ปัญหา Tesla ใหญ่กว่าแค่เรื่อง Elon Musk? ยอดขายดิ่งลง รถถูกเผา เจาะลึกวิกฤตที่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเมือง

ไม่นานมานี้ Elon Musk CEO ของ Tesla จัดประชุมพนักงานแบบฉุกเฉิน โดยเขาได้กล่าวปลุกใจพนักงานและให้คำมั่นสัญญาว่า “อนาคตของบริษัทจะสดใสและน่าตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ”

แต่ทำไมเขาต้องรีบเร่งให้ความมั่นใจแบบนี้? คำตอบอยู่ที่สถานการณ์ของ Tesla ที่กำลังวิกฤต ราคาหุ้นดิ่งลงเหว ยอดขายลดฮวบ โดยเฉพาะในยุโรปที่ยอดขายตกอย่างหนัก

การประท้วงต่อต้านบริษัทขยายวงกว้างขึ้นทุกสัปดาห์ บริษัทที่เคยเป็นเรือธงแห่งอนาคตกลายเป็นเป้าของความโกรธแค้น จนมีเจ้าของรถ Tesla หลายคนตัดสินใจขายรถทิ้งแม้จะขาดทุนย่อยยับก็ตาม

พวกเขารู้สึกยี้กับกลยุทธ์ทางการเมืองของ Musk ที่เข้าไปสนับสนุนฝ่ายบริหารของ Trump สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นมีรถ Tesla ถูกวางเพลิงทั่วประเทศ

รวมถึงการทำลายสถานีชาร์จไฟฟ้า จนประธานาธิบดี Trump ต้องออกมาแสดงความสนับสนุน Tesla แบบเปิดเผย และใช้กระทรวงยุติธรรมขู่ว่าจะจับผู้ทำลายทรัพย์สินของ Tesla ด้วยข้อหาการก่อการร้ายภายในประเทศ

เพื่อเข้าใจว่าอนาคตของ Tesla จะเป็นยังไง เราต้องวิเคราะห์ความท้าทาย 4 อย่างที่บริษัทกำลังเผชิญ: ยอดขายที่ดำดิ่ง, ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ล้าสมัย, อนาคตของ Robo Taxi และที่สำคัญคือ “ปัจจัย Elon” ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท

แล้วอนาคตของบริษัทจะเลวร้ายแค่ไหน?

จุดเริ่มต้นของปัญหาเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2024 เมื่อ Musk เตือนนักลงทุนว่า Tesla จะมี “การเติบโตของยอดขายที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด”

เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารถรุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็น Model 2 ที่มีราคาถูกที่สุดเท่าที่ Tesla เคยผลิตมา ฟังดูเข้าท่าดี แต่ความจริงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด

ในปีเดียวกันนี้ Musk ตัดสินใจสนับสนุน Trump ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแบบจัดหนัก โดยทุ่มเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้ง

เมื่อ Trump ได้รับชัยชนะ ราคาหุ้น Tesla พุ่งกระฉูดแตะระดับสูงสุดใหม่ที่เกือบ 480 ดอลลาร์ต่อหุ้นในเดือนธันวาคม การเดิมพันครั้งใหญ่ของ Musk ดูเหมือนจะเป็นเรื่องคุ้มค่า

แต่หนึ่งเดือนต่อมา คำทำนายเรื่องยอดขายที่ลดลงก็เป็นจริง Tesla รายงานการลดลงของยอดขายประจำปีครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ

ในขณะเดียวกัน Musk ก็ทำตัวฉาวโฉ่จากการทำท่าที่ดูคล้ายการเคารพแบบนาซีในพิธีสาบานตนของ Trump ต่อมา Musk ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า DOGE (Department of Government Efficiency) และเริ่มนโยบายที่สร้างความแตกแยกอย่างรุนแรง

ผลกระทบเริ่มปรากฏชัดในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ Tesla ในสหรัฐฯ โดยยอดขายลดลง 12% ตลอดทั้งปี ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายอื่นกลับพุ่งทะยาน

สถานการณ์ในยุโรปเลวร้ายยิ่งกว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายของ Tesla ในฝรั่งเศสลดลง 45% ในโปรตุเกสลดลง 53% ในอิตาลีลดลง 55% และในเยอรมนีลดลงมากถึง 76% ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการที่ Musk แทรกแซงการเมืองเยอรมันด้วยการสนับสนุนพรรค Alternative for Germany ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาจัด

แม้แต่ในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Tesla ก็ประสบกับช่วงขาลงต่อเนื่องห้าเดือน ในขณะที่คู่แข่งอย่าง BYD และบริษัทจีนอื่นๆ กลับมียอดขายพุ่งทะยาน

ตำแหน่งลูกพี่ใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกของ Tesla กำลังถูกท้าทายอย่างหนัก นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาแบบธรรมดา ๆ แต่เป็นการท้าทายจากคู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายตกต่ำคือการที่รถ Tesla หลายรุ่นเริ่มมีอายุมากขึ้นโดยไม่ได้รับการปรับปรุงที่สำคัญ Model X จะมีอายุครบ 10 ปีในปีนี้ ขณะที่ Model S กำลังจะมีอายุถึง 15 ปี โดยทั้งสองรุ่นได้รับการอัปเดตเพียงนิดหน่อยนับตั้งแต่เปิดตัว

แม้ Model 3 และ Model Y ซึ่งเป็นรุ่นที่สร้างรายได้หลักจะได้รับการปรับปรุงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ความล่าช้าในการพัฒนารุ่นใหม่ได้เปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด

ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้นเมื่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Hyundai, Kia, Honda และ GM ทยอยเข้าสู่ตลาด ในขณะที่รุ่นใหม่เพียงรุ่นเดียวที่ Tesla เปิดตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคือ Cybertruck

ซึ่ง Cybertruck เองหลังจากเปิดตัวก็ประสบปัญหามากมาย ถูกเรียกคืนแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่เปิดตัว ล่าสุดมีปัญหาแผ่นสแตนเลสสตีลที่ตกแต่งตัวรถหลุดลอยออกมา

ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ยอดขายของ Tesla ลดลง แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมกลับเติบโตขึ้น ชาวอเมริกันซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวน 1.3 ล้านคันในปี 2024 เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีก่อนหน้า

รถยนต์ไฟฟ้าครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ 8.1% ในสหรัฐฯ นี่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่ได้เบื่อรถยนต์ไฟฟ้า แต่พวกเขาอาจกำลังเบื่อ Tesla ที่ไม่มีอะไรใหม่ๆ มานำเสนอ

Musk เชื่อว่าความเสี่ยงทางการเมืองและความนิยมที่ลดลงคุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะอนาคตที่แท้จริงของ Tesla อยู่ที่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ, ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์

เขายืนยันมาตลอดเกือบทศวรรษว่า Tesla ใกล้จะแก้ไขปัญหาการขับขี่อัตโนมัติได้สำเร็จแล้ว โดย Tesla วางแผนจะเปิดตัว Robo Taxi ในรัฐเท็กซัสและแคลิฟอร์เนียในปีนี้ แต่บริษัทยังขาดใบอนุญาตหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย

และยังมีคำถามสำคัญว่าเทคโนโลยีของ Tesla นั้นเทพพอที่จะขับเคลื่อนยานพาหนะแบบไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การเพ้อฝันของ Musk

แม้จะมีการเปิดตัวโครงการนำร่อง Robo Taxi แบบจำกัดในปีนี้ แต่ก็ยังห่างไกลจากคำสัญญาเดิมของ Musk ที่บอกว่ารถ Tesla ทุกคันที่ขายตั้งแต่ปี 2016 มีฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบแล้ว

คำกล่าวอ้างนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด เมื่อ Musk ยอมรับเมื่อไม่นานมานี้ว่า Tesla จำเป็นต้องเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดสำหรับลูกค้าบางรายที่ซื้อแพ็คเกจ Full Self-Driving (FSD)

สถานการณ์นี้นำไปสู่การฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่า Tesla ได้หลอกลวงลูกค้า ทำให้ลูกค้าหลายคนรู้สึกเจ็บปวดกับคำสัญญาที่ไม่เป็นจริง

ประเด็นสุดท้ายแต่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือ ตัว Elon Musk เอง บทบาทของเขาใน DOGE ท่าทีทางการเมืองที่สุดโต่ง และการแสดงออกที่ล้ำเส้น

ได้ทำให้แบรนด์ Tesla กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองที่สร้างความแตกแยก จากบริษัทที่เคยได้รับการเทิดทูน กลายเป็นบริษัทที่ถูกมองด้วยสายตาระแวง

สำหรับผู้ประท้วงหลายคน การต่อต้าน Tesla ไม่ใช่เพียงการต่อต้านบริษัทรถยนต์ แต่เป็นการต่อต้าน Musk และอำนาจที่มหาเศรษฐีที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งรวบรวมไว้

โดยเฉพาะหลังจากที่เขามีบทบาทในการยกเลิกโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการปลดพนักงานของรัฐจำนวนมาก กลุ่มคนที่ไม่พอใจต้องการโจมตีเขาในจุดที่เจ็บปวดที่สุด นั่นคือบริษัท Tesla

แม้การประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีกรณีรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งการวางเพลิงสถานีชาร์จ การยิงโชว์รูมในรัฐออริกอน ด้วยความโหดเหี้ยมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

มีการจับกุมผู้หญิงคนหนึ่งในโคโลราโดที่ขว้างระเบิดขวดเพลิงใส่สถานที่ของ Tesla รถ Tesla ถูกพ่นสัญลักษณ์นาซีและถูกวางระเบิด

รวมถึง Cybertruck หลายคันที่ถูกเผาทำลายในซีแอตเทิล ความโกรธเกลียดต่อ Musk และ Tesla นั้นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงและบ้าคลั่ง จนไม่อาจยับยั้งได้

คำถามสำคัญคือ สถานการณ์จะเลวร้ายถึงขนาดที่ผู้ถือหุ้นของ Tesla จะเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผู้นำหรือไม่? ดูเหมือนว่าโอกาสนั้นยังดูห่างไกล

โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าผู้ถือหุ้นเคยลงมติอนุมัติแพ็คเกจค่าตอบแทนมูลค่า 56 พันล้านดอลลาร์สำหรับ Musk ถึงสองครั้ง

แต่การตัดสินใจเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะมีบทบาทใน DOGE และก่อนที่ราคาหุ้นจะร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันอาจต่างออกไป

มีสัญญาณบางอย่างที่แสดงถึงความกังวลในคณะกรรมการบริษัทของ Tesla กรรมการหลายคนรวมถึงประธานได้ขายหุ้น Tesla ไปแล้วมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี

แต่ยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ Tesla จะส่งผลกระทบต่ออำนาจของ Musk มากน้อยเพียงใด เนื่องจากเขายังคงอยู่ในความโปรดปรานของประธานาธิบดี Trump

แม้การประท้วงและความเสียหายจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อ Tesla แต่ Musk ได้สะสมอำนาจทางการเมืองไว้มาก จนไม่แน่ชัดว่ากลไกตลาดจะยังคงมีอิทธิพลต่อบริษัทเหมือนเดิมหรือไม่

อนาคตของ Tesla ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะความสามารถในการทำให้คำสัญญาเรื่อง Tesla รุ่นราคาประหยัด แพลตฟอร์มยานพาหนะรุ่นใหม่ และบริการ Robo Taxi ใช้งานได้จริง

หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของ Musk ที่เข้าไปยุ่งกับการเมืองมากเกินไปจนลืมธุรกิจหลักของตัวเอง

ประธานาธิบดี Trump อาจแสดงการสนับสนุน Tesla มากเท่าไรก็ได้ แต่ถ้าธุรกิจของ Tesla ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของคำสัญญาที่ไม่เป็นจริงและความคาดหวังที่เพ้อฝัน ก็เป็นไปได้ยากที่บริษัทจะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้โดยไม่ได้รับความเสียหาย

สถานการณ์ของ Tesla เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการที่การตัดสินใจส่วนตัวของผู้นำองค์กรสามารถขีดชะตาชีวิตบริษัทได้อย่างไร

โดยเฉพาะในยุคที่การแบ่งแยกทางการเมืองมีความรุนแรง และผู้บริโภคให้ความสำคัญกับค่านิยมและจุดยืนทางการเมืองของแบรนด์มากขึ้น

ไม่ว่าอนาคตของ Tesla จะเป็นอย่างไร บทเรียนจากสถานการณ์นี้มีความสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด: ความสำเร็จในอดีตไม่ได้รับประกันความสำเร็จในอนาคต

และแม้แต่บริษัทที่มีนวัตกรรมสุดล้ำและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าก็ยังต้องรักษาความไว้วางใจจากลูกค้าและนักลงทุน ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะลืมตัว

เมื่อ Musk เล่นการเมืองหนัก บริษัทที่เคยเป็นที่เชิดหน้าชูตากลับต้องแบกรับความเสี่ยงจากการตัดสินใจส่วนตัวของเขา

อนาคตของ Tesla อาจไม่ได้จบเห่ทันที แต่หากไม่มีการแก้ไขอย่างเด็ดขาด สถานการณ์ของบริษัทที่จะกู่ไม่กลับอาจไม่ไกลเกินรอ

ท้ายที่สุด การกลับมารังสรรค์นวัตกรรมที่แท้จริงและการลดบทบาททางการเมืองของ Musk อาจเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ Tesla รอดพ้นจากวิกฤต

เพราะเมื่อความเจ๋งของเทคโนโลยีต้องปะทะกับความขัดแย้งทางการเมือง ผู้บริโภคอาจเลือกที่จะเดินจากไปถ้าไม่อยากถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งนั้น


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube