ประวัติ Jho Low ตอนที่ 15 : Out Of Control

ในเดือนมิถุนายนปี 2014 ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพ Rewcastle-Brown พยายามมองหาชายชาวสวิสในวัย 40 ปี ซึ่งมันแทบไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับชายลึกลับที่ต้องการติดต่อเธอ เพราะเธอรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น

Xavier Justo ได้แนะนำตัวเองในฐานะ Justo ทำให้ Rewcastle-Brown นั้นตกใจ เนื่องจากการพบกันครั้งนี้เป็นการนัดผ่านคนกลาง ซึ่งเธอคิดว่า Justo นั้นดูน่าจะอันตรายกว่านี้ ซึ่งเธอมองไม่เห็นทีท่าว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่จะทำอันตรายจาก Justo

“ผู้คนที่เราติดต่อด้วยนั้นโหดเหี้ยมและมีอิทธิพลสูงอย่างมาก” Justo กล่าวกับ Rewcastle-Brown 

Justo กำลังหาทางเลือกอื่นเพื่อรับเงินที่เขาเชื่อว่าสมควรได้รับ เขามองหาคนที่ยินดีที่จะจ่ายค่าเอกสารของ PetroSaudi ที่เขาได้ Copy ออกมาจาก Server เมื่อ 2 ปีก่อนหน้า

ต้องบอกว่าการได้มาเจอกับ Rewcastle-Brown นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากที่ Justo ออกจาก PetroSaudi ในปี 2011 เขาก็ได้เดินทางไปยังสิงค์โปร์ เพื่อชมการแข่งขัน F1 Night Race ซึ่งที่นั่นเขาควรจะได้พบกับ Tarek Obaid หัวหน้าผู้บริหารของ PetroSaudi เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องไฟล์ต่าง ๆ ที่เขามี

แต่เพื่อนเก่าของเขาดันไม่มาปรากฏตัว อย่างไรก็ตามในช่วงการเดินทางกลับนั้น เขาได้บังเอิญไปพบกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับมหาธีร์ โมฮัมเหม็ด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย และได้ทำการแลกนามบัตรกันไว้

และแทบจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นกว่า 2 ปี แต่ในช่วงฤดูร้อนปี 2014 บุคคลปริศนาที่เขาได้พบเจอก่อนกลับที่มีความใกล้ชิดกับ มหาธีร์ นั้น ได้ส่ง Connection ให้เขาไปเจอกับ Rewcastle-Brown ซึ่งในตอนนั้นกำลังขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1MDB

ข้อมูลจาก Server ที่ถูกดูดลงไปในฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ซึ่งบรรจุไปด้วยข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB และ PetroSaudi แต่ Justo มีเงื่อนไขสำคัญก็คือ Rewcastle-Brown ต้องจ่าย 2 ล้านเหรียญ ถ้าเธอต้องการข้อมูลดังกล่าว

แม้ Rewcastle-Brown นั้นจะมีน้องเขยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ชีวิตที่เธออยู่ที่มาเลเซีย ด้วยการประกอบอาชีพนักข่าวและบล็อกเกอร์นั้น เธอไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

Justo ยืนกราน “ไม่มีเงินสด ไม่ตกลง”

แน่นอนว่ามันเป็นข้อมูลที่สุด Exclusive ตัว Rewcastle-Brown เองก็อยากได้มันมาก ๆ หลังจากได้พบกันในครั้งนี้ เธอต้องกลับไปหาคนที่สามารถจ่ายมันได้ ซึ่งต้องใช้เวลาจริง ๆ กว่า 7 เดือนในการหาผู้มีอุปการคุณมาช่วยจ่ายเพื่อแลกกับข้อมูลดังกล่าว

ส่วนตัว Low นั้นดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินจากผู้บริหาร PetroSaudi เกี่ยวกับความต้องการเงินของ Justo แต่อย่างใด ตัว Low เองนั้นก็ยังแทบจะไม่ระแคะระคาย ที่จะมีการพบกันระหว่าง Rewcastle-Brown และ Justo ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสั่นคลอนสถานะของเขาครั้งสำคัญ ซึ่งถ้าเขารู้ แน่นอนว่าเงินเพียงแค่ 2 ล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายปิดปาก Justo นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของ Low อย่างแน่นอน

ต้องบอกว่าในขณะนั้น Low กำลังอยู่ในช่วง in love เพราะไปตกหลุมรักนางแบบสาวชื่อดังอย่าง Miranda Kerr เรียกได้ว่ากับ Kerr นั้น Low โชว์ป๋าอย่างเต็มที่ มีการทุ่มเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินส่วนตัว รวมถึงได้สั่งซื้อเรือยอชท์ใหม่ Equanimity เพื่อพา Kerr ออกทริปไปยังน่านน้ำรอบ ๆ ประเทศอิตาลี รวมถึงไม่พลาดที่จะซื้อชุดเครื่องประดับของ Lorraine Schwartz ไม่ว่าจะเป็น ต่างหูเพชร , สร้อยคอ ,สร้อยข้อมือ หรือ แหวน ซึ่ง Low ได้สั่งมาเพื่อมอบให้กับ Kerr บนเรือยอชท์สุดหรูของเขาขณะออกทริปนั่นเอง

Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก
Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก

แต่ความมั่งคั่งทั้งหมดที่ตัว Low แสดงออกมานั้น มันก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล แม้จะเพิ่งได้รับเงิน 5 พันล้านดอลลาร์จาก 1MDB แต่การที่จะต้องจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นจำนวนมากให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและสมรู้ร่วมคิด และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรักษาวิถีชีวิตแบบเศรษฐีเงินล้านของเขา

ในใบแจ้งหนี้ 2 ล้านดอลลาร์ สำหรับเครื่องประดับล่าสุดของ Kerr นั้น Low ต้องบุกเข้ากองทุนอีกครั้ง ในขณะที่ Low เป็นลูกค้าคนสำคัญของ Schwartz ทำให้เขาสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินของเขาที่ได้รับจาก 1MDB ล่าสุด ดูเหมือนว่า Low จะเริ่มสะดุดกับการจ่ายเงินเสียแล้ว

เขาต้องการเงินเพิ่ม คราวนี้เป็นรายของ Deutsche Bank ที่เริ่มสนใจ จะเข้ามาร่วมทำธุรกรรมกับ 1MDB หลังจากพิจารณาจากผลกำไรของ Goldman ที่ทำได้จากกองทุน 1MDB ซึ่ง Low นั้นต้องการที่กู้ยืมเงินเพิ่มเติมจาก Deutsche Bank อีก 725 ล้านดอลลาร์

ซึ่งแม้จะมีคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกองทุนที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากล แต่ Mohammed Al Housseiny ผู้บริหารสูงสุดของ Aabar ก็ได้มาช่วยให้กระบวนการดังกล่าวของธนาคาร Deutsche Bank ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเมื่อ Deutsche Bank ได้ส่งเงินกู้งวดแรกจำนวน 725 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ Aabar แม้มันจะผิดแปลกอยู่บ้างที่ปรกตินั้น ธนาคารจะส่งเงินสดจำนวนมากเหล่านี้ไปยังผู้กู้โดยตรงซึ่งก็คือ กองทุน 1MDB แต่ Deutsche เห็นการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนจากกองทุนอาบูดาบี ทำให้วพกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คิดถึงแต่เพียงผลประโยชน์ที่จะได้รับเพียงเท่านั้น

และ กระบวนการยักยอก ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะผู้รับเงินที่แท้จริงแล้วนั้น เป็นบริษัทที่มีชื่อคล้าย ๆ กับ Aabar ที่ Al Husseiny จัดตั้งขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคาร UBS ในสิงคโปร์ ซึ่งอีกสองวันต่อมา เงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ก็ถูกถ่ายโอนไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric อีกเช่นเคย

ซึ่งก็เหมือนเคยด้วยผลประโยชน์ มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัท เชลล์ ของ Low ก็ได้ส่งเงิน 13 ล้านดอลลาร์ไปยัง Densmore ซึ่งเป็น บริษัทในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ของ Otaiba ซึ่งมีบัญชีที่ BSI ในสิงคโปร์ ส่วน Khadem Al Qubaisi ที่เป็นหัวหน้าของ Al Husseiny ได้รับเงินไปอีก 15 ล้านดอลลาร์

ในเดือนกันยายนปี 2014 อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด ที่มีอายุ 89 ปี ซึ่งยังคงเป็นบุคคลสำคัญในพรรค UMNO ได้รับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา รวมถึง email จาก 1MDB ที่แสดงให้เห็นว่า Jho Low มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งการตัดสินใจลงทุน รวมถึงความไม่ชอบมาพากลของเงินทั้งหลายที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ

มหาเธร์ นั้นยังมีอำนาจอย่างสูงในพรรค UMNO และเขาเริ่มมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเขามีความตั้งใจที่จะทำการบีบบังคับให้นายกรัฐมนตรี Najib Razak ลาออก เพราะหนี้ก้อนโตของกองทุนเหล่านี้ เสี่ยงต่อการนำพามาเลเซียไปสู่ภาวะวิกฤติได้แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนติน่า

ฝั่งของ Rewcastle-Brown ก็ได้เขียนบทความในหัวข้อ “การใช้จ่ายของ Jho Low และเงินเพื่อการพัฒนาของมาเลเซีย” ซึ่งชี้ประเด็นถึงเหตุผลว่า ทำไมกองทุนของประเทศต้องโกหกถึงบทบาทลับ ๆ ของ Low

Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน
Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน

และฝั่งของการตรวจสอบบัญชีก็เริ่มโกลาหล เพราะความกังวลของ Deloitte บริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง ก็ได้เรียกร้องให้มีการส่งเงินกลับจำนวนกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน ที่มองว่ามีธุรกรรมที่มีความผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการใช้จ่ายอย่างดุเดือดของ Low เขาคิดว่าจะสามารถปกปิดมันได้ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมใหม่ ๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ สาธารณชนเริ่มรู้สิ่งที่ Low ทำแล้ว และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งอย่าง มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด กำลังมาเล่นเรื่องดังกล่าวด้วย ทำให้มันได้กลายเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังแท้จริงสำหรับ Low เพราะเขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายจำนวน กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์

และฝั่งของธนาคาร Deutsche Bank ก็ต้อน Low ไปอีกมุมเวที นายธนาคารชาวเยอรมัน เริ่มสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนที่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นหลักประกันในการกู้ยืม ซึ่งหากธนาคารเยอรมันขอเงินคืน กองทุนจะไม่สามารถหาเงินสดมาจ่ายได้อย่างแน่นอน

มาถึงตอนนี้ Low เริ่มที่จะจนมุม หลังจากถูกไล่บี้จากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งผู้มีอิทธิพลอย่าง มหาเธร์ นักข่าวที่เกาะติดเรื่องนี้ ขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างเต็มที่อย่าง Rewcastle-Brown ฝั่งตรวจสอบบัญชีอย่าง Deloitte ก็ไล่บี้จนดูเหมือนว่า Low จะไม่มีทางไปแล้ว และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เงินทั้งหมด มันไม่เหลืออยู่แล้วเสียที แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ Low ถึงตอนนี้ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดของการหลอกลวงระดับโลก โดยชายที่ชื่อ Jho Low เสียแล้ว เขาจะจนมุมจริง ๆ หรือ ไม่ แล้วเขาจะหาทางออกอย่างไรจากสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 16 : Butterfly Effect

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References : http://khalifahmailonline.com/2018/06/10/sebaik-ph-menang-pru-ini-tindakan-yang-cuba-dibuat-jho-low-terhadap-tun-mahathir/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 6 : The First Heist

เพียงไม่กี่เดือน หลังจากที่ Najib Razak ได้ขึ้นครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย Low ก็ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยอย่างไม่เป็นทางการของ Najib และยังช่วยจัดแจงให้ Najib นั้นได้ออกไปเยือนตะวันออกกลาง

Najib นั้น มีความทะเยอทะยานอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนประเทศมาเลเซียให้กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในยุคของเขา และมันทำให้เขาต้องการแหล่งเงินทุนที่สำคัญ

และนั่นก็คือ กองทุน 1MDB ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็นกองทุนที่ควรลงทุนในเรื่องพลังงานสะอาด การท่องเที่ยว เพื่อสร้างงานที่มีคุณภาพสูํงสำหรับชาวมาเลเซียทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ใด มาเลย์ อินเดีย หรือ จีน ดังนั้นสโลแกนที่สำคัญของกองทุนนี้ก็คือ “One Malaysia” นั่นเอง

และคนที่จะมาดูแลกองทุนดังกล่าว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Low ที่สัญญากับนายกรัฐมนตรี ว่าจะทำการดูดเงินจากตะวันออกกลาง และ กู้ยืมเงินเพิ่มเติมจากตลาดโลก และยังสร้างจุดขายใหม่ให้กับกองทุนนี้จน Najib นั้นสนใจมาก ๆ

“ทำไมไม่ใช้กองทุนนี้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเงินสำหรับการเมืองล่ะ?” ซึ่งผลกำไรจากกองทุนดังกล่าวนี้ จะช่วยให้ Najib สามารถใช้เพื่อชดเชย เหล่าผู้สนับสนุนทางการเมือง และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อเรียกคืนความนิยมของพรรค UMNO ที่กำลังตำต่ำ

เจ้าชาย Turki Bin Abdullah Al Saud ลูกชายของกษัตริย์แห่งซาอุดิอาระเบีย Abdullah Abdulaziz Al Saud ได้กลายมาเป็น Connection คนสำคัญคนใหม่ของ Low ในการเชื่อมต่อกับประเทศซาอุดิอารเบีย

เจ้าชาย Turki Bin Abdullah Al Saud แห่งซาอุดิอารเบีย
เจ้าชาย Turki Bin Abdullah Al Saud แห่งซาอุดิอารเบีย

แม้สำหรับใครหลายคนแล้ว อาจจะคิดว่า เจ้าชาย Turki นั้น มีเงินมากมาย แทบจะใช้ไม่หมดก็ตามที แต่ตัวเจ้าชาย Turki นั้นกำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่มั่นคง เนื่องจาก กษัตริย์ Abdullah พระบิดาของเขากำลังอยู่ในวัยชรา และมีอายุถึง 90 ปีแล้ว รวมถึงมีลูกอีกยี่สิบคน ทำให้เจ้าชาย Turki นั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หากพ่อของเขาเสียชีวิต

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เจ้าชาย Turki และหุ้นส่วนทางการเงิน Tarek Obaid ได้ก่อตั้ง PetroSaudi International บริษัทสำรวจน้ำมันขึ้น เพื่อพยามเชื่อมโยงกับราชวงศ์ของเขา แนวคิดก็คือ PetroSaudi ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Al khobar ในประเทศซาอุดิอารเบีย โดยบริษัทดังกล่าวจะได้รับสิทธิ์ในการสำรวจน้ำมันในต่างประเทศ

ต้องบอกว่าเจ้าชาย Turki เป็นหนึ่งในบุคคลที่ Low กำลังตามหา และทั้งคู่ก็ได้มีโอกาสมาเจอกัน ผ่าน Sahle Ghebreyesus ซึ่งเป็นผู้ดูแล Service ในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ร้านอาหารสุดหรู หรือ ความต้องการอื่น ๆ ของบุคคลระดับ Superrich

ซึ่ง Ghebreyesus นั้นรู้จักทั้ง เจ้าชาย Turki และ Low ซึ่งเป็นขาปาร์ตี้ มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่ Wharton ซึ่ง Low ได้ขอให้ Ghebreyesus นั้นจัดวันหยุดพักผ่อนให้กับ Najib , Rosmah และลูก ๆ ของพวกเขานอกชายฝั่งของประเทศฝรั่งเศสบนเรือสำราญสุดหรูอย่าง RM Elegan

ส่วนฝั่งเจ้าชาย Turki นั้น ก็มาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยทำการเหมาเรือสำราญ Alfa Nero ที่มีค่าใช้จ่ายกว่า 500,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ซึ่งแผนการของ Low ก็คือ นำ Najib และครอบครัว มาเจอกับเจ้าชาย Turki ให้มันดูเหมือนว่าเขาสามารถที่จะเชื้อเชิญคนระดับราชวงศ์ของซาอุดิอารเบีย มาพบกับ Najib ได้

ซึ่งเมื่อถึงวันที่ทั้งคู่ได้เจอกัน เจ้าชาย Turki และ Najib ได้เริ่มพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่ PetroSaudi จะร่วมมือกับกองทุน 1MDB ซึ่งทั้งคู่คุยกันถูกอกถูกคอ โดยมี Low คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหลังจากการประชุมดังกล่าวเพียงไม่กี่วัน เจ้าชาย Turki ได้เขียนจดหมายถึง Najib โดยเสนอ การรวมธุรกิจเพื่อสร้างกองทุนที่มีศักยภาพ ขึ้นมา

โดยแผนการก็คือ การให้ PetroSaudi นำทรัพย์สินน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนของสิทธิ์ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันในประเทศเติร์กเมนิสถาน และ อาร์เจนติน่ามูลค่ารวม 2.5 พันล้านดอลลาร์เข้าร่วมทุน ในขณะเดียวกันทางกองทุน 1MDB จะทำการนำเงินสด 1 พันล้านดอลลาร์เข้าร่วมทุนในโครงการดังกล่าว

Patrick Mahony เป็นอีกหนึ่งคนที่มีบทบาทใน PetroSaudi ซึ่ง Tarek Obain หุ้นส่วนทางด้านการเงินของเจ้าชาย Turki นั้นเป็นคนชักชวนให้ Mahony มาทำงานที่ PetroSaudi โดยบทบาทของ Mahony คือการทำงานตามแผนงานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ PetroSaudi

เขาเป็นผู้ที่ผลักดันให้บริษัทซื้อสิทธิ์ในการสัมปทานแหล่งน้ำมันในอาร์เจนติน่า และ บรรลุข้อตกลงกับบริษัทในแคนาดา เพื่อพัฒนาพื้นที่นอกชายฝั่งขนาดใหญ่ในเติร์กเมนิสถาน

ด้วยข้อตกลงหลายพันล้านดอลลาร์ของกองทุน 1MDB นายกรัฐมนตรี Najib Razak นั้นจะดำรงตำแหน่งสูงสุดของกองทุนในฐานะประธานคณะที่ปรึกษา โดยมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกคณะกรรมการและยับยั้งการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ของกองทุน

โดย 1MDB ได้มีการแต่งตั้ง Shahrol Halmi ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาของ Accenture ในมาเลเซียเป็นผู้บริหารสูงสุด และยังมีการจ้างผู้บริหารมากความสามารถคนอื่น ๆ อย่างเช่น Casey Tang ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และ Jasmine Loo ทนายความมากฝีมืออันดับต้น ๆ ของมาเลเซีย ในฐานะที่ปรึกษาด้านกฏหมาย

แต่มีรายหนึ่งที่หายไปจาก List รายชื่อ ซึ่งนั่นก็คือ Jho Low นั่นเอง โดยเขาตัดสินใจที่จะไม่มีบทบาทอย่างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น เขาอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจในทุก ๆ ครั้ง ของการดำเนินงานของกองทุน 1MDB

หลังจากนั้นพวกเขาได้ตัดสินใจที่จะไปจัดตั้งบัญชีธุรกิจสำหรับนิติบุคคลใหม่ในเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้ธนาคาร BSI ที่เป็นธนาคารเอกชนขนาดเล็กของสวิส Low และ Mahony เดินทางไปเจนีวา เพื่ออธิบายต่อธนาคารว่ากิจการใหม่นี้ จะใช้เงิน 1 พันล้านดอลลาร์จากกองทุน 1MDB ในประเทศมาเลเซีย และจะมีการตัดค่าธรรมเนียมในการช่วยจัดการข้อตกลงร่วมกัน เหมือนที่เขาพยายามทำในช่วงการลงทุนของ Mubadla ก่อนหน้านี้

อย่าไรก็ตามแผนการของ Low ดูเหมือนจะถูกขัดขวางจาก BSI เพราะทาง BSI ตะลึงกับข้อตกลงที่แปลกประหลาดเช่นนี้ และปฏิเสธคำขอในการสร้างบัญชี นายธนาคาร BSI นั้นไม่อยากทำธุรกรรมดังกล่าว เพราะดูแล้วมีความน่าสงสัยมากเกินไป

ซึ่งหลังจากประสบปัญหากับ BSI ทาง Low และ Mahony ก็หันไปหาธนาคาร JP Morgan (Swiss) โดย JP Morgan นั้นตกลงที่จะเปิดบัญชีให้ และมีการถามคำถามเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับสาเหตุที่กองทุน 1MDB ต้องการมาเปิดบัญชีที่นี่

BSI จากสวิส ที่ปฏิเสธการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย
BSI จากสวิส ที่ปฏิเสธการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย

และมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาของ PetroSaudi อย่างบริษัท White & Case ที่เป็นสำนักงานกฏหมายที่กรุงลอนดอน โดยทาง White & Case ก็ยินดีที่จะเอาใจลูกค้าของเขา เพื่อรับค่านายหน้าจำนวนมหาศาล

White & Case ได้ทำการช่วย PetroSaudi เตรียมการนำเสนอข้อเสนอทางการเงินที่เป็นสไลด์แผนภาพกระแสเงินที่ดูเป็นมืออาชีพ ที่แสดงให้เห็นว่า PetroSaudi นั้น จะนำทรัพย์สินอัดฉีดเข้าไปในกองทุนอย่างไร และ ฝั่งของ 1MDB นั้น จะวางเงิน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในกิจการร่วมค้า ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น อย่างไร ซึ่งในการนำเสนอนั้น ยังมีการระบุถึงจำนวนเงิน 700 ล้านดอลลาร์ ที่มีความน่าสงสัย ที่กิจการร่วมค้าดังกล่าวจะคืนให้กับ PetroSaudi ที่ดูเหมือนเป็นการชำระคืนเงินกู้ให้กับ PetroSaudi แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วนั้น เงินกู้ก้อนนี้มันไม่ได้มีอยู่จริง

ต้องบอกว่ากระบวนการทั้งหมดนั้น Low จัดการมันได้อย่างรวดเร็วมาก ในเวลาเพียงแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้น หลังจากการคุยกันครั้งแรกของ เจ้าชาย Turki กับ Najib ที่เรือสำราญ Alfa Nero เมื่อเข้าถึงช่วงเดือนสิงหาคม ข้อตกลงร่วมทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก็เสร็จสิ้น ซึ่งโดยปรกติแล้วข้อตกลงระดับนี้ที่มีความซับซ้อนมาก ๆ ทั้งด้านข้อกฏหมาย และ การประเมินสินทรัพย์ต่าง ๆ ต้องใช้เวลานานมาก ๆ ในการปิดดีล แต่ด้วยความสามารถขั้นเทพของ Low ทำให้จัดการทุกอย่างได้ในระยะเวลาเพียงเดือนเศษ ๆ เพียงเท่านั้น

และในที่สุดทางฝั่งกองทุน 1MDB เหล่าคณะกรรมการที่ Najib ตั้งขึ้นมา ก็ได้อนุมัติเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ไปยังกิจการร่วมค้ากับ PetroSaudi ได้อย่างง่ายดาย Low มีการแจ้งรายละเอียดข้อตกลงต่าง ๆ ให้ Najib ได้ทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ที่ไม่มีใครสงสัยถึงเงินจำนวน 700 ล้านดอลลาร์ ที่ดูเหมือนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากการทำธุรกรรมในครั้งนี้

มาถึงตอนนี้ เราจะได้เห็นถึงความซับซ้อนของโลกการเงิน และ ความอัจฉริยะขั้นเทพของ Low ในการจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงความโลภของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้รับจากเงินค่านายหน้าจำนวนมหาศาลที่ทำให้ ไม่มีใครสนใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ Low และกิจการร่วมทุนครั้งนี้ ที่ถือเป็นความสำเร็จเป็นรูปธรรมครั้งแรกของ Low โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 7 : Money Magic

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.sarawakreport.org/iba/2015/07/akai-dai-jho-low-gambar-nusui-pasal-semua-utai/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 5 : Absolute Power

แม้จะถูกปฏิเสธจากค่านายหน้า ในการนำ Mubadala เข้ามาลงทุนในมาเลเซีย โดย Low คิดว่าเขาควรได้รับผลตอบแทนที่เขาสมควรได้รับ และที่สำคัญ เขาก็ต้องการที่จะตอบแทน Otaiba ผู้มีพระคุณด้วย ด้วยความผิดหวัง เขาจึงต้องเดินหน้าหาวิธีการใหม่

่สำหรับโครงการ Iskandar ที่ถือเป็นหนึ่งในโครงการ Mega Project ของประเทศมาเลเซีย Low นั้นรู้ข้อมูลดีว่า ในแบบแปลนของโครงการ Mega Project ดังกล่าวนี้ ต้องมีการสร้างถนนสายใหม่ แหล่งชุมชนที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม

เพราะฉะนั้น ธุรกิจก่อสร้างจะกลายเป็นธุรกิจที่สำคัญมาก ๆ สำหรับโครงการ Mega Project นี้ ในตอนนั้น Low ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างของมาเลเซียสองแห่งที่กำลังจะขายกิจการอยู่พอดี และเขาสามารถซื้อได้ในราคาถูก และ หากเขามีบริษัทก่อสร้างที่สามารถเข้าประมูลงานใน Mega Project เหล่านี้ได้ นั่นคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาล

ซึ่งด้วยสถานภาพของ Low ในตอนนั้น ที่เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง รวมถึงมีแรงหนุนที่สำคัญจากครอบครัวของ Najib ทำให้เขาไม่มีปัญหาในการโน้มน้าวให้ธนาคารในมาเลเซียปล่อยกู้เงินหลายสิบล้านดอลลาร์

และเขาก็ได้นำเงินดังกล่าวมาซื้อกิจการบริษัทก่อสร้าง และในเวลาเดียวกัน บริษัทในเครือของ Low อย่าง Wynton ก็ได้ออกเงินกู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการซื้อที่ดินในแถวบริเวณโครงการ Iskandar ซึ่งตอนนี้แทนที่เขาจะมองแค่เพียงรายได้จากค่านายหน้า เขาได้เปลี่ยนสถานะตัวเองให้กลายเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการ Mega Project นี้ได้สำเร็จ

และเพื่อตอบแทนมิตรแท้จากตะวันออกกลาง อย่าง Otaiba Low ได้ทำการจัดตั้งบริษัท ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ที่มีชื่อว่า บริษัทการลงุทนอาบูดาบี – คูเวต – มาเลเซีย และทำการมอบหุ้นจำนวนหนึ่งให้กับ Otaiba ฟรี ๆ เป็นการตอบแทน

และบริษัทนี้นี่เองที่ Low ใช้มันเป็นการสร้างนิยายเรื่องใหม่ ว่า เป็นกองทุนความมั่งคั่งจากตะวันออกกลางรายใหญ่ ที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในมาเลเซีย โดยเริ่มจากการซื้อบริษัทก่อสร้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้าง Credit ให้ Low ที่ดูเหมือนว่ากิจการของเขานั้นได้รับการสนับสนุนจากกองทุนในตะวันออกกลาง และมันทำให้สามารถดึงดูดเงินได้มากขึ้น

Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project
Low เริ่มลงทุนในบริษัทก่อสร้าง เพื่อเข้า Mega Project

Low ได้เรียนรู้ข้อมูลพวกนี้จากพ่อของเขา Larry Low ซึ่งเปิดบริษัทไว้มากมายในรูปแบบดังกล่าว และข้อมูลที่สำคัญก็คือเขารู้ดีว่า หากไปจดทะเบียนที่หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสาขาของธนาคารสหรัฐ และ เหล่ากองทุนป้องกันความเสี่ยง สถานที่แห่งนี้จะไม่ปลอดภัยเพราะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางวอชิงตัน

แต่ที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ในทะเลแคริบเบียน หรือ ที่เชเชลส์ หมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย มีวิธีการที่แตกต่าง และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย และไม่มีข้อมูลหลุดรั่วออกไปได้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้น Low ก็ได้ทำการตั้งบริษัท สองแห่งในเชเชลส์ บริษัท ADIA Investment Corporation และ KIA Investment Corporation ซึ่งการตั้งชื่อแบบนี้นั้น มันเป็นความตั้งใจของ Low ที่ทำให้ชื่อนั้นดูมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานการลงทุนของ อาบูดาบี (ADIA) และ หน่วยงานด้านการลงทุนของคูเวต (KIA) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สำหรับบริษัท Low สร้างมานั้น แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ อาบูดาบี หรือ คูเวต เลย

ถัดจากนั้น Low ก็ใช้บริษัท ต่างประเทศที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันเหล่านี้ เข้าไปลงทุนในบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กของมาเลเซีย รวมถึงการเอาชื่อบริษัทเหล่านี้ ไปหลอกนักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่ไร้เดียงสาทางด้านการเงิน ในมาเลเซีย ซึ่งนักธุรกิจเหล่านี้จะมากว้านซื้อที่ดินจากกลุ่มการลงทุนที่โด่งดังของเขาในราคาสูงนั่นเอง

ความทะเยอทะยานของ Low ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เงินที่ดูเหมือนเริ่มได้มาง่าย ๆ เขาไม่ต้องการหยุดเพียงแค่นี้ เขาต้องการสร้างชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในมาเลเซีย ซึ่ง Low ได้สังเกตถึงสถานะของ Al Mubarak ผู้บริหารกองทุน Mubadala ของเอมิเรตส์ ซึ่งกองทุนแบบนี้มีเงินนับพันล้านดอลลาร์ Low จึงคิดว่า ทำไมเขาจะสร้างกองทุนความมั่งคั่งของตัวเองไม่ได้ล่ะ และแล้วเขาก็ได้ก็เริ่มมองหาว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน

ต้องบอกว่า กองทุนความมั่งคั่งแบบดั้งเดิมของมาเลเซียนั้น เป็นการนำเงินที่ได้จากกำไรของน้ำมันมาลงทุน เพราะฉะนั้น Low จึงเริ่มโฟกัสไปที่ รัฐตรังกานูซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง

ราชวงศ์มลายูทั้ง 9 ตระกูลของมาเลเซียนั้น แต่ละตระกูลก็มีสภาพที่แตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ โดยมีการปกครองแบบอยู่ร่วมกันกับรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่สุลต่านแต่ละรัฐนั้นก็มีอำนาจทางการเมืองที่กว้างขวางในบางกรณี ซึ่งรวมถึงการควบคุมรายได้ของรัฐในท้องถิ่น

สำหรับ สุลต่านแห่งรัฐตรังกานู คือ Mizan Zainal Abidin ผู้ที่ได้รับการศึกษาในสหราชอาณาจักร มาจากตระกูลอิสลามแบบอนุรักษ์นิยม เป็นหนึ่งในสุลต่านที่มีความรู้ความสามารถสูง และเป็นคนที่ฉลาดมาก ๆ

รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน
รัฐตรังกานู ที่มีความมั่งคั่งจากน้ำมัน

ซึ่ง Low ได้มีโอกาสได้รู้จักกับน้องสาวของ Mizan ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น Connection ที่สำคัญให้ Low นั้น สามารถเข้าไปทำความรู้จักกับ Mizan ได้สำเร็จ และเขาได้เสนอหุ้นฟรีในบริษัท การลงทุนอาบูดาบี – คู่เวต -มาเลเซีย ที่กำลังลงทุนในบริษัทก่อสร้างของประเทศมาเลเซีย

หลังจากนั้น Low ได้นำเสนอแผนที่มีความทะเยอทะยานสูงขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยการเสนอให้ สุลต่าน Mizan จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แบบเดียวกับ Mubadala ของ อาบูดาบี ที่นำเงินจากกำไรของน้ำมันมาสร้างกองทุน

โดยตัวละครที่สำคัญอีกคนหนึ่งก็คือ Tim Leissner นายธนาคารจาก Goldman Sachs ที่ Low นั้น บอกกับ Mizan ว่า Leissner เป็นบุคคลที่มีความสามารถสูง และสามารถที่จะให้คำแนะนำในการลงทุนทั่วทุกมุมโลกได้

Low และ Mizan ได้พูดคุยกันถึงการอนุญาติให้กองทุนความมั่งคั่งออกพันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดกฏอิสลามจากการคิดดอกเบี้ย แต่ในขณะที่กองทุนกำลังเตรียมหาเงิน ในเดือนพฤษภาคมปี 2009 Mizan เริ่มรู้สึกแปลกใจกับแผนการลงทุน ของ Low ที่ไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด

ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับ Mizan ที่จะเอาเงินจากความมั่งคั่งของน้ำมันไปลงทุน โดยที่กองทุนนั้นแทบจะไม่มีผู้บริหารแบบเต็มรูปแบบเสียด้วยซ้ำ เขาจึงสั่งให้ตัวแทนของเขาในคณะกรรมการ สั่งให้ชะลอการระดมทุน

แต่หารู้ไม่ว่า Low นั้นไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ได้ทำการผลักดันให้พันธบัตรอิสลามมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ออกไปได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ามันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Low ที่ต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่ลำบากเสียแล้ว เมื่อ Mizan ต้องการให้ปิดกองทุน แต่มันสายไปเสียแล้ว Low ต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์โดยด่วน

แต่เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Najib Razak ได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียในเดือนเมษายน 2009 พอดิบพอดี ต้องบอกว่า Najib เป็นหนึ่งในความหวังของชาวมาเลเซียในขณะนั้นเนื่องจากพรรค UMNO มีความนิยมที่ตกต่ำอย่างหนัก ชาวมาเลเซียต้องการ ฮีโร่ อย่าง Najib ให้มากอบกู้พรรค และนำพาประเทศให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

และสถานการณ์นี้ก็ทำให้ Low ผู้มีความทะเยอทะยาน มีชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในประเทศอย่าง Najib Razak คอยหนุนหลัง ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องแลกกับผลประโยชน์ที่ Najib นั้นก็ต้องการเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยฟื้นฟูความนิยมของพรรค และสถานภาพทางการเงินของ Low ในตอนนั้นก็มีเงินพอที่จะมาช่วยเหลือ Support ทางด้านการเมืองให้ Najib Razak ได้แล้วเช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่า เป็นการโคจรมาเจอกันด้วยเวลาที่ลงตัวอะไรเช่นนี้ สำหรับ Najib และ Low ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องการความสามารถของอีกฝ่ายพอดิบพอดี ในช่วงเวลาที่ Najib ต้องการนำพาประเทศให้กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วให้สำเร็จให้ได้ และ Low ก็พร้อมที่จะพาแหล่งเงินทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาลงทุนในมาเลเซียพอดิบพอดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 6 : The First Heist

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.malaysiakini.com/news/444409

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 4 : Done Deal

พรรค UMNO ของ Najib Razak เป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ และปกครองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ในปี 1964 แม้มาเลเซียจะมีการจัดการเลือกตั้งตลอดมาอย่างยาวนานนับจากนั้นก็ตาม แต่ก็ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถที่จะโค่นล้มพรรค UMNO ได้ (ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด)

พ่อของ Najib เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของมาเลเซีย ที่ได้นำนโยบายซึ่งมีผลต่อการช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธ์ุมาเลย์ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีการสงวนสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยไว้ให้ชาวมาเลย์ มีการมอบเอกสารทางการเงินแบบพิเศษให้ชาวมาเลย์ เรียกได้ว่าเป็นนโยบายที่ทำเพื่อชาติพันธุ์มาเลย์แบบเต็มที่อย่างเห็นได้ชัด

นโยบายเหล่านี้ นี่เองที่เป็นนโยบายได้ที่ได้รับการสานต่ออย่างหนักแน่นของผู้นำพรรค UMNO ในยุคหลังตลอดมา ทำให้ธุรกิจหลายแห่งถูกควบคุมโดยชาวมาเลย์ ส่วนชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มน้อยอย่างจีนและอินเดียนั้นมักจะต้องจ่ายสินบนให้กับผู้นำทางการเมืองของพรรค UMNO

ในปี 2007 Najib Razak เริ่มที่จะมีความทะเยอทะยานในตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งพ่อของเขาเคยอยู่ ณ จุดนั้น เขาต้องการแรงสนับสนุน รวมถึงแนวคิดใหม่ ๆ ในการบริหารบ้านเมือง และนั่นเป็นจุดที่ทำให้เขามาพบกับ เพื่อนของ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของเขา ซึ่งชายผู้นั้นก็คือ Jho Low นั่นเอง

โดยเมื่อ Low กลับมาที่มาเลเซียบ้านเกิด หลังจากสำเร็จการศึกษาจาก Wharton ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2005 เขาก็ได้จัดตั้งสำนักงานของ Wynton บริษัทเปิดใหม่ของเขา ที่ตึกที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศมาเลเซียอย่าง ตึก Petronas ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศ

ซึ่งตอนนี้ ความต้องการของ Low นั้นพุ่งไปที่ธุรกิจอย่างเต็มตัว ซึ่งในขณะอยู่ที่ Wharton นั้น เขาได้มีโอกาสสร้าง Connection กับตะวันออกกลางไว้บ้างแล้ว ตอนนี้เขาต้องการที่จะนำชาวอาหรับที่ร่ำรวยมาลงทุนในมาเลเซีย และหาผลประโยชน์จากค่านายหน้าในการซื้อขายนั่นเอง และนั่นจะเป็นจำนวนเม็ดเงินที่มหาศาล เพราะการลงทุนเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นโครงการ Big Project แทบจะทั้งสิ้น

และเพียงไม่นานเขาก็ได้เห็นโอกาสแรก เมื่อมีผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งคูเวตซึ่งเข้ามาทำสัญญาซื้อขายคอนโดมิเนียม ซึ่งในช่วงนั้นเอง Low ได้พยายามที่จะเข้าไปเป็นนายหน้าซื้อขายกับผู้หริหารคนนี้ เพื่อเข้าซื้อกิจการธนาคารในประเทศมาเลเซีย

แม้ความพยายามครั้งแรกของเขาจะล้มเหลว แต่เขาก็ได้ Connection ที่สำคัญมาอีกครั้ง ทำให้ Low กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประชุมกับบุคคลที่มีอิทธิพลทั้งทางด้านการเงินและอำนาจากฝั่งตะวันออกกลาง แม้ว่าตัว Low เองนั้นจะยังแทบจะไม่มีประวัติทางธุรกิจอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเพิ่งมาเริ่มทำธุรกิจได้เพียงไม่นานหลังจากเรียนจบ

ต่อมาในปี 2007 เขาได้ยินข่าวว่า Khazanah กองทุนความั่งคั่งอันทรงอำนาจแห่งมาเลเซีย กำลังมองหาพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในรัฐทางตอนใต้ของยะโฮร์ใกล้ชายแดนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของเขตเศรษฐกิจ Iskandar

Iskandar โครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทางใต้ของมาเลเซีย
Iskandar โครงการพัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทางใต้ของมาเลเซีย

โครงการดังกล่าวเป็นความพยายามที่ท้าทายในการสร้างศูนย์กลางทางการเงินและไลฟ์สไตล์ เพื่อแข่งขันกับสิงค์โปร์ ที่กำลังเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่

และนี่เป็นโอกาสทองของ Low อีกครั้ง เขามองเห็นถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากอาบูดาบี ที่ต้องการลงทุนไปทั่วโลก ตั้งแต่ตอนได้มีโอกาสทัวร์ตะวันออกกลาง และ ได้ทำความรู้จักกับ Al Mubarak ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้บริหารของกองทุน Mubadala และด้วยแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในตอนนั้น ทำให้กองทุน Mubadala มีขนาดใหญ่ขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์

แม้ Connection หลักใน อาบูดาบี ยังคงเป็น Otaiba ที่ปรึกษาทางการเมืองของประมุขแห่งรัฐเอมิเรตส์ ซึ่ง ในวันที่ 17 มิถุนายน ปี 2007 Low ได้เขียน email ถึง Otaiba พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนา Iskandar และแนะนำให้ Mubadala มาลงทุนให้ได้ จากนั้นเขาก็จัดให้ผู้บริหารกองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซีย บินไปยังอาบูดาบี ซึ่ง Low ได้นัดให้พบกับ Otaiba และคนอื่น ๆ

ต้องบอกว่าเป็นความสามารถที่น่าทึ่งมาก ๆ ของ Low ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ และสามารถนำกองทุนขนาดใหญ่อย่าง Mubadala เข้ามาลงทุนในมาเลเซียได้สำเร็จ ซึ่งโครงการ Iskandar นี่เองที่เป็นการเปิดโอกาสให้ Low ได้แสดงความสามารถให้ Najib Razak ได้เห็น และที่สำคัญเป็นการช่วยส่งเสริม Najib ในฐานะนักการเมืองที่สามารถดึงดูดการลงทุนและผลักดันความฝันในการทำให้มาเลเซียกลายเป็นเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้

และความสัมพันธ์ของ Low และครอบครัว Najib ก็แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของ Najib ก่อนหน้านี้แล้ว และตอนนี้ เขากำลังสานสัมพันธ์ไปยังศูนย์กลางอำนาจใหญ่ของครอบครัว Najib ซึ่งนั่นก็คือภรรยาของ Najib อย่าง Rosmah Mansor ซึ่ง Low ได้เอาใจครอบครัวนี้เต็มที่โดยในปี 2007 เขาได้ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่สำหรับ Najib และ Rosmah เพื่อ ช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายของลูกสาวขณะที่กำลังเรียนอยู่ในเมือง จอร์จทาวน์ของปีนัง

Low สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Rosmah Mansor ภรรยาของ Najib Razak
Low สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Rosmah Mansor ภรรยาของ Najib Razak

และในปลายเดือนสิงหาคมปี 2007 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทั้ง Najib , Rosmah และ Low ทาง Najib ได้ทำการจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่บ้านพักของ Najib ในเมืองปุตราจายานอกกรุงกัวลาลัมเปอร์

เพราะมันเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ของข้อตกลง สำหรับกองทุนที่ยิ่งใหญ่อย่าง Mubadala และ Kuwait Finance House เพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาที่ดินใน Iskandar

ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังการเฉลิมฉลอง กองทุน Mubadala ลงนามสัญญาลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ Johor ของโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่พักอาศัย , รีสอร์ท และ สนามกอล์ฟ ต้องบอกว่าถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ และเป็นการเปิดตลาดในประเทศมาเลเซียครั้งแรกของกองทุน Mubadala จากอาบูดาบี

แน่นอนว่าข้อตกลงที่เป็นการเปิดประตูแหล่งเงินทุนจากอาหรับ นั้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถระดับสูงของ Low ในการการหาแหล่งเงินจากตะวันออกกลาง ซึ่งทำให้สถานะของ Low กับครอบครัวของ Najib นั้น อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก ๆ และมีความสัมพันธ์ที่มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เกิดขึ้นกับ Low อีกครั้ง หลังจากที่เขาพยายามพา Connection จากตะวันออกกลางมาลงทุนที่มาเลเซียได้สำเร็จ แต่เขากลับถูกหักหลังจาก กองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah ที่มาขโมยตัดหน้าเอาค่าธรรมเนียมนายหน้าต่าง ๆ จากการลงทุนครั้งนี้ไป

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ Low ต้องคิดใหม่อีกครั้ง การดำเนินการโดยกองทุนที่เป็นมืออาชีพอย่างกองทุนความมั่งคั่งของมาเลเซียอย่าง Khazanah มันดูสะอาดเกินไปสำหรับจุดประสงค์ของ Low เขาต้องการอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เขาต้องการควบคุมเงินลงทุนด้วยตัวของเขาเอง และนี่เองเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้ Low เตรียมตัวที่จะดำดิ่งสู่โลกการเงินที่สกปรกนั่นเอง

ต้องบอกว่า มาถึงตอนนี้ ต้องนับถือในความสามารถของ Low ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการดึงเม็ดเงินลงทุนจากตะวันออกกลางให้มาเปิดการลงทุนในมาเลเซียได้สำเร็จ และที่สำคัญมันได้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของ Najib Razak ในฐานะผู้นำพรรค UMNO ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย แต่อีกด้านหนึ่ง ความทะเยอทะยานของ Low มันยังไม่จบแค่นี้ เขามีความทะเยอทะยานที่สูงกว่านี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อในโลกการเงินที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับเขาได้โดยตรง โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 5 : Absolute Power

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : http://malaysiansmustknowthetruth.blogspot.com/2019/09/witness-rosmah-found-jho-low-to-be-very.html https://latitudes.nu/iskandar-a-bellwether-for-improving-relations-between-singapore-and-malaysia/