วิศวกรรมย้อนกลับ” ที่โครตโหด

พวกเขาซื้อทีวีญี่ปุ่นมาแล้วชำแหละมันเป็นชิ้นๆ เพื่อดูว่าอะไรคือของดี อะไรคือของแพงเกินความจำเป็น แล้วก็สร้างทีวีเวอร์ชันของตัวเองขึ้นมา ตัดทุกอย่างที่ไม่จำเป็นทิ้งไป เพื่อให้ได้ของที่ดีพอในราคาที่ถูกจนน่าตกใจ

มันคือการจับเสือมือเปล่าที่ชาญฉลาดมาก พวกเขาไม่ได้คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ แต่แค่ทำให้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว มันเข้าถึงคนธรรมดาได้จริง

ในขณะที่ Sony กำลังหมกมุ่นกับการทำให้ภาพสวยขึ้นอีกนิด Hisense กำลังหาวิธีลดต้นทุนลง แต่คุณภาพยังใช้ได้ดี พวกเขามองเห็นตลาดขนาดมหึมาที่ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นมองข้าม

ตลาดของครอบครัวคนทำงานในแอฟริกา ในเอเชีย ที่ซึ่งการมีทีวีสักเครื่องคือความฝัน และ Hisense ก็คือผู้ที่เสกความฝันนั้นให้เป็นจริง

พวกเขาค่อยๆ สร้างฐานที่มั่นในตลาดที่ถูกลืมเหล่านี้อย่างเงียบๆ เหมือนเป็นเหลือบไรที่ไม่มีใครสนใจ แต่เหลือบไรตัวนี้กำลังสะสมพลังงาน รอวันที่จะเติบโตจนน่าสะพรึงกลัว

แล้ววันพิพากษาก็มาถึง… วิกฤตการณ์การเงินปี 2008 หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ได้สั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลกอย่างบ้าคลั่ง ผู้คนตกงาน บริษัทล้มละลาย และเงินในกระเป๋าของทุกคนก็ร่อยหรอลงอย่างน่าใจหาย

ทันใดนั้น พฤติกรรมการซื้อของคนทั้งโลกก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ คำว่า “ของดีราคาแพง” กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทุกคนต่างโหยหาคำว่า “คุ้มค่า”

ทีวีญี่ปุ่นราคาแพงระยับกลายเป็นของที่ไม่มีใครอยากได้ ยอดขายดิ่งลงเหวอย่างน่าใจหาย เหมือนทุกอย่างกำลังจะดับสนิท มันคือสถานการณ์ที่เผยให้เห็นความอ่อนแอของกลยุทธ์แบบญี่ปุ่น

แต่ในขณะที่ฝั่งญี่ปุ่นกำลังระทมทุกข์ ฝั่ง Hisense กลับยิ้มร่า เพราะสถานการณ์นี้มันเข้าทางพวกเขาแบบเต็มๆ ทีวีราคาถูกแต่คุณภาพใช้ได้ของพวกเขา กลายเป็นสินค้าที่เนื้อหอมขึ้นมาทันที

มันคือจุดพีคที่ฟ้าลิขิตมาให้ชัดๆ จากมวยวัดที่ไม่มีใครรู้จัก Hisense กลายเป็นแบรนด์ที่ทุกคนต้องการ เหมือนถูกเสกขึ้นมาให้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวในยามยาก

แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เมื่อโลกก้าวสู่ยุค “สมาร์ททีวี” บริษัทญี่ปุ่นที่เก่งแต่เรื่องฮาร์ดแวร์ กลับเดินเกมพลาดอย่างมหันต์ พวกเขาปรับตัวเข้าสู่โลกของซอฟต์แวร์ได้ช้ามาก

มันคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้บัลลังก์ของพวกเขาต้องพังทลายลงอย่างสิ้นซาก ความเป็นยักษ์ใหญ่ที่เคยถูกเทิดทูน บัดนี้ได้จบลงแล้ว

เมื่อคู่แข่งอ่อนแอ Hisense ก็ได้เวลาสยายปีกและเริ่มเกมรุกที่โหดเหี้ยมที่สุด พวกเขาไม่ได้แค่แข่งขัน แต่เลือกที่จะ “กลืนกิน” ตำนานให้หายไปเลย

ในปี 2017 เกิดข่าวช็อกวงการ เมื่อ Hisense ประกาศเข้าซื้อกิจการทีวีของ Toshiba ใช่ครับ… Toshiba แบรนด์ระดับตำนานของญี่ปุ่น ถูกบริษัทจีนซื้อไปในราคาถูกแสนถูก

มันคือการกระทำที่ไม่ต่างอะไรกับการแทงข้างหลังที่แสบสัน Hisense ได้ทั้งแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ โรงงาน และช่องทางการขายมาไว้ในกำมือแบบไม่ต้องเหนื่อยปลุกปั้นเอง

ความโหดคือ พวกเขาสามารถพลิกให้ธุรกิจของ Toshiba ที่กำลังจะเจ๊ง กลับมามีกำไรได้ในเวลาอันรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความเทพในการบริหารจัดการที่เหนือชั้นกว่ามาก

เกมยังไม่จบแค่นั้น พวกเขายังไปซื้อธุรกิจทีวีของ Sharp ในอเมริกาอีกด้วย มันคือการเดินเกมรุกที่ตอกย้ำให้โลกรู้ว่ายุคสมัยของญี่ปุ่นได้จบลงแล้ว

ผลลัพธ์ที่ออกมามันน่าสนใจมาก ภายในปี 2024 Hisense กลายเป็นเจ้าตลาดทีวีในประเทศญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งไปกว่า 40% ทิ้งให้ Sony และ Panasonic ที่เป็นเจ้าบ้าน ได้แต่มองตาปริบๆ

มันคือการบุกเข้าถ้ำเสือแล้วตบหน้าเจ้าของบ้านอย่างสาสม เป็นชัยชนะที่เด็ดขาดและสมบูรณ์แบบที่สุด

Hisense ไม่หยุดแค่นั้น พวกเขายังอัดฉีดเงินมหาศาลทำการตลาด ทุ่มเงินเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานใหญ่อย่างฟุตบอลโลก เพื่อทำให้แบรนด์ตัวเองดังไปทั่วโลก

จากแบรนด์ราคาถูกที่คนเคยมองว่ายี้ ตอนนี้พวกเขากำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่ในวงการอย่างเต็มตัว

เรื่องราวทั้งหมดนี้สอนบทเรียนให้กับเราว่า ความสำเร็จในอดีตไม่ได้การันตีอนาคต การยึดติดกับภาพฝันเก่าๆ โดยไม่ยอมมองความเป็นจริง อาจทำให้ยักษ์ใหญ่ที่เคยเกรียงไกร ต้องล้มลงและดับสูญไปในที่สุด

ส่วน Hisense คือบทพิสูจน์ว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้คิดค้นที่เจ๋งที่สุด แต่การเป็นผู้ที่เข้าใจความต้องการของตลาดได้ดีที่สุดต่างหาก คือหนทางสู่ชัยชนะที่แท้จริงในโลกธุรกิจอันโหดร้ายใบนี้

References : [reuters,nikkei,bloomberg,theverge,impress]


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube