South Korea ตอนที่ 3 : Trendy Korea

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของประเทศเกาหลี ที่มีผลต่อการพัฒนาของชาติอย่างรวดเร็ว และไล่แซงประเทศอื่น ๆ จนกลายเป็นมหาอำนาจระดับต้น ๆ ของโลก ก็คือ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อทุก ๆ เรื่อง มันช่วยทำให้ผู้คนหลุดพ้นจากอดีตอันขมขื่นของชาติเกาหลี แล้วมาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างประเทศที่พวกเขาภาคภูมิใจขึ้นมาแทน

กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ในวันนี้ เมื่อเทียบกับ 50 ปีที่แล้ว มันเป็นอะไรที่ต่างกันแบบสุดขั้วอย่างสิ้นเชิง มันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการที่ประชาชนชาวเกาหลียอมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นกับสังคมเกาหลี

ซึ่งด้วยเหตุที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนา โดยนโยบายระดับชาติที่กระตุ้นให้ชาวเกาหลีเร่งรีบพัฒนาให้แซงชาวบ้านนั้น มันเป็นสิ่งบ่มเพาะที่สำคัญที่่ทำให้ชาวเกาหลี กระหายในสิ่งใหม่ๆ  อยู่ตลอดเวลา 

ซึ่งแน่นอนว่ามันมาจากนิสัยที่คนเกาหลี ค่อนข้างใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง รวมถึง จิตวิญญาณที่รักการแข่งขันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนั้น มันทำให้ในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูอย่างสุดขีด บรรดาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไอเดีย หรือ สิ่งต่าง ๆ ที่จะนำ Trend โลก มันน่าดึงดูดใจต่อชาวเกาหลี มากกว่า สิ่งที่มีมาก่อน มันเป็นสังคมที่ถูกปลุกเร้าด้วยผู้คนที่ ไม่อดทนต่อความนิ่งเฉย มันเป็นคุณลักษณะสำคัญอย่างนึง ที่ส่งผลให้คนเกาหลีนั้น ต่างเรียกร้อง ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี โดยที่ไม่มีใครอยากตกยุค หรือ ตามไม่ทันคนอื่นโดยเด็ดขาด

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมใหญ่ในประเทศอย่าง อุตสาหกรรมมือถือ ในเวลาแค่เพียงสองสามปี มือถือที่เคยเป็นรุ่นท็อปจะกลายเป็นโทรศัพท์โบราณทันที ในสายตาของวัยรุ่นชาวเกาหลี มีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งจากยักษ์ใหญ่ทางด้าน Telecom อย่าง SK Telecom ผู้บริโภคชาวเกาหลีซื้อมือถือเครื่องใหม่ ทุก ๆ 26.9 เดือน ในขณะที่คนญี่ปุ่นใช้มือถือนานถึง 46.3 เดือนถึงจะเปลี่ยนเครื่องใหม่

ผู้บริโภคชาวเกาหลี เปลี่ยนมือถือ กัน ถี่มาก ๆ
ผู้บริโภคชาวเกาหลี เปลี่ยนมือถือ กัน ถี่มาก ๆ

ชาวเกาหลีมีลักษณะนิสัยชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ  อยู่เสมอ มันส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง LG หรือ Samsung สามารถที่จะใช้ตลาดภายในประเทศในการทดสอบอุปกรณ์ใหม่ ๆ ผู้คนที่นี่เป็นผู้นำ Trend อยู่เสมอ สินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ จะทำการเปิดตลาดที่เกาหลีก่อนใครเพื่อนอยู่เสมอ

ซึ่งมันเป็นประโยชน์กับหลายบริษัท ๆ ตัวอย่างเช่นบริษัท กล้องถ่ายรูปสัญชาติ ญี่ปุ่นอย่าง โอลิมปัส ก็ได้ใช้วิธีนี้เช่นกัน พวกเขาจะคอยศึกษาพฤติกรรมจากผู้ใช้งานชาวเกาหลี และดู Feedback การใช้งานจากพวกเขาเหล่านี้ แล้วนำมาปรับปรุงให้สินค้าสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นเมื่อจะทำการวางขายไปทั่วโลก ซึ่งได้ผลที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก

แม้กระทั่งบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก อย่าง Cisco จากประเทศอเมริกา ก็ ได้สร้างเมืองที่ชื่อว่า Songdo ใกล้กับสนามบินอินชอน เพื่อทดสอบเทคโนโลยี internet ไร้สายแบบใหม่ ๆ 

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cisco ยังใช้เมือง Songdo ทดสอบเทคโนโลยี internet ไร้สาย
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Cisco ยังใช้เมือง Songdo ทดสอบเทคโนโลยี internet ไร้สาย

การเปิดตัว smartphone ครั้งแรกในปี 2009 นั้น ก็ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากประชาชนชาวเกาหลี มียอดการจองถล่มทลายเพียงแค่เปิดตัว เหล่าผู้นำ Trend ชาวเกาหลี พร้อมจะทิ้งมือถือรุ่นเก่า ที่ทำได้เพียงแค่ โทรเข้า-ออก ส่งข้อความ ได้ทันที เมื่อมีสิ่งใหม่อย่าง iPhone ปรากฏขึ้นมา

และคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ apple ในช่วงแรกเริ่มของตลาด smartphone ก็คือ บริษัทซัมซุง หนึ่งใน แชโบล ยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้เอง ซึ่งเป็น case study ที่น่าสนใจสำหรับ มือถือ smartphone samsung galaxy s รุ่นแรก ที่กล้าออกมาท้าทาย apple โดยใช้ระบบปฏิบัติการ android ซึ่งออกมาหลัง ระบบปฏิบัติการ IOS ของ apple

การเริ่มทดลอง galaxy s ด้วยตลาด เกาหลีใต้ก่อน มันทำให้ ซัมซุงสามารถที่จะไปปรับปรุงจุดบกพร่องต่าง ๆ ที่เกิดจาก feedback ของชาวเกาหลีเอง รวมถึง การที่ต้องการเป็นผู้นำ trend ตลอดของชาวเกาหลี พวกเขาก็พร้อมที่จะทดลองกับ มือถือรุ่นใหม่ ๆ ระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ ของ samsung galaxy s ก่อนที่จะออกขายในตลาดโลก

ซึ่งตอนนั้น galaxy s ของ ซัมซุง เป็นสินค้าผู้ตาม มันเป็นการเลียนแบบการทำงานของ apple เลยก็ว่าได้โดยใช้ระบบปฏิบัติการ android ตามแบบฉบับของธุรกิจเกาหลีที่ทำมา และมันทำให้เกิดกระแสของ galaxy s ให้ติดตลาดได้ โดยการที่ ซัมซุง สามารถที่จะนำสินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วทันควัน ก่อนที่คนจะแห่แหนไปใช้ apple iPhone กันหมด มันทำให้ยอดขายของ galaxy s นั้นพุ่งสูงถึง 100 ล้านเครื่องทั่วโลก และเพียงเฉพาะตลาดเกาหลี ก็สามารถขายได้ถึง 5 ล้านเครื่อง

ชาวเกาหลีช่วยเปิดโอกาสให้ samsung galaxy s แจ้งเกิดได้อย่างเหลือเชื่อ
ชาวเกาหลีช่วยเปิดโอกาสให้ samsung galaxy s แจ้งเกิดได้อย่างเหลือเชื่อ

ซึ่งมันทำให้ ซัมซุง สามารถเอาชนะ apple ได้ และมียอดขาย smartphone สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก ต่อเนื่องมาอีกหลายปี หากนักเฉพาะส่วนแบ่งการตลาดของจำนวนเครื่อง

ที่เกาหลีใต้ นั้น ผู้คนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นคนสูงอายุ 50-60 ปีก็ตาม สามารถที่จะตาม Trend มือถือที่หนุ่มสาวในประเทศอื่นยังตามไม่ทัน คนเกาหลีนั้นติด smartphone กันงอมแงม โดย ผู้บริโภคชาวเกาหลีใช้งาน smartphone เฉลี่ยสูงถึง 1.9 ชั่วโมงต่อวัน

ชาวเกาหลีใช้เวลาเสพมือถือกัน ใช้เวลาสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก
ชาวเกาหลีใช้เวลาเสพมือถือกัน ใช้เวลาสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก

แต่ความเป็นคนนำ Trend ของชาวเกาหลี ไม่ใช่เพียงแค่เฉพาะมือถือ เพียงเท่านั้น ในบรรดาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ หรือ สินค้า Gadget ใหม่ ๆ นั้น ตลาดเกาหลีเป็นตลาดที่หอมหวานเลยทีเดียวแหละสำหรับสินค้าประเภทนำ Trend เช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็น ระบบ GPS ในรถยนต์  กล้องทั้ง Mirrorless หรือ DSLR หรือเครื่องเล่น Mp3 ชนิดต่าง ๆ ล้วนมาทำตลาดที่นี่ได้สำเร็จก่อนประเทศในทวีปยุโปรหรืออเมริกาแทบจะทั้งสิ้น

และด้วยการที่ผู้นำด้านการผลิตสินค้าพวกนี้นั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลีแทบจะทั้งสิ้น ซึ่งมีโอกาสเจาะตลาดคนเกาหลีที่แสนรักชาติยิ่งชีพ เป็นอย่างดี และด้วยงบการตลาดที่มหาศาลและอิทธิพลของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุงมีต่อตลาดภายในประเทศเกาหลีเองนั้น

บริษัทอย่างซัมซุงจึงมีแนวโน้มที่จะชี้นำให้ชาวเกาหลี ได้ใช้อุปกรณ์ Gadget ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ใครไม่ใช้ถือว่าตกเทรนด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวเกาหลีนั้นรับไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ทีวีจอแบนนั้นแทบจะเป็นของใช้พื้นฐานในบ้านชาวเกาหลีมานานก่อนใครเพื่อน ส่วนเทคโนโนโลยีอย่าง ทีวี 3D นั้นก็มีขายในเกาหลีก่อนประเทศใดในโลกเช่นเดียวกัน

ชาวเกาหลีพร้อมจะทดลองใช้ gadget ใหม่ ๆ ก่อนใครเพื่อน
ชาวเกาหลีพร้อมจะทดลองใช้ gadget ใหม่ ๆ ก่อนใครเพื่อน

ความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเปรียบเสมือนเอกลักษณ์ ที่สำคัญของธุรกิจเกาหลีใต้ในปัจจุบัน มันเป็นกลยุทธ์ การ copy & develop เป็นผู้ตามที่เร็วที่สุด และสามารถวิ่งแซงได้ในที่สุด มันถือเป็นกลยุทธ์ ที่ได้ผลสำหรับธุรกิจหลายอย่างของเกาหลี ที่ตอนแรกมักถูกมองเป็นของ copy แต่ภายหลังมันก็ได้พิสูจน์ว่า พวกเขาได้สร้างนวัตกรรมขึ้นมาจากพื้นฐานของคนอื่นที่มีอยู่แล้ว ทำให้สามารถเร่งสปีดแซงหน้าบริษัทจากต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีที่ตอนนี้ถือว่า เกาหลีใต้ ได้แซงหน้าญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่ง การที่จะทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จในเกาหลีใต้ได้นั้น ต้องมีการร่วมมือกับ แชโบล ยักษ์ใหญ่ หรือ อีกทางก็คือ ค้นพบตลาด Blue Ocean ใหม่ที่ยังไม่มีใครเข้าไปพบเข้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวงการเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นพื้นที่เดียวที่คนทำธุรกิจใหม่ ๆ จะสามารถที่จะต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่ม แชโบล ได้ เพราะพวกเขายังมองไม่เห็นตลาดใหม่ส่วนนี้

ตัวอย่างเช่น บริษัท NHN ซึ่งเป็นเจ้าของ naver.com ซึ่งเป็นเว๊บท่าเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่อย่าง google ได้สำเร็จ หรือ NCSoft บริษัทผลิตเกมส์ออนไลน์ ซึ่งสองบริษัทดังกล่าว เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ ที่ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่ม แชโบล หรือ รัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่ผ่านการแปรรูป ที่มีมูลค่าติด 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์เกาหลี

Naver.com สามารถต่อกรกับ google ได้ในบ้านของตัวเอง ซึ่งน้อยบริษัทนักที่จะทำได้
Naver.com สามารถต่อกรกับ google ได้ในบ้านของตัวเอง ซึ่งน้อยบริษัทนักที่จะทำได้

ซึ่งเหมือนกับทุกสิ่งในโลกที่มีทั้งด้านบวก และ ด้านลบ ซึ่งการนำ Trend ของชาวเกาหลี ที่เห่อกับของใหม่อยู่ตลอดเวลา มันก็ทำให้ cycle ของธุรกิจต่าง ๆ นั้นแสนสั้น เพราะมีสิ่งที่ทันสมัยกว่าที่ชาวเกาหลีพร้อมจะแห่กันไปซื้ออยู่ตลอดเวลา มันทำให้เกิดธุรกิจใหม่อยู่ตลอดเวลาก็จริง ๆ แต่ก็พร้อมจะดับไปได้ทุกเมื่อเหมือนกัน

และมันก็ส่งผลต่อเรื่องการเมืองเช่นกัน ที่มาไวไปไว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลกว่าเรื่องอื่น ๆ เหล่านักการเมืองที่สร้างเรื่องอื้อฉาว ก็อยู่ในกระแสได้ไม่นาน สังคมเกาหลีก็ลืมการกระทำอันเลวร้ายของนักการเมืองเหล่านี้ได้ และยอมให้พวกเขากลับมาเริ่มต้นใหม่

ตัวอย่างที่น่าสนใจอีกอย่างในเรื่องการเมืองก็คือ โรห์ มูฮยอน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2002 ด้วยคะแนนโหวตที่มาอย่างรวดเร็วผ่านพลังของโลกออนไลน์ในโค้งสุดท้าย แต่เมื่อเขามาบริหารจริง ๆ เสียงที่สนับสนุนเขากลับลดลงอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายค้านจึงเล่นงานเขาด้วยการพยายามขับเขาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเขาได้เคยกล่าวสนับสนุนพรรคของตัวเองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ตามมา ซึ่งในรัฐธรรมนูญของเกาหลีนั้นได้ระบุให้ ประธานาธิบดีต้องเป็นกลาง

ซึ่งทำให้จุดชนวนให้ประชาชนกว่าหนึ่งล้านคนออกมาชุมนุมบนท้องถนน เพื่อสนันสนุนประธานาธิบดีของพวกเขา มันทำให้คะแนนนิยมที่มีต่อตัวผู้นำของชาวเกาหลีกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานคะแนนนิยมของเขาก็ตกลงมาอีกครั้ง

กระแสที่พลิกไปมาของ ประธานาธิบดี โรห์ มูฮยอน
กระแสที่พลิกไปมาของ ประธานาธิบดี โรห์ มูฮยอน

ซึ่งมันกลายเป็นว่า ความนิยม อยู่ที่กระแสขึ้น ๆ ลง ๆ ของชาวเกาหลี ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากของประชาชนชาวเกาหลี  บางครั้งคนจำนวนมากก็คิดว่าเขาดี หลังจากนั้นก็ไม่ดี แล้วกลับมาดีอีก สุดท้ายก็กลับไปไม่ดีอีกครั้ง ซึ่งจากข้อมูลในปี 2012 นั้น ประธานาธิบดี โรห์ มูฮยอน นับเป็นประธานาธิบดีผู้มีคะแนนนิยมสูงสุดตลอดกาลอันดับสองรองจากท่านประธานาธิบดี ปาร์ค ซุงฮี เพียงเท่านั้น จะเห็นได้ว่าความเห่อกระแสใหม่ ๆ ของชาวเกาหลีนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่ข้อดี เพียงอย่างเดียว มันยังมีข้อเสียให้เห็น โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ อย่างความนิยมของประธานาธิบดี ก็ ยังโดนเหมือนกัน

แต่สุดท้าย การเป็นผู้นำ Trend อยู่สม่ำเสมอ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลี สร้างสิ่งที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อมาตอบสนองชาวเกาหลีอยู่สม่ำเสมอ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ สุดท้ายแล้วก็สามารถกระจายไปสู่กระแสหลักทั่วโลกได้แทบจะทุกครั้ง มันก็ยิ่งทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่จากเกาหลีเติบโตขึ้น พร้อมกับตัวเลขการส่งออกที่เพิ่มขึ้น และสุดท้ายมันก็ผลักดันให้ประเทศเกาหลีเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ในแบบที่ประเทศอื่น ๆ ไม่สามารถที่จะวิ่งตาม Trend ของพวกเขาทันได้นั่นเองครับ

–> อ่านตอนที่ 4 : Friend , Foe or Foreigner?

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Foundation *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ