VR กับการจำลองความหลอนของคนติดยาเสพติด

เมื่อเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดที่สุดกับวัฒนธรรมต่อต้านในยุค 60 อย่าง สารหลอนประสาทเช่น LSD และเห็ดวิเศษ/เห็ดเมา เริ่มเข้ามาสู่วิทยาศาสตร์กระแสหลัก ศูนย์การวิจัยที่กำลังเปิดตัวทั่วโลกและการศึกษาที่นับไม่ถ้วนดูเหมือนว่าจะ ลดทอนความได้เปรียบที่เป็นไปได้ของการทำให้สิ่งเสพติดเหล่านี้สร้างประสบการณ์ประสาทหลอนให้กับเหล่าผู้เสพ

ตอนนี้ NewAtlas ได้ตีพิมพ์เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับขอบเขตใหม่ของการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องประสาทหลอน: นักเทคโนโลยีที่พยายามสร้าง “การเดินทาง” เหล่านี้โดยใช้เทคโนโลยี Virtual Reality

รายละเอียดเรื่องประสบการณ์ VR ออกแบบมาเพื่อทำให้เกิดความรู้สึกของการเดินทางg-เข้าสู่ภาวะประสาทหลอน ซึ่งนำโดยผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ฝรั่งเศส Jan Kounen ที่ได้สร้าง ประสบการณ์ VR ใน “ Ayahuasca ” ศิลปิน ซานเดอร์ บอส ในผลงาน Visionarium “

ในขณะที่ผลงานเหล่านี้ได้สร้างภาพบางส่วนได้อย่างไม่น่าเชื่ออย่างไรก็ตามพวกเขาขาดการทำซ้ำในด้านอื่น ๆ ของประสบการณ์ประสาทหลอนของการติดยาเสพติดจริง ๆ

“ สำหรับประสบการณ์ที่รุนแรงกว่านี้ เรายังไม่มีข้อมูลใด ๆ ในการจำลองสิ่งเหล่านั้นด้วย VR ในขณะนี้ ” Keisuke Suzuki หนึ่งในนักวิจัยของเครื่องประสาทหลอนกล่าวกับ Atlas

ถึงกระนั้น Suzuki ก็หวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

“ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นจะมาเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึกของเรา โดยอาจจะต้องรวมเอาเทคโนโลยี VR กับ เทคนิคด้านประสาทวิทยาอื่น ๆ รวมถึง เทคโนโลยีอื่น ๆ ให้สมจริงขึ้น เช่น การเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์” เขาบอกกับ NewAtlas  “ แต่มันยังคงต้องใช้เวลาและความพยายามในการไปให้ถึงระดับที่จำลองทุกอย่างได้เหมือนจริงสำหรับความหลอนของการติดยาเสพติดนั่นเอง”

References : https://newatlas.com

Virtual Reality กับการช่วยรักษาโรคทางพันธุกรรม

ทีมนักวิจัยได้พัฒนาวิธีการใช้ Virtual Reality Headsets เพื่อดูแบบจำลองข้อมูลพันธุกรรมแบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นการจำลองรวบรวมข้อมูลจากการหาลำดับจีโนม , DNA โดยนำข้อมูลมาจากกล้องจุลทรรศน์

“ โดยการรวมข้อมูลลำดับจีโนมกับข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ของยีน เราสามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่แสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบด้านจัดระเบียบของยีนนั้นสัมพันธ์กันหรือไม่” ศ. จิม ฮิวจ์ รองศาสตราจารย์ด้าน Genome Biology จาก Oxford University ได้กล่าวในการแถลงข่าว  “ มันทำให้ง่ายต่อการเข้าใจกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต”

แต่ละเซลล์ของทั้งหมดที่มีจำนวน 37 ล้านล้านเซลล์ในร่างกายมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ จะมี DNA ขนาดสองเมตรแฝงอยู่ภายในนิวเคลียส เรามีความสามารถในการลำดับดีเอ็นเอมานานมากแล้ว

แต่หากเราใช้เทคโนโลยี VR มาช่วยให้สามารถเห็นภาพการจัดเรียงแบบเฉพาะ ก็อาจทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรมของมนุษย์เพราะมนุษย์นั่นเอง

นักวิจัยกำลังใช้เทคนิคการสร้างภาพโดยใช้เทคโนโลยี VR เพื่อศึกษาโรคเบาหวานโรคมะเร็งและเส้นเลือดตีบ โดยเป้าหมายระยะยาวของโครงการนี้จะช่วยให้ความพยายามในการสร้างวิธีการแก้ไขยีนที่ผิดปกติและทำการแก้ไขมัน เพื่อให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยร้ายแรงดังกล่าวในอนาคตได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

References : 
https://futurism.com

มาฝึกไล่พนักงานออกด้วยเทคโนโลยี Virtual Reality กันเถอะ

การไล่ออกพนักงานอาจเป็นหนึ่งในภารกิจที่ยากที่สุดที่ผู้จัดการต้องเผชิญในทุก ๆ ครั้ง ดังนั้นเพื่อให้ลดความตึงเครียดเหล่านี้ บริษัท  Talespin จึงสร้างได้ทำการสร้าง Barry  ตัวละครเสมือนอัจฉริยะที่มีนิสัยดุร้าย ให้เหล่าผู้จัดการสามารถฝึกฝนในการไล่ออกพนักงานซ้ำแล้วซ้ำอีกได้

ปฏิกิริยาของ Barry ต่อการถูกไล่ออกสามารถทำได้ตั้งแต่เสียงสะอื้นที่เงียบไปจนถึงเสียงตะโกนโกรธแบบโมโหสุดเหวี่ยง ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พนักงาน VR สามารถตอบโต้ได้ในรูปแบบใดก็ตาม มนุษย์ก็ตอบสนองต่อการรับซองขาวของพวกเขาได้แบบนั้น

“ เมื่อผู้ใช้โต้ตอบกับ Barry ในการจำลองสถานการณ์” Talespin เขียนไว้ในบล็อกโพสต์ “ พวกเขาสำรวจรูปแบบการสนทนาที่เป็นไปได้หลายร้อยรูปแบบเพื่อยุติการข้อตกลงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทดลองเผชิญหน้ากับข้อผิดพลาดเหล่านี้ ทำให้เหล่าผู้จัดการมือใหม่มีความแข็งแกร่งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อยากเจอ เช่นการไล่พนักงานนั่นเอง”

Kyle Jackson CEO ของ Talespin กล่าวว่า บริษัท ต่าง ๆ ให้ความสนใจในการใช้เทคโนโลยี Vitual Reality เพื่อสอนให้พนักงานมีทักษะการเจรจาที่นุ่มนวล เช่น วิธีสัมภาษณ์ผู้สมัครงานให้มีประสิทธิภาพ และเขาคาดว่าแนวโน้มของการฝึกอบรมโดยใช้เทคโนโลยี VR จะเติบโตได้สูงในอนาคต

“ทักษะการเจรจาที่นุ่มนวล มีความอะลุ่มอล่วย เป็นทักษะที่มีการจัดอันดับให้เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรใด ๆ  ที่มีพนักงานที่ต้องการหารือเกี่ยวกับความต้องการของพวกเขาสำหรับอนาคตของการทำงาน”

แน่นอนว่าจากข่าวนี้ เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับองค์กรต่าง ๆ เพราะเป็นทักษะที่เราแทบจะไม่ได้เรียนมาก่อนในการเรียนแบบทั่วไป ซึ่งผู้จัดการแต่ละคนนั้นก็จะใช้ประสบการณ์ส่วนตัวในการจัดการเรื่องเหล่านี้ ซึ่งหาก VR ช่วยในการฝึกฝน skill เหล่านี้จริง ก็จะทำให้ได้วิธีที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเองครับ

References : 
https://futurism.com/the-byte/vr-training-fire-virtual-people

ปลูกถ่ายตาเทียมด้วยพลังของเทคโนโลยี AR

Google และ บริษัทด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ สร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ กับแว่นตาและคอนแทคเลนส์เพื่อจุดประสงค์ของการใช้เทคโนโลยี AR ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ Omega Ophthalmics กำลังพัฒนาสิ่งที่แตกต่างมากขึ้นโดยใช้เลนส์ที่ได้รับการผ่าตัดเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับเติมเต็มความสมจริงของการมองเห็นภายในดวงตาด้วยพลังของเทคโนโลยี AR

แต่การปลูกถ่ายตาเทียมแบบเลนส์นี้ไม่ใช่สิ่งใหม่แต่อยา่งใด โดยทั่วไปแล้วจะใช้การปลูกถ่ายตาเทียมเพื่อ แก้ต้อกระจกและโรคความเสื่อมอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ;  ซึ่งผู้ป่วยประมาณ3.6 ล้าน คนในสหรัฐอเมริกาได้รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวทุกปี

การผ่าตัดต้อกระจกเกี่ยวข้องกับการถอดเลนส์ที่มีปัญหา และแทนที่ด้วยเลนส์เทียมชนิดบาง Gary Wortz ผู้ร่วมก่อตั้ง Omega Ophthalmics และเป็นจักษุแพทย์ที่ได้รับการรับรองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่เพียงแค่เลนส์ แต่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ผลิตรายอื่นสามารถเพิ่มเซ็นเซอร์แบบอินเทอร์แอคทีฟ และการรวมของเทคโนโลยี AR / VR อีกด้วย

แพลตฟอร์มที่รวมเอาหลายเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน
แพลตฟอร์มที่รวมเอาหลายเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน

แม้ว่าเขาจะไม่คาดหวังว่าคนหนุ่มสาวที่มีสายตาการมองเห็นที่ดีจะเข้าร่วมการปลูกถ่าย AR ได้ในเร็ว ๆ วันนี้ แต่เขาคิดว่าแพลตฟอร์มของเขามีแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้น  มีการสร้างแผนที่เพิ่มเติมเพื่อช่วยให้บุคคลที่มีปัญหาทางสายตาเหล่านี้สามารถเดินไปรอบ ๆ หรือคอยเตือนพวกเขาหากมีอะไรผิดปกติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวกับวงการทหาร และอื่น ๆ

“ เรารู้ว่ามีตลาดขนาดใหญ่สำหรับ AR ซึ่งก็คือวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ เหล่าบริษัท เทคโนโลยียังไม่รู้” ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Omega Ophthalmics  ริก อีฟลันด์ กล่าว

ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้มองหาการลงทุนจากภายนอกสำหรับแนวคิดนี้ แม้ว่า Wortz และ Ifland กล่าวว่าพวกเขาได้รับการติดต่อจาก บริษัท VC ใหญ่ ๆ สองแห่งในนิวยอร์กและออเรนจ์เคาน์ตี้ อย่างไรก็ตาม Omega ได้นำเงินทุนเริ่มต้นจากนักลงทุน angel fund และจักษุแพทย์ ที่เข้าใจในโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว  Wortz กล่าวเสริม

บริษัท ยังคงต้องรอการอนุมัติจาก FDA และ ทีมงานจักษุแพทย์หวังว่าจะได้รับการอนุมัติในยุโรปในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้าเพื่อรอผลการพิจารณาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดย Wortz ดูจะค่อนข้างมั่นใจ เกี่ยวกับกระบวนการในการอนุมัติของ  FDA 

เทคโนโลยีใช้งานได้จริงหรือไม่? ต้องบอกว่าจนถึงตอนนี้ Omega หลังจากได้ทำการทดสอบมา 6 เดือน โดยยังไม่ได้ทดลองทางคลินิกกับมนุษย์  โดยบริษัท ยังมี Lab ทดลอง อีกสองถึงสามแห่งที่ยังไม่ได้รับผลชัดเจนในการศึกษา รวมถึงอนาคตกับการทดลองกับมนุษย์ ที่ทางบริษัทวางแผนจะเปิดตัวในไม่ช้านี้

References : 
https://techcrunch.com/2017/08/04/ophthalmics-is-an-eye-implant-with-the-power-of-continuous-ar/

VR กับการส่อง Anatomy ของร่างกายคุณผ่าน App

ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกมั่นใจว่าพวกเขารู้เรื่องพอสมควรเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาในแง่ของสุขภาพทั่วไป แต่สิ่งที่พวกเรารู้กันนั้น ดูเหมือนจะดูจากจากภายนอกร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้มองเข้าไปข้างใน ภายใน Anatomy ของร่างกายเราที่สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน

Ed Barton ผู้ก่อตั้ง Curiscope  บริษัท Startup ในสหราชอาณาจักร  หวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นด้วยการผสมผสานการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality  (AR) มาพัฒนาแอป VR เพื่อดูกายวิภาคศาสตร์ และทำงานร่วมกับเสื้อยืด Virtuali-Tee ที่บริษัทสร้างขึ้น โดยจะทำให้ผู้คนมองเห็นภายในร่างกายของพวกเขาเองผ่าน App ตัวนี้

Barton อธิบายกับ Wired : “ เราใช้การผสมผสานระหว่าง VR และ AR เพื่อดูภายในกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งด้วย AR ที่ถูกวางตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถใช้ VR เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับร่างกายของคุณได้”

Curiscope ได้ระดมทุนเกือบ 1 ล้านเหรียญจาก LocalGlobe และพวกเขาได้ขาย Virtuali-Tees  ไปเป็นมูลค่าเกือบ 3,000 เหรียญแล้วในขณะนี้

Barton บอกกับ  Wired  ว่าการติดตามตำแหน่ง“ เรามีการทำให้วัตถุและภาพดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับความเป็นจริงมากขึ้น” เขากล่าวต่อ“ ด้วย Virtuali-Tee, AR เป็นอินเตอร์เฟสของคุณและ VR ใช้ในการส่งข้อมูล”

เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้รหัส QR ที่พิมพ์ออกมาบนเสื้อยืด เมื่อคุณสแกนรหัส QR ด้วยแอพที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถสำรวจทั่วทั้งช่องอกรวมถึงหัวใจและปอดของคุณได้

เทคโนโลยี AR เริ่มโด่งดังมาจากเปิดตัวของ Pokémon Go แต่ แอพพลิเคชั่นของ Barton นั้นแสดงให้เห็นว่ามันสามารถเข้าถึงได้มากกว่าแค่เกมเหมือนดั่งที่ Pokemon ทำ ซึ่งในตอนนี้มีการนำเทคโนโลยี AR ไปใช้ ตั้งแต่การใช้สมาร์ทโฟนไปจนถึงการออกแบบพิมพ์เขียวของรถยนต์  AR กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการรวมกันของทั้ง AR และ VR ไม่เพียง แต่จะทำให้อุปกรณ์ Virtuali-Tee มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ยังนำไปสู่เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่รวม AR และ VR เข้าด้วยกันอีกด้วย

เสื้อยืด Virtuali-Tee นี้อาจเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็น มันสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่ช่วยให้กายวิภาคศาสตร์และชีววิทยากลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกไม่น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน โดยเสื้อยืด Virtuali-Tee สามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจการทำงานภายในของร่างกายตัวเอง และวิธีการที่เรากระทำในทุกๆวัน ตั้งแต่สิ่งที่เรากินเข้าไป จนถึงการออกกำลังกาย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่านั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพของเรานั่นเอง

References : 
https://futurism.com/new-anatomy-vr-app-lets-you-look-inside-your-own-body