Geek Monday EP48 : Ecommerce Disruption เมื่อ Facebook Shop กำลังจะเข้ามาท้าทาย Amazon

ก่อนหน้านี้ facebook ได้ทำลายธุรกิจ สื่อหนังสือพิมพ์ หรือ นิตยสาร ที่ต่างปิดตัวกันถ้วนหน้าหากไม่มีการปรับตัวเข้าสู่ยุค digital รวมถึงการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่มาก ๆ คือตลาด live TV และ VDO

ซึ่งการเข้าสู่ Ecommerce เต็มตัวในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวใหญ่ที่สำคัญก้าวหนึ่งเลยก็ว่าได้ และกำลังเข้าไปกินเค้กเม็ดเงินที่ใหญ่มาก ๆ ในตลาด Ecommerce รวมถึงในด้านการเงิน Libra Coin ที่ facebook ที่กำลังจะเปิดตัวนั้น แสดงให้เห็นว่า Facebook พร้อมที่จะรุกไปในทุกธุรกิจ ผ่านข้อมูลที่เขามีอยู่อย่างมากมาย

การขับเคลื่อนธุรกิจของ facebook ในด้านต่าง ๆ  ถือว่าสำคัญต่ออนาคตของ facebook เป็นอย่างมาก และเราอาจจะได้เห็น facebook ล้มยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ได้ในเร็ว ๆ วันนี้ก็อาจเป็นไปได้ครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/2LWMEDe

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast : https://bit.ly/2Zz0Zhc

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/3bWFhpF

ฟังผ่าน Youtube https://youtu.be/_qQOCe9jlHk

Synapse กับการปฏิเสธเงินล้านครั้งแรก สู่การบริจาคหุ้น 99% ของ Mark Zuckerberg

ภาพจำของ Mark Zuckerberg ที่คนส่วนใหญ่ได้เห็นนั้นอาจจะมาจากภาพยนตร์เรื่อง “The Social Network” แต่หลายคนก็ไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของ Mark Zuckerberg มากมายนัก

ต้องถือว่าเป็น icons ที่สำคัญของ วงการ startup ทั่วโลกเลยก็ว่าได้สำหรับ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง facebook ที่มีผู้ใช้งานอยู่มากมายทั่วโลกในขณะนี้

สำหรับ ประวัติ mark zuckerberg นั้น ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของการก่อกำเนิดของ facebook นั้น ต้องย้อนกลับไปที่ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในปี 2003

mark zuckerberg ถือเป็น อัจฉริยะ คนหนึ่งในด้านคอมพิวเตอร์ ที่หลายคนรู้จักดีในฮาร์วาร์ด เขามีประวัติด้านคอมพิวเตอร์ที่ไม่ธรรมดามาตั้งแต่ตอนเรียน high school โดยเขากับเพื่อน ได้เคยร่วมกันสร้างสร้าง plugin ของ media player เพื่อหา playlist ตามรสนิยมของผู้ใช้ ในชื่อ Synapse 

Mark สร้าง Synapse ในช่วงต้นปี 2000 ซึ่งตรวจจับรสนิยมของเพลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นผลงานแรก ๆ ที่มันได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มุ่งสู่การเป็นเศรษฐี ของอีกหลายล้านคนในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์

บริษัท ใหญ่ ๆ อย่าง Microsoft และ AOL ต้องการซื้อแอปนี้ ซึ่งมีข่าวว่าทาง Microsoft นั้นเคยยื่นข้อเสนอถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่ Mark ได้ปฏิเสธทั้ง Microsoft หรือ AOLและอัปโหลดแอปตัวนี้แจกฟรี ๆ

Synapse โปรเจคที่ Mark ปฏิเสธการขอซื้อจากยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft
Synapse โปรเจคที่ Mark ปฏิเสธการขอซื้อจากยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft

ซึ่งแอปพลิเคชัน Synapse นั้นถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากและสื่อต่าง ๆ ให้ความสนใจมากมาย ทั้ง slashdot.org รวมไปถึงการได้รับการจัดอันดับ 3/5 โดยนิตยสารชื่อดังอย่าง PC Magazine ซึ่งด้านล่างนี้คือบางส่วนของความคิดเห็นจากผู้ใช้ใน cnet.com

“ ฉันใช้เครื่องเล่นสื่อไซแนปส์ที่บ้านและทำงานในช่วงเดือนที่ผ่านมาเพราะเห็นมันถูกพูดถึงใน slashdot.org มันค่อนข้างบั๊ก เช่น เสียงมักจะบกพร่องในตอนต้นของเพลง และฉันได้รับข้อผิดพลาดเหล่านี้ของโปรแกรม ซึ่งเมื่อฉันไปดู Log จากเว็บอินเตอร์เฟส อย่างไรก็คุณสมบัติของ Synapse นั้นน่าทึ่งทีเดียว ต้องใช้เวลาสักครู่ในการเรียนรู้และเห็นได้ชัดว่ามันอยู่ในสถานะของการเรียนรู้ / การเรียนรู้ใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากใช้ไปสักพักมันก็กลายเป็นแอปที่น่าประทับใจทีเดียว  แค่ฝึกมันให้เรียนรู้และคุณจะชอบมัน!”

ข้อความที่ตัดตอนมาจากบทวิจารณ์: “นี่เป็นโปรแกรมเล่น Media ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นในปัจจุบันที่มีฟังก์ชั่นเดียวที่ฉันพบว่ามันขาดคือเครื่องมือแก้ไขแท็กขั้นสูงและความสามารถในการจัดกลุ่มตามอัลบั้ม”

ซึ่งจะเห็นได้ว่า Mark นั้นสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น ในขณะที่เข้าเรียนอยู่เพียงแค่ High School เพียงเท่านั้น และที่สำคัญ มันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องเงินนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการแต่อย่างใด เขาต้องการสร้างสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกเราให้ดีขึ้น จนได้มาสร้าง Facebook ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จอย่างสูงในภายหลังนั่นเอง

และสุดท้าย เขาก็ได้ประกาศสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ หลังจากภรรยาคลอดลูกสาวคนแรก นั่นก็คือการประกาศบริจาคหุ้น 99% ที่เขามีใน Facebook ให้กับองค์กรการกุศล

เนื่องจากโครงสร้างสองชั้นที่ไม่เหมือนใครของการถือหุ้นใน Facebook ซึ่งเขาเป็นเจ้าของหุ้น Super Voting พิเศษ Zuckerberg จึงสามารถให้หุ้นสามัญได้ในขณะที่ยังคงสามารถควบคุมเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2004 ได้อยู่อย่างเบ็ดเสร็จ แม้จะบริจาคหุ้นไปจำนวนมหาศาลเพื่อการกุศลแล้วก็ตามที

CEO ของ Facebook ประกาศการบริจาคของเขาในจดหมายถึง Max ลูกสาวคนแรกของเขา

“วันนี้ผมและภรรยาตั้งใจจะใช้ชีวิตด้วยการทำส่วนเล็ก ๆ ของเราเพื่อช่วยแก้ปัญหาความท้าทายเหล่านี้ ผมจะยังคงทำหน้าที่เป็น CEO ของ Facebook ต่อไปอีกหลายปี แต่ปัญหาเหล่านี้สำคัญเกินกว่าจะรอจนกว่าที่ผมจะแก่กว่าเพื่อเริ่มงานนี้ ซึ่งการเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ เราหวังว่าจะเห็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้นตลอดชีวิตของผม”

“พวกเราก็ได้เริ่มมูลนิธิ Chan Zuckerberg เพื่อเข้าร่วมกับผู้คนทั่วโลกเพื่อพัฒนาศักยภาพของมนุษย์และส่งเสริมความเท่าเทียมกันสำหรับเด็กทุกคนในรุ่นต่อไป จุดเริ่มต้นของการมุ่งเน้นของเราคือการเรียนรู้ส่วนบุคคล การรักษาโรค การเชื่อมโยงผู้คนและการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”

“ผมจะมอบหุ้น Facebook ของเรา 99% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 45 พันล้านเหรียญในช่วงชีวิตของเราเพื่อพัฒนาภารกิจนี้ เรารู้ว่านี่เป็นผลงานเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทรัพยากรและความสามารถของผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว แต่เราต้องการทำสิ่งที่เราทำได้และทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้ดีขึ้นในอนาคต”

ต้องบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากเมื่อ 5 ปีก่อนหน้า Mark ได้ลงนามใน “Giving Pledge” – พร้อมกับเศรษฐีทางด้านเทคโนโลยีคนอื่น ๆ เช่น Bill Gates เพื่อมอบทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ของเขาให้กับการกุศลมาก่อนหน้านี้แล้ว

Mark ได้กล่าวถึง Gates ว่าเป็นหนึ่งในวีรบุรุษในวัยเด็กของเขาเพราะความกระตือรือร้นในการสร้าง Microsoft ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี  Gates เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกโดยมีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลของ Bloomberg Billionaires ซึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของ Mark Zuckerberg อยู่ที่ สี่หมื่นหกพันล้านเหรียญสหรัฐ

Bill Gates ที่เปรียบเสมือนฮีโร่ของ Mark Zuckerberg
Bill Gates ที่เปรียบเสมือนฮีโร่ของ Mark Zuckerberg

Mark ได้ชื่นชมความพยายามเพื่อการกุศลของ Gates ด้วยเช่นกัน จนกลายเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าร่วม Giving Pledge ซึ่งเป็นความริเริ่มที่เริ่มต้นโดย Gates และ Warren Buffett เพื่อนำเงินจากบุคคลที่ร่ำรวย มาบริจาคให้มากกว่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งของพวกเขาเพื่อการกุศล ในช่วงอายุของพวกเขาหรือหลัง โดย Gates ได้ให้คำมั่นว่าจะมอบทรัพย์สินอย่างน้อย 95 เปอร์เซ็นต์เพื่อโครงการดังกล่าว

จากบทความชุดนี้เราจะเห็นได้ว่า เหล่าเศรษฐี ในประเทศอเมริกา นั้นกำลังสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเศรษฐีรุ่นหลัง ๆ ในการบริจาคเงินที่ได้จากการทำธุรกิจ โดยไม่ใช่ทำเพื่อเพียงการประชาสัมพันธ์ หรือ ทำ CSR ให้กับองค์กรเพียงอย่างเดียวเหมือนที่เราได้เห็นในประเทศไทย

แต่มันเป็นการบริจาคความมั่งคั่งส่วนตัว และเป็นส่วนใหญ่ที่มากกว่าครึ่งที่พวกเขาเหนื่อยตรากตรำ สร้างธุรกิจของพวกเขามา ต้องบอกว่า Mark Zuckerberg นั้นถือเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าทึ่ง ที่พยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกเรา ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางเรื่องธุรกิจอย่าง Facebook ที่มีนวัตกรรมที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์เรามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในเรื่องการกุศล ที่เขาต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ผ่านกองทุนการกุศล Chan-Zuckerberg ของเขาและภรรยา นั่นเองครับ ซึ่งผมคิดว่าเศรษฐีในไทยเราน่าจะเอาอย่างบ้างนะคร้าาาบบบบ

–> อ่านเพิ่มเติมประวัติ Mark Zuckerberg

References : https://techcrunch.com/2010/10/31/zuckerberg-d-angelo/
https://www.geeknaut.com/synapse-media-player-mark-zuckerbergs-music-app-04191641.html
http://geekhmer.github.io/blog/2016/03/01/4-startups-mark-zuckerberg-created-before-facebook/
https://www.businessinsider.com/mark-zuckerberg-giving-away-99-of-his-facebook-shares-2015-12


น้ำขึ้นให้รีบตัก Facebook เตรียมลุยตลาด Cryptocurrency

Facebook มีแผนจะเปิด cryptocurrency ของตนโดยในช่วงไตรมาสแรกของปีถัดไปรายงานข่าวขจากบีบีซี โดยบริษัทคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกุลเงินในช่วงฤดูร้อนนี้ก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้นในภายหลังในปี 2562

สกุลเงินซึ่งถูกเรียกว่าภายในว่า “ GlobalCoin” จะมีรายงานในประเทศต่างๆ หลาย ๆ ประเทศในช่วงเปิดตัว เพื่อเสนอการชำระเงินที่ปลอดภัยและราคาไม่แพงสำหรับคนทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร

โดยสกุลเงินดังกล่าวจะต้องเอาชนะอุปสรรคทางเทคนิคและกฎระเบียบจำนวนมากก่อนที่จะสามารถเปิดตัวได้  

Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ได้พบกับ Mark Carney ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศอังกฤษเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสและความเสี่ยงของสกุลเงินดิจิทัลที่วางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม Facebook อาจมีงานหนักในมือของพวกเขาในอินเดียซึ่งมีทัศนคติที่ไม่เป็นมิตรต่อสกุลเงิน CryptoCurrency  

สื่ออินเดียรายงานว่า จุดสนใจหลักสำหรับสกุลเงินใหม่ซึ่ง Facebook หวังว่าจะช่วยให้แรงงานอินเดียในต่างประเทศส่งเงินกลับบ้านให้กับครอบครัวโดยใช้ WhatsApp ที่ Facebook เป็นเจ้าของเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพวกเขา

Facebook ต้องการเพิ่มความสะดวกให้แรงงานชาวอินเดียในการโอนเงิน
Facebook ต้องการเพิ่มความสะดวกให้แรงงานชาวอินเดียในการโอนเงิน

บริษัท อยู่ในระหว่างการเจรจากับกระทรวงการคลังของสหรัฐฯรวมถึง บริษัท โอนเงินเช่น Western Union เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการดำเนินงานและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอล

ครั้งแรกที่เราได้ยินเกี่ยวกับความทะเยอทะยานด้าน cryptocurrency ของ Facebook เมื่อเดือนพฤษภาคมเมื่อมีรายงานว่า David Marcus ซึ่งก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ Coinbase และเคยเป็นประธานของ PayPal ระหว่างปี 2555 ถึง 2557 เป็นผู้นำของแผนกบล็อกเชนใหม่ของ Facebook

รายงานแนะนำว่าสกุลเงินสามารถถูกออกแบบให้เป็นแบบคงที่  ด้วยมูลค่าที่กำหนดเป็นสกุลเงินสหรัฐเพื่อลดความผันผวนที่เกิดขึ้นเหมือนเงินสกุลอื่นๆ  ในตลาด CryptoCurrency  อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies

แต่ Facebook ยังคงมีงานอีกมากมายที่ต้องทำเพื่อให้ผู้ใช้เชื่อมั่นใน GlobalCoin หลังจากประสบกับเรื่องอื้อฉาวหลายปีที่ทำให้ภาพพจน์สาธารณะเสื่อมเสียในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

References : 
https://www.theverge.com/2019/5/24/18638331/facebook-crytocurrency-globalcoin-2020-launch-uk-bank-of-england-blockchain

ประวัติ Google ตอนพิเศษ : Microsoft Strikes Back

หลายท่านอาจจะยังคลางแคลงใจว่า ศึกระหว่าง Microsoft กับ Google นั้นดำเนินต่อไปอย่างไรจาก Blog Series ชุดนี้ ที่จะเห็นได้ว่า Google เริ่มที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เริ่มจะเข้ามารุกรานตลาดของ Microsoft มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ 

อย่างที่เราทราบว่าตอนนี้ Google นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาท้าทาย Microsoft โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นบริการต่าง ๆ ที่มุ่งสู่ online ตัวอย่างเช่น Google Docs ที่มาท้าชน Microsoft Offices ของ Microsoft โดยตรง รวมถึงบริการต่าง ๆ ที่อยู่บน cloud ที่ทั้งคู่มีผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก

ต้องบอกว่าศึกระหว่างทั้งคู่นั้น เป็นการต่อสู้กันอย่างยาวนาน เพราะมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ที่มีการดึงตัวพนักงานระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อมาสร้างผลิตภัณฑ์เดียวกัน ฝั่ง Microsoft เองก็พยายามปั้น  Bing ที่เป็นบริการด้าน Search Engine เพื่อมาแย่งส่วนแบ่งเค้กโฆษณาออนไลน์จาก Google เหมือนกัน

Microsoft พยายามปั้น Bing มาสู้กับ Google
Microsoft พยายามปั้น Bing มาสู้กับ Google

แต่การโต้ตอบที่น่าสนใจที่สุดของ Microsoft ต่อ Google นั้นในมุมมองผมคือ facebook ที่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่มาตัดกำลัง Google ที่กำลังทะยานไปข้างหน้าอย่างน่ากลัว ก่อนการเกิดขึ้นของ facebook ในขณะนั้น

ซึ่งต้องบอกว่า ตลาดโฆษณา online ก่อนหน้ายุค facebook เกิดนั้น google ครองตลาดส่วนนี้แบบแทบจะเบ็ดเสร็จ เหลือช่องว่างไว้ให้ bing ของ microsoft เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้นถือว่า Microsoft ค่อนข้างสั่นคลอนเลยทีเดียว กับการสร้างผลิตภัณฑ์รวมถึง นวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องของ Google รวมถึงตลาด Search Engine นั้นดูเหมือนยากที่จะโค่น Google ลงไปได้

เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ที่เมื่อ Social Network กำลังกลายเป็น Trend ใหม่ Microsoft จะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำการเตะตัดขา google ไม่ให้ take over facebook ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 

สำหรับ facebook นั้นก็มีการเติบโตด้านผู้ใช้งานขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงในปี 2007 เรื่องไปถึงหูของ google ซึ่งต้องการที่จะ take over facebook ซึ่ง Microsoft ไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวกันในหลายตลาด ทั้ง search engine , email ,  document tool ซึ่ง social เป็นเรื่องใหม่ที่ microsoft ไม่ยอมให้ google มายึดไปอีกแน่นอน

Microsoft จึงทำเรื่อง surprise อย่างยิ่งด้วยการลงทุน ซื้อหุ้นเพียง 1.6% ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 240 ล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าของ facebook พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15,000 ล้านเหรียญ ซึ่ง ตอนนั้น บริษัท ยังแทบจะไม่มีรายได้เข้ามามากมายเหมือนในปัจจุบัน แต่เป็นการเตะตัดขา google เพื่อไม่ให้มา take over facebook เพียงเท่านั้น

Microsoft เข้าถือหุ้นใน facebook เพื่ออัดฉีดเงินไปสู้กับ Google
Microsoft เข้าถือหุ้นใน facebook เพื่ออัดฉีดเงินไปสู้กับ Google

และที่สำคัญแทนที่จะสู้กับ Google ด้วยกำลังพลของตัวเอง Microsoft ทำการส่ง facebook ไปตีกับ google แทน และเป็นการถ่วงดุลอำนาจของ google หลังจากที่ไม่ได้มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมานาน เนื่องจากตัว Microsoft เองนั้นพ่ายแพ้ให้กับ Google ในหลายศึก จึงเปลี่ยนแผนด้วยการส่ง บริษัทคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่  ๆ อย่าง facebook ไปทำการรบกับ Google แทนเสียเลย

และนั่นเอง มันได้เป็นจุดเปลี่ยน ที่สำคัญที่ทำให้ Microsoft นั้นมีเวลาหายใจมาพัฒนา service ของตัวเองให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเหมือนปัจจุบัน ที่ข่าวล่าสุด ได้มีมูลค่า บริษัท แซงหน้า apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดได้อีกครั้ง ที่ว่าเป็นเกมส์ที่เดินถูกต้องอย่างยิ่งของ microsoft ในการใช้กลยุทย์นี้

facebook ถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างยิ่งต่อ google เพราะมันเป็นการทยอยแย่งตลาดโฆษณา online จาก google ไปเรื่อย ๆ จากเดิมที่ นักการตลาดออนไลน์มีทางเลือกไม่มากที่จะใช้เม็ดเงินในการโฆษณา online

facebook และ google ต้องมาประมือกันในศึก social network ที่ google ได้ส่งบริการ google+ เข้ามาแข่ง ซึ่งก็ต้องบอกว่าพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แทบจะไม่เหลือคนใช้บริการ google+ แล้วในตอนนี้ และคิดว่าไม่น่าจะสร้างรายได้ให้ google ได้อีกต่อไป

google นั้นไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงในเรื่องของเครือข่ายสังคม online การ design ผลิตภัณฑ์ google+ ออกมานั้น แม้จะมี features มากมายก่ายกอง แถมยังทำทุกอย่างได้เหมือน facebook ทำด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งจาก facebook ได้เลย ต้องบอกว่า พี่มาร์ค เข้าใจ user ในเรื่องเครือข่ายสังคมได้อย่างถ่องแท้ หลังจากมีประสบการณ์อยู่กับ platform มาอย่างยาวนาน

google plus ที่ google หวังจะมาเอามาใช้ล้ม facebook
google plus ที่ google หวังจะมาเอามาใช้ล้ม facebook

ซึ่งการที่ google ไม่เข้าใจความต้องการของ user อย่างแท้จริง ทำให้ user จาก facebook ไม่ได้ย้ายหนีไปใช้ google+ เลยซะทีเดียว หลังจากการออกผลิตภัณฑ์ ออกมา และgoogle นั้นได้ทำการโปรโมตอย่างรุนแรงมาก แต่สุดท้ายกลายเป็นที่สิงสถิต ของเหล่า geek แทนมากกว่า เป็นสังคม online ของเหล่า geek ซึ่งออกแบบมาโดย วิศวกร geek ขนานแท้จาก google

hanouts features เด้ดที่ google จะมาจัดการ facebook
hanouts features เด้ดที่ google จะมาจัดการ facebook

ต้องยอมรับว่า social network นั้น facebook แข็งแกร่งจริง ๆ มี features หลัก ๆ ที่โดนใจผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้ไม่หนีไปไหน แม้ว่าเกือบจะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรกที่ google+ เปิดบริการ video call hangout แต่ facebook ก็ได้กองหนุนจากพี่ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ส่ง skype มาช่วยเหลือ facebook ได้ทันเวลา

ต้องบอกว่า ทุกอย่างนั้นเป็นแผนการของ Microsoft อยู่แล้วที่ต้องการให้ Google นั้น เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ และ facebook นั้นก็เป็นบริษัทของคนรุ่นใหม่ มีพลังอย่างเหลือล้น พร้อมที่จะสู้กับ Google อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกันกับตอนที่ Microsoft มาเจอคู่แข่งอย่าง Google ในช่วงแรกนั่นเอง ซึ่งสุดท้ายเราจะได้เห็นถึงความเก๋าของพี่ใหญ่อย่าง Microsoft ที่ถือว่า Win ในศึกนี้ อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันที่ Microsoft กำลังจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลกเราได้อีกครั้งนั่นเอง

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :When Larry Met Sergey *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด