PayPal Wars ตอนที่ 8 : High Stakes

MARCH – SEPTEMBER 2001

หลังสถานการณ์ที่แสนปั่นป่วนหลังควบรวมกิจการ ซึ่งกว่าทุก ๆ อย่างจะเริ่มลงตัวนั้น วันเวลาก็ผ่านมาถึงสิ้นปี 2000 ในที่สุด ซึ่งด้วยการตอบสนองที่ดีของลูกค้าต่อแคมเปญทางการตลาดของทีมในช่วงปลายปี 2000 ทำให้ช่วยรักษาความแข็งแกร่งของ PayPal ในการเติบโตโดยผ่านไตรมาสแรกไปได้อย่างสวยงาม

ปริมาณการชำระเงินเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่า 7 ล้านเหรียญในการทำธุรกรรมแต่ละวันของ PayPal จำนวนบัญชีทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านบัญชี แม้จะอยู่ในสถานะขาดทุนอยู่ แต่ก็สามารถลดการขาดทุนลงเหลือ 12.1 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ขาดทุนถึง 25.4 ล้านเหรียญ ทำให้สถานะทางการเงินของ PayPal นั้นฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งมันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ Thiel ที่ได้กลับมากุมบังเหียน PayPal ต่อจาก Musk อีกครั้ง ซึ่งความสามารถของ Thiel ในการมุ่งเน้นไปที่ปัญหาสำคัญของบริษัท รวมถึง การใช้ประโยชน์จากความสามารถของเพื่อน รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่เขาได้รับ ทำให้เหล่าคณะกรรมการต่างเริ่มเชื่อมั่นกับ Thiel เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเหล่าคณะกรรมการได้ขอให้ Thiel นั้นเป็น CEO ถาวรของบริษัท แทนที่จะสรรหาคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนเขา

และผลงานที่สุดยอดไม่แพ้กันก็คือ การหาวิธีการป้องกันการฉ้อโกงทีเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มของ Max Levchin CTO ของบริษัท ด้วยการสร้างคอมพิวเตอร์อัลกอริธึม ในการเป็นตัวชี้วัดการทุจริตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระบบ และเป็นการกำจัดความสูญเสียจากการฉ้อโกงในแพลตฟอร์ม ของเหล่าอาชญากรทางเทคโนโลยีในการสร้างบัญชีปลอมหลายบัญชี

Max ได้ทำงานอย่างแข็งขันกับ David Gausebeck หนึ่งในวิศวกรคนแรก ๆ ที่เข้าร่วมงานกับ Confinity ซึ่งได้ร่วมกันสร้างกลไกในการสร้างบัญชีที่ซับซ้อน สำหรับป้องกันการฉ้อโกง โดยมีการนำภาพมาวางบนลงหน้าลงทะเบียน ที่มีลำดับตัวอักษรสีดำแบบสุ่มที่ด้านบนของพื้นหลังสีเหลือง ไขว้ด้วยเส้นสีดำบาง ๆ

หากใครต้องการเปิดบัญชี จะถูกขอให้สะกดตัวอักษรในภาพดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่ามนุษย์จริง ๆ นั้นสามารถตีความตัวอักษรแบบสุ่มที่อยู่ในภาพได้อย่างง่ายดาย แต่มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคอมพิวเตอร์ หรือ AI ที่จะอ่านข้อความดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถทำได้ ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนี้ ยังปรากฏอยู่ในเว๊บไซต์ ที่มีการสร้างบัญชี เพื่อป้องกันการปลอมบัญชี มาจวบจนถึงปัจจุบัน

ระบบป้องกันการโกงลงทะเบียนของ PayPal ที่มีต้นแบบมาจาก Max Levchin
ระบบป้องกันการโกงลงทะเบียนของ PayPal ที่มีต้นแบบมาจาก Max Levchin

หลังจากนั้นในช่วงกลางไตรมาสที่สองของปี 2001 ได้เริ่มปรากฏสัญญาณชัดเจนว่า ebay เอาชนะ Yahoo ได้สำเร็จ และสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ebay กลายเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมก็เนื่องมาจากระบบการจัดการ การฉ้อโกงของ Max และทีมงานนั่นเองทำให้ลูกค้าภายในแพลตฟอร์ม ebay นั้นรู้สึกว่าพวกเขาปลอดภัยจากการโกง

แม้ดูเหมือนว่า PayPal นั้นจะไปได้สวยกับตลาดการประมูลใน ebay แต่ Thiel นั้นต้องการขยายธุรกิจของ PayPal ให้มากกว่าการประมูล ซึ่ง PayPal นั้นจะต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมในขณะที่ยังเป็นผู้นำในตลาดประมูล เพื่อให้ ebay ไม่สามารถคุกคามบริษัทของเขาได้อีก

ตลาดที่น่าสนใจสองแห่งคือ การพนันออนไลน์ และ ตลาดเกมออนไลน์ ซึ่งเริ่มบูมขึ้นเมื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตเริ่มสูงขึ้น ซึ่งกว่า 1,800 เว๊บไซต์การพนันทั่วโลกนั้น สามารถสร้างรายได้ประมาณ 3.5-4.1 พันล้านเหรียญ โดย 60% ของเงินเหล่านั้นมาจากนักพนันชาวอเมริกัน

อีกตลาดที่น่าสนใจก็คือ ตลาดเว๊บไซต์อนาจารต่าง ๆ ซึ่ง แทบจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มากที่สุดของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ ซึ่งคาดการณ์ว่าสร้างรายได้ปีละประมาณ 1 พันล้านเหรียญ และแน่นอนว่า พวกเขาก็สนใจรูปแบบธุรกิจของ PayPal อย่างชัดเจน

แต่ปัญหาในตลาดใหม่ๆ นี้ก็คือเรื่องของศีลธรรม ที่ Thiel นั้นต้องชั่งใจอย่างหนัก รวมถึงภาพลักษณ์แบรนด์ของ PayPal ที่มีโอกาสจะเสื่อมเสียลงไปด้วยหากเข้าไปในตลาดดังกล่าว Thiel จึงไม่ได้รุกในตลาดดังกล่าวมากนัก แต่ไม่ปิดโอกาสเสียทีเดียว จึงยังไม่ได้อุทิศทรัพยากรทั้งหมดของบริษัทเพื่อให้ได้ลูกค้าประเภทเหล่านี้ แต่อีกทางหนึ่งก็เปิดเสรี PayPal ทำธุรกรรมในตลาดเหล่านี้ได้อย่างเสรี แต่บริษัทจะยังไม่โฟกัสตลาดเหล่านี้มากนัก

และเมื่อผ่านมาถึงเดือนกันยายน โลกก็ต้องเจอกับเหตุการณ์สุดเศร้า เมื่อเกิดเหตุเครื่องบนชนตึก World Trade Center ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงผู้สูญเสียอีกมากมายในเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์นั้น

เหตุการณ์ 911 ช็อคโลก
เหตุการณ์ 911 ช็อคโลก

และ PayPal ก็ตอบสนองโดยเร็วที่สุดโดยเปิดบริจาค ผ่านแพลตฟอร์มของพวกเขาซึ่งมีลูกค้ากว่า 9 ล้านคนในขณะนั้น โดย PayPal รวบรวมเงินได้กว่า 2.4 ล้านเหรียญ จากผู้ใช้งานมากกว่า 60,000 คน ที่บริจาคเข้ามา

ส่วน ebay ก็ตั้งโครงการ “Auction for America” (AFA) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถประมูลสิ่งของเพื่อการกุศล ซึ่งเงินที่ได้ก็จะไปสู่กองทุนบรรเทาทุกข์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ 911

แต่ปัญหาใหญ่ของ ebay ในการทำเพื่อสังคมครั้งนี้ก็คือ ความจริงแล้ว ebay ออกแบบ AFA ให้เป็นหน้าม้าสำหรับ Billpoint นั่นเอง ebay ใช้เหตุการณ์ดังกล่าวมาเพื่อสร้างความเป็นต่อทางธุรกิจในเวลาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้สุดท้ายนั้นเหล่าลูกค้าจะรู้และเลือกบริจาคผ่าน PayPal มากกว่า และเรื่องราวดังกล่าวของ ebay ก็ได้รับคำสาปแช่งไปทั่วโลกไซเบอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ebay มาตกม้าตายในเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง

จะเห็นได้ว่ามาถึงตอนนี้ แม้เหตุการณ์ฝันร้ายของชาวอเมริกาอย่าง 911 นั้นจะกระทบจิตใจต่อคนอเมริกันทั่วประเทศ แต่ ebay ก็ยังใช้เหตุการณ์เหล่านี้มาหาวิธีสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจให้กับพวกเขา ดูเหมือนศึกครั้งนี้จะยังไม่จบง่าย ๆ ระหว่าง PayPal และ ebay แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับการแข่งขันครั้งนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Earth vs Palo Alto

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

PayPal Wars ตอนที่ 7 : The Monopolist Strikes

OCTOBER 2000—FEBRUARY 2001

การกลับมากุมบังเหียนบริษัทอีกครั้งของ Peter Thiel เขาได้วางยุทธศาสตร์หลักให้ PayPal เป็นโมเดลธุรกิจหลักของบริษัท Thiel มอบหมายให้ Sacks เข้ามาดูแลรีบปรับธุรกิจโดยด่วน ลดการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นกับช่องโหว่ของระบบ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ลดภาระค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตออกไปให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

รวมถึงส่วนของ X.com ที่มีบริการอย่าง X-Finance ซึ่งเป็นบริการที่คิดจะเลียนแบบธนาคารพานิชย์แบบดั้งเดิม Thiel ต้องการตัดบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของเขาออกไป การที่ X-Finance นั้นเปรียบเสมือนธนาคารที่ปล่อยบัตรเดบิต และวงเงินเบิกเกินบัญชีได้ ถึง 500 เหรียญ โดยแทบจะไม่ต้องตรวจสอบเครดิต มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

และที่สำคัญ การออกจากบริการที่เปรียบเสมือนธนาคารออนไลน์นั้น หมายความว่าสถานะของพวกเขา ที่ต้องถูกกำกับดูแลก็ต้องถูกตีความใหม่ ซึ่ง Thiel ได้สั่งให้ทีมงานด้านกฏหมายคอยประสานกับหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อค้นหาว่าบริการของ PayPal ควรจัดอยู่ในหมวดหมู่ใด

Thiel ได้แต่งตั้ง Roelof Botha นักคณิตศาสตร์ประกันภัยอายุ 47 ปี ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง CFO ซึ่ง Roelof นั้นมองว่าโปรแกรมการคุ้มครองผู้ซื้อและผู้ขายที่ใจกว้างมาก ๆ ของบริษัทนั้น เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียและเรื่องการฉ้อโกง

Roelof สรุปว่านโยบายการคุ้มครองผู้ขายนั้น สามารถที่จะคงอยู่ได้ แต่ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่เข้มงวดเพื่อให้มีคุณสมบัติที่เพียงพอในการคุ้มครองดังกล่าว

Roelof Botha นักคณิตศาสตร์ประกันภัยมารับตำแหน่ง CFO
Roelof Botha นักคณิตศาสตร์ประกันภัยมารับตำแหน่ง CFO

Max Levchin ที่เป็นส่วนสำคัญในการดึง Thiel กลับมานั้น เป็นผู้นำในการพัฒนระบบต่อต้านการทุจริต เพื่อติดตามกิจกรรมในบัญชีที่น่าสงสัย ส่วน Sacks นั้นพยายามลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลด้วยบัตรเครดิต เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้ชำระเงินผ่าน ACH

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การลดบทบาทของ X.com ลง มีการเปลี่ยนภาพในโลโก้การประมูลของบริษัทจาก X.com กลับสู่ PayPal ซึ่งแน่นอนว่า เหล่าผู้ใช้งานนั้นสนับสนุนเต็มที่ในเรื่องดังกล่าว เพราะเบื่อกับคำถามจากผู้ซื้อเกี่ยวกับความหมายของ X.com นั่นเอง

เรื่องที่ยากที่สุดก็คงเป็นเรื่องการผลักดันให้ผู้ใช้งานเชิงธุรกิจนั้นอัพเกรดบัญชีมาใช้เป็นแบบธุรกิจเพื่อเสียค่าธรรมเนียม ซึ่ง แน่นอนว่า ต้องมีผู้ใช้งานออกมาคัดค้านเป็นจำนวนมาก ส่วนนึงก็เข้าใจว่า PayPal ไม่ใช่องค์กร การกุศล พวกเขาต้องหารายได้ ไม่งั้นก็ไม่มีบริการดี ๆ แบบนี้ออกมาให้ผู้ใช้

ทีมงาน PayPal จึงต้องใช้ไม้แข็ง โดยดูจากพฤติกรรมการใช้งานว่า ใช้งานเพื่อธุรกิจหรือไม่ ซึ่งคนเหล่านี้มีรายได้ ที่พอจะจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ PayPal อยู่แล้ว ซึ่งหลังจากมีการบังคับใช้นโยบายใหม่ในเดือนตุลาคม ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดี ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน 95% ของบัญชีส่วนบุคคลที่ใช้งานแบบธุรกิจ ก็ได้ทำการอัพเกรดไปเป็นบัญชีธุรกิจในที่สุด

และเมื่อฝั่ง ebay และ billpoint เห็น PayPal พยายามที่ผลักดับลูกค้าให้ใช้บัญชีที่เสียค่าธรรมเนียม จึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ตีโต้กลับ PayPal ทันที โดยร่วมมือกับ Visa เหมือนเคย

โดย ebay ประกาศในเดือนตุลาคมช่วงเดียวกันว่าจะยกเว้นค่าธรรมเนียมของ Billpoint ทั้งหมดสำหรับการชำระเงินด้วย Visa และมันเป็นช่วงเทศกาลช็อปปิ้งของคนอเมริกา ซึ่งทำให้ Billpoint จะสามารถทำรายได้ได้ถูกกว่า PayPal ตลอดช่วงเทศกาลวันหยุด

แม้ Thiel จะรู้ว่ามันเสี่ยง แต่พวกเขาก็ต้องตัดใจทำ เพราะมันดีต่อธุรกิจในระยะยาว และที่สำคัญพวกเขามั่นใจกับแบรนด์ PayPal ที่เหล่าผู้ใช้งานใน ebay นั้นหลงรักและใช้มันเป็นอันดับหนึ่งใน แพลตฟอร์ม

และผลลัพธ์ก็ออกมาน่าสนใจหลังผ่านเทศกาลวันหยุดดังกล่าว PayPal ก็ยังเป็นผู้นำในการชำระเงินมากกว่า Billpoint แม้ตัวเลขการเติบโตของ Billpoint จะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าแต่ PayPal ก็ไม่ได้เติบโตลดลงแต่อย่างใด เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังเชื่อมันในแบรนด์ของ PayPal นั่นเอง

หลังจากนั้นไม่นาน ebay ก็ได้แก้เกมต่อ โดยการเปิดตัวการทำธุรกรรมแบบใหม่ ในราคาคงที่ ภายใต้ชื่อ “Buy It Now” หรือ BIN ebay เป็นทางเลือกให้แก่ผู้ขายในการตั้งราคาที่พวกเขายินดีที่จะข้ามขั้นตอนการประมูลออกไป และขายสินค้าให้ผู้ซื้อได้แบบทันที

แม้ตัว Buy It Now นั้นจะไม่ได้คุกคาม PayPal โดยตรง แต่หารู้ไม่ว่า ebay นั้นใช้ช่องทางนี้กับผู้ซื้อให้ชำระเงินผ่าน Billpoint ได้เท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการเดียวที่พวกเขาอนุญาตให้ชำระเงินสำหรับสินค้าของผู้ขายที่จะเข้าร่วมในโปรแกรม Buy It Now

PayPal นั้นเดิมเข้าไปแทรกตัวอยู่ในวิธีการชำระเงินในกระบวนการประมูลสินค้าได้ แต่ใน Buy It Now นั้น กระบวนการจะจบลงทันที ไม่ต้องมีการรอให้ผู้ซื้อมาเลือกวิธีการชำระเงินแต่อย่างใด เพราะ ปุ่มการดำเนินการที่ ebay ฝังไว้ใหม่นี้ จะพาไปยังหน้าชำระเงินของ Billpoint แบบทันที

ซึ่งแน่นอนว่า มันคือวิธีที่แยบยลมาก ๆ ของ ebay เพราะหากไม่สามารถที่จะขับไล่ PayPal ออกจาก ebay ได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้เป็น เปลี่ยน Billpoint ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ebay แทนนั่นเอง

Buy It Now ที่ตั้งใจมากำจัด PayPal
Buy It Now ที่ตั้งใจมากำจัด PayPal

แต่แม้ความพยายามของ ebay ที่จะขับไล่ PayPal ออกไปให้ได้นั้น ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใกล้ความเป็นจริงแต่อย่างใด PayPal มีผู้ใช้งานพุ่งสูงขึ้นถึง 5 ล้านรายเป็นบริษัทแรก ในไตรมาสที่ 4 ของปี ปริมาณการชำระเงินของ PayPal สูงขึ้นถึง 29% สร้างรายได้กว่า 7.4 ล้านเหรียญ

ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนจากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต รวมถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องการฉ้อโกงภายในแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรจากธุรกรรมการชำระเงินของ ebay เพิ่มขึ้นจาก -3.28% ในไตรมาสสาม เป็น -0.92% ในไตรมาสสี่ แสดงให้เห็นทิศทางของบริษัทที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

และตลาดการประมูลนั้น ebay ไม่ได้ครอบครองตลาดนี้ทั้งหมดแต่อย่างใดเพราะยังมีสองผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Yahoo และ Amazon ที่ให้บริการประมูลบนเว๊บไซต์ของพวกเขาด้วย

โดย Yahoo คือผู้ท้าทายตัวจริงของ ebay เพราะมีจำนวนรายการประมูลสูงถึง 2.4 ล้านรายการ ซึ่งต่ำกว่า ebay ที่มีจำนวนรายการประมูล 3.7 ล้านรายการ และแน่นอนนั่นทำให้ส่งผลดีต่อ PayPal อย่างชัดเจนเพราะพวกเขาสามารถใช้งานได้ในทั้งสองแพลตฟอร์มนั่นเอง

Yahoo นั้นวางแผนมาเพื่อเป็นคู่แข่งของ ebay ตั้งแต่ต้น พวกเขาแทบจะไม่คิดค่าธรรมเนียมสำรหับการนำรายการขึ้นสู่เว๊บไซต์ รวมถึงสร้างระบบให้รองรับการนำเข้าข้อมูล Profile ต่าง ๆ จาก ebay สำหรับผู้ขายที่ต้องการย้ายมาอยู่ที่ Yahoo เพราะจะทำให้ดูมีความน่าเชื่อถือขึ้นนั่นเอง

แต่ Yahoo ก็ใช้กลยุทธ์นีได้เพียงไม่นาน เนื่องจากรายรับที่ลดลงต่อเนื่องของ Yahoo หลังจากเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอทคอม ราคาหุ้นของ Yahoo ลดลงจาก 200 เหรียญ มาแตะที่ 30 เหรียญในระยะเวลาไม่ถึง 8 เดือนเท่านั้น Yahoo จึงต้องเริ่มประกาศยุติการประมูลฟรี และยอดผู้ใช้งานของพวกเขาก็ร่วงลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือหลักหมื่นรายการในระยะเวลาเพียงไม่นาน เนื่องจากผู้ขายส่วนใหญ่ กลับไปยัง ebay แทบจะทั้งสิ้น

ฟากฝั่ง PayPal ก็ได้ออกแคมเปญ PayPal Preferred ซึ่งเป็นไดเรกทอรี่ ที่ให้ผู้ขายมาเข้าร่วม เพื่อแสดงรายชื่อร้านค้าออนไลน์ของพวกเขา ในเว๊บไซต์อื่น ๆ ที่ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงได้ และเป็นการสนับสนุนเหล่าผู้ใช้งานให้ไปทำธุรกรรมนอก ebay นั่นเอง

เรียกได้ว่า เป็นศึกที่ กินกันไม่ลงเลยทีเดียวสำหรับ PayPal และ ebay ที่ต่างฝ่าย ต่างชิงไหวชิงพริบ เพื่อสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ เรียกได้ว่าเป็นการผลัดกันรุก ผลัดกันรับ หาช่องทางที่จะโจมตีเข้าหากันโดยตลอด ต้องบอกว่าเป็นศึกทางธุรกิจที่ต่อสู้ได้เข้มข้นที่สุดครั้งนึงในประวัติศาสตร์ธุรกิจอเมริกา เพราะรางวัลสำหรับผู้ชนะ คือ ผู้ปฏิวัติวงการชำระเงินออนไลน์โลกตัวจริงนั่นเอง จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกับศึกครั้งนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 8 : High Stakes

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

PayPal Wars ตอนที่ 6 : Revolution – PayPal 2.0

JULY—OCTOBER 2000

เหมือนกับทุก ๆ startup ที่สร้างบริการในยุคนั้น ที่การออกแบบในครั้งแรกนั้น ไม่ได้สร้าง หรือถูกออกแบบมาให้รองรับการ scale ของผู้ใช้งานในระดับหลายล้านคน มาตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งแน่นอนว่า PayPal ก็สร้างมาในรูปแบบเดียวกันคือมุ่งเน้นไปที่การนำเวอร์ชั่นที่ใช้งานได้ออกไปสู่ตลาดให้เร็วที่สุด

Max Levchin ซึ่งเป็นผู้นำในการสร้าง PayPal version แรกนั้น ได้สร้างอยู่บนพื้นฐานของแพลตฟอร์ม Oracle แต่ Musk ต้องการให้ V2 ที่จะพัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นอยู่บนพื้นฐานของ Windows NT

ซึ่งแน่นอนว่า X.com นั้นถูก Design มาบนสถาปัตยกรรมของ Windows NT ซึ่งทีมงานของ X.com ถนัดกว่า ส่วน ทางฝั่ง Confinity นั้นถนัด Unix ซึ่งพวกเขามองว่าเสถียร กว่าการใช้งานบน Windows

เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในเรื่องสถาปัตยกรรมหลัก ทางฝั่ง X.com นั้นมองว่าวิศวกรของ Confinity นั้นไม่รู้จัก Windows NT จริง ๆ และมองว่ามันไม่เสถียรเท่า Oracle แต่วิศวกรของ X.com นั้นมองว่า การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ บน Windows NT นั้น จะเร็วขึ้นเนื่องจากมีเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับ Windows คอยช่วยเหลืออยู่มากมาย

Musk นั้นมองว่าสถานการณ์ค่อนข้างซีเรียส ที่จะต้องย้ายไป V2 ให้เร็วที่สุด และสั่งให้เริ่มการแก้ไขฟีเจอร์ใน V1 และสั่งลุยเปลี่ยนทรัพยากรของเครื่อง Server ทั้งหมดให้กลายเป็น V2 เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น และ รวมถึงเป้าหมายในการรวมฐานผู้ใช้งานของทั้ง PayPal และ X.com เข้าด้วยกันให้ได้ในที่สุด

ปัญหาใหญ่ของวิศวกรทั้งสองฝั่งระหว่าง Unix กับ Windows
ปัญหาใหญ่ของวิศวกรทั้งสองฝั่งระหว่าง Unix กับ Windows

Musk ได้ทำการประกาศรางวัลโบนัส 10,000 เหรียญ ให้กับทุกคนในทีมด้านผลิตภัณฑ์และเหล่าวิศวกร หากสามารถพา PayPal ขึ้นสู่ V2 ได้ก่อนวันที่ 15 กันยายน และหากทำล่าช้านั้น โบนัสจะลดลงไป 1,000 เหรียญในแต่ละวัน และจะหายไปทั้งหมดในวันที่ 25 กันยายน หากทีมงานของเขาทำงานไม่สำเร็จลุล่วงอย่างที่เขาต้องการ

ส่วนในเรื่องของเงินทุนนั้น แน่นอนว่า ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินทุนที่ Thiel ได้หามาให้ 100 ล้านเหรียญนั้น ใกล้จะหมดลงเต็มที ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็นค่าใช้จ่ายจากค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักใช้ในการชำระเงิน ซึ่ง Musk ต้องวางแผนการเพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปนั้นอัพเกรดไปใช้บัญชีธุรกิจ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก

แม้ว่าข้อตกลงในการใช้งาน PayPal ของผู้ใช้ นั้นมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ลูกค้าที่มีการใช้งานในเชิงธุรกิจนั้น จำเป็นต้องอัพเกรดเป็นบัญชีธุรกิจที่มีค่าธรรมเนียม แต่ปัญหาคือ ระบบไม่ได้ระบุคำนิยามที่ชัดเจนของ “การใช้งานทางธุรกิจ” ทำให้มีช่องโหว่ให้ลูกค้า ไม่ต้องอัพเกรดไปใช้บัญชีธุรกิจได้

ปัญหาต่าง ๆ เริ่มรุมเร้าตัว Musk ซึ่งสถานการณ์ของบริษัท กำลังจะอยู่ในจุดวิกฤติในทุก ๆ ด้าน ความหวังในเรื่อง V2 นั้นต้องพังทลาย เพราะเหล่าวิศวกรยังทะเลาะกันอย่างไม่จบสิ้นในเรื่องสถาปัตยกรรมที่แตกต่างระหว่าง Oracle และ Windows รางวัลที่ Musk ตั้งไว้มันแทบไม่มีความหมาย V2 ถูก Delayed ออกไปและดูเหมือนจะไม่สำเร็จในเร็ววัน

ส่วนเรื่องแบรนด์ ที่ Musk ต้องการให้ X.com เป็น แบรนด์หลักนั้นก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เพราะทีมผลิตภัณฑ์ได้ทดลองสำรวจแบบออนไลน์ ว่าลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ใดมากกว่ากัน ปรากฏว่า PayPal นั้นชนะอย่างขาดลอย Musk ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า PayPal คือแบรนด์หลักของบริษัทได้เสียที แม้เขาจะฉุนเฉียวกับเรื่องดังกล่าวมากมายแค่ไหนก็ตาม

และเป็น Sacks ที่เริ่มแผนการในการเลื่อยขาเก้าอี้ของ Musk เขาแอบประชุมลับ ๆ กับเหล่าผู้บริหาร และมีการเรียกร้องให้นำ Musk ออกไป Sacks มองว่าความมุ่งมั่นของ Musk ในการกำจัด PayPal นั้นเป็นอันตรายที่ร้ายแรงต่อบริษัท รวมถึงความเสี่ยงทางด้านเทคโนโลยีที่ต้องย้ายไปอยู่ใน แพลตฟอร์มใหม่ รวมถึงปัญหาเรื่องเงินสดในบริษัทที่ไม่มีทีท่าว่าจะแก้ไขได้ในเร็ววัน

และเพื่อเป็นการบังคับเหล่ากรรมการบริษัท ให้นำ Musk ออกไป Sacks และเหล่าผู้บริหารหลาย ๆ คนขู่ว่าจะลาออก เว้นแต่สมาชิกในคณะกรรมการของบริษัท จะบีบ Musk ออกไป และทำการตั้ง Peter Thiel กลับมาเป็น CEO แทน และสร้างเอกสารขึ้นมาเพื่อบังคับให้กรรมการบริษัท พร้อมใบลาออกของพวกเขาหากคณะกรรมการปฏิเสธที่จะกระทำการดังกล่าว

ส่วน Max Levchin ที่โกรธแค้นจากการตัดสินใจเรื่อง V2 ของ Musk ก็เข้าร่วมวงด้วย โดย Max ได้ไปพบกับ Sacks และ Reid Hoffmann เพื่อหาแนวร่วมเหล่าพนักงานในองค์กรที่เห็นด้วยที่จะเรียกร้องให้มีการปฏิว้ติ Elon Musk ลงจากตำแหน่ง

Max ได้รวมรวมทีมงานที่เป็นวิศวกรทั้งหมด ตอนนี้สถานการณ์ของ Musk นั้นอยู่บนเส้นด้ายแล้ว ซึ่งวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนได้รวมเอาจำนวนพนักงานทั้งหมดพร้อมลายเซ็นต์ และได้ร่างคำร้องไปยังคณะกรรมการ และไปยังห้องทำงานของคณะกรรมการอย่าง Mike Moritz เพื่อนำเสนอเรื่องดังกล่าว

Mike Moritz นักลงทุนหลักอีกคนที่ต้องมาตัดสินใจเรื่องสำคัญ
Mike Moritz นักลงทุนหลักอีกคนที่ต้องมาตัดสินใจเรื่องสำคัญ

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น Musk ได้ลาพักเพื่อไปดูโอลิมปิกที่ออสเตรเลีย ซึ่งหลังจากที่เขาทราบเรื่องก็ได้บินด่วนกลับมาที่ ซิลิกอน วัลเลย์ ทันที

ดูเหมือนกลุ่มกบฏจะอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ เนื่องจาก Max ซึ่งเป็นพนักงานคนเดียวที่มีเก้าอี้ในคณะกรรมการ ที่นอกเหนือจาก Musk พร้อมที่จะลงคะแนนเพื่อดัง Peter Thiel กลับมา ส่วน Musk นั้นต้องการการสนับสนุนจากกรรมอิสระอย่างน้อยสองในสามคน : Moritz จาก Sequoia Capital , John Malloy จาก Nokia Ventures และ Tim Hurd จาก Medison Dearborn

ซึ่งสุดท้าย เหล่าคณะกรรมการของบริษัทเลือกวิธีการประนีประนอม ที่ทำให้ Thiel นั้นกลับมารับตำแหน่ง CEO ชั่วคราว เพื่อรอการค้นหาผู้บริหารเต็มรูปแบบสำหรับ CEO คนใหม่

ส่วน Musk นั้นก็ได้ส่งข้อความแสดงความพ่ายแพ้ของเขาไปให้พนักงานในบริษัทได้รับทราบ เขายอมรับแต่โดยดี เขากล่าวในถ้อยแถลงที่ส่งให้กับพนักงานทุกคนว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมองหาผู้บริหารที่จะสามารถพาบริษัทไปสู่ระดับต่อไป ขอขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับการทำงานหนัก และสัญญาว่าเขาจะไม่ได้หนีไปไหนยังคงวนเวียนอยู่ในสำนักงานแห่งนี้อย่างแน่นอน

ซึ่งต้องบอกว่า ถือเป็นการก้าวลงจากตำแหน่งอย่างสง่างามของ Musk ในครั้งนี้ เขาอุทิศการทำงานให้กับบริษัทอย่างเต็มที่จนถึงเวลาที่ต้องก้าวลงจากตำแหน่ง เหลือเพียงการถือหุ้นในบริษัท ที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่อยู่เท่านั้น

ส่วน Thiel ก็ได้แถลงขอบคุณ Musk สำหรับการทำงานหนักของเขาที่ผ่านมา ส่วนทิศทางของบริษัทชัดเจนว่า Thiel นั้นต้องการให้ PayPal เป็นแบรนด์หลักของบริษัท และลดบทบาทของ X.com ลงนั่นเอง

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ Musk ต้องจากลาไป และการกลับมาอีกครั้งของ Peter Thiel จะทำให้สถานการณ์ของบริษัทดีขึ้นหรือไม่ แล้วปัญหาต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขนั้น Thiel จะจัดการกับมันอย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 7 : Monopolist Strikes

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

PayPal Wars ตอนที่ 4 : Growing Pains

APRIL—MAY 2000

หลังผ่านวิกฤติฟองสบู่ดอทคอมแตกมาได้แบบเฉียดฉิว ทีมงาน Confinity และ X.com ก็ต้องเจอข่าวร้ายอีกครั้งเมื่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการบัตรเครดิตโลกอย่าง Visa ได้ตกลงกับ ebay ที่จะทำตลาดบริการ billpoint อย่างเป็นทางการ

เรียกได้ว่า มันเป็นศึกที่สาหัสมาก ๆ สำหรับทีมงาน X.com เพราะ Visa นั้นเป็นตัวจริงในวงการด้านการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต สิ่งที่ Visa ต้องการนั่นก็คือการบุกเข้ามายัง ebay เพื่อทำการโปรโมตตัว Visa เองในชุมชนของ ebay ผ่านทางบริการของ ebay อย่าง billpoint

และสิ่งสำคัญที่สุดของการร่วมมือกันในครั้งนี้ของ Visa และ Billpoint ของ ebay ก็คือ ทาง Visa ได้ตัดสินใจยกเว้นค่าธรรมเนียมผู้ขายทั้งหมด เพื่อรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต Visa จึงถึงเดือนพฤษภาคมปี 2000 ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยลดค่าธรรมเนียมให้กับ Billpoint เป็นจำนวนเงินมหาศาล สำหรับผู้ขายที่ใช้บัญชีของ Billpoint นั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่าการร่วมมือกันของ ebay และ Visa นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ X.com ที่บริการอยู่ใน ebay ซึ่ง การลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าใน ebay หันมาเลือกใช้วิธีการชำระเงินผ่าน billpoint เป็นอันดับแรก ซึ่งในแต่ละวันทำให้ลูกค้าใช้บริการของ billpoint เพิ่มขึ้นจาก 1% กลายเป็นสูงถึง 10% ของรายการประมูลทั้งสิ้น 4 ล้านรายการในแต่ละวันของ ebay ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก สำหรับทีมงาน X.com และ Confinity

Visa มาร่วมมือกับ ebay เพื่อผลักดัน billpoint
Visa มาร่วมมือกับ ebay เพื่อผลักดัน billpoint

ปัญหาเรื่องปัจจัยภายนอกนั้นไม่ใช่ปัญหาเดียวของทีมงาน X.com และ Confinity เพราะ พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาภายใน site ของตัวเอง ที่กำลังก่อตัวขึ้น ตามจำนวนผู้ใช้งานที่เริ่มสูงขึ้น

มี email ส่งมาสอบถามเรื่องบริการ รวมถึงการแจ้งปัญหาการใช้บริการ นับพัน email ต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นข้อผิดพลาดของผู้ใช้ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบบัตรเครดิต หรือ บัญชีธนาคาร กลายเป็นเรื่องใหญ่มากในการที่จะตอบสนองกับคำร้องเรียนเหล่านี้ให้เท่าทันเวลา เพราะทีมงานด้านการบริการลูกค้าที่ยังมีอยู่จำกัด

และมันเป็นเรื่องของเงินซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่นั้นไม่เต็มใจที่จะรอนานนัก หากเกิดปัญหากับเงินของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกรรม การถอนเงินต่าง ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ สร้างความหัวเสียให้กับเหล่าลูกค้าที่ใช้บริการของ X.com , PayPal ได้

และที่สำคัญ คลื่นยักษ์ของจำนวนผู้ใช้รายใหม่ที่เกิดขึ้น ได้เข้าสู่ขีดจำกัดของความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานและโซลูชั่นที่ทีมงานของ Confinity พึ่งพาอยู่นั้น มันพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถที่จะปรับให้รองรับได้อีกต่อไป

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้นั้น มันทำให้พวกเขาต้องการกำลังพลเพิ่มเติม โดยเฉพาะงานด้านบริการลูกค้า ก่อนที่ ลูกค้าจะเริ่มย้ายไปใช้บริการของคู่แข่ง แต่ด้วยอัตราการว่างงานในซิลิกอนวัลเลย์ ที่ตอนนั้นอยู่ใกล้เคียง 1%

ในต้นปี 2000 แรงงานท้องถิ่นในแถบซิลิกอน วัลเลย์ ขาดแคลนเป็นอย่างมาก และที่สำคัญยังมีค่าแรงที่สูงมากด้วย ทางเลือกในการ outsource งานเหล่านี้นั้น จะได้งานที่ไร้คุณภาพกลับมาแทน ซึ่ง Elon Musk นั้นรับไม่ได้ จึงได้มอบหมายให้ Julie Anderson หนึ่งในพนักงานคนแรกของเขาที่ X.com หาทุกวิธีเพื่อเพิ่มขนาดแผนกบริการลูกค้าให้เร็วที่สุด เพราะตอนนั้นเป็นเรื่องที่ซีเรียสที่สุด

และการที่ทั้ง X.com และ Confinity ได้รวมตัวกันได้ไม่ถึง 6 สัปดาห์ ความแตกต่างทางด้านแนวคิดของวิศวกรของทั้งสองทีม เป็นเรื่องที่ยากต่อการแก้ไข ทีมวิศวกรของ Confinity ส่วนใหญ่รู้จักแต่ UNIX ในขณะที่ทีมวิศวกรของ X.com นั้นถนัดใช้แต่ Windows Server รวมถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาก ๆ

การรวมกันระหว่างเว๊บไซต์ X.com และ PayPal.com ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำได้สำเร็จ มันเป็นการรวมบริษัทแบบหลวม ๆ กันเสียมากกว่า มันต้องใช้เวลาอีกนานกว่าทั้งสองบริษัทจะผสานการทำงานกันได้อย่างลงตัวฺ

Bill Harris ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ฐานข้อมูลของทั้งสองบริษัทมารวมกันนั้น ก็ผิดหวัง เพราะมันยังไม่สามารทำได้ ทั้ง PayPal และ X.com นั้นทำงานต่อเนื่องในฐานะบริการที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง ไม่เหมือนบริษัทเดียวกันเลยด้วยซ้ำ

แต่ในบรรดาเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นก็ยังมีเรื่องดี ๆ กับพวกเขาบ้าง เมื่อ PayPal และ X.com ก็เติบโตใน ebay อย่างต่อเนื่อง ภายในเดือนพฤษภาคม PayPal สามารถครองส่วนแบ่งตลาดการชำระเงินใน ebay ได้สูงขึ้นถึง 35% ท่ามกลางปัญหามากมายที่เกิดขึ้น

มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ Billpoint ไม่สามารถที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ ebay คิด ผู้ขายส่วนใหญ่ใน ebay ยังเลือกที่จะสนับสนุน PayPal อยู่ แม้จะมีข้อเสนอฟรีค่าธรรมเนียมของ Visa ให้กับ Billpiont ก็ตามที

ปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากการที่เข้าสู่ ebay ก่อนใครของ PayPal ทำให้เหล่าลูกค้าติดการใช้บริการของ PayPal ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อพวกเขาใช้จนติดแล้วนั้น มันก็ยากที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการอื่น เพราะ PayPal ก็ทำบริการออกมาได้ใช้งานง่ายมาก ๆ พวกเขาจึงเลือกใช้มันต่อไปในอนาคต ไม่หันไปหาคู่แข่งอย่าง Billpoint

และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Peter Thiel ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานด้านการเงินหลังจากควบรวม ได้ส่ง email แจ้งให้กับพนักงานทราบว่าเขาได้ลาออกจากตำแหน่งรองประธานบริหารของ X.com (บริษัทที่ควบรวม)

ในระหว่างที่ PayPal กำลังเติบโตได้สวยงามนั้น ก็เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่าง Bill Harris กับ Peter Thiel อย่างรุนแรง ในเรื่องแนวความคิดในการนำพาบริษัทก้าวต่อไปในหลาย ๆ เรื่อง ทำให้สุดท้าย Thiel ต้องเป็นฝ่ายถอยออกไป

ปัญหารุมเร้า ทำให้  Bill Harris กับ Thiel ถึงจุดแตกหัก
ปัญหารุมเร้า ทำให้ Bill Harris กับ Thiel ถึงจุดแตกหัก

ฟากฝั่ง Elon Musk นั้น ก็เริ่มได้ฟังเสียงบ่นจากเหล่าทีมบริหารที่เริ่มไม่พอใจกับผลงานของ Bill Harris เช่นเดียวกัน บริษัทกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง การควบรวมที่ไม่เป็นไปตามแผน

ปัญหาการบริการลูกค้าที่กำลังนำพาทั้ง PayPal และ X.com เข้าไปอยู่ในจุดเสี่ยง และ เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ Musk รู้จาก Thiel ว่า Harris นั้นได้นำเงินทุนของบริษัท ไปบริจาคให้พรรคการเมืองที่เขาสนับสนุนถึง 25,000 เหรียญ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ Musk ต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เพราะเขาเป็นผู้ที่ถือหุ้นใหญ่สุดของบริษัทหลังจากการควบรวมกิจการ

Musk จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการฉุกเฉิน เพื่อทำการขับไล่ชายที่เขาจ้างมาช่วยดูแลในฐานะ CEO เมื่อหกเดือนก่อน และสุดท้าย Bill Harris ก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องจากลาไปอีกหนึ่งคน และมันถึงเวลาที่ Musk ต้องเข้ามาควบคุมการปฏิบัติงานทั้งหมดแทน โดยเข้ามารับตำแหน่ง CEO เพื่อนำพาบริษัทให้ก้าวต่อไปให้ได้นั่นเอง จะเกิดอะไรขึ้นกับทีมงาน Confinity และ X.com ภายใต้การดูแลของ Musk อย่างเต็มตัว โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

—> อ่านตอนที่ 5 : The Producers

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

PayPal Wars ตอนที่ 2 : BreakThrough

DECEMBER 1999—FEBRUARY 2000

Confinity ได้ประกาศเปิดตัว PayPal ออกสู่สาธารณชน โดยนัดสื่อมวลชนทางด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ ๆ ให้เข้ามร่วมทำข่าวการเปิดตัวของ PayPal โดยได้นักแสดงนำของหนัง StarTrek อย่าง Scotty มาดึงดูดความสนใจกับสื่อมวลชน ซึ่ง Thiel นั้นหวังว่างานนี้จะต้องทำให้ PayPal แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

แต่ทีมงานของ Confinity ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อบริการแบบ PayPal นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งการเกิดขึ้นของ PayPal นั้นไม่ได้เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์ให้กับสื่อมวลชนต่าง ๆ แต่อย่างใด

dotbank.com คือบริการรายแรกที่เลียนแบบการทำงานของ PayPal อย่างชัดเจน และยังมีแคมเปญ ที่แทบจะเลียนแบบมาจาก PayPal เลยด้วยซ้ำคือจะมีการมอบเงิน 5 เหรียญเข้าบัญชีทันทีที่เปิดบัญชี หรือ มีการแนะนำให้เพื่อนได้มาทดลองใช้งาน dotbank

แถม dotbank ยังทำบางอย่างได้ดีกว่า มันไม่ใช่เพียงแค่การคัดลอก PayPal เท่านั้่น แต่ dotbank นั้นยังเพิ่มฟีเจอร์เด็ดอย่างนึงก็คือ บริการที่ให้ผู้ใช้สามารถที่จะส่งใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ไปยังบุคคลที่สามได้ มันเป็นการตีแสกหน้า PayPal อย่างชัดเจน และเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่เปิด มันทำให้ไม่มีสิ่งใดที่ Confinity จะสามารถทำได้เลยที่จะป้องกันไม่ให้ dotbank มาแย่งตลาดของพวกเขา

และ Thiel ก็ไม่รอช้า สั่งการให้ Jamie Templeton ที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ในขณะนั้น รีบสั่งให้วิศวกรโคลนฟีเจอร์ของ dotbank ลงมาใน PayPal ให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งทำให้ Max Levchin รวมถึงทีมงานฝ่าย Development นั้นแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว

แต่ฝันร้ายของพวกเขาก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อได้เกิดผู้ท้าชิงขึ้นมาอีกคนที่โผล่มาแบบไม่คาดคิด นั่นก็คือ X.com

โดย Elon Musk ได้ทำการก่อตั้ง X.com ในปี 1999 หลังจากได้ทำการขายบริษัทก่อนหน้าที่ชื่อว่า Zip2 ให้กับ Compaq มูลค่ากว่า 307 ล้านเหรียญ และมันเป็นเรื่องน่าบังเอิญที่ X.com เช่าสำนักงานอยู่ไม่ไกลจาก Confinity นัก และเหล่าพนักงานยอดอัจฉริยะของบริษัททั้งสองมักจะมาเจอกันบ่อยครั้งบริเวณทางเข้าสำนักงานหรือบริเวณห้องน้ำ

X.com ของ Elon Musk นั้นได้สร้างฟีเจอร์การชำระเงินทาง email อย่างเงียบ ๆ บนบริการบัญชีธนาคารที่มีอยู่ และได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal

X.com ของ Elon Musk คือศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal
X.com ของ Elon Musk คือศัตรูที่น่าเกรงขามที่สุดของ PayPal

ซึ่งด้วยฟังก์ชั่นใหม่ของ X.com ที่อนุญาตให้ผู้มีบัญชี X.com สามารถเขียนเช็คและถอนเงินที่ตู้ ATM รวมถึงการให้บริการวงเงินเบิกเกินบัญชีให้กับลูกค้าถึง 500 เหรียญ และยังเพิ่มโบนัสผู้ใช้ใหม่มากกว่า PayPal ถึง 2 เท่าด้วย แถมสามารถสร้าง URL ที่กำหนดเองให้ส่งไปยังเพื่อนหรือครอบครัวได้ง่าย ๆ และเมื่อทุกคนที่คลิก link ดังกล่าว และลงทะเบียน จะทำให้เจ้าของ link ได้รับเครดิตเพิ่มเข้าไป

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง มันคือการแข่งขัน ใครให้สิ่งที่ดีกว่ากับผู้ใช้ ก็อาจจะชนะได้ในสงครามปฏิวัติการเงินครั้งนี้ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีรางวัลให้กับผู้แพ้ ทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นการเดิมพันอนาคตของทุกบริษัทเลยก็ว่าได้

โดยทั้งสามบริษัทต่างเผาเงินกันอย่างบ้าคลั่ง Thiel ถึงกับให้หาทางใช้เงิน 1 ล้านเหรียญให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม ทั้ง email marketing หรือ วิธีอื่น ๆ ใด ๆ ที่สามารถดึงลูกค้ามาใช้ PayPal นั้นทีมงานการตลาดของ Confinity ก็พยายามจะสรรหาทุกวิธีในการทำตลาด

และ Eric ที่เป็นหนึ่งในทีมการตลาดที่ย้ายมาร่วมงานกับ Confinity ก็ได้เริ่มสรรหากลุ่มคนกลุ่มใหม่ ๆ หลังจากใช้หลาย ๆ แผนการตลาดแล้ว จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นเริ่มจะตีบตัน

จนเขาได้คิดถึงเว๊บไซต์ประมูลชื่อดังในขณะนั้นอย่าง ebay.com ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อขายสินค้าต่าง ๆ ที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว๊บไซต์ประมูลชื่อดังอย่าง ebay นั้น ผู้ใช้เหล่านี้จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากบริการชำระเงินแบบตัวต่อตัว เช่น PayPal

เดิมทีนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่ใน ebay ไม่สามารถที่จะใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระเงินสำหรับซื้อสินค้าที่ประมูลมาได้ วิธีการที่ใช้กันในขณะนั้นคือ การส่งเช็ค หรือ ธนาณัติทางไปรษณีย์ไปยังผู้ขายตามจำนวนเงินที่ชนะการประมูล ซึ่งใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้น ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากมาก ๆ สำหรับผู้ใช้ ebay ซึ่งเป็นสิ่งที่ PayPal สามารถมาปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

PayPal นำร่องเข้าสู่ชุมชนของ ebay
PayPal นำร่องเข้าสู่ชุมชนของ ebay

ซึ่ง Thiel ก็เห็นด้วยกับ Eric และได้สั่งลุยใน ebay ทันที โดยมีทีมงานอย่าง Luke Nosek และ David Sacks เข้ามาช่วยในเรื่องทางด้านเทคนิคอล เพื่อให้การผสานเข้ากับ ebay นั้นทำได้อย่างราบรื่นที่สุด

และ เพียงไม่นาน PayPal ก็ยึดหัวหาดใน ebay ได้สำเร็จ และเริ่มหยั่งรากลึกลงไปในชุมชนออนไลน์ของ ebay ได้สำเร็จ ด้วยการผสมผสานระหว่างบริการที่ใช้งานง่ายของ PayPal รวมถึง การมีโบนัสในการแนะนำผลิตภัณฑ์ของ Confinity มันได้ช่วยให้การเติบโตของ PayPal ใน ebay นั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ในตอนนั้นมันชัดเจนแล้วว่า ebay คือ แหล่งสร้างผู้ใช้งานที่ดีที่สุดของ PayPal Thiel จึงสั่งทีมงานให้ยกเลิกการพัฒนาฟีเจอร์ในส่วนอื่น และหันมาโฟกัส กับการทำงานร่วมกับ ebay ให้ดีที่สุด มีการพัฒนา ฟีเจอร์เพิ่มมากมาย เพื่อให้กับผู้ใช้งานใน ebay แทบจะทั้งสิ้น เพื่อให้ประสบการณ์ในการชำระเงินผ่าน PayPal ของลูกค้า ebay นั้นดีที่สุด และสุดท้ายมันทำให้จำนวนผู้ใช้งานของ PayPal พุ่งขึ้นถึง 100,000 คนได้อย่างรวดเร็วหลังจากไปคลุกคลีอยู่ใน ebay เพียงไม่นาน

และเมื่อ Elon Musk ได้กลิ่นแปลก ๆ ของการเติบโตอย่างรวดเร็วของ PayPal ในขณะนั้น เขาจึงได้ให้ทีมงานตามสืบเรื่องราว จบพบว่า ebay เป็นชุมชุนที่เหมาะสมมากกับบริการ X.com ของเขาเช่นเดียวกัน จึงทำการมุ่งไปที่ ebay เช่นเดียวกันกับ PayPal แต่ตรงกันข้ามกับ dotbank ที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจ ebay เลย ซึ่งดูเหมือนเป็นทางแยกที่สำคัญของตลาดการชำระเงินออนไลน์ในครั้งนี้เลยก็ว่าได้

และการแข่งขันใน ebay ระหว่าง X.com และ PayPal ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทางทีมงานของ Confinity สร้างกลยุทธ์ใหม่โดยการสร้าง Bot ขึ้นมาเพื่อเสนอราคาการประมูลในสินค้าบางประเภทได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และพยายามที่จะชนะการประมูลและชำระเงินด้วย PayPal โดยที่ผู้ขายอาจจะคิดว่าเขากำลังติดต่อกับผู้ซื้อที่เป็นมนุษย์

ซึ่งความพยายามเหล่านี้แน่นอน ทางหนึ่งมันคือการสร้างฐานผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในชุมชนของ ebay เมื่อ PayPal มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยคน เป็น หลัก หมื่นคนต่อวัน และจำนวนพนักงานก็เพิ่มขึ้นไปถึง 50 คนเมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2000

แต่ปัญหาใหญ่ของ Confinity กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อ ปรากฏการณ์ ฟองสบู่ดอทคอมได้เริ่มก่อตัวขึ้นใน Silicon Valley แม้ Thiel เพิ่งจะอัดฉีดเงินมากว่า 23 ล้านเหรียญ ในเดือนก่อนหน้าเพียงไม่นาน

แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของ PayPal ในขณะนี้นั้น พวกเขาต้องจ่ายโบนัสให้กับลูกค้ามากกว่า 100,000 เหรียญต่อวัน ในขณะที่แนวทางการหารายได้จากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ มักจะถอดเงินออกไปหลังจากได้รับโบนัสทันที

และที่แย่กว่านั้นคือ มีผู้ใช้งานเพียงไม่กี่คนที่ยังคงรักษาบัญชียอดคงเหลือไว้ในบัญชีของ PayPal เพราะส่วนใหญ่พวกเขาใช้บัตรเครดิตเพื่อการชำระเงิน และ Confinity ต้องเสีย 2% สำหรับค่าธรรมเนียมไปยังสมาคมบัตรเครดิตในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่มีคนลงทะเบียนและใช้ PayPal ดูเหมือน Confinity จะสูญเสียเงินออกไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายคู่แข่งคนสำคัญอย่าง X.com ที่ดูเหมือนว่าจะตามตื้อ PayPal ไม่เลิกรา และไม่ใช่คู่แข่งที่สามารถกำจัดออกไปได้โดยเร็วอย่างแน่นอน ซึ่งชะตากรรมของ PayPal จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

—> อ่านตอนที่ 3 : Mega-Merger

ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***