ประวัติ Jack Ma แห่ง Alibaba ตอนที่ 19 : Retirement

ภารกิจอย่างนึงที่สำคัญของแจ๊ค ก่อนที่จะเกษียณคือการพา อาลีบาบาเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา  ซึ่งการเสนอขายหุ้นอาลีบาบาต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก(IPO) เปิดตัวในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับการตอบรับจากบรรดานักลงทุนดีเกินคาด ทำให้ราคาเปิดตัวต่อหุ้นของ อาลีบาบา พุ่งถึง 92.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสูงกว่าราคาที่เสนอขายครั้งแรก ที่ 68 ดอลลาร์ ถึง 38% จนสร้างประวัติศาสตร์หุ้นIPO ของสหรัฐฯเลยทีเดียว

และราคาหุ้นวันแรกพุ่งไปสูงถึง 93.89 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อคิดมูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (market cap) อยู่ที่ 228.5 พันล้านดอลลาร์ (7.3 ล้านล้านบาท) แซงหน้ามูลค่าบริษัทของ Facebook ที่ 201.6 พันล้านไปเรียบร้อย และตามหลังเพียงแค่กูเกิล แอปเปิล ไมโครซอฟท์เท่านั้น

แจ๊ค พา อาลีบาบา พิชิตเป้าหมายสุดท้ายคือการเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาได้สำเร็จ
แจ๊ค พา อาลีบาบา พิชิตเป้าหมายสุดท้ายคือการเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกาได้สำเร็จ

การขายหุ้น IPO ครั้งนี้ทำให้ แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทมีทรัพย์สินตามราคาหุ้นเป็น 13 พันล้านดอลลาร์ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัททั้ง SoftBank และ Yahoo! ต่างก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า

ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

มันไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะพูดได้ว่า บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จหลาย ๆ อย่างของแจ๊คนั่นก็คือ จาง หยิง ภรรยาผู้รู้ใจของเขา

จาง หยิงนั้น เป็นหญิงหน้าตาสะสวย เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทั้งสวย ทั้งเก่ง และเรียบร้อย แจ๊ค และ จาง หยิง นั้นพบกันตั้งแต่สมัยเรียนในมหาวิทยาลัย และแทบจะเป็นคนเดียวที่สยบแจ๊คอยู่ ด้วยการใช้ไม้อ่อนสยบแข็ง ที่เธอใช้มานานตั้งแต่สมัยรักกันตอนเรียน จนกลายมาเป็นเศรษฐีหมื่นล้านในตอนนี้ เป็นความรักที่เข้าใจกัน และเห็นอกเห็นใจกันอย่างลึกซึ้ง

บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังที่สำคัญที่สุดคือภรรยาเขานั่นเอง
บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังที่สำคัญที่สุดคือภรรยาเขา จาง หยิง นั่นเอง

ด้วยความที่แจ๊คนั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงมาก จากการตั้งสำนักงานแปลภาษาเล็ก ๆ ในเมืองหังโจว แล้วมาสร้าง chinapages ก่อนจะมาเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างอาลีบาบานั้น เรียกได้ว่าทั้งคู่ผ่านมรสุมชีวิตคู่ มานักต่อนัก

แต่จาง หยิง นั้นรู้ดีว่าแจ๊คตัดสินใจอะไรไปแล้วไม่เคยเปลี่ยนแปลง และคอยสนับสนุนแจ๊คเรื่อยมา ไม่ว่าเส้นทางจะเต็มไปด้วยขวากหนามมากเพียงใด จาง หยิงนั้นก็พร้อมที่จะสู้อยู่กับแจ๊คเสมอมา และที่สำคัญ ในยุคแรก ๆ ที่แจ๊คสร้างธุรกิจนั้น จาง หยิง ไม่เพียงเป็นช้างเท้าหลังที่ประเสริฐเท่านั้น แต่ยังเป็นเสาหลักของธุรกิจอีกด้วย ออร์เดอร์ รายใหญ่รายแรกจำนวน 8,000 หยวน ก็ได้มาด้วยฝีมือการเจรจาของ จาง หยิงนี่แหละ

การเติบโตยิ่งใหญ่ขึ้นของอาลีบาบา ทำให้สื่อคอยจับจ้องมองมาที่แจ๊คอยู่เสมอ ทุกครั้งที่แจ๊คลดการถือหุ้นลง จะต้องมีข่าวลือว่าเป็นเพราะเขาถูก ฟ้องหย่า อยู่เสมอ แต่สำหรับบรรดาเพื่อนสนิทของเขาแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่า การจะให้เขาและภรรยาหย่ากันยังยากกว่าการสร้างอาลีบาบาขึ้นมาใหม่เสียอีก

Retirement

ในที่สุดมันก็ถึงวันที่ต้องลงจากตำแหน่งที่เขาเป็นผู้นำอาลีบาบา มาอย่างยาวนาน แจ๊คได้เขียนจดหมายเปิดผนึก ระบุว่าเขาได้เตรียมลงจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กันยายน 2019 โดยเขาจะออกไปทำงานด้านการศึกษารวมทั้งตั้งมูลนิธิการกุศลตามรอยผู้ก่อตั้ง Microsoft อย่าง บิลล์ เกตส์

ในมุมมองของแจ๊คนั้น การบริจาคเงินเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ที่ยากที่สุดคือการใช้พฤติกรรมของตนไปส่งอิทธิพลต่อคนอื่น และสิ่งที่เขาคิดจะทำก็คือ การใช้ปฏิบัติการสาธารณกุศลของตนเองให้ส่งอิทธิพลต่อคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

หลังเกษียณ แจ๊ค ตั้งเป้าทำงานด้านการกุศล โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา
หลังเกษียณ แจ๊ค ตั้งเป้าทำงานด้านการกุศล โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา

แจ๊คเคยกล่าวไว้ว่า เขาอยากที่จะเขียนหนังสือสักเล่ม ในเรื่องเกี่ยวกับ ความผิดพลาดของอาลีบาบา แจ๊คนั้นมีสติอยู่เสมอมา เขารู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเอง รู้ว่าตัวเองนั้นเคยทำผิดมาหลายครั้งหลายคราในการบริหารอาลีบาบา ดังนั้นเขาจัดตัดสินใจเกษียณตนเองในขณะที่ยังมีสติอยู่ มันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบากอย่างนึงเลยทีเดียว ที่เขาต้องลงจากตำแหน่งผู้นำของอาลีบาบา บริษัทที่เขาสร้างมากับมือ และดูแลมันมากว่า 20 ปี

แจ๊คนั้นยืนกรานมาเสมอ ว่า ในวัฒนธรรมการบริหาร ธุรกิจในแต่ละท้องถิ่นนั้นต้องมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ควรคัดลอกตัวอย่างของประเทศที่เจริญแล้ว ถ้าวันนี้อาลีบาบา ลอกอเมริกา หรือ โลกตะวันตก นั่นจะเป็นการคัดลอกอย่างชุ่ย ๆ ต้องมีการสร้างระบบความคิดที่สมบูรณ์แบบของตนเอง และนี่เป็นสาเหตุสำคัญให้อาลีบาบานั้นเข้มแข็งขึ้นทุกที ไม่ว่าจะผ่านวิกฤติคราใดมาก็ตาม

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของแจ๊ค หม่า จาก Blog Series ชุดนี้

ต้องบอกว่า เรื่องราวของ แจ๊ค หม่า นั้น เป็นเรื่องราวที่มีรายละเอียดเยอะมาก ๆ แจ๊ค นั้นผ่านประสบการณ์ การต่อสู้กับธุรกิจของเขามากมาย ผ่านยุคของเทคโนโลยี มาตั้งแต่เริ่มต้น internet จนมาถึงยุคที่แพลตฟอร์มมือถือครองเมือง

มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานอย่างมาก และแจ๊ค นั้นเป็นคนที่สามารถคาดการณ์ถึงอนาคต และทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เขาสามารถเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามต่าง ๆ ที่จะมาทำลายอาลีบาบา ธุรกิจที่เป็นเหมือนลูกในไส้ของเขาได้ทุกครั้ง แม้มีบางครา ที่ต้องพ่ายแพ้ แต่แจ๊คนั้นไม่เคยย่อท้อแต่อย่างใด

การสร้างธุรกิจด้านเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยในปัจจุบัน แต่การที่จะสามารถประคองธุรกิจที่แข่งกับเทคโนโลยีที่วิ่งอย่ารวดเร็วนั้น เป็นสิ่งทีท้าทายสำหรับนักธุรกิจทุก ๆ คน แจ๊คเป็นคนหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความใจสู้ แม้คู่แข่งจะใหญ่โตมากจากไหนเขาก็พร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อ อย่างที่เราได้เห็นบทเรียนจากที่ ebay เคยโดนมาแล้ว 

และมีสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทำเหมือนกันคือ การ โฟกัส กับสิ่งที่ทำ และการมีเป้าหมายที่ชัดเจน เหมือนที่แจ๊คทำกับอาลีบาบาตอนสร้างมันขึ้นมาใหม่ ๆ และโฟกัสกับการสร้างมันขึ้นมา เขามีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มสร้างอาลีบาบาว่าจะสร้างให้มันกลายเป็นเว๊บไซต์อีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ และวันนี้มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป้าหมายของแจ๊ค ที่ได้ตั้งไว้แต่แรกเริ่มนั้น มันสามารถทำให้เป็นจริงได้อย่างที่เราได้เห็นกันในวันนี้

ผมอยากให้เรื่องราวของแจ๊คใน blog series ชุดนี้เป็นแรงบันดาลใจ และ เป็นกำลังใจให้กับนักธุรกิจ รวมถึงคนที่กำลังท้อทุกคน ได้ลุกขึ้นสู้ แม้ปัญหามันจะยากเย็น หรือใหญ่โตแค่ไหน ขอแค่ให้ได้สู้ต่อไป สักวันนึงก็จะถึงวันของเราเอง เหมือนสิ่งที่แจ๊คได้ทำให้เห็นใน blog series ชุดนี้

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Internet *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

References : ข้อมูลที่มาของ Blog Series ชุดนี้

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

ประวัติ Jack Ma แห่ง Alibaba ตอนที่ 17 : Singles’Day 11.11

แม้การควบรวมกับ YAHOO นั้นจะดูเหมือนเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด แต่ตลาดการค้นหาในประเทศจีน นั้นดูเหมือนจะไม่เจริญรอยตามประเทศตะวันตก บริการเหล่านี้ แม้จะทำรายได้สูง แต่ถ้าเทียบกับธุรกิจ อีคอมเมิร์ซในประเทศจีนแล้วนั้น ถือว่ายังห่างชั้นอยู่มาก ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ทบต่อรายได้ของอาลีบาบามากนัก

แถม google นั้นก็ต้องถอนตัวออกจากตลาดจีน เนื่องจากปัญหาเรื่องการเซ็นเซอร์ข้อมูลผลการค้นหาของรัฐบาลจีน ที่สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ ทำให้เว๊บไซต์ของ google จีนนั้นต้องปิดตัวลงไป โดยย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกงแทนในที่สุด

และเหมือนคนที่โชคดีกว่าใครเพื่อนน่าจะเป็น Baidu ที่แทบจะครองตลาด 100% ของตลาดการค้นหาในจีน แต่จีนไม่เหมือนโลกตะวันตก โมเดลการทำเงินจากโฆษณาผลการค้นหานั้น ดูจะไม่ค่อยเข้ากับวัฒนธรรมจีน ทำให้ Baidu ไม่ได้เติบโตอย่างที่คิด แม้จะครองส่วนแบ่งการตลาดแบบแทบเบ็ดเสร็จแล้วก็ตาม

ตลาด internet จีนกลายเป็นตลาด อีคอมเมิร์ซ ทั้ง B2B ที่ อาลีบาบาเป็นเจ้าตลาด รวมถึง C2C ที่ taobao สามารถที่จะยึดครองได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งหลังจากยุทธศาสตร์ taobao สำเร็จแล้วนั้น การทำ โลจิสติกส์ ขนาดใหญ่ก็อยู่ในความคิดของแจ๊คมาโดยตลอด

แจ๊ค ได้ทำการร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ 4 แห่งของจีน เพื่อสร้าง China Network Technology (CSN) ขึ้นมาและร่วมกันก่อตั้ง Cainiao Network Technology Co.,Ltd โดยให้แจ๊คเป็นประธานกรรมการ เป้าหมายคือ ลูกค้าทุกหนแห่งใน 2,000 เมืองทั่วประเทศจีน จะสามารถรับสินค้าได้ภายใน 24 ชั่วโมง

สร้าง Cainiao ขึ้นมาเป็นเครือขายโลจิสติกส์ รองรับปริมาณ order จำนวนมหาศาล
สร้าง Cainiao ขึ้นมาเป็นเครือขายโลจิสติกส์ รองรับปริมาณ order จำนวนมหาศาล

ไม่เพียงแค่ โลจิสติกส์ ปัญหาใหญ่อีกอย่างใน taobao คือบรรดาสินค้าปลอมต่าง ๆ ที่ระบาดอย่างหนักในเว๊บ ทำให้แจ๊คต้องสร้าง แพลตฟอร์ม Tmall ขึ้นมาเพื่อทำการซื้อขายสินค้าที่เป็น premium มากขึ้น เหล่าสินค้า Brand Name ต่าง ๆ จากต่างประเทศล้วนมาเป็น official shop ที่ Tmall และได้สร้างยอดขายจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนผ่าน แพลตฟอร์มใหม่อย่าง Tmall

สร้าง Tmall ใหม่ขึ้นมาให้ดู Premium ขึ้นมี Brand Name ชื่อดังเข้ามาขาย
สร้าง Tmall ใหม่ขึ้นมาให้ดู Premium ขึ้นมี Brand Name ชื่อดังเข้ามาขาย

Singles’Day 11.11

สำหรับแจ๊คนั้น ปาฏิหาริย์ ได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ หนึ่งในปาฏิหาริย์ที่สำคัญที่ทำให้วงการอีคอมเมิร์ซจีนนั้นได้ทำลายทุกสถิติยอดขายในโลกอีคอมเมิร์ซ คือ วันคนโสดจีน หรือ วันที่ 11 เดือน 11 นั่นเอง

ในวันที่ 11 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 มันเป็นช่วงเวลาแห่งการนับถอยหลังสู่หลักไมล์ที่สำคัญของ อาลีบาบา และ แจ๊ค หม่า ในเวลา 00.01  ยอดซื้อขายของผ่าน Alipay คือ 116,896,436 หยวน ซึ่งสามารถทำยอดซื้อขายทะลุร้อยล้านหยวนภายในนาทีเดียวได้เป็นที่เรียบร้อย จำนวน transaction ที่เกิดขึ้นสูงถึง 339,200 ครั้ง และตั้งแต่นาทีแรกของวันคนโสดนั้นมีคนเข้าไปใช้งาน Tmall สูงถึง 13.7 ล้านคน และเพียง 5 นาที ยอดก็พุ่งทะลักไปถึง 1,000 ล้านหยวน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2012 ในปีก่อนหน้านั้น มันพุ่งเร็วขึ้นถึง 7 เท่าตัว

ในที่สุดพอหมดวันที่ 11/11 ของเทศกาลคนโสด ยอดซื้อขายตลอดทั้งวันก็ประกาศออกมาว่าสามารถทำยอดซื้อขายไปได้ถึง 35,000 ล้านหยวน เพิ่มจาก 19,100 ล้านหยวนในปี 2012  ถึง 83% ซึ่งถ้าเทียบกับทางฝั่งอเมริกา อย่างเทศกาล Cyber Monday นั้น เทศกาลคนโสดจีนมียอดการซื้อขายสูงกว่าถึง 3 เท่า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย

ทิ้งห่าง เทศกาล Cyber Monday ของอเมริกาแบบเทียบไม่ติด
ทิ้งห่าง เทศกาล Cyber Monday ของอเมริกาแบบเทียบไม่ติด

วันที่ 11 เดือน 11 หรือที่เรียกกันว่า วันคนโสด นั้น เดิมทีเป็นคำล้อเลียนตนเองของหนุ่มสาวในเมือง วันหนึ่งแจ๊คได้ยินพนักงานอายุน้อยสองคนคุยกัน คนหนึ่งถามว่าวันคนโสดจะทำอะไร อีกคนตอบประชดตัวเองว่า ต้องกินอยู่คนเดียวเพราะเป็นคนโสด แต่ก็อยากให้รางวัลตัวเองบ้าง ด้วยการไปกินไปเที่ยวให้หนำใจ

แจ๊คฟังแล้วเห็นถึงโอกาสที่อยู่เบื้องหน้าจากการฟังคำประชดประชันเหล่านี้ การให้รางวัลกับตัวเองก็หมายถึงการต้องบริโภค การใช้จ่ายของคู่รักนั้นเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองมานานแสนนานแล้ว ไม่งั้นจะมีเทศกาลวันวาเลนไทน์ของฝรั่ง หรือ เทศกาลวันแห่งความรักของจีนไปเพื่ออะไร มันเกิดมาเพื่อให้จับจ่ายซื้อของนั่นเอง 

แต่แจ๊คคิดสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยจะไม่ขายให้เหล่าคู่รักที่มีเทศกาลอยู่มากพอแล้ว แต่จะทำการขายให้กับคนโสด ซึ่งเป็นไอเดียที่แจ๊คคิดว่ามีความเป็นไปได้ และได้เริ่มลองปรึกษากับคณะที่ปรึกษาของเขาในบริษัท

จากไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊ค จนกลายเป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ประจำปีของชาวจีน
จากไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊ค จนกลายเป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ประจำปีของชาวจีน

มีทั้งผู้ที่สนับสนุนไอเดียนี้ของแจ๊ค และมีอีกส่วนหนึ่งที่คัดค้าน สุดท้ายทีมงานของ อาลีบาบา ก็จึงได้จัดการทดลอง โดยเริ่มในวันที่ 11/11 ปี 2009 แม้ตอนนั้นจะมีพ่อค้าแม่ค้าเพียง 27 รายที่ร่วมกิจกรรม แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีการซื้อขายสินค้าในวันนั้นไปกว่า 50,000 รายการในวันเดียว ซึ่งทีมงานทุกคนจึงรู้สึกว่าวันนี้มีศักยภาพ ที่จะจัดให้เป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ได้ และในที่สุด เทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสด จึงได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการในเว๊บไซต์ taobao เป็นที่แรก

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แนวคิดเพียงชั่ววูบของแจ๊คเท่านั้นที่มาสนับสนุนเทศกาลใหญ่อย่างเช่นวันคนโสด จากการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการบริโภคนั้นพบว่า เมื่อคนเรามีปัญหาทางอารมณ์ระดับหนึ่ง เช่นรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเป็นต้น มักมีแนวโน้มจะซื้อของที่ตนเองไม่ได้ต้องการเพื่อชดเชย ซึ่งผู้ซื้อที่ตกอยู่ภายใต้จิตวิทยาการบริโภคเช่นนี้นั้นย่อมถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งการจัดเทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสดของ taobao นั้น ได้เสนอเหตุผลที่ดีที่สุดในการซื้อให้แก่ผู้บริโภค และผู้บริโภคเองก็ทำตัวสอดรับกับแนวคิดของแจ๊คพอดี

คนโสดมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อมาชดเชยบางสิ่งบางอย่าง
คนโสดมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อมาชดเชยบางสิ่งบางอย่าง

ซึ่งหลังจากปี 2009 นั้นสำเร็จลงด้วยดี แจ๊คจึงได้จัดเป็นเทศกาลใหญ่ขึ้นในปี 2010 และ 2011 ยอดขายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 35,000 ล้านหยวน ในปี 2013 มันเป็นความสำเร็จที่สำคัญจาก ไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊คอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งสิ่งที่แจ๊คทำนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อ อาลีบาบาของเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยรวมต่อ ecosystem ทั้งหมดของอีคอมเมิร์ซในจีน แจ๊คทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น ทำให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่งจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งของเขาเองก็ตามที

มันคือสัญญาณแห่งการเปลี่ยนโฉมของเศรษฐกิจจีน และจะเป็นศึกใหญ่ระหว่างเศรษฐกิจใหม่ โมเดลการทำธุรกิจแบบใหม่ กับ รูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ  ซึ่งมันส่งผลให้พ่อค้าแม่ขายที่ใช้ แพลตฟอร์มได้รู้ว่า วันนี้นั้นทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และรูปแบบของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซมันจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ต้องบอกว่าเรื่องของวันคนโสด หรือ 11/11 นั้นหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นการทดลองของแจ๊คและทีมงาน ในการพยายามพิสูจน์ความคิดของเขา กว่าที่จะได้ยอดขายสูงขนาดนี้ในวันเดียว  การที่จะรองรับจำนวน order มหาศาลขนาดนี้ได้ ทุกส่วนต้องทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ระบบบนหน้าเว๊บในการสั่งซื้อที่มีคนเข้ามานับ 10 ล้านคนต่อนาที ไปจนถึง ระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ต้องส่งสินค้าจำนวนมหาศาลไปยังลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันคนโสดจีนนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่เกิดจากโชคชะตาเพียงอย่างเดียวแน่นอน แต่มันเกิดจากมันสมอง และหยาดเหงื่อแรงกายจากแจ๊ค และทีมงานแทบจะทั้งสิ้น

–> อ่านตอนที่ 18 : Ma vs Ma

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Internet *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

Book Review : ชีวประวัติ แจ๊ค หม่า มีชีวิตอยู่เพื่อสะท้านโลก

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนึงในหนังสือที่ผู้ที่ทำ Start Up หรือ เหล่า Entrepreneur ควรที่จะหามาอ่านเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าเป็นการรวมรวมประวัติของ Jack Ma ที่มีรายละเอียดที่มากที่สุดเล่มนึง ซึ่งทำการแปลโดยสำนักพิมพ์ postbooks

ด้วยเนื้อหาของหนังสือที่ค่อนข้างเยอะมาก โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยของประวัติ Jack Ma ค่อนข้างเยอะมาก ตั้งแต่ช่วงชีวิตการเรียน จนมาสร้างบริษัท Starup และจนประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของ Alibaba ในปัจจุบัน และทำ IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก จนมีมูลค่า Market Cap สูงถึง 7.3 ล้านล้านบาทซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้

ประวัติของ Jack Ma นั้นถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเริ่มต้นด้วยอาชีพการเป็นครูภาษาอังกฤษ และแทบไม่มีพื้นฐานทางด้านความรู้ของ internet เลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยโชคชะตา และ โอกาส ทำให้เค้านั้นได้กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในจีนทันทีเมื่อบริษัทได้ทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐ

ในช่วงเริ่มต้นนั้น jack ma ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของทางเมืองหังโจวเพื่อไปเจรจาทางกาค้ากับบริษัทในอเมริกา เพื่อตรวจสอบความมีตัวตนของบริษัททางฝั่งอเมริกาที่จะมาลงทุนในประเทศจีน ในเมืองบ้านเกิดของเค้าคือ หังโจว  ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้เค้าได้พบเจอกับ internet ซึ่งในยุคนั้นถือว่ายังเป็นสิ่งที่ใหม่มากของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะอเมริกาเป็นจุดเริ่มต้นของ technology internet การที่ jack ได้ประเจอกับสิ่งใหม่คือ internet ทำให้เค้ามีความคิดที่จะกลับบ้านมาสร้างกิจการ internet ที่บ้านของเขาในเมืองจีน ซึ่งแทบจะว่ายังล้าหลังมาก ๆ ในยุคนั้น

่jack ma นั้นเริ่มต้นด้วยการสร้าง web directory ของประเทศจีนและเป็นเจ้าแรก ๆ ในจีนที่ได้สร้างเว๊บไซต์ขึ้น โดยที่เขานั้นยังไม่มีความรู้ใด ๆ  โดยมีการติดต่อกับบริษัทในอเมริกาเพื่อให้สร้าง website ให้และนำมาจัดจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งในยุคนั้น แทบจะไม่มีคนจีนรู้จักกับ internet รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีนั้นในจีนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ทำให้ในตอนแรก มีแต่คนมองว่าเค้าเป็นคนหลอกลวง ซึ่งเค้าก็เพียรพยายามสู้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงโอกาสสำคัญที่จะทำให้มีการปฏิวัติการทำธุรกิจในประเทศจีนด้วยระบบ internet

สิ่งที่ jack ma ทำนั้นก็เปรียบเสมือน YAHOO ของประเทศจีนเพื่อทำการ promote ธุรกิจผ่าน website โดยลูกค้าสามารถสมัครเพื่อนำ profile ของบริษัทตัวเองขึ้นสู่ง website เป็น model การทำธุรกิจง่ายๆ  ในสมัยนั้น แต่เนื่องจากไม่มีใครที่มีความรู้เลยในประเทศจีน จึงทำให้ jack ma ถูกมองว่าเป็นบิดาแห่ง internet ประเทศจีนเลยก็ว่าได้ จนต้องถูกทางการที่ปักกิ่งโดยกระทรวงการค้าญี่ปุ่นเรียกตัวไปช่วยสร้างระบบทางการค้าให้กับกระทรวงการค้าของประเทศจีนเพื่อให้สู่ระบบ online เป็นหน่วยงาน แรก ๆ ของประเทศจีนที่ได้สัมผัสกับ internet

แต่การทำงานกับรัฐบาลจีนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยสำหรับ jack ma ในที่สุดเค้าก็รู้ความจริงว่าถูกหลอกจากรัฐบาลจีนว่าจะให้หุ้นส่วน แต่ความจริงแล้วนั้น รัฐบาลนั้นไม่สามารถให้หุ้นส่วนกับ jack ได้เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านกฏหมาย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแรกที่ทำให้ jack เข้าใจถึงความโหดร้ายของการทำธุรกิจกับรัฐบาลจีน และเนื่องจากเค้านั้นทำงานได้ประสบความสำเร็จกับกระทรวงการค้าจีน และแม้เค้าจะได้รายได้ที่ค่อนข้างดี แต่เค้ามองที่การทำธุรกิจตั้งแต่แรก เค้าจึงเบนเข็มกลับบ้านเกิดที่เมืองหังโจว เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งการทำงานกับกระทรวงการค้าจีนนั้นก็ทำให้ jack ma ได้เห็นถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของ model ธุรกิจแบบ B2B ซึ่งมี SME อยู่จำนวนมากในประเทศจีนที่ต้องการที่จะเข้าสู่ระบบ internet การมุ่งหน้ากลับมาสร้างธุรกิจใหม่ของ jack นั้นถือว่าเป็นจุดสำคัญ เค้าปฏิเสธงานจากหลายๆ  ที่แม้กระทั่ง YAHOO ในประเทศจีนก็เคยเสนอให้เค้ามาดูแล แต่ jack ma นั้นไม่สนใจแต่อย่างใด เค้ามีเป้าหมายในตัวเองอยู่แล้วที่จะสร้าง website B2B ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้ได้

การเริ่มต้นสร้าง alibaba นั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากสำหรับ jack ma เนื่องจากเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยนิด และเค้าต้องการเริ่มต้นด้วยทุนของตัวเองทั้งหมด จึงได้รวบรวมเงินกับพนักงานผู้ก่อตั้งของเค้าและมากองรวมกัน เพื่อให้ทุกคนได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทใหม่อย่างเต็มตัว และทุ่มเทให้กับการทำงานเต็มที่เพราะทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ alibaba มาตั้งแต่แรก  เริ่มแรกนั้นก็ใช้บ้านของ jack เป็น office เริ่มต้นในเมืองหังโจวและทุกคนก็มาอยู่ร่วมกัน พวกพนักงานอย่าง programmer ก็แทบจะใช้ชีวิตทั้งกินนอน และทำงานกันอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัท startup ส่วนใหญ่ในตอนเริ่มต้นทำกันทั้งในอเมริกาหรือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ในช่วงแรกนั้นบริษัทประสบปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งเงินทุน ทั้งเรื่องของคนเนื่องจากเป็นพนักงานเพียงไม่กี่คนและทำ website ขนาดใหญ่ที่ต้องการนำ SME ทั่วโลกมาใช้บริการโดยเริ่มต้นจากประเทศจีนบ้านเกิดของเค้าเอง และ สิ่งสำคัญคือตอนนั้น jack ก็ยังไม่ได้คิด model ธุรกิจการทำเงินที่ชัดเจนจึงประสบกับปัญหาสภาวะขาดทุนในช่วงปีแรก ๆ เป็นอย่างมากจนแทบจะไม่มีเงินบริษัทเหลือ

ทางเดียวที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปนั้น jack ต้องทำการหานักลงทุนเพื่อเข้ามาลงทุนร่วมและเข้าใจเป้าหมายระยะยาวของ alibaba เพื่อให้เป็น partner ร่วมกันไปอีกหลายปี และเนื่องจาก jack นั้นมีการเลือกที่ค่อนข้างละเอียดในส่วนของนักลงทุน จึงทำให้ปฏิเสธการลงทุนไปหลายรายมาก ๆ เค้ามองว่าในอนาคตนั้นบริษัทจะมีมูลค่ามหาศาลแน่ ๆ จึงพิถีพิถันกับการเลือกนักลงทุนที่จะเข้ามาร่วมกับ jack แม้บางบริษัทจะให้เงินทุนจำนวนมาก แต่ jack ก็ปฏิเสธอย่างไม่ใยดีในช่วงแรก เพราะเขาต้องการผู้ลงทุนที่มีวิสัยทัศน์เช่นเดียวกับเขาและมองการลงทุนในระยะยาวมากกว่า การเข้ามาเพื่อหากำไรในระยะสั้น

สุดท้ายบริษัทที่ได้ลงส่วนแรกคือ Goldman sachs ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เป็นบริษัททางด้านการลงทุนจากอเมริกา ซึ่งช่วงนั้น jack ก็ได้ขุนพลสำคัญที่จะมาเป็น CFO คู่ใจของเขาอีกยาวนานคือ โจเซฟ ไช่ ซึ่งเป็นนักเรียนนอกจาก harward และทำงานบริษัทใหญ่ ๆ มานักต่อนักแล้ว ซึ่งเป็นสเน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ alibaba ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน jack มีความสามารถในการดึงดูดคนเก่ง ๆ มาร่วมงานได้อย่างง่ายดาย  โจเฟซ ไช่ ก็เช่นกันยอมทิ้งเงินเดือนสูง จากบริษัท Investor AB มาร่วมงานกับบริษัทเล็ก ๆ ในเมืองหังโจวอย่าง alibaba เพราะเค้าได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของ jack นั่นเอง

เงินลงทุนหลายล้านเหรียญในช่วงแรกนั้น jack ma ทุ่มทุนไปกับการจ้างคน และย้ายที่ทำการบริษัทใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม โดยช่วงนั้น alibaba ก็เริ่มมีชื่อเสียงกับนักลงทุน มีนักลงทุนหน้าใหม่มากหน้าหลายตามาติดต่อ jack เพื่อที่จะลงทุนกับเขา และนั่นเป็นที่มาให้เขาได้พบนักลงทุนทางด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญกับ alibaba ในอนาคตที่สำคัญอย่าง มาซาโยซิ ซัน จาก Softbank ประเทศยี่ปุ่น ซึ่งคนนี้ถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดสำหรับ alibaba ในช่วงเริ่มต้น เพราะทาง มาซาโยซิ ซันนั้นได้ให้ลงทุนถึง 30 ล้านเหรียญ สำหรับการถือหุ้น 40% ของ Alibaba ทำให้ alibaba มีเงินทุนสำหรับการขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งการตั้งศูนย์ R&D ในอเมริกา การตั้ง สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และ การขยายไปยังทวีปยุโรป

ตัว มาซาโยซิ ซัน นั้นเป็นนักลุงทุนที่เน้นลุงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกอยู่แล้ว ในช่วงหนึ่งนั้นมูลค่าหุ้นของเค้าแทบจะทำให้เค้ากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกแซงหน้า bill gates ไปเลยก็ว่าได้ แต่เนื่องจากการประสบกับปัญหาของฟองสบู่ดอทคอม ในช่วงปี 2000 นั้นก็ทำให้มูลค่าหุ้นของเขาหายไปกว่า 90% เลย แต่เค้าก็พร้อมที่จะรับความเสี่ยงนี้ต่อไปโดยหลังจาก ช่วงปี 2000 บริษัทดอทคอมก็เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง และเขาก็ได้กระจายการลงทุนไปยังทั่วโลกจนตอนนี้ ก็แทบได้ว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น และของโลก

หลังจากได้เงินทุนจำนวนมหาศาลจาก softbank นั้น jack ก็เน้นไปที่การขยายกิจการเพิ่มขึึ้น และใช้เงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการจ้างคนที่มีคุณภาพจากฝั่งอเมริกาและยุโรป ทำให้เงินทุนค่อยๆ ร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ จนแทบจะใกล้หมด กว่าเขาจะรู้ตัวเงินก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่ล้านเหรียญแล้ว jack จึงต้องผ่านบททดสอบครั้งใหญ่ในการพากิจการก้าวไปข้างหน้าให้ได้ โดยเขาต้องทำการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากทั้งในอเมริกา ยุโรป และ ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญครั้งนึงของ jack ในการบริหาร alibaba เลยก็ว่าได้

หลังจากนั้น jack ก็เริ่มมาสนใจธุรกิจที่นอกเหนือจาก B2B อย่าง B2C หรือ C2C จุดใหญ่ที่สำคัญที่เป็นบทพิสูจน์ความเก่งกาจของ jack คือการสร้างธุรกิจ C2C อย่าง เถาเป่า บริษัทการที่แทบจะเลียนแบบ ebay มาเลยก็ว่าได้ ซึ่งในตอนนั้น ebay นั้นเป็นยักใหญ่ในบริษัท C2C และ B2C ของโลกโดยมีการลงทุนเข้าซื้อบริษัทยักใหญ่ในจีน และควบรวมกลายเป็น ebay china ซึ่งครองตลาดกว่า 80% ในขณะนั้น

ebay นั้นพร้อมทุกอย่างทั้งบุคคลากร และเงินทุนจำนวนมากจาก อเมริกา จึงไม่มีใครสามารถสู่ได้ในขณะน้น แต่ jack ก็พร้อมที่จะรบเต็มที่สร้าง เถาเป่า ขึ้นมาเพื่อมาสู้กับ ebay โดยเฉพาะ และสงครามก็เริ่มขึ้น ebay ทุ่มทุน โฆษณาอย่างยิ่งใหญ่ ใช้งบไปหลายร้อยล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมา ทำให้มูลค่าตลาด C2C นั้นสูงขึ้นอย่างมากและ เถาเป่า ก็สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และเนื่องจากการที่ jack เป็นคนจีน จึงเข้าใจวัฒนธรรมของคนจีนมากกว่า และ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนมากกว่า ทำให้ ผู้บริโภคย้ายมาใช้บริการของ เถาเป่าเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดก็สามารถชนะ ebay ได้ จนทำให้ ebay ต้องถอนการลงทุนจากจีนออกไป ซึ่งจุดนี้เป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญของ jack ในการบริหารกิจการเล็ก ๆ และล้มยักใหญ่อย่าง ebay ในจีนได้

หลังจากศึก ebay นั้น alibaba group ก็แทบจะครองธุรกิจ ecommerce จีนแบบเบ็ดเสร็จ และเค้าได้สร้างนวัตกรรมที่สำคัญอีกหลายอย่างทั้ง alipay , alimama , china smart logistics เพื่อ inegrate service ของ alibaba ทุกอย่างเข้าด้วยกัน รวมถึงการได้ partner ที่สำคัญอีกบริษัทอย่าง YAHOO ที่สุดท้ายก็ต้องยก YAHOO ประเทศจีนให้กับ alibaba ของ jack ma โดยแลกกับหุ้นส่วน กว่า 40% ในบริษัท alibaba และยอมร่วมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เช่นเดียวกับ softbank จากญี่ปุ่น

และสุดท้ายบริการที่ยิ่งใหญ่อีกตัวหนึ่งของ alibaba สำหรับตลาดธุรกิจ B2C คือ Tmall โดยมีการแยกออกมาจาก เถาเป่า ซึ่งเป็นบริการล่าสุดของ alibaba group ทำให้ alibaba แทบจะครอบครองส่วนแบ่งการตลาดแบบเบ็ดเสร็จของ ecommerce ในประเทศจีน ซึ่งแค่ยอดขายในวันที่ 11/11 ของทุก ๆ ปีนั้น alibaba group ก็จะมีการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในปี 2013 นั้น แค่วันเดียวก็สามารถทำยอดขายได้กว่า หลายหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งแซง ecommerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อเมริกาเป็นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

สรุปหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วจะเข้าใจ jack ma และความสามารถของเค้านั้นได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำพาบริษัท alibaba ก้าวเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทนึงในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่า alibaba นั้นก็จะเป็นบริษัท ecommerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากการ มีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญครบหมดแล้วทั้งด้านการชำระเงิน logistics และ platform ที่ครอบคลุมทั้ง C2C , B2C, และ B2B จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐแล้วนั้นบริษัทจะทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการสุงถึง 7.3 ล้านล้านบาท และ ในอนาคต alibab จะเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน

เก็บตกจากหนังสือ 

  • Jack Ma นั้นไม่ได้เป็นคนที่พื้นฐานความรู้ทางด้าน technology ที่แข็งแกร่งแบบเดียวกับผู้ก่อตั้งทาฝั่งอเมริกาเลยแต่ก็สามารถนำพาบริษัท technology ที่ยิ่งใหญ่ได้
  • เสน่ห์ที่่สำคัญของ jack คือการที่สามารถดึงดูดคนเก่งมาร่วมงานได้ และยอมถวายชีวิตการทำงานให้กับวิสัยทัศน์ของเค้าได้
  • การลงทุนทางด้านบริษัทเทคโนโลยีนั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ return of investment ก็สูงมาก ๆ  เช่นเดียวกัน จึงทำให้ดึงดูดนักลุนทุนจำนวนมาก เช่น YAHOO, Softbank ที่เข้ามาลงทุนกับ alibaba นั้นก็แทบจะไม่มายุ่งกับการบริหารของ alibaba มากมายเลย