Movie Review : Silence ศรัทธาไม่เงียบ

ต้องบอกว่า เป็นอีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับมือดีอย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) สำหรับ Silence ศรัทธาไม่เงียบ หนังดราม่าที่มีเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ ด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับศาสนา และความเชื่อ รวมถึงศรัทธา ที่เรียกได้ว่า เป็นประเด็นที่น่าสนใจเลยทีเดียว และมีเนื้อหาที่มาจากเรื่องจริงอีกด้วย

และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ได้เหล่านักแสดงที่ผมชอบมาก ทั้ง เลียม นีสัน แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ และขวัญใจคนใหม่ล่าสุดจาก Marriage Story อย่าง อดัม ไดรเวอร์ เรื่องนี้เป็นหนังเมื่อปี 2016 ซึ่งมีโอกาสได้นับกลับมาฉายอีกครั้งที่โรงหนัง Lido Connect ผมจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปชม เนื่องจากตอนออกใหม่ ๆ นั้นผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสดูเรื่องนี้มาก่อน

Silence ศรัทธาไม่เงียบ เป็นหนังที่ ว่าด้วยเรื่องราวของ บาทหลวงเฟอร์เรรา (เลียม นีสัน) เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ที่ญี่ปุ่น เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ มีเพียงแต่สาส์นที่เขาได้ส่งมาจากคริสตจักรบอกว่าเขาได้ละทิ้งพระเจ้าและปลดปล่อยตัวเองจากศาสนาคริสต์แล้ว ทำให้ บาทหลวงโรดิเกซ (แอนดรูว์ การ์ฟิลด์) และ บาทหลวงการูเป (อดัม ไดรเวอร์) ลูกศิษย์ทั้งสองคนต้องอาสาเข้าไปยังดินแดนที่มีการกวาดล้างผู้นับถือศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นเพื่อตามหาบาทหลวงเฟอร์เรรา

ต้องบอกว่า หนังเรื่องนี้อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่สร้างจากเนื้อหาเกี่ยวกับความศรัทธา แต่มันได้แฝงเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการสั่งสอน เพราะคนเพียงไม่กี่คนที่ดูถูกสติปัญญาของคนอื่น ในเรื่องของความเชื่อ โดยเฉพาะความเชื่อทางด้านศาสนานั่นเอง

แน่นอนว่าด้วยเนื้อหามันก็หนักกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ที่กำกับโดย สกอร์เซซี ต้องบอกว่ามันเป็นงานฝีมือที่เข้มข้นมาก ๆ บนแผ่นฟิล์ม หรือ การแสดงจากนักแสดงหลัก ตัว การ์ฟิลด์ ต้องอบอกว่าแสดงได้อย่างสุดยอดกับผลงานเรื่องนี้ ส่วน นีสันดูเหมือนบทของเขานั้นจะน้อยไปหน่อย เพราะเดินเรื่องโดย การ์ฟิลด์แทบจะทั้งเรื่อง รวมถึง อดัม ไดรเวอร์ ที่บทบาทประกอบเป็นผู้ร่วมเดินทางของ การ์ฟิลด์เพียงเท่านั้น

แต่ที่ต้องชมมาก ๆ คือตัวละครหลักอย่าง  Issey Ogata ที่รับบทโดยนักแสดงชาวญี่ปุ่นชื่อ Issey Ogata ผู้ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการแสดงที่น่าจดจำมากที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว ตลอดทั้งทั้งเรื่องที่ชาวคริสเตียนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้รับการตรวจสอบเป็นประจำโดยเจ้าหน้าที่ซามูไรที่ตั้งใจจะตามล่าและจัดการกับประชาชนที่พบว่ามีการละเมิดกฎหมายในเรื่องการนับถือศาสนาคริสต์ 

หนังเรื่องนี้เป็นการเล่นกับความเชื่อ ความศรัทธา และ การทำให้เลิกศรัทธา ที่ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อ ความศรัทธา ระหว่างโลกตะวันตก กับ โลกตะวันออกในยุคนั้น เป็นการหักเหลี่ยม เฉือนคม ผ่านความเชื่อของแต่ละฝ่าย

แต่สุดท้าย เรื่องราวของความเชื่อเหล่านี้ โดยเฉพาะ เรื่องศาสนา เราจะเห็นได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของความขัดแย้งของโลกเรามานับต่อนับ จวบจนถึงปัจจุบัน มันเพราะแค่ความเชื่อที่แตกต่าง มันทำให้โลกเรานั้นต้องสูญเสียเลือดเนื้อไปจากสงครามที่ไร้สาระ พวกนี้ไปเท่าไหร่แล้ว

และ หนังเรื่องนี้ก็ชี้ให้เห็นเช่นเดียวกันว่า เราไม่สามารถที่จะไปบังคับใครให้เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อได้ แม้จะพยายามหาเหตุผลมาหักล้างกันแค่ไหนก็ตาม มันอยู่ที่ วัฒนธรรม เชื้อชาติ ประเพณี และ วิถีชีวิต ที่แตกต่างกัน เพราะสุดท้ายความเชื่อ หรือ ความศรัทธาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุก ๆ ศาสนาสร้างขึ้นมา ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่ด้วยความหวังดี ให้มีสันติสุข ให้เกิดสันติภาพ ในทุก ๆ ศาสนา แต่มนุษย์เรากลับนำความเชื่อเหล่านี้มาสร้างให้กลายเป็นความขัดแย้ง สงคราม ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องของผลประโยชน์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ดูเหมือนจะไม่จบสิ้นซะทีอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบันนั่นเองครับ