Geek Daily EP110 : เมื่อยูเครนกำลังหันไปใช้การระดมทุนแบบ crypto ออนไลน์เพื่อการต่อสู้กับรัสเซีย

รัสเซียได้ทำให้โลกตะลึงด้วยความเร็วในการบุกยูเครนในสัปดาห์นี้ สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถรุกคืบได้อย่างรวดเร็ว ก็คือความไม่สมดุลอย่างมากระหว่างทรัพยากรทางทหารของทั้งสองประเทศ สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์มระบุว่า ด้วยงบประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ของยูเครนเป็นเพียง 10% ของงบประมาณด้านการทหารของรัสเซีย

ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะระดมเงินจำนวนมหาศาลและรวดเร็ว ชาวยูเครนหันไปใช้คราวด์ฟันดิ้งเพื่อซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหาร GoFundMe เต็มไปด้วยเพจที่อ้างว่าระดมทุนให้กับชาวยูเครนที่ต้องการความช่วยเหลือ และเว็บไซต์ของมูลนิธิ Come Back Alive ของยูเครน องค์กรการกุศลไม่แสวงหากำไรที่สร้างประโยชน์ให้กับกองทัพของประเทศ ได้ระดมเงินดิจิทัลจำนวน 4 ล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การบริจาคแบบไม่ระบุชื่อมีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/35e7pYf

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3hjeHMG

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/35gHBKV

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3tcMhcN

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/JXIMbYrclEg

Image References : https://beincrypto.com/bitcoin-donations-ukraine-border-tensions-escalate/

Geek Monday EP120 : Mata Capital กรณีศึกษา Blockchain เกี่ยวกับการจัดการการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

Mata Capital บริษัทจัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของฝรั่งเศสมองหาเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2019 เพื่อปรับปรุงกระบวนการให้ทันสมัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายหุ้นกองทุน และจัดการเรื่องการทะเบียนสำหรับผู้ที่เข้ามาลงทุน

ด้วยการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็น Mata Capital มีเป้าหมายเพื่อให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการลงทะเบียนผู้ลงทุน ทุนเริ่มต้นของนักลงทุน และการดำเนินการสมัครรับข้อมูล วิสัยทัศน์ระยะยาวคือการลดจำนวนลงทุนขั้นต่ำจาก 100,000 ยูโรเป็น 1 ยูโร ด้วยต้นทุนที่ลดลงและฟังก์ชันดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นของบล็อคเชน Mata Capital พยายามที่จะดึงดูดนักลงทุนในวงกว้างและหลากหลายมากขึ้นให้มาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3rHUYMK

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3LuZLsC

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3sCfldB

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3HRBwCQ

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/XgrJf-Zw9Hk

References Image : https://blockchain.news/opinion/benefits-and-use-cases-of-blockchain-in-real-estate-sector

Sequoia x Web3 กับการวางเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการลงทุน 450 ล้านดอลลาร์ใน Polygon blockchain

Sequoia Capital บริษัทด้านการลงทุนชื่อดังจาก Silicon Valley ซึ่งกำลังแข่งขันกับ Andreessen Horowitz คู่แข่งสำคัญในการแข่งขันเพื่อลงทุนในสิ่งที่อาจเป็นอนาคตของอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า Web3

บริษัทร่วมทุนใน Silicon Valley เป็นผู้นำการลงทุน 450 ล้านดอลลาร์ใน Polygon ที่ทำหน้าที่เป็นเลเยอร์สนับสนุนสำหรับ Ethereum ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัลของ ether ซึ่งช่วยให้ประมวลผลธุรกรรมในวงกว้าง

เครือข่าย Ethereum นั้นแตกต่างจากของ bitcoin ตรงที่มันรองรับแอปพลิเคชั่นสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น non-fungible tokens (NFTs) และบริการ DeFi ไม่ใช่แค่การถ่ายโอนแบบ peer-to-peer เพียเท่านั้น

Polygon blockchain ทำงานอย่างไร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Ethereum blockchain มีความคับคั่งของทราฟฟิกเนื่องจากมีผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เวลาในการทำธุรกรรมช้าลงและค่าธรรมเนียมการดำเนินการสูงขึ้น สิ่งนี้นำไปสู่การสร้างเครือข่ายที่เรียกว่า “Layer 2” เช่น Polygon ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดภาระของบล็อกเชนหลัก

Polygon จะเข้ามาช่วยให้ Ethereum ที่ปกติเป็น Blockchain ที่มีแค่ระดับเดียว กลายเป็น Blockchain ที่ทำงานได้สองระดับ โดยวิธีการทำงานคือ Polygon จะมี Blockchain ระดับล่างที่ทำงานบน ERC-20

เดิมทีถ้าหากจะซื้อขายเหรียญบน ERC-20 จะต้องเสียค่าธรรมเนียมบน Ethereum ซึ่งการทำธุรกรรมก็มีความล่าช้ามาก แต่ว่า Polygon จะทำการดึงเหรียญดังกล่าวมาเก็บไว้ที่ Blockchain ระดับล่างที่ทำงานร่วมกับ ERC-20

หลังจากนั้นจะมีการสร้างเหรียญสมมุติขึ้นมาบน Blockchain ขั้นที่สอง และให้ผู้ใช้งานทำธุรกรรมใดๆก็ตามกับเหรียญดังกล่าวไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จสิ้น

เมื่อเลิกใช้งานจะทำการเบิร์นเหรียญสมมุติดังกล่าวทิ้ง พร้อมกับส่งธุรกรรมที่จะต้องเกิดขึ้นบน ERC-20 กลับไปที่ระดับล่าง ให้ส่งข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นไปทำงานบน ERC-20 อีกที ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายการทำธุรกรรมบน Ethereum และช่วยลดความหนาแน่นในการทำธุรกรรมบน Ethereum ได้

ผลลัพธ์คือเวลาการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้นมาก ในระดับพันธุรกรรมต่อวินาที เครือข่ายของ Ethereum สามารถจัดการได้ประมาณ 15 ธุรกรรมต่อวินาที Polygon กล่าวว่าได้ทำธุรกรรมไปแล้วกว่าพันล้านรายการจนถึงปัจจุบัน และมีผู้ใช้งานประมาณ 2.7 ล้านคนต่อเดือน

Ethereum กำลังดำเนินการในการอัพเกรดที่เรียกว่าEthereum 2.0 ซึ่งจะทำให้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญบางคนกลัวว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อ Polygon เช่นเดียวกัน

Sandeep Nailwal ผู้ร่วมก่อตั้ง Polygon กล่าวว่าเขาเห็นว่าบริษัทกำลังกลายเป็นเวอร์ชันกระจายอำนาจของ Amazon Web Services ซึ่งเป็นระบบคลาวด์คอมพิวติ้งของยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของ Polygon เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวในโลก crypto ที่รู้จักกันในชื่อ “Web3”

Web3 คืออะไร?

Web3 เป็นแนวคิดที่คลุมเครือในเทคโนโลยีซึ่งหมายถึงความพยายามในการสร้างอินเทอร์เน็ตเวอร์ชันกระจายอำนาจมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

มีการพูดคุยกันเล็กน้อยในซิลิคอนแวลลีย์ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter วิจารณ์ว่ามันเป็น ”หน่วยงานรวมศูนย์” ที่ควบคุมโดยผู้ร่วมทุนในขณะที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวว่า ”เป็นคำศัพท์ทางการตลาด” มากกว่าความเป็นจริง

“Web3 สำหรับผมหมายถึงความเป็นเจ้าของ การต่อต้านการเซ็นเซอร์ และการประมวลผลที่ตรวจสอบได้” Nailwal กล่าวกับ CNBC ในขณะที่บริษัทต่างๆ เช่น Facebook หรือ Twitter ควบคุมการคำนวณของตนเอง Web3 ให้คำมั่นเรื่องความโปร่งใสเกี่ยวกับกระบวนการเหล่านั้น

Polygon ต้องการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับแบรนด์ใหญ่ในการพัฒนากลยุทธ์ Web3 ของตนเอง มีบริษัทอย่าง Adidas และ Prada ทดลองกับ NFTs บนเครือข่ายอยู่แล้ว Nailwal กล่าวว่าบริษัทบางแห่งยังไม่ได้ขาย crypto แต่ NFTs นั้นสามารถเข้าใจได้ง่ายกว่าสำหรับพวกเขา

นักลงทุนรายใหญ่

เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Web3 ดึงดูดชื่อที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจร่วมทุน ซึ่งรวมถึง Andreessen Horowitz, Tiger Global และ Sequoia

จนถึงตอนนี้ Sequoia ยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับความสนใจใน crypto ในขณะที่ Andreessen มีกองทุนเฉพาะสำหรับการลงทุนในภาคส่วนนี้ และ Sequoia ก็เริ่มมีความสนใจตลาดนี้มากยิ่งขึ้น

Shailesh Lakhani กรรมการผู้จัดการของ Sequoia India กล่าวว่า ”นักพัฒนาหลายพันคนในแอปพลิเคชันต่างๆ กำลังเลือก Polygon และชุดโซลูชันการ scale ที่สมบูรณ์แบบสำหรับระบบนิเวศ Ethereum ″นี่คือทีมที่มีความทะเยอทะยาน เป็นทีมที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นสำคัญ”

เช่นเดียวกับ Ethereum และบล็อคเชนอื่น ๆ Polygon มีโทเค็นของตัวเองที่เรียกว่า matic ซึ่งบริษัทขายหน่วยโทเค็นให้กับนักลงทุน เหล่าผู้สนับสนุนของ Polygon กำลังเดิมพันว่า matic จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อมีการใช้เครือข่ายเพิ่มขึ้น เงินทุนมาจากหน่วยงานในอินเดียของ Sequoia โดยมี SoftBank, Galaxy Digital และ Tiger Global ลงทุนด้วย

สะท้อนถึงข้อตกลงที่คล้ายกันกับ Solana Labs สตาร์ทอัพที่อยู่เบื้องหลังคู่แข่ง Ethereum อย่าง Solana ซึ่งระดมทุนได้ 314 ล้านดอลลาร์จากการขายโทเค็นส่วนตัวที่ได้รับการสนับสนุนโดย Andreessen Horowitz

Polygon วางแผนที่จะจัดสรรเงินทุน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับ ”ecosystem fund” เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ บนเครือข่าย ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่เป็นเงินสำรองเพื่อช่วยให้ทีมงาน 240 คนของ Polygon ดำเนินการสร้างแพลตฟอร์มในปีต่อๆ ไปได้

Blockchain gaming

บริษัท ยังผลักดันในเรื่องของเกม โดยเพิ่งว่าจ้างอดีตผู้บริหาร YouTube อย่าง Ryan Wyatt ให้มาเป็นหัวหน้าสตูดิโอเกม

″คุณเห็นนักพัฒนาที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากออกจากสตูดิโอใหญ่ๆ เพื่อสร้างเกมบนบล็อคเชน” Wyatt กล่าวกับ CNBC “เราจะเปิดประสบการณ์การเล่นเกมรูปแบบใหม่กับผู้คนที่กำลังพัฒนาเกมบนบล็อคเชน”

″ในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า เราจะได้เห็นถึงตัวอย่างเกม Triple-A ที่มีความละเอียดสูง และทุนสร้างสูง สร้างขึ้นจาก Polygon” เขากล่าวเสริม

Polygon กล่าวว่าขณะนี้บริษัทมีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ แต่กลุ่มนี้ไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นบริษัทในความหมายแบบดั้งเดิม การขาดความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ควบคุมแพลตฟอร์มที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัลบางสกุลได้กลายเป็นหนึ่งในความขัดแย้งกับหน่วยงานกำกับดูแลที่คอยกลั่นกรองโลกของ crypto และ DeFi ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว

บทสรุป

ต้องบอกว่ามันได้กลายเป็นข่าวใหญ่สำหรับ Sequoia ที่เริ่มเข้ามาสนใจในตลาดของเทคโนโลยี Web3 ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

มันเป็นภาพที่ชัดเจนว่าเหล่าบริษัท Venture Capital ยักษ์ใหญ่จาก Silicon Valley เหล่านี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอิทธิพล ที่จะกำหนดเส้นทางที่จะก้าวไปข้างหน้าของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพราะเงินทุนส่วนใหญ่ล้วนมาจากพวกเขาทั้งสิ้น

มันเหมือนในยุคอดีตที่ บริษัทอย่าง Facebook , Twitter , Google … แจ้งเกิดขึ้นมาใน Web2.0 สามารถทำกำไรให้กับเหล่า VC ได้อย่างมหาศาล ซึ่งเทรนด์ที่เห็นการลงทุนในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Web3 ที่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนแล้วเช่นกันว่า ตอนนี้ เหล่า VC ผู้หิวโหยเหล่านี้ กำลังมองเห็นถึงอะไรในอนาคตนั่นเองครับผม

References : https://dailynewsday.com/2021/12/30/cybercriminal-steals-2-million-exploiting-vulnerability-in-polygon-cryptocurrency-blockchain/
https://www.cnbc.com/2022/02/07/sequoia-leads-450-million-investment-in-polygon-blockchain.html
https://smiledigitals.com/polygon_matic
https://www.cnbc.com/2021/05/13/why-elon-musk-is-worried-about-bitcoin-environmental-impact.html

นักสะสม NFT รายใหญ่เตือน จะเกิดการล่มสลายของตลาด NFT อย่างหายนะ

Colborn Bell อดีตนายธนาคารเพื่อการลงทุน ซึ่งเป็นเจ้าของ NFT มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ เตือนว่าตลาดสำหรับโทเค็นดิจิทัลใหม่นี้อาจกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความหายนะครั้งใหญ่

Bell เข้าสู่วงการ NFT ในช่วงต้นปี 2020 และได้รวบรวมคอลเล็กชันจำนวนมากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้เขายังได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Crypto ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะแบบ VR

แม้ว่าจะมีผลประโยชน์มหาศาลในอนาคตของ NFT แต่ Bell ก็ เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความล้มเหลวของตลาดอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน

เป็นมุมมองที่ตรงไปตรงมาอย่างไร้ความปราณีเกี่ยวกับความนิยมของ NFT และทิศทางที่มันกำลังจะมุ่งหน้าไป

อดีตนายธนาคารกล่าวว่าเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน เขาให้คำมั่นว่าจะไม่ขาย NFT แม้แต่ชิ้นเดียวจากคอลเล็กชันของเขาเองที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์

Bell อ้างว่าเขาเพียงช่วยเหลือผู้อื่นและพิสูจน์ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ก่อนยุคตื่นทอง โดยนำงานศิลปะของเหล่าศิลปินมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ของเขา

แต่มีปัญหาใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง เขากล่าว ในวงการ NFT มีศิลปินมากเกินไปและมีผู้ซื้อน้อยเกินไป “อุปสรรคในการเข้ามาของศิลปินนั้นต่ำกว่านักสะสมเป็นอย่างมาก” Bell กล่าว “ในใจของผม วิธีการแบบนี้มันไม่ได้ผลในระยะยาว”

เป็นการเปิดเผยที่น่าอัศจรรย์ซึ่งมาจากใครบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและลงทุนในเทคโนโลยีนี้ด้วยตัวเอง “มีแนวคิดในการทำให้ทุกอย่างเป็น NFT และเพียงเพราะมันกลายเป็น NFT ทำให้ตอนนี้มันจึงมีค่า” Bell กล่าว “สำหรับผม นี่คือช่วงเวลาที่อันตรายมาก ๆ และมันคล้ายกับฟองสบู่ทางการเงิน”

สำหรับ Bell ประเด็นทั้งหมดของศิลปะ NFT คือการต่อต้านวัฒนธรรม อาจเป็นคำพูดที่ดูตลก เมื่อพิจารณาจากตัว Bell เองที่มีคอลเล็กชั่น NFT มูลค่ากว่า 15 ล้านดอลลาร์ และจากข้อมูลของเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Fortune มีข้อเท็จจริงที่ว่าศิลปินอิสระหลายคนเกลียดชัง NFT เป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่า Bell จะซื่อสัตย์ต่อคำพูดของเขาหรือไม่ หรือฟองสบู่ NFT จะแตกออกเมื่อใด เราก็ยังคงต้องรอดูกันต่อไป ว่าเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ มันจะสามารถยืนหยัดได้ในระยะยาวเหมือนการสะสมสิ่งที่เป็น physical จับต้องได้จริง ๆ หรือไม่นั่นเองครับผม

References : https://almooon.com/huge-nft-collector-warns-of-cataclysmic-market-crash/
https://fortune.com/2022/02/03/nft-collector-crypto-art-museum-market-crash/

Geek Daily EP102 : เหตุใด Microsoft สามารถที่จะเอาชนะ Meta ในการเป็นผู้นำในโลก ​​metaverse ได้

Microsoft ได้ตกลงซื้อ Activision Blizzard ผู้ผลิตวิดีโอเกมในราคาประมาณ 68.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่ก่อตั้งโดย Bill Gates

เมื่อโลกกำลังเข้าสู่ยุคของ metaverse จะเห็นได้ว่า เมื่อมองภาพรวมจริง ๆ แล้วนั้น Microsoft มีอาวุธที่ครบมือมากกว่า Meta อย่างเห็นได้ชัด ทั้ง know how ในธุรกิจเกม หรือ การสามารถปรับใช้ไลฟ์สไตล์จากเครือข่ายของ Microsoft เพื่อเข้าสู่โลกของ metaverse ได้ดีกว่า

ดังนั้นในขณะที่เรายังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าโลก metaverse ที่มีรูปแบบสมบูรณ์จะมีลักษณะอย่างไร แต่ถ้ามองกันที่องค์ประกอบรวมทั้งหมดดูเหมือน Microsoft จะมีความได้เปรียบ Meta อยู่มากเลยทีเดียวครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3Fznrb7

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3rqDPFT

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3rwji2D

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3tDrYXG

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/LcVrAgqGGiE

ผู้สนับสนุน..

Fillgoods ผู้ช่วยมืออาชีพของธุรกิจออนไลน์ ที่จะทำให้ชีวิตง่ายและสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม ด้วยฟีเจอร์ทั้งหมดออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตการทำงานของธุรกิจออนไลน์อย่างแท้จริง

ให้ทุกธุรกิจสามารถทำกำไรและสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้ตามที่ต้องการอย่างไร้กังวล ร้านค้าที่ยังประสบปัญหาที่คอยฉุดยอดขายและโอกาสเติบโตให้ดิ่งเหว

สามารถติดต่อให้ Fillgoods เข้าไปเป็นผู้ช่วยธุรกิจคุณได้ที่สมัครใช้งานและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fillgoods.co/  สมัครตอนนี้มีโปรโมชันพิเศษมากมาย อัปเดตกิจกรรมและข่าวสารที่ https://www.facebook.com/fillgoods.co/ หรือโทร 021146800 กด 1