The Line กับแนวคิดการสร้างเมือง Zero Carbon ยุคใหม่ของซาอุดิอาระเบีย

ซาอุดีอาระเบียได้เปิดตัวโครงการเมืองไร้คาร์บอนแห่งใหม่ล่าสุดชื่อว่า “The Line” ซึ่งจะเป็นมหานครที่ใช้แนวคิดแบบใหม่ โดยจะมีการสร้างเป็นเส้นตรงยาวกว่าร้อยไมล์ ไม่มีรถยนต์ ไม่มีถนน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์

เมืองแนวคิดใหม่นี้ตามคำแถลงของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดบินซัลมานมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย จะสามารถรองรับประชากรได้หนึ่งล้านคนจากทั่วโลก

เมืองใหม่นี้จะมีการพัฒนาเป็นครั้งแรกที่ NEOM โซนธุรกิจพลังงานในทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบียที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเลิกพึ่งพาการส่งออกน้ำมันเป็นหลัก  ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

ซาอุดิอาระเบียกำลังคิดสร้างสิ่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดวงจันทร์เทียม ฝนเทียม หุ่นยนต์เช่น The Wall Street Journal รายงานในปี 2019 รวมถึงแผนการสำหรับสร้างเมืองรองรับมนุษย์ที่ได้รับการแก้ไขยีนด้วยเทคโนโลยีอย่าง CRISPR,

ทุกอย่างใน The Line จะ “เดินจากบ้านไม่เกินห้านาที” บินซัลมาน กล่าว ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเดินทางในเมืองที่ยาว 100 ไมล์ได้อย่างไร แต่บินซัลมานกล่าวว่า การเดินทางจากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งจะใช้เวลาเพียง 20 นาที

ต้องขอบคุณ “The Spine” ระบบขนส่งสุดไฮเทคที่เชื่อมต่อโมดูลต่างๆของเมืองนี้ ซึ่งรวมถึง “การขนส่งความเร็วสูง” และ “การขนส่งด้วย AI ที่จะเปิดใช้งาน” ตามเอกสารที่เป็นทางการ

“จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเมืองต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องพลเมืองของตน” บินซัลมานกล่าว “หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมืองต่างๆให้ความสำคัญกับเครื่องจักร รถยนต์และโรงงานมากกว่าผู้คน”

บินซัลมานยังให้เหตุผลว่าในเมืองที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก ผู้คนต้องเสียเวลาในการเดินทางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยสังเกตว่าภายในปี 2050 แนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และด้วยการเดินทางผู้คนจำนวนมากขึ้นจะเสียชีวิตจากมลภาวะที่เกิดขึ้น

การมีทุกอย่างอยู่ห่างออกไปไม่เกิน 5 นาทีจะช่วยลดอุบัติเหตุจราจรร้ายแรงได้เช่นกัน เจ้าชายกล่าว

แผนดังกล่าวพบกับความสงสัยมากมายทางออนไลน์โดยบางคนเรียกมันว่าความพยายามที่ว่างเปล่าในการดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศ

“ทุกอย่างเกี่ยวกับ NEOM ดูเหมือนว่ามันเป็นความฝันของเจ้าชายซาอุดีอาระเบียที่ดูหนังไซไฟแล้วพูดว่า ‘มันดูดีเอาเงินไปสร้างมันเลยแสนล้านเหรียญ’ ” Gregg Carlstrom ผู้สื่อข่าว The Economist เขียนในทวีต

แต่ผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่ยังชี้ให้เห็นถึงเรื่องปัญหาสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นในประเทศซาอุดิอาระเบีย

“LINE เป็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของโมฮัมเหม็ดบินซัลมานในการเปลี่ยนโฉมโครงการ NEOM ที่ล้มเหลวของซาอุดิอาระเบีย” รีเอ็ม อับเดลลาติฟ ผู้สนับสนุนสิทธิสตรีทวีต “หลังจากเผชิญกับความท้าทายจากชนเผ่าในท้องถิ่นและไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้ [โมฮัมเหม็ดบินซัลมาน] ก็ใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เน่าเฟะ”

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่การก่อสร้างจะเริ่มในต้นปี 2021 และคาดว่าจะมีการอัดฉีดเงิน 48,000 ล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่นรวมถึงการจ้างงานกว่า 38,000 ตำแหน่ง

References : https://www.reuters.com/article/us-saudi-neom-project/saudi-crown-prince-launches-zero-carbon-city-in-neom-business-zone-idUSKBN29F0L8
https://www.wsj.com/articles/a-princes-500-billion-desert-dream-flying-cars-robot-dinosaurs-and-a-giant-artificial-moon-11564097568
https://whatistheline-newsroom.neom.com/the-line-launch-media-kit-361021
https://www.specialarabia.com/en/details/Saudi-Arabia-Announces-Building-A-Zero-Carbon-City

เจ้าชายซาอุฯ วางแผนจัดทำเมืองยุคใหม่ด้วยประชากรที่มีการตัดต่อยีน

ในแผนการพัฒนาเมืองใหม่ของซาอุดิอาราเบีย จะมีสาวใช้หุ่นยนต์ รถแท็กซี่บินได้ และเมืองจะสว่างสดใสดในที่มืดบนทะเลทราย ตามเอกสารที่เป็นความลับ ที่มีการตรวจสอบโดย The Wall Street Journal โดยดวงจันทร์เทียมจะส่องสว่างบนท้องฟ้าทุกคืน และเกาะสไตล์จูราสสิคพาร์คจะช่วยให้ผู้มาเยี่ยมชม ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยไดโนเสาร์หุ่นยนต์ เหมือนในหนังจริง ๆ 

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้น อยู่ในเอกสารการวางแผนที่ได้รับจากWSJ จำนวนกว่า 2,300 หน้า  เป็นแผนสำหรับการบังคับย้ายถิ่นฐานของชนเผ่าพื้นเมือง รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีการแพทย์ใหม่ ๆ มีการสร้างคลินิกแก้ไขยีนของมนุษย์ทำให้กลายเป็นยอดมนุษย์ได้เหมือนในหนัง Hollywood โดยจะมีการเฝ้าระวังของรัฐบาลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน 

เจ้าชายโมฮัมเหม็ดบินซาลมานซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม MBS ได้ทำงานร่วมกับทีมที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับเมืองแห่งใหม่ที่มีมูลค่า 500 พันล้านเหรียญสหรัฐในเขตตะวันตกเฉียงเหนือที่แห้งแล้งของซาอุดิอาระเบีย

มีโลกของหุ่นยนต์ไดโนเสาร์เหมือนหนัง จูราสิก ปาร์ก
มีโลกของหุ่นยนต์ไดโนเสาร์เหมือนหนัง จูราสิก ปาร์ก

แม้ว่ามันจะเป็นที่แห้งแล้งในรูปแบบของทะเลทรายเป็นเวลานาน แต่ MBS วางแผนที่จะใช้ “การสร้างคลาวด์” หรือ เมฆเทียม เพื่อทำการผลิตฝนเหนือเมือง Neom โดยจะทำให้เมืองเย็นลงและทำให้ ผักผลไม้สด สามารถทำการเพราะปลูกได้อย่างอุดมสมบูรณ์ 

เหล่าประชากรในอนาคตที่ไม่สนใจที่จะเยี่ยมชมตลาดสดของเหล่าชาวนา ชาวสวน ก็สามารถที่จะจับจองร้านอาหารระดับมิชลินได้ ซึ่ง Neom ตั้งเป้าหมายว่าจะมีจำนวนประชากรต่อพื้นที่มากกว่าที่อื่น ๆ ในโลกตามแผนที่วางไว้

สำหรับสิ่งอื่นที่คุณจะพบใน Neom นั้น WSJ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงแผนการสำหรับโรงเรียนระดับโลกที่มีครูสอนผ่านเทคโนโลยีโฮโลแกรม รวมถึงมีงานที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกและหาดทรายที่สามารถส่องแสงในที่มืดได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่ MBS ต้องการ 

“NEOM เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่มีความจำเป็นในอนาคต ที่มีวิสัยทัศน์อย่างแรงกล้าในการสร้างเมืองรูปแบบใหม่ขึ้นมา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NEOM  Nadhmi Al Nasr บอกกับ WSJ “  ดังนั้นเรากำลังพูดถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเหนือกว่าที่เคยมีอยู่  และในบางเทคโนโลยียังอยู่ระหว่างการพัฒนาและอาจเป็นไปได้ในทางทฤษฎี เราก็จะนำมาร่วมทดสอบด้วย”

มันจะง่ายต่อการถูกมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันด้วยสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดที่มีรายละเอียดในเอกสารการวางแผนของ Neom  แต่อย่างไรก็ดีเมืองแห่งอนาคตก็ดูมีความน่าสงสัยเหมือนรัฐที่คอยจับตามองประชากรตลอดเวลาคล้าย ๆ แนวคิดของระบอบแบบเผด็จการนั่นเอง

“นี่ควรจะเป็นเมืองรูปแบบอัตโนมัติที่เราสามารถดูข้อมูลทุกอย่างได้” คณะกรรมการที่ตั้ง NEOM ได้ยกคำพูดในเอกสารตามที่ WSJ รายงาน “ [เมือง] ที่คอมพิวเตอร์สามารถแจ้งอาชญากรรมโดยที่ประชาชนแทบไม่ต้องโทรแจ้งเลยด้วยซ้ำ”

และนั่นจะต้องขอบคุณคลินิกการแพทย์ที่สามารถดัดแปลงพันธุกรรมของประชากรในเมือง Neom ให้แข็งแกร่งขึ้นและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น มากกว่าเมืองไหน ๆ ในโลกนี้  หมายความว่า MBS อาจไม่เพียงวางแผนที่จะสร้างเมืองแห่งอนาคต แต่เป็นการสร้างยอดมนุษย์ของเมืองขึ้นมาด้วยเช่นกันนั่นเอง

References : 
https://www.wsj.com/articles/a-princes-500-billion-desert-dream-flying-cars-robot-dinosaurs-and-a-giant-artificial-moon-11564097568