Movie Review : The King เดอะ คิง (Netflix)

ถือเป็นหนังเข้าใหม่ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ The King เดอะ คิง ผลงานการสร้างเองของ Netflix อีกเรื่องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในสัปดาห์นี้ และเป็นหนังแนวประวัติศาสตร์ที่ผมชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่พลาดที่จะมารีวิวให้ฟังกัน

สำหรับเนื้อเรื่องของ The King นั้นว่าด้วย ฮัล (ทิโมธี ชาลาเมท) เจ้าชายผู้เอาแต่ใจและไม่ปรารถนาจะสืบทอดราชบัลลังก์หันหลังให้ชีวิตในวังหลวงและอยู่อย่างสามัญชนคนธรรมดา แต่หลังจากพระราชบิดาผู้เหี้ยมโหดสิ้นพระชนม์

เจ้าชายฮัลก็ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 และจำต้องใช้ชีวิตในแบบที่เคยทิ้งไป พระองค์ต้องหาทางรับมือกับพวกแก่งแย่งชิงดี รับช่วงต่อสงครามและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ตลอดจนมรสุมอารมณ์จากชีวิตในอดีต

รวมทั้งความสัมพันธ์กับจอห์น ฟอลสตาฟ (โจเอล เอ็ดเกอร์ตัน) อัศวินขี้เมาที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่เลี้ยงคนสนิท “เดอะคิง (The King)” เป็นผลงานการกำกับการแสดงโดยเดวิด มิจด เขียนบทโดยเดวิด มิจดและโจเอล เอ็ดเกอร์ตัน นำแสดงโดยฌอง แฮร์ริส, เบน เมนเดลโซห์น, โรเบิร์ต แพตทินสัน และลิลลี่ โรส เดปป์

ต้องบอกว่า เป็นหนังที่เล่าที่มาที่ไปของ เรื่องราวของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 น้อยไปหน่อย ไม่ค่อยมีการปูพื้นของเรื่องราวอะไรมาก่อนเลย เรียกได้ว่า คนที่ไม่เคยรู้ประวัติของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 น่าจะงงกันพอสมควร

แต่สำหรับหนังที่สร้างโดย Netflix นั้นก็ต้องถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ลงทุนสูงพอสมควร แต่จะไปคาดหวังฉากรบสุดอลังการงานสร้าง เหมือนหนังในโรงใหญ่นั้น คงจะผิดหวัง เพราะเรื่องนี้ แทบจะไม่มีให้เห็นเลย โชว์การรบเพียงน้อยนิดในช่วงท้ายเรื่องเพียงเท่านั้น

หนังพยายามสร้างความดราม่า โดยเล่า เรื่องราวที่ส่งผลให้ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ต้องไปรบกับ ฝรั่งเศษ ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่แท้จริงคือสงคราม 100 ปี ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ แต่เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้แบบน่าผิดหวัง

สิ่งที่น่าเซอร์ไพรซ์คือ การแสดงของ โรเบิร์ต แพททินสัน ที่รับบทพระเจ้าโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศษ ที่ต้องมาเล่นสงครามจิตวิทยา กับ พระเจ้าเฮนรี่ ของอังกฤษ ซึ่งถือว่าลบภาพลักษณ์ของ พระเอก ทไวไลท์ไปได้อย่างสิ้นเชิง แม้จะโผล่มาในช่วงกลางเรื่องแล้วก็ตาม แต่ถือว่าแสดงได้น่าสนใจมาก

เรื่องนี้ ต้องบอกว่า อย่าคาดหวังความอลังการมาก เพราะเป็นหนังที่ผลิตเองโดย Netflix ซึ่งทุนการสร้างจึงมีอย่างจำกัด แต่เสียดายเนื้อเรื่อง ที่น่าจะทำเป็นหนังใหญ่ได้ดีกว่านี้ หากลงทุนสูงกว่านี้ คิดว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก หากมีการถ่ายทอดประวัติของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 อย่างยิ่งใหญ่กว่านี้ และฉากรบที่มีความประทับใจกว่านี้ แต่ถ้าเทียบกับหนังหลาย ๆ เรื่องของ Netflix ก็ต้องบอกว่าอยู่ในระดับสูงกว่าหนังทั่วไป หากใครเป็นสมาชิกอยู่แล้ว ก็แนะนำให้ลองชมกันดูได้ครับผม