11.11 กับคลื่นวัฒนธรรมช็อปปิ้งใหม่จากจีนที่กำลังกลืนกินพฤติกรรมคนไทย

ต้องบอกว่าเป็นกระแสที่มาแรงมาก ๆ กับมหกรรมช็อปปิ้ง 11.11 วันคนโสดจีน ที่กำลังกลายมาเป็นวัฒนธรรมใหม่ของการช็อปปิ้งในประเทศไทย ที่ตอนนี้ยอดขายในเทศกาลดังกล่าวกำลังเติบโตแบบต่อเนื่องในทุก ๆ ปี

ซึ่งแน่นอนว่า มันมีทั้งทีส่งผลดี และส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าชาวไทย หลังจากการบุกเข้ามาอย่างหนักของสินค้าจีน และ พ่อค้าแม่ค้าชาวจีน ที่แห่กันมาเปิดร้านในแพล็ตฟอร์มเหล่านี้เป็นว่าเล่น

รวมถึงการที่รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมนโยบายด้วยการ ให้ผู้ประกอบการใหญ่จากจีน มาจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าขึ้นในไทย ซึ่งกำลังส่งผลกระทบมาก ๆ ต่อพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยในขณะนี้

แน่นอนว่าการเกิดขึ้นของกิจกรรม เทศกาลต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นผลดีต่อผู้บริโภคชาวไทย ที่ได้ใช้สินค้าราคาถูกมาก ๆ ซึ่งถูกจนเหลือเชื่อในสินค้าบางรายการ ที่เรียกได้ว่าเป็นการ สปอยล์ ผู้ใช้งานชาวไทย ด้วยการลดราคาแบบกระหน่ำ โดยแบกรับภาระต่าง ๆ ด้วยตัวของแพล็ตฟอร์มเอง

ซึ่งเราจะได้เห็นถึงผลประกอบการอย่างที่รู้ ๆ กันว่า พวกเขายิ่งโต ก็ยิ่งขาดทุน และขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล ผ่านการอัดฉีดเม็ดเงินในการโฆษณา และ จัดแคมเปญ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างนิสัยใหม่ให้คนไทยมาซื้อสินค้าผ่าน แพล็ตฟอร์มออนไลน์ของพวกเขา เหมือนที่ทำสำเร็จในประเทศจีนมาแล้วนั่นเอง

และสินค้าจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น โรงงานผลิตสินค้าของโลก​ ไปแล้ว ก่อนหน้านี้ หลายธุรกิจทั่วโลกต่างพากันสั่งสินค้าจากจีนมาขายในประเทศของตน แล้วเพิ่มกำไรเข้าไป และทำกำไรได้อย่างมหาศาล

แต่ตอนนี้พ่อค้าแม่ค้าที่ไปนำสินค้าจากจีนมาขาย กำลังจะค่อยๆ หายไป เพราะตอนนี้ หลายๆ ธุรกิจและผู้ผลิตของจีน ได้เริ่มรุกคืบ เปิดตลาดการค้าของตน ขายตรงไปยังผู้บริโภคทั่วโลกผ่านทางแพล็ตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งดีลเลอร์หรือพ่อค้าคนกลางอีกต่อไป

หรือแม้กระทั่งยังส่งผลกระทบไปยังธุรกิจ Retail เองก็ตาม โดยเฉพาะในสินค้าบางหมวดหมู่ที่ตอนนี้ พฤติกรรมของผู้ซื้อได้เปลี่ยนไป เราเพียงแค่ไปจับ ไปทดลองในห้าง แล้วมาสั่งซื้อสินค้าจริง ๆ ผ่าน online โดยเฉพาะหมวดสินค้า Gadgets IT หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอนนี้มาลดกระหน่ำบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่มีต้นทุนในการบริหารสินค้าที่ถูกกว่าร้านค้า Retail ที่เป็น physical จริง ๆ

และที่น่าสนใจ ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าไป join group ที่เป็นกลุ่มพ่อค้าในแพล็ตฟอร์มต่าง ๆ เหล่านี้ พบว่าตอนนี้แพล็ตฟอร์มเหล่านี้ เริ่มบีบพ่อค้าต่าง ๆ ในแพล็ตฟอร์มมากขึ้น เพื่อดึงเงินคืนเข้าสู่ระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับเข้าร่วม โปรโมชั่นต่าง ๆ เช่น ส่งฟรี ซึ่งเป็นการผลักภาระไปให้กับพ่อค้าที่กำไรแทบจะน้อยนิดอยู่แล้ว หรือ การเริ่มลดการมองเห็นสินค้า เพื่อให้ต้องมีการลงโฆษณากับแพล็ตฟอร์มเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งเราจะเห็นบทเรียนจากช่วงก่อนหน้านี้ที่กระแส Social Commerce มาแรงนั้น Facebook ก็ได้ทำในลักษณะเดียวกัน คือการลด Reach และ บีบให้พ่อแม่ค้ามาลงโฆษณา ที่ดูเหมือนต้นทุนค่าโฆษณาจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะไม่เหลือกำไรให้อยู่รอดกันอีกต่อไปแล้ว สำหรับพ่อค้าหลาย ๆ รายที่พึ่งพา facebook เป็นแพล็ตฟอร์มหลัก

ซึ่งในระยะยาว นั้นต้องบอกว่า แพล็ตฟอร์มเหล่านี้ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต่าง ๆ ต้องมองเป็นหนึ่งในช่องทางการขายเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ช่องทางการขายหลัก ต้องกระจายความเสี่ยงออกไปในหลาย ๆ ทางเพิ่มมากขึ้น และหาพยายามสร้างเว๊บไซต์ของตัวเองเพื่อให้เป็นฐานหลักที่เราสามารถ control ทุกอย่างได้โดยไม่ต้องรอลุ้นว่าใครจะปรับอะไรของเราได้ในอนาคตนั่นเองครับ