Tencent x Wechat ผู้ชนะตัวจริงในศึกบริการเรียกรถระหว่าง Uber และ Didi ในประเทศจีน

ในช่วงปลายปี 2013 Travis Kalanick และทีมผู้บริหารของ Uber ได้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อหาลู่ทางในการเข้ามาลุยในตลาดเรียกรถขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกแห่งหนึ่งที่พวกเขาต้องการคว้ามันไว้

ในตอนนั้น ในจีนเองก็มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผู้ชนะดูเหมือนจะเป็น Didi ที่มีแบ็คอัพโดยลูกพี่ใหญ่อย่าง Tencent และมีผู้นำบริษัทคือ Cheng Wei

การเจอกันครั้งแรกของยักษ์ใหญ่จาก Silicon Valley กับ Didi เกิดขึ้นที่สำนักงานของ Didi

การสนทนาดูท้าทายมาก ๆ จาก Cheng เอง เขาเริ่มต้นด้วยการบอกกับ Kalanick ว่า “คุณคือแรงบันดาลใจของผม”

หลังจากนั้นสถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มตึงเครียดขึ้นทันที Emil Michael รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจของ Uber ยังจำวันนั้นได้ดี มันคือสงครามจิตวิทยาดี ๆ นี่เอง “พวกเขาเสิร์ฟอาหารให้เราโดยเป็นอาหารมื้อกลางวันที่แย่ที่สุดที่ผมเคยทานมา” Michael กล่าว

มีช่วงหนึ่งระหว่างการประชุม Cheng เดินไปที่กระดานไวท์บอร์ดและขีดเส้นสองเส้น เส้นแรกเป็นเส้นการเติบโตของ Uber ที่เริ่มต้นในปี 2010 และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเคลื่อนไปทางขวา แสดงการซูฮก Uber ว่าพวกเขาสามารถเพิ่มปริมาณการโดยสารได้อย่างรวดเร็ว

แต่สิ่งที่ทุกคนต่างอึ้ง ก็คือ เส้นที่สอง ที่แสดงถึงการเติบโตของ Didi ที่เกิดช้ากว่า Uber สองปี คือในปี 2012 แต่มีเส้นโค้งที่ชันกว่าและตัดกับเส้นของ Uber ซึ่งมันเป็นการท้าทายทีมงานของ Uber ที่นั่งร่วมประชุมอยู่ว่า วันหนึ่ง Didi จะแซงหน้า Uber ได้อย่างแน่นอนเพราะตลาดจีนมีขนาดใหญ่กว่ามาก และในหลายเมืองมีการจำกัดการใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อแก้ปัญหาการจราจรและมลพิษ

แต่ Kalanick กลับแค่ยิ้ม กับสิ่งที่ Cheng วาดฝันไว้

แม้ดูเหมือนเป็นการท้าทายยักษ์ใหญ่อย่าง Uber โดยตรง แต่การพบกันรอบนั้น Kalanick กลับต้องการที่จะเข้าไปถือหุ้น 40% ของ Didi เพราะพวกเขามองว่าในบรรดาผู้ก่อตั้งแอปเรียกรถทั้งหมดที่เขาเคยเจอมานนั้น Cheng Wei เป็นคนที่พิเศษที่สุด เขาเป็นคนที่โดดเด่นเหนือใครในอุตสาหกรรมนี้

ภายในต้นปี 2015 เมื่อ Uber รุกตลาดจีนเต็มตัว ดูเหมือนว่าสิ่งที่ Cheng คิดไว้นั้นมันจะไร้เดียงสาเกินไป เพราะ Uber มีแอปที่ดีกว่า ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีที่เสถียรกว่า นักลงทุนประเมินมูลค่า Uber ไว้ที่ 42 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นประมาณ 10 เท่ามูลค่า Didi ในขณะนั้น

ในต้นปี 2015  Kalanick นำ Uber รุกตลาดจีนเต็มตัว (CR:SCMP)
ในต้นปี 2015 Kalanick นำ Uber รุกตลาดจีนเต็มตัว (CR:SCMP)

ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน Uber สามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้เกือบหนึ่งในสามของตลาดเรียกรถของจีน

ซึ่ง Cheng ได้ออกมายอมรับว่าเขาคิดผิด “เรารู้สึกเหมือนเป็นกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่มีเพียงแค่ปืนไรเฟิลพื้นฐานที่ถูกทิ้งบอมบ์ด้วยระเบิดขีปนาวุธชั้นสูงของ Uber”

Cheng เป็นนักศึกษาประวัติศาสตร์การทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ เช่น การต่อสู้ของ Song Shan ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อกองทหารชาตินิยมของจีนขุดอุโมงค์ใต้ภูเขาเพื่อล้มรอบกองทัพญี่ปุ่นที่รุกราน

Cheng ได้จัดการประชุมในตอนเช้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งเขาเรียกว่า “Wolf of Totem” ชื่อนี้สร้างจากนวนิยายยอดนิยมในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมเกี่ยวกับนักเรียนในเมืองที่ถูกส่งไปอาศัอยู่ในมองโกเลีย

การประชุม Wolf ot Totem จะมีการศึกษาผลลัพธ์รายวันของ Didi และปรับจำนวนเงินอัดฉีดให้กับเหล่าผู้ขับขี่ ซึ่ง Cheng ได้เตือนในที่ประชุมหลายครั้งว่า “ถ้าเราล้มเหลว พวกเราจะตาย”

ในเดือนพฤษภาคม 2015 Cheng แก้เกมด้วยการรุกกลับ โดยมีการอัดฉีดเงิน 1 พันล้านหยวนให้กับเหล่าผู้ขับขี่ ซึ่ง Uber ก็ไม่ยอมอัดเม็ดเงินเข้ามาสู้ด้วย

Cheng และที่ปรึกษาของเขาค้นหาวิธีที่จะต่อสู้กับบริษัทอเมริกันบนสนามในบ้านของตน พวกเขาให้เหตุผลว่า Uber เป็นเหมือนปลาหมึกยักษ์ หนวดของมันมีอยู่ทุกที่ในโลก แต่หนวดที่ใหญ่ที่สุดของมันอยู่ในสหรัฐฯ

Wang ซึ่งเป็นนักลงทุนรายแรกและอดีตสมาชิกคณะกรรมการเสนอในที่ประชุม Wolf of Totem ให้ “Didi แทงเข้าที่ท้องของ Uber”

Wang ได้ผลักดันให้ Didi ขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกา ในเดือนกันยายน 2015 บริษัทได้เข้าลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ใน Lyft คู่แข่งชาวอเมริกันของ Uber ซึ่งถือเป็นการบ่อนทำลาย Uber ในบ้านของพวกเขาเองภายในตัว

เมื่อถึงจุดสูงสุดของการสู้รบ Didi และ Uber ต่างก็เผาผลาญเงินมากกว่าพันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยจ่ายเงินอุดหนุนให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งในเชิงธุรกิจแล้วนั้นมันเป็นเงินที่ไร้ค่าอย่างมาก

ทั้งสองบริษัทต่างอัดฉีดเม็ดเงิน และระดมทุนเพื่อมาสู้กันในประเทศจีนที่ต้องการให้แตกหัก เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่มหาศาล ไม่สามารถที่จะแพ้ได้

ในเดือนพฤษภาคม 2016 Apple ได้เข้าลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน Didi ในขณะที่อีกหนึ่งเดือนต่อมา Uber ระดมทุนได้ 3.5 พันล้านดอลลาร์จากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย มันส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทั้งสองพร้อมสู้กันจนตายกันไปข้างนึง

ในเดือนพฤษภาคม 2016 Apple ได้เข้าลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน Didi (CR:9to5mac)
ในเดือนพฤษภาคม 2016 Apple ได้เข้าลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน Didi (CR:9to5mac)

จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือเงินของซาอุดิอาระเบีย เพราะดูเหมือนมันจะเป็นเม็ดเงินที่ต่อสู้ได้แบบไม่สิ้นสุดของ Uber มันเป็นการบีบให้ Didi ต้องมาเข้าโต๊ะเจรจา

ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดนองเลือดและมุ่งเน้นไปที่การสร้างธุรกิจของตน ทั้งสองมองเหมือนกันว่าเงินทุนจำเป็นต้องถูกใช้ในด้านที่มีค่ามากขึ้นกว่านี้ และนี่คือเหตุผลที่ Didi จับมือกับ Uber ได้ในท้ายที่สุด

Kalanick และ Cheng ได้พบกันที่บาร์ในโรงแรมที่ปักกิ่งเพื่อดื่ม baijiu ซึ่งเป็นเหล้าจีนดั้งเดิมที่ทำจากข้าวฟ่าง ระหว่างดื่ม ซีอีโอทั้สองพูดถึงความเคารพซึ่งกันและกันและชื่นชนในความทุ่มเทของทั้งสองฝ่ายที่แข่งขันกัน

“เราเป็นบริษัทที่บ้าคลั่งที่สุดในยุคของเรา” Cheng กล่าว

ในที่สุด บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ตกลงที่จะถอนตัวออกจากตลาด โดยขายธุรกิจในจีนให้กับ Didi เพื่อแลกกับการถือหุ้นใหญ่ในบริษัทของ Cheng

แม้ว่าดูเหมือน Didi จะเป็นฝ่ายชนะอีกครั้งของบริษัทเทคโนโลยีจีนเหนือซิลิกอน วัลเลย์ แต่มันก็ฝากบทเรียนให้กับบริษัทจีนเช่นเดียวกัน ในเรื่องของการต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ที่มันไม่ได้ง่ายเหมือนยุคเก่าอีกต่อไปที่เพียงแค่เข้าใจวัฒนธรรมชาวจีนแล้วจะสามารถเอาชนะบริษัทจากซิลิกอน วัลเลย์ได้แบบง่าย ๆ เหมือนที่ Jack Ma เคยทำสำเร็จกับ Alibaba และ Taobao

แต่เบื้องหลังชัยชนะอันนองเลือดครั้งนี้ดูเหมือนว่า Tencent จะได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งได้รับส่วนแบ่งตลาดแบบพุ่งพรวดสำหรับการชำระเงินมือถือบน Wechat เนื่องจาก Didi นั้นเป็นพาร์ทเนอร์กับ Wechat โดยตรงในระบบการชำระเงิน ซึ่งการวางรากฐานเพื่อให้ผู้ใช้ชาวจีนชำระค่าบริการผ่านแอปบนมือถือจาก Wechat ของ Didi นั้นได้ปูทางไปสู่นวัตกรรมด้านฟินเทคในอนาคตของยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตในประเทศอย่าง Tencent ได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Influence Empire: Inside the Story of Tencent and China’s Tech Ambition โดย Lulu Chen
https://fortune.com/2016/04/07/didi-kuaidi-valuation-25-billion/


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube