ชาวยูเครนใช้แชทบอท Telegram เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของกองทหารรัสเซียและการโจมตีเป้าหมาย

บทบาทของเทคโนโลยีในสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้น ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก มันเป็นสงครามครั้งแรก ๆ ที่ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เราใช้กันประจำวันเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และแน่นอนว่ามันจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการทำสงครามในอนาคต

ข่าวล่าสุด รัฐบาลยูเครนได้สร้างแชทบ็อตในแอพ Telegram เพื่อให้ผู้ใช้ใช้ไอโฟนรายงานการพบเห็นกองทัพรัสเซียที่บุกรุกเข้ามาไปยังกองกำลังป้องกันของประเทศ

การเริ่มต้นรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้นถูกพบเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจบน Google Maps และ Apple Maps แต่ตอนนี้เราได้เห็นการนำเทคโนโลยีส่วนบุคคลที่ใช้ประจำวันอย่างแอปแชท มาใช้ประโยชน์ในภาวะสงคราม

Chatbot ต่างๆ ที่รู้จักกันในชื่อ “eVororog” หรือ “eBopor” ซึ่งแปลว่า “e-Enemy” ได้รับการสร้างขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลของยูเครน และมันไม่ใช่แอปแยกต่างหาก ดังนั้นรัสเซียจึงไม่สามารถเรียกร้องให้ลบออกจาก App Store ได้ เช่นเดียวกับแอปที่มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองก่อนหน้านี้

แชทบอท @everog_bot ใน Telegram ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี มิคาอิล เฟโดรอฟ ได้เขียนเกี่ยวกับช่องดังกล่าวในช่อง Telegram ของเขาเอง

“ทีมงานของกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลได้สร้างแชทบอทใน Telegram” “ด้วยความช่วยเหลือซึ่งชาวยูเครนสามารถรายงานการเคลื่อนไหวของผู้รุกรานได้”

ทั้งนี้ยังมีความพยายามอื่น ๆ ในการรวบรวมข้อมูล แต่อาจมีความเสี่ยงต่อการรายงานข้อมูลที่เป็นเท็จ ดังนั้นจึงได้มีการใช้แอป “Diya” ซึ่งเป็นแอปฟรีจากกระทรวงเดียวกันที่ใช้เพื่อรับรองความถูกต้องของผู้ใช้ในฐานะพลเมืองยูเครนที่แท้จริง

“ความแตกต่างที่สำคัญจากบอทอื่นๆ คือการอนุญาตผ่านแอปพลิเคชัน ‘Diya'” เขากล่าวต่อ “นี่เป็นสิ่งจำเป็นในการรวบรวมข้อมูลที่ดีขึ้นและเพื่อให้ผู้รุกรานไม่สามารถทำการสแปมรูปถ่ายหรือสร้างวิดีโอปลอมได้”

เมื่อผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้โพสต์ในแชทบอท พวกเขาจะถูกขอให้ป้อนรายละเอียดที่แน่นอนของสิ่งที่พวกเขาเห็น ซึ่งรวมถึงสิ่งที่พวกเขาได้เห็นไม่ว่าจะเป็นกองทหารหรือยุทโธปกรณ์ เช่น รถถัง และใช้ iPhone เพื่อส่งตำแหน่งที่แน่นอน และใส่รูปถ่ายหรือวิดีโอด้วยหากเป็นไปได้

ข่าวยูเครนยังไม่รายงานรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแชทบอทตัวนี้ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวบน Twitterได้อ้างสถิติที่ไม่ได้รับการยืนยันซึ่งอ้างว่ามีชาวยูเครนกว่า 200,000 คนใช้แอปนี้ และทำให้ทหารรัสเซียเสียชีวิตกว่า 16,000 คน

ยูเครนเป็นแหล่งของนักพัฒนาซอฟต์แวร์จำนวนมาก รวมถึงแอปอย่าง MacPaw ซึ่งเพิ่งเปิดตัวโดยใช้เป็นแอปที่ตรวจสอบการแฮ็กของรัสเซีย

บทสรุป

ในภาวะวิกฤติหรือภาวะสงครามเช่นนี้ เราจะได้เห็นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ถูกนำมาปรับใช้ในการต่อสู้อีกมากมาย แชทบอท ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีความสำคัญมาก ๆ ในภาวะสงครามเช่นนี้

สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยูเครนนั้น แน่นอนว่ามันจะเปลี่ยนฉากหน้าของสงคราม ไม่เหมือนกับที่เราได้เห็นกันในอดีตอีกต่อไป มันไม่ใช่เพียงแค่ยุทธศาสตร์ทางด้านทหารเท่านั้น ที่จะส่งผลต่อชัยชนะ การมีส่วนร่วมของประชาชน และเทคโนโลยี จะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการสงครามในยุคหน้านั่นเองครับผม

References : https://twitter.com/mhmck/status/1508264579712835584
https://appleinsider.com/articles/22/02/25/google-maps-apple-maps-and-smartphones-are-at-the-forefront-of-modern-war
https://www.cultofmac.com/770989/ukrainians-turn-to-telegram-chatbot-to-track-and-target-russian-troops/
https://indianexpress.com/article/explained/russia-ukraine-war-telegram-app-7847165/
https://www.ft.com/content/9ea0dccf-8983-4740-8e8d-82c0213512d4

Telegram กับข้อมูลที่หลุดที่ทำให้ทางการจีนสามารถค้นหาตัวผู้ประท้วงได้สำเร็จ

แอปส่งข้อความที่เข้ารหัสอย่าง Telegram ที่กำลังกลายเป็นกระแสความนิยมของผู้ประท้วงในไทยในขณะนี้ พบว่าประสบปัญหาข้อมูลรั่วไหลจำนวนมากซึ่งเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้หลายล้านคน

Telegram ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ WhatsApp ช่วยให้ลูกค้า รับส่งข้อความ Voice Call และ
VDO Call ที่เข้ารหัสแบบ end-to-end แบบส่วนตัวได้ แต่ช่องโหว่ในคุณลักษณะการนำเข้าผู้ติดต่อทำให้บันทึกหลายล้านรายการรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์และรหัสผู้ใช้ซึ่งรั่วไหลไปยัง darknet

Kod.ru สื่อสิ่งพิมพ์ด้านเทคโนโลยีของรัสเซียเป็นสื่อรายแรกที่รายงานปัญหาโดยกล่าวว่ามีการโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ และหมายเลขโทรศัพท์ในฟอรัม Darknet

ขนาดไฟล์ฐานข้อมูลประมาณ 900 เมกะไบต์ ตามรายงาน ซึ่งบริการแอพ Messenger ยอมรับว่ามีการละเมิดข้อมูลซึ่งเกิดขึ้นหลังจากใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติ contacts import ในส่วนของการลงทะเบียน

อย่างไรก็ตาม บริษัท เสริมว่าบันทึกส่วนใหญ่ที่หลุดออกไป เป็นข้อมูลเก่า โดย 84% ของรายการข้อมูล จะอยู่ในช่วงก่อนกลางปี ​​2019 นอกจากนี้บัญชีส่วนใหญ่ในฐานข้อมูลยังมีข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ Telegram ยังเปิดเผยด้วยว่า 70% ของบัญชีที่เปิดเผยนั้นมาจากอิหร่านในขณะที่อีก 30% เป็นของผู้ใช้จากรัสเซีย

โฆษกของ บริษัท บอกกับ Cointelegraph ว่าช่องโหว่ในฟังก์ชั่น contacts import เป็นสาเหตุของความกังวลต่อแอปส่งข้อความที่คล้ายกันทุกแอปรวมถึง WhatsApp ที่เป็นคู่แข่งด้วยเช่นเดียวกัน “น่าเสียดายที่แอปที่ใช้รายชื่อผู้ติดต่อต้องเผชิญกับความท้าทายของผู้ใช้ที่เป็นอันตรายซึ่งพยายามอัปโหลดหมายเลขโทรศัพท์จำนวนมากและสร้างฐานข้อมูลที่ตรงกับรหัสผู้ใช้เช่นนี้” ตัวแทนกล่าว

พวกเขายังเสริมว่าฐานข้อมูลที่หลุดออกไป มีเฉพาะข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้และรหัสของผู้ใช้เท่านั้น โดยไม่มีข้อมูล เช่น รหัสผ่าน ข้อความ หรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ โฆษกย้ำว่าบัญชีไม่ได้ถูกละเมิด

นี่ไม่ใช่การรั่วไหลครั้งแรกของ Telegram

การรั่วไหลของข้อมูลล่าสุดนั้นไม่ใช่ครั้งแรกของ Telegram ในเดือนสิงหาคม 2019 บริษัท ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการโต้เถียงเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เมื่อข้อบกพร่องของโปรแกรมได้เปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ของนักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยฮ่องกง และพบปัญหาทางเทคนิคในฟีเจอร์การส่งข้อความกลุ่มของแอป ซึ่งทำให้ทางการจีนสามารถระบุและค้นหาผู้ประท้วงได้สำเร็จ

แม้ว่าจีนจะสั่งห้ามการใช้งาน Telegram ในปี 2015 แต่ผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงก็สามารถหลีกเลี่ยงข้อ จำกัด และใช้แอปส่งข้อความได้ Telegram ที่เป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัวเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ประท้วงเนื่องจากปกปิดการสื่อสารจากสายตาที่ล่วงล้ำของรัฐบาลจีน

อย่างไรก็ตามพบว่าบั๊กหลายอย่างของโปรแกรม สามารถใช้ประโยชน์จากกลุ่มสาธารณะได้ ดังนั้น จึงเปิดเผยหมายเลขโทรศัพท์ของสมาชิกแม้ว่าพวกเขาจะเลือกที่จะเก็บไว้เป็นส่วนตัวก็ตาม

Chu Ka-cheong ผู้อำนวยการฝ่าย Internet Society HongKong กล่าวว่า หมายเลขโทรศัพท์เป็นปัญหากับ Telegram มาโดยตลอดเพราะใช้เป็นตัวระบุ แพลตฟอร์มการส่งข้อความที่ปลอดภัย ซึ่งในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน แต่เขายอมรับว่าพวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่าการตั้งค่าว่าใครสามารถดูหมายเลขโทรศัพท์เป็นไม่มีใคร“ ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ที่บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในสมุดที่อยู่จับคู่หมายเลขโทรศัพท์กับสมาชิกในกลุ่มสาธารณะได้”

อันเป็นผลมาจากการรั่วไหลของข้อมูล Telegram ได้เปิดตัวคุณสมบัติใหม่ในเดือนกันยายน 2019 ซึ่งช่วยให้คุณสามารถไม่แสดงหมายเลขโทรศัพท์ของคุณให้ใครเห็นเลย ตัวเลือกใหม่ช่วยให้มั่นใจได้ว่า “ผู้ใช้แบบสุ่มที่เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเป็นผู้ติดต่อ จะไม่สามารถจับคู่โปรไฟล์ของคุณกับหมายเลขดังกล่าวได้”

แต่เมื่อมีการรั่วไหลครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การซิงค์และนำเข้าผู้ติดต่อใน Telegram ยังคงเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิม

แหล่งข้อมูลออนไลน์หลายแห่งเสนอเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีเพิ่มความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์ โดยการไม่เปิดเผยตัวตนและเพิ่มความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การใช้ VPN ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลของคุณ เปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณ และเข้ารหัสข้อมูลของคุณ ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่า

References : https://coins77.com/telegram-suffers-massive-data-leak-that-exposed-personal-data-of-its-users-on-darknet/
https://latesthackingnews.com/2020/08/29/telegram-data-leak-exposes-millions-of-records-on-darknet
https://www.engadget.com/2018-09-30-telegram-desktop-app-leaked-ip-addresses.html