Movie Review : The Invisible Man มนุษย์ล่องหน

ได้โอกาสกลับเข้าสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ต้องบอกว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปพอสมควร สำหรับเรื่อง The Invisible Man มนุษย์ล่องหน นั้น ถือเป็นหนังค้างเก่าที่รอเข้าตั้งแต่ช่วง COVID ซึ่งผมก็ได้เล็งเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว จึงถือโอกาสเข้าโรงภาพยนตร์ครั้งแรกหลัง COVID ด้วยเรื่องนี้

สำหรับ The Invisible Man นั้น เป็นเรื่องราวที่ กล่าวถึง เซซิเลีย แคสส์ (เอลิซาเบธ มอสส์) หญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งร่ำรวยและฉลาดล้ำเลิศ แต่ความสัมพันธ์นี้มีทั้งความรุนแรงและเธอเป็นฝ่ายที่ถูกควบคุม

และแล้วในคืนอันเงียบสงัด คืนหนึง เธอจึงได้หนีออกมาและหลบซ่อนตัว โดยได้รับความช่วยเหลือจากน้องสาว (แฮร์เรียต ไดเออร์ จาก In Between), เพื่อนสมัยเด็ก (อัลดิส ฮอดจ์ จาก Straight Outta Compton) และลูกสาววัยรุ่นของเขา (สตอร์ม รีด จาก Euphoria)

เมื่อแฟนเก่าสุดเลวทรามของเซซิเลีย (โอลิเวอร์ แจ็คสัน-โคเฮน จาก The Haunting of Hill House) ตัดสินใจฆ่าตัวตาย และทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมากให้เธอ เซซิเลีย สงสัยว่าการตายของเขาเป็นเรื่องหลอกลวง

ในขณะที่เหตุการณ์อันน่าขนลุกกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เกิดการขู่เอาชีวิตบุคคลที่เธอรัก เซซิเลียเริ่มเกิดอาการสติหลุด เธอพยายามพิสูจน์ว่าเธอถูกไล่ล่าจากใครบางคนที่ไม่มีใครเห็น

เจสัน บลัม กูรูผู้สร้างภาพยนตร์เขย่าขวัญในยุคปัจจุบัน รับหน้าที่อำนวยการสร้าง The Invisible Man ให้กับบลัมเฮาส์ โปรดักชั่นส์ The Invisible Man เขียนบทและกำกับโดย ลี วานเนลล์ หนึ่งในผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ Saw ซึ่งมีผลงานกำกับภาพยนตร์ Upgrade และ Insidious: Chapter 3.

เรียกได้ว่า เป็นหนังที่เล่นกับอารมณ์ของคนดูได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ The Invisible Man เพราะแค่เปิดเรื่องมา มันก็เริ่มต้นด้วยปริศนา ที่ทำให้เราคอยติดตามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในบ้านหลังงามแห่งนั้น

ด้วยความที่เป็นหนังที่เล่นกับ ความไร้ตัวตนของตัวร้าย ทำให้ทุกฉากนั้น ทำให้เราก็ลุ้นตามไปตลอดว่า แฟนเก่าของ เซซิเลีย นั้น จะอยู่ในจุดใดของฉาก ซึ่งส่วนนี้ก็ทำให้หนัง ดูน่าระทึก คอยลุ้นไปตาม ๆ กัน เพราะเราไม่รู้เลยว่าตัวร้ายจะโผล่มาตอนไหนผ่านการล่องหนนั่นเอง

ผมค่อนข้างประทับใจกับผลงานของ ลี วานเนลล์ โดยเฉพาะใน Saw ภาค 3 ถือเป็นอีกหนึ่งหนังในดวงใจ และแน่นอนว่า เรื่องนี้ ก็จะได้กลิ่นอายสไตล์ของ ลี วานเนลล์ จากทั้งในเรื่อง Saw และ Insidious : Chapter 3 ที่เขาเป็นคนกำกับ

ต้องบอกว่าคนที่รับบทหนักสุดก็คือนางเองของเรื่องอย่าง เซซิเลีย แคสส์ (เอลิซาเบธ มอสส์) ที่เรียกได้ว่า เธอแบกรับหนังทั้งเรื่อง ที่ต้องแสดงสีหน้า ท่าทาง อารมณ์ หวั่นวิตก แบบสุด ๆ เพราะไม่มีใครเชื่อเธอในเรื่องดังกล่าวที่อดีตแฟนของเธอนั้นล่องหนได้ และเธอก็ทำมันออกมาได้ดีมาก ๆ เสียด้วย เรียกว่าไม่ห่วงความสวยกันเลยทีเดียวสำหรับการแสดงของเธอในหนังเรื่องนี้

และสิ่งที่เพิ่มพลังให้เราลุ้นไปตลอดเรื่องของหนังเรื่องนี้คือ Sound Effect ที่อยู่เบื้องหลังนั่นเอง ต้องบอกว่าทำ Sound ออกมาได้ลุ้นระทึกมาก ๆ แม้บางทีจะใส่ Sound ที่เว่อร์เกินไปหน่อยก็ตามที แต่มันทำให้บรรยากาศของหนังมันดูน่าลุ้นเพิ่มมากขึ้น

คือเรื่องนี้ เป็นหนังที่ทุกคนดูได้ ไม่มีฉาก กระตุก เหมือนหนังผี หรือ หนังสยองขวัญ สั่นประสาทเรื่องอื่น ๆ เล่นกับความรู้สึกคนดูมากกว่า กับสิ่งที่มองไม่เห็น และมีปริศนาที่ค่อย ๆ คลี่คลายไปจนมีการหักมุมในตอนท้ายเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

ถือว่า เป็นหนึ่งในหนังที่เป็นตัวเลือกที่ไม่มากนักในยุคหลัง COVID ที่โรงหนังเริ่มเปิดให้ชมกัน เพราะ ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นหนังเก่าซะส่วนใหญ่ เรื่องนี้ถือว่าไม่ผิดหวัง สำหรับแฟน ๆ หนังแนวนี้ก็ไม่ควรพลาดไปชมกันนะครับ แนะนำเลย