Geek Monday EP49 : Yelp กับการใช้ Deep Learning ในการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ

เนื่องจากรูปภาพนั้นมีความสำคัญต่อ Yelp พวกเขาจึงได้พยายามปรับปรุงวิธีจัดการกับการประมวลผลภาพอยู่เสมอ และเป็นเหตุผลที่ Yelp หันไปใช้ เทคโนโลยี Deep Learning มาใช้ในการจำแนกรูปภาพเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของธุรกิจ

อัลกอริธึม Deep Learning ของ Yelp ช่วยให้พนักงานที่เป็นมนุษย์ของบริษัทสามารถรวบรวมจัดหมวดหมู่และติดฉลากรูปภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องใช้จำนวนคนมากมายอีกต่อไป เมื่อต้องจัดการกับภาพถ่ายหลายสิบล้านภาพที่มาจาก User ของ Yelp

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/36Qn0d0

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast : https://bit.ly/2Mc7xKK

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/3gLlQEf

ฟังผ่าน Youtube https://youtu.be/xFfWrmEYbNQ

ประวัติ Yelp ต้นแบบแอปชื่อดังของไทยอย่าง Wongnai

สำหรับ Jeremy Stoppelman ผู้ก่อตั้ง Yelp นั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งกับ paypal บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการชำระเงิน Online มาก่อน โดย Stoppelman นั้น เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงก่อนฟองสบู่ดอทคอมแตกพอดี

Stoppelman นั้น เริ่มชีวิตการทำงานที่ @Home Network โดยใช้ระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ในบริษัทดังกล่าว ก่อนจะมาร่วมงานกับ Elon Musk ใน X.com ซึ่งเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญใน X.com ก่อนจะควบรวมกับ Paypal โดยตำแหน่งสุดท้ายนั้นเขาดูแล Engineer ทั้งหมดในตำแหน่ง VP of Engineering 

ซึ่งหลังจากอยู่กับ Paypal เพียงไม่นาน เขาก็ได้ลาออกไปไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School ที่มหาวิทยาลัย Harvard 

Stoppelman นั้นเป็นชาวยิว เหมือน ๆ กับหลาย ๆ นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยี โดยเขาเกิดที่ Arlington รัฐ Verginia โดยมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เขาได้เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เท่านั้น ความฝันอย่างนึงในวัยเด็กของเขาก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป คือการสร้างเกมส์ขึ้นมา และได้เริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนด้านโปรแกรมมิ่งภาษาแรกคือ Turbo Pascal 

สำหรับชีวิตการทำงานของเขาใน X.com ของ อีลอน มัสก์ นั้นทำให้ได้เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รวมถึงนักลงทุนชื่อดังอย่าง Max Levchin ซึ่งต่อมาก็เป็น Levchin นี่เองที่กลายมาเป็นนักลงทุนหลักของ Yelp  บริการที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากได้มีโอกาสเข้าไปอบรมในโปรแกรม Business Incubator ของ MRL Ventures

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เกิดจุดหักเหสำคัญขึ้นกับ Stoppelman ตอนนั้นเขาป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ และมันทำให้เขาได้คิดถึงไอเดียของ Yelp ที่ต้องการสร้าง Online Community ที่จะช่วยแชร์บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Yelp ในช่วงแรก ๆ ของการก่อตั้ง

Jeremy Stoppelman CEO ผู้ก่อตั้ง Yelp
Jeremy Stoppelman CEO ผู้ก่อตั้ง Yelp

ซึ่งเขาก็ได้ชักชวนอดีตเพื่อนร่วมงานที่ paypal อย่าง Russel Simmons ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่ MRL Ventures และได้ทำการเสนอไอเดียของ Yelp ให้กับ Levchin ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้ให้เงินลงทุนให้กับทั้งสองหนุ่มในการตั้งต้นธุรกิจจำนวน 1 ล้านเหรียญ

ด้วยความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของ Stoppelman ทำให้เขาสามารถพา Yelp กลายเป็นบริการที่คนแห่มาใช้กันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสปากต่อปาก ด้วยบริการง่าย ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน

ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน Yelp ก็มีการเข้ามา Review ของ User ในระบบกว่า 138 ล้าน Reviews และมันได้ทำให้มูลค่าของ Yelp พุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ด้วยความที่เป็นบริการที่ใช้ผลการค้นหาของ Google เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง traffic ให้ Yelp นั้น

ในที่สุด Google ก็ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อ Yelp จาก Stoppelman เป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ Stoppelman ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์วงการด้วยการปฏิเสธข้อการเข้าซื้อของ Google อย่างไร้เยื่อใย

และในที่สุดในปี 2012 Stoppelman ก็พา Yelp เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้สำเร็จ ต้องเรียกได้ว่าเขาสามารถที่จะนำ Startup จากบริษัทเล็ก  ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน ฝ่าฟันจนสามารถเข้าไปอยู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ

สามารถทำการ Exit ด้วยการพาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
สามารถทำการ Exit ด้วยการพาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ

กล่าวกันว่า สไตล์การบริหารงานของ Stoppelman ในการสร้าง Yelp นั้น เขามักจะเป็นผู้บริหารที่มารับฟังปัญหาลูกน้องอยู่สม่ำเสมอ และพยายามแก้ไขแบบ 1 ต่อ 1 อย่างมืออาชีพ ภายใน Yelp เองเขาก็ไม่ได้มีห้องผู้บริหารส่วนตัว แม้จะเป็น CEO ก็จริงแต่ก็มาคลุกคลีทำงานกับลูกน้องของเขาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าพนักงาน Yelp รักเขามาก

ซึ่งที่ Yelp เขาได้พาน้องชายเข้าร่วมงานด้วยในตำแหน่ง Senior Vice President of Engineering เขามักจะคอยสอดส่องบริการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ซึ่งใน Yelp Platform เองนั้นก็มี Review ของเขาอยู่กว่า 1,000 reviews ซึ่งสุดท้ายหลังจากพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ หุ้นของเขาที่มีอยู่กว่า 11% นั้นก็ทำให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว ๆ 111 ล้านเหรียญ – 222 ล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนของ Silicon Valley จวบจนถึงปัจจุบัน

References :
wikipedia.org
https://www.linkedin.com/in/jeremystoppelman
https://www.bloomberg.com/profile/person/16358662

Paypal Mafia ตอนที่ 13 : Russel Simmons

Russel Simmons เป็นหนึ่งใน Paypal Mafia ชาวอเมริกัน ซึ่งเขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CTO ของ Yelp, Inc ร่วมกับ กับ Stoppelman ในปี 2004 ก่อนที่เขาจะออกไปในเดือนมิถุนายน 2010 

Simmons จบการศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ Urbana-Champaignในปี 1998 สาขาวิทยาศาสตร์ในสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์

Simmons นั้นได้เริ่มต้นเป็นวิศวกร PayPal คนแรกในตำแหน่ง CTO (Chief Technology Officer) โดยเขาได้ช่วยออกแบบและพัฒนาระบบ PayPal ตั้งแต่เริ่มต้น ในฐานะผู้นำด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งตอนนั้นเป็นทีมเล็ก ๆ โดยตัวเขานั้นถือเป็นวิศวกรที่มีอาวุโสสูงที่สุดในช่วงเริ่มแรกของ Paypal

งานรวมถึงซอฟต์แวร์ด้านความสามารถใน Scale ขนาดของเว๊บไซต์ให้รองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงงานด้านการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการปรับ paypal ให้มีความพร้อมใช้งานในระดับสากล เขายังทำการการจัดการเรื่อง Sourcecode ของเหล่าวิศวกรภายในทีม และเป็นที่ปรึกษาเหล่าผู้บริหารยุคแรก ๆ ในการการตัดสินใจทางด้านเทคโนโลยี

หลังจาก Paypal ถูกขายให้กับ Ebay เขาก็ยังอยู่ทำงานกับ Paypal ก่อนที่ในปี 2004 จะมาร่วมกับ Stoppelman เพื่อนร่วมงานสร้างบริการของ Yelp ซึ่งเริ่มแรกเป็นบริการแนะนำอีเมล โดยเขาได้ปรับเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์ Yelp ให้กลายเป็นบริการที่ใช้ในการค้นหาธุรกิจท้องถิ่นสำหรับพื้นที่ในเมือง ซานฟรานซิสโกในเดือนตุลาคม 2004 

ร่วมกับ Stoppelman ก่อตั้ง Yelp
ร่วมกับ Stoppelman ก่อตั้ง Yelp

นอกจาก Yelp แล้ว Simmons ยังเปิดเว็บไซต์ Learnirvana ในปี 2012
เพื่อเชื่อมโยงครูที่ต้องการสอนพิเศษภาษาต่างประเทศและผู้ที่ต้องการเรียนภาษาเพิ่มเติมเข้าด้วยกัน เป็นรูปแบบ Education Tech Startup ที่เขาได้สร้างขึ้นมา โดยยังทำงานอยู่ที่ Lernirvana มาจวบจบถึงปัจจุบัน

บทบาทของเหล่า Paypal Mafia ต่อ Silicon Valley และวงการเทคโนโลยีโลก

เราจะเห็นได้ว่า จาก Blog Series ชุดนี้นั้น เราจะเห็นได้ถึง บทบาทของเหล่า Paypal Mafia ที่มีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่อ Startup ในยุคหลัง ๆ ของ Silicon Valley หลาย ๆ บริการที่กลายมาเป็นบริการโด่งดังในปัจจุบัน ล้วนผ่านมือพวกเขาเหล่านี้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งมาแล้วแทบจะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Uber , Instragram , Youtube , Kiva.org , AirBnb หรืออีกหลายธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ส่วน Elon Musk นั้น แม้จะเป็นหนึ่งใน Paypal Mafia อีกคนที่บทบาทสำคัญ และกำลังสร้างธุรกิจหลาย ๆ อย่างที่กำลังเปลี่ยนโลกเราให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Tesla ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น Solarcity ที่สร้าง Solution ด้านพลังงานทดแทนให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึง โปรเจคใหญ่อย่าง SpaceX ที่ Musk นั้นมีเป้าหมายที่ใหญ่อย่างยิ่ง ที่ในอนาคต เราอาจจะสามารถย้ายถิ่นฐานไปยังดาวดวงอื่นได้จริง ๆ จัง ๆ เหมือนในหนัง Hollywood เสียทีครับ

ก็ ต้องบอกว่า ทุก ๆ  คนใน Paypal Mafia เหล่านี้ ตัวตนจริง ๆ นั้นพวกเขาต้องการที่จะเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นแทบจะท้้งสิ้น พวกเขาพร้อมจะสนับสนุนทุก ๆ ธุรกิจเกิดใหม่ที่มีโอกาสเติบโต และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งสุดท้ายแล้วนั้น ธุรกิจต่างๆ  เหล่านี้ก็จะมาช่วยเหลือมนุษย์เราให้ใช้ชีวิตได้ดีและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ 

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

Paypal Mafia ตอนที่ 2 : Jeremy Stoppelman

สำหรับ Jeremy Stoppelman หนึ่งในผู้บทบาทสำคัญกับ paypal  โดยเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 1999 ก่อนฟองสบู่ดอทคอมแตกพอดี

Stoppelman นั้น เริ่มชีวิตการทำงานที่ @Home Network โดยใช้ระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ในบริษัทดังกล่าว ก่อนจะมาร่วมงานกับ Elon Musk ใน X.com ซึ่งเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญใน X.com ก่อนจะควบรวมกับ Paypal โดยตำแหน่งสุดท้ายนั้นเขาดูแล Engineer ทั้งหมดในตำแหน่ง VP of Engineering 

ซึ่งหลังจากอยู่กับ Paypal เพียงไม่นาน เขาก็ได้ลาออกไปไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School ที่มหาวิทยาลัย Harvard และเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริการเกี่ยวกับการค้นหาร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐอย่าง Yelp ( คล้าย ๆ Wongnai ของไทย )

Stoppelman นั้นเป็นชาวยิว เหมือน ๆ กับหลาย ๆ นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยี โดยเขาเกิดที่ Arlington รัฐ Verginia โดยมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เขาได้เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เท่านั้น ความฝันอย่างนึงในวัยเด็กของเขาก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป คือการสร้างเกมส์ขึ้นมา และได้เริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนด้านโปรแกรมมิ่งภาษาแรกคือ Turbo Pascal 

สำหรับชีวิตการทำงานของเขาใน X.com ของ อีลอน มัสก์ นั้นทำให้ได้เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รวมถึงนักลงทุนชื่อดังอย่าง Max Levchin ซึ่งต่อมาก็เป็น Levchin นี่เองที่กลายมาเป็นนักลงทุนหลักของ Yelp  บริการที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากได้มีโอกาสเข้าไปอบรมในโปรแกรม Business Incubator ของ MRL Ventures

โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์
โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์ ที่ X.com

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เกิดจุดหักเหสำคัญขึ้นกับ Stoppelman ตอนนั้นเขาป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ และมันทำให้เขาได้คิดถึงไอเดียของ Yelp ที่ต้องการสร้าง Online Community ที่จะช่วยแชร์บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Yelp ในช่วงแรก ๆ 

ซึ่งเขาก็ได้ชักชวนอดีตเพื่อนร่วมงานที่ paypal อย่าง Russel Simmons ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่ MRL Ventures และได้ทำการเสนอไอเดียของ Yelp ให้กับ Levchin ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้ให้เงินลงทุนให้กับทั้งสองหนุ่มในการตั้งต้นธุรกิจจำนวน 1 ล้านเหรียญ

ด้วยความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของ Stoppelman ทำให้เขาสามารถพา Yelp กลายเป็นบริการที่คนแห่มาใช้กันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสปากต่อปาก ด้วยบริการง่าย ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน

ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน Yelp ก็มีการเข้ามา Review ของ User ในระบบกว่า 138 ล้าน Reviews และมันได้ทำให้มูลค่าของ Yelp พุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ด้วยความที่เป็นบริการที่ใช้ผลการค้นหาของ Google เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง traffic ให้ Yelp นั้น

ในที่สุด Google ก็ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อ Yelp จาก Stoppelman เป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ Stoppelman ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์วงการด้วยการปฏิเสธข้อการเข้าซื้อของ Google อย่างไร้เยื่อใย

และในที่สุดในปี 2012 Stoppelman ก็พา Yelp เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้สำเร็จ ต้องเรียกได้ว่าเขาสามารถที่จะนำ Startup จากบริษัทเล็ก  ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน ฝ่าฟันจนสามารถเข้าไปอยู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ

พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ
พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ

กล่าวกันว่า สไตล์การบริหารงานของ Stoppelman ในการสร้าง Yelp นั้น เขามักจะเป็นผู้บริหารที่มารับฟังปัญหาลูกน้องอยู่สม่ำเสมอ และพยายามแก้ไขแบบ 1 ต่อ 1 อย่างมืออาชีพ ภายใน Yelp เองเขาก็ไม่ได้มีห้องผู้บริหารส่วนตัว แม้จะเป็น CEO ก็จริงแต่ก็มาคลุกคลีทำงานกับลูกน้องของเขาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าพนักงาน Yelp รักเขามาก

ซึ่งที่ Yelp เขาได้พาน้องชายเข้าร่วมงานด้วยในตำแหน่ง Senior Vice President of Engineering เขามักจะคอยสอดส่องบริการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ซึ่งใน Yelp Platform เองนั้นก็มี Review ของเขาอยู่กว่า 1,000 reviews ซึ่งสุดท้ายหลังจากพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ หุ้นของเขาที่มีอยู่กว่า 11% นั้นก็ทำให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว ๆ 111 ล้านเหรียญ – 222 ล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนของ Silicon Valley จวบจนถึงปัจจุบัน

–> อ่านตอนที่ 3 : Andrew McCormack

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org