Search War ตอนที่ 12 : Microsoft has Fallen

ล่วงเลยมาถึงปี 2011 สถานการณ์ของ Bing ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แผนกออนไลน์ของ Microsoft ที่รับผิดชอบ Bing นั้นขาดทุนย่อยยับกว่า 728 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง google รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า

มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนี้ Microsoft ถึงคราวพ่ายแพ้อย่างหมดรูปใน Search Engine มันเป็นตลาดเดียวกันแท้ ๆแต่ตัวเลขมันต่างกันลิบลับ และไม่มีทีท่าว่า Microsoft จะกู้สถานการณ์กลับมาได้เลย

ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมานั้น google สามารถทำกำไรได้กว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่ง Search Engine นั้นเปรียบเสมือนเครื่องจักรผลิตเงินของ google ไปเสียแล้ว มันทำให้ google แข็งแกร่งขึ้น สามารถจ้างวิศวกรระดับหัวกะทิ แย่งชิงมาจาก Microsoft ได้จำนวนมาก ด้วยวัฒนธรรมการทำงานที่ใช้ DNA ของ Engineering เป็นหลัก

มันได้ทำให้คนรุ่นใหม่ ที่จบใหม่ ๆ  นั้นต่างใฝ่ฝันที่จะได้ทำงานกับ google ซึ่งเรียกได้ว่าตอนนี้ google ได้กลายมาเป็นภัยคุกคามใหญ่ของ Microsoft อย่างเต็มตัวแล้ว แถม Microsoft ยังเสียพนักงานสำคัญ ๆ จำนวนมากไปให้กับ google เสียอีกด้วย

และไม่ต้องพูดถึงฝั่งมือถือ แม้ Microsoft จะทำ Big Deal โดยการเข้าไป take over ธุรกิจมือถือของ Nokia มาได้สำเร็จ และมีการบรรลุข้อตกลงที่จะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ของ Microsoft ซึ่งแน่นอนว่า Bing จะกลายเป็น Search Engine ค่าเริ่มต้นของเหล่ามือถือ Windows Phone ทั้งหมด

ตลาดมือถือ ก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปสำหรับ Microsoft
ตลาดมือถือ ก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูปสำหรับ Microsoft

แต่ก็อย่างที่เราได้ทราบในปัจจุบันว่า ตอนนี้ มันแทบจะไม่เหลือที่ยืนให้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone เสียแล้ว ความหวังของ Bing ที่จะมารุกไล่ google ในตลาดมือถือก็เป็นอันจบสิ้น

ตอนนี้มันได้พิสูจน์ว่า ความคิดของ บิลล์ เกตส์ ก็ไม่ได้ถูกไปเสียทุกเรื่อง การที่ Microsoft จะพลิกกลับมาทำลายบริษัทที่เพิ่งเกิดอย่าง google นั้นดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ยิ่งเวลาผ่านไป ช่องว่างระยะห่างระหว่าง Bing กับ google นั้นก็ดูเหมือนจะห่างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน

แม้ Microsoft นั้นจะเคยรบชนะในศึกเทคโนโลยีมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกับ NetScape ในธุรกิจ Browser หรือแม้กระทั่งโปรแกรม Word Microsoft ก็ผ่านการรบราฆ่าฟันกับคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน 

แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า google นั้นเป็นคู่แข่งที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ สิ่งสำคัญมันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม รวมถึงความแตกต่างของรุ่นระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองบริษัท google นั้นชนะในสงคราม Search Engine เพราะ Microsoft กำลังเข้าไปรบในดินแดนที่ตัวเองนั้นไม่คุ้นเคยแต่อย่างใด

และที่สำคัญยังมีการตัดสินใจผิดพลาดหลายครั้งในระหว่างการทำศึกคร้งนี้ รวมถึงการที่ Microsoft ประเมิน google ต่ำไป กว่าจะรู้ตัว ว่าตลาด Search Engine มันมีมูลค่าตลาดที่มหาศาล google ก็ได้พัฒนาไปไกลเสียแล้ว

บิลล์ เกตส์ นั้นต้องใช้เวลามากกว่า 15 ปีในการทำให้ Microsoft ขึ้นสู่จุดสูงสุดขององค์กรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่การปล่อยให้ google ที่ประกอบไปด้วยเหล่าเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งหัดทำธุรกิจ ได้แจ้งเกิดมาอย่างรวดเร็วนั้น หากมองในระยะยาว เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในที่สุด google นั้นได้กลายเป็นภัยคุกคามธุรกิจหลาย ๆ อย่างของ Microsoft อย่างเต็มตัว มาจวบจนถึงปัจจุบันอย่างที่เราเห็นนั่นเองครับ

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ สงคราม Search War จาก Blog Series ชุดนี้

สงคราม Search Engine มันได้เป็นตัวอย่างนึงที่แสดงให้เห็นถึง การต่อสู้ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ผ่านศึกสงครามกับบริษัทต่าง ๆ มานับไม่ถ้วน และแทบจะไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับบริษัทหน้าไหนมาก่อน

เมื่อเราลองจินตนาการกลับไปในยุคนั้น Microsoft เป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ พร้อมด้วยทุนทรัพย์มากมาย บิลล์ เกตส์ ก็เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกติดอันดับหนึ่งอยู่หลายปี เรียกได้ว่า Microsoft นั้นพร้อมทุกๆ  อย่างถ้าคิดจะสู้กับบริษัทหน้าไหนก็ตาม

แต่ google บริษัทที่เกิดจากงานวิจัยที่บังเอิญ โดย ลาร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน นั้นได้เห็นศักยภาพที่สูงมากของ google แม้จะพยายามเสนอ idea รวมถึงขาย idea ไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ  แต่ก็ไม่มีคนสนใจ พวกเขาจึงต้องมาลุยในธุรกิจนี้ด้วยตัวเอง

ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เราเห็นจากสงครามครั้งนี้คือ การเลือกมืออาชีพอย่าง เอริก ชมิตต์ เข้ามาคอยดูแล google ในช่วงตั้งไข่ ซึ่งแม้จะมีศักยภาพแค่ไหน แต่การขาดผู้นำที่ดีก็อาจจะทำให้ google ไม่สามารถเติบโตระยะยาวได้อย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้

ลองคิดดูว่าหากเป็น ทั้งเพจ และ บริน มาลุยเองตั้งแต่ช่วงแรก คงพ่ายแพ้ให้กับ Microsoft อย่างย่อยยับไปนานแล้ว การที่ ชมิตต์นั้น พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกับ Microsoft ให้มากที่สุด และพยายามทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เพราะเขาเคยปะทะกับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft มาแล้วในสมัยที่ทำงานที่ Sun Microsystem และ Novell นั่นเอง และรู้ดีว่าไม่ควรจะไปสู้กับ Microsoft โดยตรง

เอริก ชมิตต์ ผู้เคยประมือกับ Microsoft มาก่อนหน้านี้แล้ว
เอริก ชมิตต์ ผู้เคยประมือกับ Microsoft มาก่อนหน้านี้แล้ว

เรื่องของประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เหล่า startup ต้องมี mentor ที่ดีในช่วงตั้งไข่แบบที่ google มี เอริก ชมิตต์ เพราะหากลุยด้วยตัวผู้ก่อตั้งเองที่ประสบการณ์ยังไม่มี หรือมีน้อย และความมั่นใจในตัวเองที่สูงเกินไปนั้น โอกาสที่จะพ่ายแพ้นั้นสูงมากนั่นเอง

และด้วยเงินทุนที่น้อยกว่าอย่างเห็น ๆ  เมื่อเทียบกับ Microsoft google จึงใช้วัฒนธรรมการคิดแบบ engineering เป็นหลัก ทุก ๆ จุด ทุกรายละเอียด แม้กระทั่ง design หน้าจอในระดับ pixel หรือ เฉดสีที่แตกต่าง มันนำมาซึ่งผลที่แตกต่างกันอย่างมากหากมีการ Scale ระบบให้มีขนาดใหญ่อย่างที่ google ทำ เพราะสถิติต่าง ๆ แค่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้น ก็มีโอกาสสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นได้อีกมหาศาลเช่นกัน

รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ แม้จะดูเหมือนไร้สาระ แต่ความจริงแล้ว ยิ่งบริษัทที่ทุนน้อยกว่าอย่าง google ทำให้สามารถที่จะต่อการกับ ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ได้อย่างไม่เกรงกลัว และสุดท้าย พวกเขาก็สามารถเอาชนะไปได้ในที่สุดในศึก Search Engine ครั้งนี้นั่นเองครับ

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The Beginning of Search *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ Bill Gates

Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งของ Microsoft ได้กล่าวถึงช่วงเวลาของเขากับบริษัท Microsoft เมื่อมีการตัดสินใจครั้งสำคัญในเรื่องระบบปฏิบัติการมือถือ ในระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ Village Global ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน โดย Gates เปิดเผยว่า “ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต” ของเขาคือ Microsoft การปล่อยให้ Android นั้นถือกำเนิดขึ้นมา :

“ ในโลกของซอฟต์แวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มที่ใหญ่อย่างมือถือนั้น เป็นตลาดที่สามารถพลิกเกมธุรกิจได้ ดังนั้นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการจัดการผิดพลาดที่ผมมีส่วนร่วมซึ่ง Microsoft นั้นมองตลาดพลาดไป และปล่อยให้ Android เติบโตขึ้นมาจากลายเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานของโลกที่นอกเหนือจาก Apple 

ซึ่งส่วนนั้นมันควรเป็นของ Microsoft  ซึ่งมันมีที่ว่างสำหรับระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ของ Apple และผลตอบแทนที่ Android ได้รับกว่า 400 พันล้านเหรียญที่ผ่านมา ที่จะถูกโอนจาก บริษัท google ไปยัง บริษัท Microsoft แทนนั่นเอง”

อดีต CEO ของ google อย่าง Eric Schmidt ยอมรับว่าจุดเริ่มต้นของ Google คือการพยายามเอาชนะ Windows Mobile ในช่วงต้นของการสร้างระบบปฏิบัติการของ “ ในขณะที่เรากังวลอย่างมากว่ากลยุทธ์มือถือของ Microsoft จะประสบความสำเร็จ” Schmidt กล่าวระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมายกับ Oracle เกี่ยวกับ Java ในปี 2012 ในที่สุด Android ก็สามารถเอาชนะได้ทั้ง Windows Mobile และ Windows Phone และกลายเป็น Windows ในโลกมือถือจนถึงปัจจุบัน

Android จากจุดเริ่มต้นเล็กจนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก
Android จากจุดเริ่มต้นเล็กจนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก

แม้ว่าคำกล่าวของ Gates นั้นค่อนข้างน่าแปลกใจ ซึ่งหลายคนคิดว่าความผิดพลาดในตลาดมือถือของ Microsoft นั้นเป็นความผิดพลาดในยุคของ Steve Ballmer เราคงยังจำกันได้ในขณะที่ iPhone ได้เปิดตัวต่อสาธารณะชนในปี 2007 Ballmer หัวเราะและกล่าวถึง iPhone ว่า “ เป็นโทรศัพท์ที่แพงที่สุดในโลกและไม่ดึงดูดลูกค้าธุรกิจเพราะมันไม่มีคีย์บอร์ด” 

นี่เป็นส่วนสำคัญของความผิดพลาดในช่วงแรก ๆ ในมือถือของ Microsoft และ Microsoft ใช้เวลาหลายเดือนในการพิจารณาว่า บริษัทควรจะเลิกความพยายามในการพัฒนา Windows Mobile ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้เป็นระบบสัมผัสและเกิดจากยุคเก่าของอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยสไตลัส Microsoft ตัดสินใจในการประชุมฉุกเฉินเดือนธันวาคม 2008 เพื่อยกเลิก Windows Mobile และรีบูตระบบปฏิบัติการมือถือใหม่ให้กลายเป็น Windows Phone อย่างสมบูรณ์

Ballmer ที่ประเมินการเปิดตัวของ iPhone ต่ำเกินไป
Ballmer ที่ประเมินการเปิดตัวของ iPhone ต่ำเกินไป

ในขณะที่อดีตหัวหน้า Windows อย่าง Terry Myerson และ Joe Belfiore ของ Microsoft มีส่วนร่วมในการประชุมฉุกเฉินครั้งนั้นและเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจจะมีการขอคำแนะนำจาก Bill Gates ในบางเรื่อง โดยที่ Gates ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ในปี 2000 โดยรับตำแหน่งหัวหน้าสถาปนิกทางด้านซอฟต์แวร์

ในช่วงเวลาที่สำคัญซึ่งนำ Microsoft ไปสู่ ​​Windows Phone และ Windows Vista  แต่ท้ายในที่สุด Gates ก็ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ในเดือนกรกฎาคม 2008 และดำรงตำแหน่งประธาน บริษัท จนกระทั่ง Satya Nadella เข้ารับตำแหน่ง CEO ในปี 2014

Gates อาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจในเรื่องกลยุทธ์ทางด้านมือถือของ Microsoft แต่การลงจากตำแหน่งของเขาเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Microsoft ตัดสินใจไม่ใช้ Android ซึ่งเมื่อเทียบกับอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์อย่าง Steve Ballmer ที่กล่าวว่า Windows Vista เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ไมโครซอฟท์ก่อนที่เขาจะอำลาไปด้วยคราบน้ำตาก่อนส่งไม้ต่อให้ Satya Nadella

ไมโครซอฟท์ดูเหมือนว่าจะมีความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยทั้งที่ผ่านศึกในธุรกิจมือถือมาอย่างยาวนาน แต่ตอนนี้ธุรกิจ Cloud กำลังพาบริษัทกลับมารุ่งเรือง “ มันน่าอัศจรรย์สำหรับผมที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง แต่หลายสิ่งหลายอย่างของบริษัท ทั้งสินทรัพย์อื่น ๆ ของเราเช่น Windows และ Office ยังคงแข็งแกร่งมากดังนั้นเราจึงยังคงเป็นบริษัทชั้นนำ” Gates กล่าว . “ถ้าเรามีโอกาศที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งเราจะกลายเป็นบริษัทชั้นนำ อันดับ 1 ของโลกได้อีกครั้ง.”

References : 
https://www.theverge.com/2019/6/24/18715202/microsoft-bill-gates-android-biggest-mistake-interview

Ark OS กับชีวิตหลัง Android ของ Huawei

จากข่าวใหญ่ที่ว่า Huawei อาจสูญเสียการเข้าถึงแพลตฟอร์ม Android ของ Google ซึ่งทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับโทรศัพท์มือถือในอนาคตและตอนนี้ชื่อของระบบปฏิบัติการใหม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว

ดูเหมือนว่า Huawei จะมีเครื่องหมายการค้าสองสามชื่อในยุโรปโดยมีแอพพลิเคชั่นที่เป็นพาดหัวข่าวของ Android ซึ่งชี้ไปที่ระบบปฏิบัติการใหม่ซึ่งถูกเรียกว่า Huawei Ark OS

ในความเป็นจริงมีหลายชื่อที่ Huawei มีเครื่องหมายการค้าอยู่รอบชื่อเล่นนี้รวมถึง “Huawei Ark”, “Ark” และ “Ark OS” ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า Ark OS นั้นจะเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ของ Huawei ที่แอบซุ่มทำมานาน

การทำงานในระบบปฏิบัติการใหม่

สัญญาณค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าหัวเว่ยกำลังสร้างระบบปฏิบัติการมือถือของตัวเอง ในกรณีที่มีการสั่งห้ามยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ดังนั้นข่าวที่เกี่ยวกับชื่อของระบบปฏิบัติการที่เป็นไปได้ที่หัวเว่ยได้ทำการจดเครื่องหมายการค้านั้นเป็นส่งที่ไม่น่าแปลกใจเลย 

แม้จะไม่มีการรับประกันว่า Ark OS จะเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มมือถือใหม่ของ บริษัท แต่ช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก โดยมีรายงานว่าระบบปฏิบัติการใหม่นี้อาจพร้อมสำหรับการเปิดตัวก่อนสิ้นปีนี้

ภาพหลุด Ark OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการในอนาคตของ Huawei
ภาพหลุด Ark OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการในอนาคตของ Huawei (ที่มา: Huawei Central)

ยังไม่ชัดเจนว่าปัญหาเรื่องสงครามการค้าจะเป็นจุดจบอย่างเป็นทางการของการเป็นพันธมิตรกับ Android ของ Huawei หรือหาก Google กลับมาในภายหลังหากมีการเจรจากันได้สำเร็จ  แต่ตอนนี้บริษัทจีนมีแนวโน้มที่จะเลิกใช้ Android อย่างถาวรสูง เพื่อลดความเสี่ยง และหันไปในแนวทางที่จะเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการเสียเอง

เราได้เห็นระบบปฏิบัติการมือถือทางเลือกจำนวนมากพยายามที่จะเข้ามาแข่งขัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเช่น Windows Phone, BlackBerry OS, Sailfish OS, Ubuntu สำหรับสมาร์ทโฟน และ Firefox OS – พิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Android และ iOS

ความล้มเหลวที่สำคัญของระบบปฏิบัติการทางเลือกเหล่านี้คือการขาดแอพพลิเคชั่นและหาก Huawei มีความหวังว่าจะมีแพลตฟอร์มใหม่ที่อยู่นอกประเทศบ้านเกิดของตน พวกเขาจะต้องแน่ใจว่าได้รองรับแอพหลัก ๆ ที่เหล่าลูกค้าทั่วโลกใช้งานอยู่ – ซึ่งมันคงจะไม่เป็นเรื่องง่าย ๆ เลยทีเดียว เหมือนที่หลายๆ ระบบปฏิบัติการเคยลองมาแล้ว และไม่สำเร็จนั่นเอง

References : 
https://www.techradar.com/news/huawei-may-be-building-an-ark-os-as-it-prepares-for-life-after-android