Lasso เมื่อกลยุทธ์แรกในการกำจัด TikTok ของ Facebook ประสบความล้มเหลว

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Facebook มีการเปิดเผยว่ากำลังปิดแอปทดลองสองแอป หนึ่งในนั้นคือการโคลนนิ่ง TikTok ที่มีชื่อว่า Lasso ส่วน แอปอย่าง Hobbi ที่ออกมามาชนกับ Pinterest ก็ประสบกับความล้มเหลวเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะทั้งสองแอปพลิเคชันของ Facebook ที่จะปิดตัวลง , Lasso ที่ทำการโคลน TikTok และ Hobbi ที่ถูกสร้างมาเลียนแบบ Pinterest ทั้งคู่ได้รับการพัฒนาโดยทีมทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Facebook และได้ถูกเปิดตัวภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

โดยแอปทั้งสองต่างก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นการเลียนแบบแอปอื่น ๆ แม้กระทั่ง Review เชิงบวกสำหรับ Lasso ก็ถูกนำมาเปรียบเทียบกับ TikTok

แต่แน่นอนว่า เราไม่สามารถตัดสิน Facebook ว่าผิด กับความพยายามที่สูญเปล่าในการเลียนแบบลูกเล่นของแพลตฟอร์มอื่น ๆ เพราะกลยุทธ์นี้มันทำสำเร็จมาแล้ว ในกรณีของ Instagram และ Snapchat ไม่น่าแปลกใจที่ Facebook พยายามทำแบบเดียวกันอีกครั้ง 

TikTok ที่กำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่จาก Facebook
TikTok ที่กำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งผู้ใช้งานคนรุ่นใหม่จาก Facebook

แต่ Facebook ดูเหมือนจะมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยทุ่มเททรัพยากรไปใช้ใน Instagram แทน ตาม TikTok คู่แข่งสำคัญ โดยกลยุทธ์ใหม่ของ Facebook จะไม่ใช่แอปแยกต่างหากอีกต่อไป แต่จะสร้างคุณสมบัติใหม่ภายใน Instagram ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ถ่ายทำวิดีโอรูปแบบสั้น ๆ ที่กำหนดให้เป็นเพลงได้ 

ซึ่ง Facebook ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่มองว่า TikTok กำลังเป็นภัยคุกคาม YouTube กำลังเปิดตัวคุณลักษณะที่คล้ายกันในความพยายามอย่างโจ่งแจ้งเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานของ TikTok

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีหลายคนรวมถึง Sheryl Sandberg COO ของ Facebook แสดงความไม่ชอบ TikTok และ บริษัทแม่อย่าง Bytedance เป็นอย่างมาก

ในขณะที่พวกเขาหลายคนพยายามที่จะสร้างภาพความน่ากลัวในเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ สำหรับแอป ที่มีบริษัทแม่อยู่ในประเทศจีน

Sandberg  ให้สัมภาษณ์ในสิ่งที่น่าจะเป็นแหล่งที่มาของความเป็นศัตรูที่แท้จริงกับ TikTok ว่า การเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของ TikTok ทำให้คนรุ่นใหม่ถูกดึงดูดไปใช้งานแพล็ตฟอร์มใหม่นี้ Sandberg ยอมรับว่าลูก ๆ ของเธอยังเป็นผู้ใช้ TikTok คนสำคัญอีกด้วย

Sandberg COO ของ Facebook ที่ไม่ชอบใจ TikTok
Sandberg COO ของ Facebook ที่ไม่ชอบใจ TikTok

ในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกเริ่มที่จะออกมาปราบปรามแอป TikTok โดยแอปถูกแบนในอินเดียในขณะที่ TikTok นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ภายใต้การตรวจสอบความปลอดภัยจากองค์กรของรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา 

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะประทับใจกับแอป TikTok ที่คุ้นเคยแทนที่จะต้องใช้แอปแยกต่างหาก และสถานการณ์ในตอนนี้ดูเหมือนว่า TikTok  ได้กลายเป็นแอป Social หลักสำหรับคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ไม่สนใจ คุณลักษณะใหม่ของ Instagram อีกต่อไปแล้วนั่นเอง

โดย ทั้ง Lasso และ Hobbi เป็นความล้มเหลวอีกครั้งหนึ่งของ Facebook ซึ่งจะทำการปิดตัวลงในวันที่ 10 กรกฎาคม และดูเหมือนว่า ศึกชิง Social War ครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว เราก็ต้องคอยมาดูกันว่า เมื่อ TikTok เริ่มไปกระตุกหนวดเสือ พี่ใหญ่อย่าง Facebook และ Google พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง จะจบไม่สวยแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Snapchat หรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไปครับ

References : https://techcrunch.com/2020/07/01/lasso-facebook-tiktok-shut-down/
https://www.theverge.com/2020/7/2/21311077/facebook-lasso-shutting-down-tiktok-short-form-video-hobbi
https://www.digitalinformationworld.com/2020/05/facebook-tests-lasso-camera-within-the-main-app.html

ประวัติการก่อตั้ง Youtube

ในยุคปัจจุบันดูเหมือนเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Youtube คือแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกไม่แพ้ google เลยทีเดียว ใครคนไหนอยากจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างจะต้องเข้าเว็บไซด์ google เพื่อค้นหาข้อมูล แต่ถ้าใครอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหว วีดีโอคลิป แน่นอนว่า Youtube จะต้องเป็นตัวเลือกแรกๆของทุกคนอย่างแน่นอน

Youtube คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการแบ่งปัน (share) วิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอัพโหลด แชร์ หรือดูวิดีโอผ่านเว็บไซต์ได้ ในรูปแบบคลิป วิดีโอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร มิวสิควิดีโอ หรือการโชว์ความสามารถต่างๆ จากทางบ้าน โดยยูทูบ มีสโลแกนสั้นๆ ได้ใจความ 
ว่า “Broadcast Yourself”

Youtube เกิดจากพนักงานระดับล่าง 3 คนของบริษัท PayPal คือ Chad Hurley, Steve Chen และ Jawed Karim ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 
โดย Chad ได้เข้ามหาวิทยาลัยอินเดียนาแห่งเพนสิเวอร์เนีย ด้านการออกแบบ Steve กับ Jawed ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยในตอนแรก Chad และ Steve เป็นเพื่อนสนิทกันซึ่งทำงานด้วยกันในบริษัท Paypal

Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube
Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube

ไอเดียการคิดค้น youtube นั้นได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2005 ซึ่ง Chad อยากจะแชร์คลิปวีดีโอที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ให้กับ Steve ได้เห็น แต่เว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอนั้นหายากมากๆ และความยาวที่เกินกว่า 1 นาทียิ่งไม่ต้องพูดถึง ในงานปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนต์ของ Steve เขาจึงเริ่มแชร์ไอเดียว่าเขาอยากที่จะสร้างเว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอและแชร์ได้ในเวลาเดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา ง่ายต่อการอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต แต่ดูๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อมองถึงเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในขณะนั้น ความคิดนี้ของพวกเขาจึงหายไปช่วงเวลาหนึ่ง

สำหรับ Jawed นั้น เขาเป็นลูกครึ่งเยอรมันและบังกลาเทศ ได้ทำการย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศอเมริกา ในปี 2004 ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศอินเดีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

 ตัว Jawed เองนั้นพยายามค้นหาคลิปวีดีโอเหตุการณ์นั้นแต่หายากมาก เขาจึงเริ่มคิดอยากจะสร้างเว็บไซด์ในการฝากไฟล์วีดีโอที่ง่ายต่อการค้นหา แต่ความคิดนี้ก็ตกไปเพราะต้องใช้ทุนในการสร้างสูงมาก รวมถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงยังคงเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้มาใช้กัน

โดยที่ทั้ง 3 คนมารู้จักกันในการทำงานที่บริษัท Paypal และมีความคิดไปในทางเดียวกัน พวกเขาจึงระดมทุนได้จากเหล่า venture capital ซึ่งได้เงินลงทุนตั้งต้นมา 11.5 ล้านเหรียญ จากกองทุน Sequoia Capital ของมหาเศรษฐี Don Valentine ผู้เคยสร้างชื่อมาแล้วกับบริษัทหลายๆแห่งไม่ว่าจะเป็น Apple, Yahoo, Oracle Corporation, Cisco รวมถึงบริษัทเกมอย่าง Electronic Arts

Youtube จดทะเบียนเป็นบริษัทและมีโดเมนเนมว่า www.youtube.com ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2005 มีสำนักงานใหญ่อยู่บนชั้นสองของร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในเมือง San Mateo, California และคลิปวีดีโอแรกที่ถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซด์ครั้งแรกเป็นของ Jawed โดยใช้ชื่อว่า “Me at the zoo”

ในปีเดียวกันนั้นเอง คลิปวีดีโอที่แตะหลักล้าน Views เป็นครั้งแรกเป็นคลิปโฆษณาของ Nike โดยใช้นักฟุตบอลชื่อดังอย่างโรนัลดินโญ่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับการสนับสนุนเงินอีก 3.5 ล้านเหรียญของ Sequoia Capital ทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง Google นั้นเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Youtube จนต้องสร้างบริการ Google Video เข้ามาร่วมแข่งขัน

Youtube นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอ ที่สามารถอัดเก็บไว้ได้และนำมานำเล่นได้ใหม่ โดยจะใช้พื้นฐานของการโปรแกรม Macromedia’s Flash Player  และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263 อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังทำให้ Youtube สามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้านและสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของ Apple

แต่การใช้โปรแกรม Flash ของ Youtube ในยุคเริ่มต้นนั้น สามารถที่จะตอบสนองต่อการเล่นของผู้ใช้ได้ดีราว ๆ 90 % เมื่อทำการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต หรือในอีกทางหนึ่งผู้ใช้ สามารถเข้าไปใช้โดยเข้าเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์เพื่อที่จะทำการ Download วิดีโอมาติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของตนเองก็สามารถทำได้

Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player
Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player

ซึ่งการใช้วิดีโอเพื่อเล่นภาพและเสียงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบและเป็นองค์ ประกอบสำคัญที่ทำให้ Youtube ประสบความสำเร็จ และการยอมให้ผู้ชมเข้าไปดูวิดีโอได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมหรือต้องไปจัดการกับปัญหาเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยมีประสบการณ์กับเทคโนโลยีวิดีโอจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากันไม่ได้ หรือมีการใช้วีดีโอสำหรับผู้เล่นวีดีโอหลายรูปแบบมาก ๆ 

ด้วยการใช้งานที่ง่ายดายแตกต่างจากบริการวีดีโอ ออนไลน์ อื่น ๆ ทำให้ YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไปอย่างรวดเร็ว YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ได้ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก
คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก

ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวิดีโอที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีโอ ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้นเอง Youtube มีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไซต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Alexa

ซึ่งทำให้มี myspace เว๊บไซต์ทางด้าน Social Network ชื่อดังในขณะนั้น ตกอันดับลงมาได้สำเร็จ Youtube เป็นเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชม 20 ล้านคนต่อเดือนตามการบันทึกของ Nielsen/NetRatings โดยแยกออกมาเป็นผู้ชมเพศหญิง ร้อยละ 44 และเพศชาย ร้อยละ 56 โดยอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-17 ปีที่เข้าเว็ปไซต์มากที่สุดใน Youtube  ความโดดเด่นของ Youtube คือการตลาดที่เป็นรูปธรรม เว็ปไซต์ Hitwise.com ได้กล่าวว่า Youtube ได้ทำส่วนแบ่งทางการตลาดวิดีโอออนไลน์ในสหราชอาณาจักรถึง ร้อยละ 64 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงมากที่สุดในบรรดา บริการวีดีโอ ออนไลน์ทั้งหมด

ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เป็นที่ต้องตาของทั้งบริน และ เพจ เป็นอย่างมาก ที่ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม 2006 Google ได้ตกลงตัดสินใจเข้าซื้อ YouTube ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของ google การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้างได้นั่นเอง

Search War ตอนที่ 11 : The Shadow of Antitrust Law

จากการขับเคลื่อนโดยวิศวกรที่ถือเป็น DNA หลักของ google เลยก็ว่าได้ ทำให้ google นั้นสามารถมองได้ไกลกว่า และด้วยความที่อายุพนักงานเฉลี่ยนั้นยังน้อย ทำให้สามารถขับเคลื่่อนองค์กรได้อย่างรวดเร็ว ต่างจาก Microsoft ที่เป็นองค์กรใหญ่เทอะทะ การขับเคลื่อนในเรื่องต่าง ๆ ก็ดูจะช้าเหมือนเต่าคลาน

และ google นี่เองที่เห็นถึงศักยภาพของ VDO Online ก่อนใครที่ Youtube  ซึ่งด้วยการใช้งานที่ง่ายดายแตกต่างจากบริการวีดีโอ ออนไลน์ อื่น ๆ  YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไปอย่างรวดเร็ว YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ได้ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวิดีโอที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีโอ ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้นเอง Youtube มีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไซต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Alexa

youtube ที่กลายเป็นกระแสอย่างมากในช่วงนั้น ก่อนจะถูกซื้อโดย google
youtube ที่กลายเป็นกระแสอย่างมากในช่วงนั้น ก่อนจะถูกซื้อโดย google

และในที่สุดก็ได้คว้าเอา Youtube ไปครอง แม้ราคาในตอนนั้นจะสูงอย่างบ้าคลั่งถึงกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคมปี 2006 ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของ google การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้างได้นั่นเอง

และการเติบโตของ internet ความเร็วสูง google จึงเห็นว่า VDO นั้นจะแพร่หลายอย่างแน่นอน และที่สำคัญมันยังช่วยต่อยอดพลังของ Search Engine ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ในฐานะ VDO Search อันดับหนึ่งนั่นเอง

ซึ่งเมื่อเข้าสู่ปี 2007 สำหรับโปรแกรมค้นหานั้น ตอนนี้ google ได้ล้ำหน้าไปไกลมาก ๆ ในทุก  ๆ ด้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ส่วนแบ่งตลาดการค้นหา ที่นำโด่งกินรวบตลาดแทบจะเบ็ดเสร็จ และตามมาด้วยรายได้จากโฆษณาที่มหาศาล รวมถึงกลยุทธ์ใหม่อย่างการค้นหา VDO Online หลังจากได้ Youtube มาเติมเต็ม ก็ทำให้ google นั้นแข่งแกร่งขึ้นอีกระดับ

แต่เมื่อเริ่มยิ่งใหญ่จนเกินตัว ปัญหามันก็เกิดจากการที่สามารถครองตลาดได้แบบเบ็ดเสร็จ เพราะมีการตรวจสอบพบว่า google นั้นได้ทำการลดอันดับผลการค้นหาของเว๊บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าชื่อดังอย่าง Foundem 

ซึ่ง google ได้พยายามลดอันดับของ Foundem ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตัวเองแทน ซึ่งทางสหภาพยุโรปได้เริ่มรวบรวมข้อมูลเพื่อสืบสวนเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะเข้าข่ายกรณีการต่อต้านการผูกขาดทางการค้า แบบเดียวกับที่ Microsoft เคยโดนมาแล้ว ซึ่งมันเป็นการฉายภาพซ้ำของความยิ่งใหญ่ของธุรกิจ หากมันเป็นความยิ่งใหญ่ที่เกินตัวสุดท้ายผลเสียก็จะตกกลับมาอยู่ที่บริษัทแบบเดียวกับที่ Microsoft เคยเจอนั่นเอง

Foundem เว๊บเปรียบเทียบราคาชื่อดังที่ถูก google ลดอันดับการค้นหา
Foundem เว๊บเปรียบเทียบราคาชื่อดังที่ถูก google ลดอันดับการค้นหา

แม้ Microsoft เองจะยังมีกำไรมหาศาล แต่เป็นกำไรที่ได้มาจากการผูกขาดในโปรแกรม Windows และ ชุด office เพียงเท่านั้น ซึ่งรวมแล้วยังมากกว่า 100% ของกำไรทั้งหมด สาเหตุเพราะต้องไปชดเชยความเสียหายจากการขาดทุนอย่างมโหฬารในธุรกิจออนไลน์ของ Microsoft นั่นเอง

google นั้นยังมอง Microsoft เหมือนในอดีต นั่นคือ เป็นภัยคุกคาม และได้ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นศัตรูเลยก็ว่าได้ google นั้นรู้สึกรำคาญใจที่ Microsoft พยายามที่จะใช้วิธีสกปรกด้วยวิธีการใดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟ้องร้อง หรือ การใช้กฏระเบียบต่าง ๆ มาเล่นงาน google

ซึ่งแทนที่จะเป็นการต่อสู้กันด้วยอัลกอริทึม หรือการปรับแต่ง software ให้ตรงใจผู้ใช้งาน หรือ การรีดพลังของฮาร์ดแวร์ให้มีประสิทธิภาพที่สุดอย่างที่ Engineer ควรจะแข่งขันกัน แต่ Microsoft นั้นกลับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรัฐมาช่วยเหลือแทน

โดยเมื่อเทียบระหว่าง apple กับ Microsoft ฝั่งของ apple นั้นแทบจะไม่เคยต่อสู้กับคู่แข่งในเรื่องกฏระเบียบ หรือ กฏหมายยิบย่อย แต่เน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่ามาแข่งขัน เพื่อให้ผู้บริโภคพิสูจน์ว่าสินค้าของ apple นั้นเจ๋งจริง

แต่ Microsoft เนื่องจากไม่สามารถไล่ตาม google ในตลาดออนไลน์ได้ทันง่าย ๆ จึงเลือกใช้วิธีต่อสู้ด้วยวิธีทางกฏหมาย ในศาล ไม่ว่าจะเป็นในอเมริกาเอง หรือ ศาลระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ชัยชนะมา ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายกว่าการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่ามาแข่งกับ google นั่นเอง เนื่องจาก Microsoft มีเงินทุนมหาศาลพร้อมที่จะทุ่มเต็มที่กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

ถึงตอนนี้เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า google นั้นได้ออกนำ Microsoft ในธุรกิจออนไลน์ไปไกลแสนไกลแล้ว Microsoft จึงเลือกใช้วิธีอื่น ๆ เพื่อจะเป็นการเตะตัดขา google ให้ชะลอการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฏหมาย เรื่องการผูกขาด รวมถึงกฏระเบียบต่าง ๆ เป็นหลัก เพราะตอนนี้ ถ้าเรื่องของธุรกิจออนไลน์ นั้น Microsoft ได้พ่ายแพ้ ให้กับ google เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ จะเกิดจุดเปลี่ยนอะไรต่อจากนี้หรือไม่ระหว่างศึกของสองยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีอย่าง google และ Microsoft โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 12 : Microsoft has Fallen (ตอนจบ)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning of Search *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Game ไม่รุ่ง! Youtube เตรียมปิดบริการ Youtube Gaming

แอพ YouTube Gaming แบบ standalone กำลังจะปิดตัวลงในวันที่ 30 พฤษภาคม YouTube ประกาศว่าจะปิดตัว Youtube Gaming ลงเมื่อปีที่แล้วโดยกล่าวว่าการสร้าง App แยกออกมาก่อให้เกิด “ความสับสน” ในหมู่แฟนเกม โดยมันจะถูกรวมบริการเข้ากับแอพหลักแทนการเปิดตัวฮับที่เน้นเกมซึ่งส่วนใหญ่มีอยู่ใน YouTube อยู่แล้ว

ในหน้าความช่วยเหลือYouTube นำแฟนเกมที่เหลือของ YouTube ไปยังฮับที่ใหม่กว่าเดิม นอกจากนี้ยังรวมการสมัครรับข้อมูลของ YouTube และ YouTube Gaming ไว้ด้วยแม้ว่าผู้คนจะสูญเสียรายชื่อเกมที่พวกเขาบันทึกไว้เป็น Favorite ส่วนตัว  “ เราเปิดตัว YouTube Gaming เป็นแอพแบบสแตนด์อโลนสำหรับนักเล่นเกมที่เราทดสอบคุณสมบัติใหม่ตามความคิดเห็นของชุมชนเกม” หน้าอธิบาย “ เราต้องการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งสำหรับชุมชนเกมที่เติบโตบน YouTube ต่อไป”

 YouTube Gaming นั้นเปิดตัวในปี 2015 การแยกออกมาแบบนี้ มันเป็นวิธีการที่จะปรับปรุงประสบการณ์การสตรีมสดและเก็บเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากแฟน ๆ ที่เล่นเกม นอกจากจะเป็น สถานที่ทดสอบ สำหรับคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น สมาชิกของช่องเกมส์ และ Youtube ใน Dark Mode แต่ตามข้อมูลของบริษัท พบว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังคงดูวิดีโอเกมบนแอพหลักและหลายคนก็ไม่เข้าใจว่า YouTube Gaming นั้นเป็นอย่างไร จึงมีการนำคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ Youtube Gaming เข้าสู่แพลตฟอร์มหลักแทน – ที่ซึ่งผู้คนจำนวนมากใช้งานมันอยู่แล้ว

References : 
https://www.theverge.com/2019/5/27/18641413/youtube-gaming-standalone-app-shutdown-may-30th

Paypal Mafia ตอนที่ 1 : Jawed Karim

Jawed Karim เป็นผู้ประกอบการด้านอินเทอร์เน็ตชาวอเมริกันเยอรมัน เชื้อสายบังกลาเทศ ซึ่งทำงานที่ PayPal และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง YouTube เขาเป็นคนแรกที่อัปโหลดวิดีโอเข้าสู่ Youtube โดยวิดีโอที่เขาอัปโหลดนั้นมีชื่อว่า “Me at the zoo” ถือว่าเป็นตำนานบทแรกแห่ง บริการวีดีโอ ออนไลน์ ชื่อดังอย่าง Youtube ก่อนที่จะมีผู้ใช้งานกว่าพันล้านคนในปัจจุบัน

สำหรับตัว Jawed  นั้น ได้ตัดสินใจที่จะหยุดการเรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ไว้ชั่วคราว เพื่อเข้าร่วมเป็นพนักงานกลุ่มแรก ๆ ของ Paypal ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนั้น

โดยการเข้าสู่วงการของเขานั้นเริ่มต้นในปี 1998 โดยเขาได้ไปฝึกงานที่บริษัท Silicon Graphics โดยทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้าน Data management สำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาทำงานจริง ๆ จัง ที่ Paypal เป็นที่แรก

งานที่ paypal นั้น Jawed จะดูแลงานหลักในเรื่องของระบบป้องกันการโกงที่เกิดขึ้นในการทำธุรกรรมผ่าน Paypal รวมถึงมีส่วนในหลาย ๆ องค์ประกอบหลักของตัว paypal ซึ่งเขามักจะได้รับผิดชอบงานที่เป็น Features หลัก ๆ ของ paypal แทบจะทั้งสิ้น

ซึ่งที่ Paypal นี่เองที่ทำให้เขาได้ไปรู้จักกับ Chad Hurley และ Steve Chen  ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 
โดย Chad ได้เข้ามหาวิทยาลัยอินเดียนาแห่งเพนสิเวอร์เนีย ด้านการออกแบบ Steve กับ Jawed ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่เดียวกัน

และพวกเขาได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นการปฏิวัติวงการวิดีโอ ออนไลน์ ไปตลอดกาลนั่นก็คือ การสร้างบริการ Youtube ขึ้นมา ในตอนนั้นพวกเขาอยากที่จะสร้างเว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอและแชร์ได้ในเวลาเดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา ง่ายต่อการอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต  

โดยที่ตัว Jawed เองนั้น เขาเป็นลูกครึ่งเยอรมันและบังกลาเทศ ได้ทำการย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศอเมริกา ในปี 2004 ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศอินเดีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

 ตัว Jawed เองนั้นพยายามค้นหาคลิปวีดีโอเหตุการณ์นั้นแต่หายากมาก เขาจึงเริ่มคิดอยากจะสร้างเว็บไซด์ในการฝากไฟล์วีดีโอที่ง่ายต่อการค้นหา แต่ความคิดนี้ก็ตกไปเพราะต้องใช้ทุนในการสร้างสูงมาก รวมถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงยังคงเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้มาใช้กัน

แต่ในที่สุดพวกเขาทั้งสามก็นำ Youtube จดทะเบียนเป็นบริษัทและมีโดเมนเนมว่า www.youtube.com ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2005 ได้สำเร็จ มีสำนักงานใหญ่อยู่บนชั้นสองของร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในเมือง San Mateo, California และคลิปวีดีโอแรกที่ถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซด์ครั้งแรกเป็นของ Jawed นั่นเอง โดยใช้ชื่อว่า “Me at the zoo”

Jawed มีส่วนสำคัญใน Youtube โดยเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอของ Youtube ที่สามารถอัดเก็บไว้ได้และนำมานำเล่นได้ใหม่ โดยจะใช้พื้นฐานของการโปรแกรม Macromedia’s Flash Player  และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263

ซึ่งเทคโนโลยีนี้นี่เองได้ทำให้ Youtube สามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้านและสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของ Apple

แม้ Jawed เอง นั้นจะถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Youtube แต่ตัวเขาเองนั้น ไม่อยากเป็นพนักงานของ Youtube โดยเขาได้รับบทบาทในฐานะที่ปรึกษาเพียงเท่านั้น เพราะตอนนั้นเขาต้องการที่จะโฟกัสในเรื่องการเรียนปริญญาโทที่ Stanford University

และนั่นเองที่ทำให้ต้ว Jawed เองได้รับสัดส่วนการถือหุ้นที่น้อยที่สุดของ Youtube สำหรับทั้ง 3 ผู้ก่อตั้ง ซึ่งหลังจากที่ Youtube ถูก take over โดย Google ในปี 2006 ทำให้เขาได้รับส่วนแบ่งไปกว่า 64 ล้านเหรียญ 

หลังจากรับทรัพย์มหาศาลจากการขาย Youtube ให้กับ Google ตัว Jawed เองก็หันเหมาเปิดบริษัทลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่ในชื่อ Youniversity Ventures โดย เขาถือเป็นนักลงทุนคนแรก ๆ ของ สตาร์ทอัพชื่อดังอย่าง airbnb

Jawed ยังมีงานด้านวิชาการ โดย ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมในวารสาร Dr. Dobb’s Journal ในหัวข้อที่เกียวกับ Loading rendering และ Animating Quake models

-> อ่านตอนที่ 2 : Jeremy Stoppelman

References : wikipedia.org