NetScape Time ตอนที่ 3 : Dream Team

มันเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เรื่องของประสบการณ์นั้นไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจเสมอไป เนื่องจากบริษัทด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกผลักดันด้วยพลังของคนอายุน้อย ๆ ที่ มีมันสมอง และพลังงานที่เหลือล้น

และทีมงานคนรุ่นใหม่เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบริษัทเกิดใหม่ของ Jim และ Marc โดยทั้งสองได้บินด่วนไปที่ อิลลินอยส์ เพื่อไปดึงตัวเหล่าทีมงานเก่าที่เคยร่วมงานกับ Marc ที่ NCSA เพื่อรีบจูงใจทีมงานให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะถูกดึงตัวโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ

แม้ทีมบริหารของศูนย์ NCSA นั้นจะพยายามบอกว่า มีทีมงานที่ร่วมกันพัฒนาโปรแกรม Mosaic กว่า 40 คน แต่เมื่อ Jim ได้พบกับเพื่อน ๆ ของ Marc ก็รู้ได้ทันทีว่า มีเพียงกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นตัวหลักในการพัฒนาโปรแกรม Mosaic ที่ NCSA

Jim และ Marc ได้ปรึกษากันและตกลงที่จะยื่นข้อเสนอให้กับเหล่าเพื่อน ๆ ของเขา 7 คน โดยเสนอรายได้ 65,000 เหรียญ/ปี บวกกับหุ้นของบริษัทจำนวน 1 แสนหุ้น เพื่อชักจูงพวกเขาให้กลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัทใหม่นี้

ซึ่งรูปแบบ Model ทางด้านการบริหารบริษัทใหม่นั้น Jim เสนอให้มูลค่าโปรแกรมจากทีมงานของ Marc ที่ 3 ล้านเหรียญ ซึ่งจะเป็นมูลค่าซอฟต์แวร์ที่มีอายุ 1 ปี ออกแบบและพัฒนาโดยทีมงาน 7 คน จากนั้นก็นำเงินจำนวน 3 ล้านเหรียญเข้ามาในบริษัท เพื่อแลกกับหุ้นจำนวน 50% ของบริษัท ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะถูกลดสัดส่วนลงเรื่อย ๆ เมื่อมีการจ้างงานพนักงานคนอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มในภายหลัง

ซึ่งต้องบอกว่าการมาที่อิลลินอยส์ ของ Jim และ Marc เป็นเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ทีมงานของ Marc กำลังจะจบจากการศึกษาเพียงเท่านั้น แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขาถูกขโมยสิ่งประดิษฐ์อย่าง Mosaic ไปนั่นเอง และมันได้กลายเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาพร้อมที่จะมาลุยกับ Jim และ Marc เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

Larry Smarr ซึ่งเป็น ผู้บริหารของศูนย์ NCSA ที่ต้องการให้ผลงาน Mosaic เป็นของสถาบัน เพราะมันกำลังเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง มันจึงเป็นแรงเย้ายวนใจให้ Smarr ต้องการเข้ามาครอบครองโครงการ Mosaic ดังกล่าว เพื่อต้องการที่จะระดมทุนได้อย่างไม่สิ้นสุด เพื่อสร้างรายได้ให้แก่สถาบันและมหาวิทยาลัยของเขา

Larry Smarr ผู้บริหารของศูนย์ NCSA
Larry Smarr ผู้บริหารของศูนย์ NCSA

และในวันที่ 4 เมษายน ปี 1994 Jim ได้ทำการจดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft กำลังจัดสัมนาวางแผนอนาคตในการเข้ามาสู่ธุรกิจ internet

และในที่สุดเวลาสำหรับการออกลุยจริง ๆ จัง ๆ ก็มาถึงเสียที หลังจากการได้ทีมงานที่พร้อมจะรบแล้ว บริษัทเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว Jim ก็ได้เริ่มจัดการหาสำนักงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ โต๊ะ โทรศัพท์ เก้าอี้ ห้องประชุม และอื่นๆ เพื่อเตรียมรองรับทีมงานที่จะมาเริ่มงานในตอนสิ้นเดือนเมษายน

Jim มั่นใจว่าทีมงานยอดอัจฉริยะของเขาสามารถสร้างโปรแกรม Browser ที่ดีกว่า Mosaic ได้ จึงได้เลือกเช่าสำนักงานขนาดใหญ่เพื่อรองรับการขยายตัว โดยเลือกห้องเช่าขนาด 11,699 ตร.ฟุต บนชั้น 4 ของตึกแห่งหนึ่งบนถนนแคสโตร ใน Moutain View ซึ่งเป็นห้องเรียบ ๆ ง่าย ๆ มีฉากกั้นที่เคลื่อนย้ายได้ ปูด้วยพรมตลอดทั้งห้อง

โดยสถานการณ์ในตอนนั้น ศูนย์ NCSA ได้ให้ลิขสิทธิ์โปรแกรม Mosaic ไปกับบริษัทต่าง ๆ ถึง 9 ราย และผู้ใช้งาน internet กำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานของ Jim ก็ต้องเร่งทุกอย่างให้ทัน ก่อนที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft จะมองเห็นถึงความเคลื่อนไหวในธุรกิจนี้

Bill Gates ที่ยังมองไม่เห็นถึงพลังของ internet ในขณะนั้น
Bill Gates ที่ยังมองไม่เห็นถึงพลังของ internet ในขณะนั้น

ต้องบอกว่าโอกาสทางธุรกิจคราวนี้ไม่ใช่แค่เพียงจุดเล็ก ๆ แต่เป็นมุมมองที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ๆ ของ internet ที่สถานการณ์ในตอนนั้น มีเหล่า Geek ทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ ได้เคยใช้ internet เพื่อการสื่อสารมาแล้ว และเริ่มเห็นถึงศักยภาพของมัน

แต่แทบจะไม่มีใครตระหนักถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจของ internet เลยด้วยซ้ำ ซึ่งต้องบอกว่า สำหรับ Jim และ Mark นั้น มันเป็นโอกาสที่น้อยมาก ๆ สำหรับพวกเขา ที่จะเข้าไปจับต้องบางสิ่งบางอย่างที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่เหล่าคู่แข่งยังมองไม่เห็น

แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เนื่องจากตอนที่ Jim และ Marc ไปชักชวนทีมงานจากอิลลินอยส์นั้น พวกเขาก็แทบจะไม่ทันได้คิดว่า การดึงทีมงานเหล่านี้มาร่วมบริษัทจะส่งผลอย่างไรต่อ NCSA ซึ่ง Jim มองเพียงแค่ว่า กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้กำลังจะเรียนจบเพียงเท่านั้น และคิดว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งอย่างเป็นทางการกับ NCSA

แต่ Larry Smarr เมื่อได้รับรู้เรื่องราวว่าอดีตทีมงานของเขากำลังจะไปสร้างบริษัทใหม่มาแข่งกับ Mosaic ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยผ่านการสัมภาษณ์กับนิตยสารหลาย ๆ ฉบับ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจ ซึ่งแน่นอนว่า ประเด็นดังกล่าว มันกำลังจะนำไปสู่ปัญหาในอนาคตกับทีมงานของ Jim และ Marc ในที่สุด

ดูเหมือนเรื่องราว กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น แต่ทีมงานของ Jim และ Marc เหมือนจะต้องเจอปัญหาบางอย่างเสียแล้ว และปัญหานั้นมันคืออะไร พวกเขาจะสามารถสร้าง Browser ที่ดีกว่า Mosaic ได้ดีขนาดไหน โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 4 : The Navigator

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

NetScape Time ตอนที่ 2 : Mosaic Killer

จุดเริ่มต้นของ NetScape จริง ๆ นั้น ต้องเริ่มจากชายที่มีนามว่า Jim Clark โดยในปีนั้นคือ ปี 1994 ที่ตัว Jim เองนั้่นเริ่มเบื่อการทำงานกับบริษัเก่าอย่าง SGI (Silicon Graphics) เขากำลังมีไฟที่คิดจะสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา แต่ยังคิดไม่ออกว่าธุรกิจใหม่นั้นคืออะไร

ต้องบอกว่า เป็นการลาออก ที่เสี่ยงพอดูสำหรับ Jim เพราะเขาได้ทิ้งสิทธิในหุ้นมูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญไป แต่ด้วยความที่เขาทำงานมานานระยะหนึ่งแล้ว จึงมีทุนอยู่ส่วนตัวอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านเหรียญ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ยังแทบจะไม่มีไอเดียอะไรเลยด้วยซ้ำ มีแต่เพียงแค่ความคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และ ต้องการเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว

สิ่งแรกที่เขาต้องทำสำหรับการตั้งบริษัทเทคโนโลยีก็คือ การหาวิศวกรเจ๋ง ๆ ซักคน แต่เขาก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะวิศวกรเจ๋ง ๆ ที่เขารู้จักนั้น เขาก็ได้ชักชวนให้มาทำงานที่ SGI บริษัทเก่าของเขาหมดแล้ว

แต่ก็เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิต เมื่อก่อนที่ตัว Jim จะลาจาก SGI นั้นก็ได้คุยกับเพื่อนร่วมงานเก่าแก่ของเขาคนหนึ่ง ว่า ทำไมไม่ลองไปพบ Marc Andreessen ดูล่ะ เขาเป็นหนึ่งในวิศวกรอัจฉริยะ ที่เพิ่งย้ายจากอิลลินอยส์ มาอยู่ที่พาโลอัลโต

แม้ตัว Jim เองจะงงว่า Marc คือใคร เพราะเขาแทบไม่เคยรู้จักชายชื่อดังกล่าวเลยด้วยซ้ำ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โปรแกรม Mosaic ที่ Marc เป็นคนสร้างขึ้นมานั้นคืออะไร

Jim ก็เลยได้ลองติดต่อไปทาง email เพื่ออยากพบเจอ Marc ซึ่งต้องบอกว่าตัว Marc นั้นรู้จักดีว่า Jim เป็นใคร เพราะเขาเคยใช้เครื่อง workstation ของบริษัท SGI ที่ NCSA ของมหาลัยอิลลินอยส์ สมัยที่ยังทำวิจัยอยู่ที่นั่น

การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่เกิดที่ ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ในเขต พาโลอัลโต ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Jim ประทับใจ Marc ตั้งแต่การพบกันครั้งแรก ก็คงเป็นเรื่องของ การที่ Marc ได้ทำให้เขาได้เห็นโอกาสและเห็นภาพของอนาคตของเทคโนโลยีที่ชัดเจนมากขึ้น

Marc Andreessen ตำนานผู้สร้าง Mosaic
Marc Andreessen ตำนานผู้สร้าง Mosaic

Marc แสดงให้เห็นภาพของ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ และทำให้ข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่จำนวนมากมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังทำให้ง่ายต่อการใช้งานสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่เฉพาะเหล่า Geek หรือ นักวิทยาศาสตร์ เพียงเท่านั้นอีกต่อไป

ต้องบอกว่าในยุคนั้น หลังจาก Tim berners-lee ได้สร้างแนวคิดของ World Wide Web (WWW) ที่ให้บุคคลทั่วไปเข้ามาใช้งานได้ฟรี แต่อุปสรรคที่สำคัญก็คือ ในตอนนั้นมันยังส่งผ่านข้อมูลได้เฉพาะรูปแบบของข้อความเท่านั้น ยังไม่สามารถใช้กับภาพที่เป็น Graphic ได้

และในช่วงปลายปี 1992 Marc และเพื่อนนักวิจัยของเขา ที่ทำงานร่วมกันในศูนย์ NCSA ได้พัฒนาต่อยอดสิ่งที่ Tim berners-lee สร้างไว้ โดยพวกเขาได้เพิ่มส่วนที่เป็นรูปภาพและส่วนต่าง ๆ ที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารทาง internet สามารถเข้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ Mosaic โปรแกรม Web Browser ตัวแรกของโลกนั่นเอง

Mosaic Web Browser ตัวแรกของโลก  ผลงานของ Marc และ ทีมงาน
Mosaic Web Browser ตัวแรกของโลก ผลงานของ Marc และ ทีมงาน

และเมื่อ Marc เรียนจบในเดือนธันวาคมปี 1993 เขาก็ได้ถูกชักชวนให้ทำงานต่อกับ NCSA แต่ทางสถาบันดันมีข้อแม้ว่า ให้ Marc นั้นเลิกยุ่งกับโครงการ Mosaic ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต้องการที่จะแยกตัว Marc ออกจากสิ่งประดิษฐ์ และยกความสำเร็จผลงานที่ได้ให้กับสถาบันแทนที่จะเป็นตัวผู้ประดิษฐ์นั่นเอง

แน่นอนว่าทั้งคู่ ทั้ง Jim และ Marc นั้นมีเส้นทางเดินที่คล้ายคลึงกัน ที่ถูกปลดออกจากงานสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่พวกเขาได้คิดค้นขึ้นมา และสิ่งนี้ นี่เอง ที่เป็นแรงผลักดันให้ทั้งสองเข้ามาสู่เส้นทางเดียวกันได้ในที่สุด

และนั่นทำให้ทั้งสองได้เริ่มต้นบริษัทใหม่กันในที่สุด แผนของ Marc คือ การว่าจ้างเพื่อนร่วมงานของ Marc ที่เคยร่วมเขียนโปรแกรม Mosaic เข้ามาทำงาน ซึ่งกำลังใกล้ที่จะจบการศึกษาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่กำลังจะถึง

แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจว่า บริษัทใหม่ของพวกเขาจะทำอะไร ซึ่งทั้งสองรู้เพียงแค่ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ internet ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะกระแสมันเริ่มมาแล้วในขณะนั้น

และที่สำคัญเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ ในขณะนั้น กำลังสนุกกับการทำเงินจากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ก็ยังแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ กับเทคโนโลยีใหม่อย่าง internet เพราะตอนนั้นต้องบอกว่ายังมีคำถามอยู่มากมายว่าจะหาเงินจาก internet ได้อย่างไรนั่นเอง

และเมื่อผ่านไปถึงฤดูใบไม้ผลิ Marc ก็ได้เตือน Jim ว่าเพื่อน ๆ ของเขาที่อิลลินอยส์ กำลังจะเรียนจบกันแล้ว และต้องเร่งให้เกิดความคิดบางอย่างให้เร็วที่สุด เพื่อดึงดูดเหล่าทีมงานจบใหม่ของเขา

จนสุดท้าย ในค่ำคืนหนึ่ง หลังจากมีการประชุม และทานมื้อเย็นกันอยู่หลายครั้งระหว่าง Jim และ Marc ซึ่ง Jim เป็นฝ่ายเปิดประเด็นให้ Marc คิดธุรกิจอะไรมาซักอย่างที่ต้องชักจูงเขาให้ลงทุนให้ได้

และ Marc ก็ได้คิด ไอเดีย Mosaic Killer ซึ่งก็คือ โปรแกรม Browser ตัวใหม่ที่ดีกว่าโปรแกรม Mosaic ของเขาที่สร้างไว้ให้กับ NCSA นั่นเอง ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Mosaic แล้ว และทาง NCSA ก็ต้องการสร้างธุรกิจบางอย่างจาก Mosaic อยู่ ซึ่ง Marc ต้องการพิสูจน์ตัวเขาเองอีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ Mosaic ให้ได้

ซึ่งแน่นอนว่า สถานการณ์ในตอนนั้น มันเริ่มบีบคั้นทั้งคู่ ให้ต้องตัดสินใจ Jim ก็มองว่าเป็นความคิดที่ดี ที่จะมาเริ่มต้นบริษัทใหม่ ในสิ่งที่ Marc และเพื่อน ๆ ของเขาเคยสร้างขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่า ตอนนั้น มันยังไม่มีแผนธุรกิจใด ๆ ชัดเจน แต่ Jim ก็รู้สึกตื่นเต้น กับ ความท้าทายใหม่ของ Marc ครั้งนี้ โดยพร้อมจะลุยทันที โดยไม่ต้องคิดถึงแผนธุรกิจใด ๆ ทั้งสิ้น

มาถึง ตอนนี้ ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะลุย กับโปรเจคใหม่ เต็มตัวแล้ว และไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะดูเหมือน สถานการณ์หลายๆ อย่างกำลังบังคับให้ทั้งคู่ต้องออกลุยเสียที และจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับโปรเจ็คใหม่ของทั้งสอง โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 3 : Dream Team

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

NetScape Time ตอนที่ 1 : Billion Dollar Company

ช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าตลาดหุ้น Wallstreet นั้นจะตอบรับบริษัทเทคโนโลยี อย่างดียิ่ง เป็นหุ้นกลุ่มที่ร้อนแรงที่สุดของตลาดในขณะนั้น แต่นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนก็คิดว่ามันกำลังเริ่มที่จะร้อนแรงเกินไปเสียแล้ว มันกำลังจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

วันที่ 9 สิงหาคม 1995 เป็นวันที่ หุ้นของ NetScape จะถูกนำมา IPO เปิดขายให้กับสาธารณชนเป็นครั้งแรกในตลาดหุ้น Nasdaq ของอเมริกา โดย NetScape ที่สร้างโดย Marc Andreessen และ Jim Clark ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมาจะกลายเป็นธุรกิจพันล้านใหม่ในตลาดหุ้นในวันนั้น

สิ่งที่ NetScape ได้สร้างมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนทุกอย่างของโลกเราไปตลอดกาล โปรแกรม Nevigator ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าสู่ Internet นั้นถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ ที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน

มันทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกของ World Wide Web ได้อย่างง่ายดาย NetScape ได้ฉีกแนวธุรกิจใหม่ขึ้น เมื่อสร้างสินค้าที่เผยแพร่ไปบน Internet ไปสู่ผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านชั้นวางสินค้า ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนหลังจาก่อตั้ง มีผู้ดาวน์โหลดไปใช้งานกว่า 6 ล้านชุด

แน่นอนว่าในตอนแรก พวกเขาก็ยังไม่มี Business Model ที่ชัดเจนนัก ว่าจะทำกำไรจาก NetScape Navigator นี้ได้อย่างไร และต้องบอกว่ามันเป็นครั้งแรก ๆ ที่มีการคิด Model ปล่อยให้ใช้ฟรี แล้วค่อยมาทำเงินจากมันในภายหลัง ให้เกิดขึ้นบนโลกของเทคโนโลยีก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องปรกติในยุคปัจจุบันนั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นการพนันครั้งยิ่งใหญ่ของ Marc Andreessen และ Jim Clark สองผู้ก่อตั้ง ที่จะไม่ขายให้ผู้ใช้โดยตรงตั้งแต่ครั้งแรก แต่พวกเขามองว่ารายได้จะเข้ามาเองเมื่อผู้ใช้เหล่านั้นพอใจกับสินค้าที่พวกเขาเสนอ ซึ่งถือเป็นแนวคิดใหม่มาก ๆ ในยุคนั้น

James Barksdale หนึ่งในผู้บริหารของ NetScape ในขณะนั้น ก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป ที่จะนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพราะสถานการณ์ในขณะนั้น NetScape แทบจะยังไม่สามารถสร้างกำไรจากธุรกิจได้เลยด้วยซ้ำ

3 ทีมงานคุณภาพของ NetScape  James Barksdale , Marc Andreessen , Jim Clark
3 ทีมงานคุณภาพของ NetScape James Barksdale , Marc Andreessen , Jim Clark

แต่ตัวเร่งที่สำคัญที่ทำให้ NetScape ต้องลุยเข้า IPO โดยด่วนก็คือ บริษัทอย่าง Spyglass ที่เป็นบริษัทขนาดเล็กในอิลลินอยส์ เช่นเดียวกัน และได้รับลิขสิทธิ์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในการเผยแพร่โปรแกรม Mosaic ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พัฒนาโดย Marc Andreessen และเพื่อร่วมงานของเขา (สมัยที่ยังศึกษาอยู่) และสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญ และกำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NetScape อีกด้วย

แน่นอนว่า Spyglass เองพยายามพูดถึง NetScape ในแง่ลบ ในการขโมยความคิดมาจากหน่วยงาน National Center of Supercomputer Application (NCSA) แห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในขณะนั้น ซึ่ง Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้ง NetScape เคยทำงานวิจัยอยู่ที่นั่น

และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงในเวลา 11.30 ของเช้าวันที่ 9 สิงหาคม 1995 ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการเปิดตัวหุ้น NetScape นั้น ราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ได้เกิดบันทึกหน้าใหม่ให้กับตลาดหุ้น Wallstreet เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และนั่นเอง มันได้ทำให้ NetScape ที่ยังแทบจะไม่มี model ในการสร้างรายได้ในระยะยาว และไม่ต้องพูดถึงกำไรที่ยังแทบจะไม่มี ได้กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าตลาดพุ่งไปสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญ ได้สำเร็จ ทำให้ Jim Clark สร้างบริษัทที่สองให้กลายเป็นบริษัทพันล้านเหรียญได้สำเร็จ และหุ้นที่เขาถืออยู่ในมือ ก็กำลังมีมูลค่าสูงถึง 663 ล้านเหรียญด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งการพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วของหุ้น NetScape นี่เอง เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดหุ้น Wallstreet และสร้างความประทับใจให้กับสื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง มีการพาดหัวในหนังสือพิมพ์ Newyorktime ว่า “ด้วยกระแสของ internet แม้จะไม่มีกำไร หุ้นของบริษัทใหม่ก็เป็นที่ต้องการของ Wallstreet”

และเพียงแค่วันแรกของการเปิดตลาด IPO ของ NetScape นั้น เมื่อสิ้นสุดวัน ราคาหุ้นของพวกเขาก็ได้ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 58.25 เหรียญ และนี่คือจุดเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา ที่ทำให้เหล่าพนักงาน รวมถึงผู้ก่อตั้งกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านไปได้ในชั่วข้ามคืนในที่สุดนั่นเองครับ

ต้องบอกว่า เรื่องราวของ NetScape นั้นถือเป็นอีกหนึ่ง Story ทางธุรกิจที่น่าสนใจ กับธุรกิจเทคโนโลยี ที่สุดท้ายต้องมาประมือกับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ผมจะพาย้อนไปตั้งแต่พวกเขาเริ่มต้น ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องราวของ NetScape นั้น ไม่แพ้การต่อสู้ในหลาย ๆ ธุรกิจที่ผมเคยเล่าผ่าน Blog Series ชุดต่างๆ มาเลยทีเดียวครับ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 2 : Mosaic Killer

References : https://www.britannica.com/topic/Netscape-Communications-Corp

Blog Series : Netscape Time The True Legend of Internet

ต้องบอกว่า internet นั้นถือเป็นนวัตกรรมครั้งสำคัญของโลกเรา ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์เราไปตลอดกาล ข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกที่สามารถเข้าถึงได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส

แน่นอนว่าพื้นฐานในการเข้าสู่ internet นั้นต้องใช้โปรแกรมท่องเว๊บอย่าง Web Browser ที่มีอยู่อย่างมากมายในปัจจุบัน แต่การปฏิวัติครั้งสำคัญจน เราสามารถท่องโลก internet ได้อย่างง่ายดายเหมือนปัจจุบันนั่นก็คือ การเกิดขึ้นของ NetScape

แต่การเป็นผู้บุกเบิก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เมื่อเราแทบจะไม่ได้เห็นชื่อของ NetScape มานานมากแล้ว แต่การต่อสู้กับพวกเขาในยุคนั้น ที่ต้องต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft นั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ที่ผมจะมาเล่าผ่าน Blog Series ชุดนี้นั่นเองครับ

NetScape Time : JIM CLARK
Speeding The Net : Joshua Quittner and Michelle Slatalla

โดยเรื่องราวจะมาจากหนังสือหลักสองเล่ม คือ NetScape Time โดย JIM CLARK และ Speeding The Net โดย Joshua Quittner and Michelle Slatalla ที่มาเรียบเรียงใหม่ผ่านสไตล์ของผมเหมือนเช่นเคย ครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 1 : Billion Dollar Company

How Microsoft Kill Netscape

โดยส่วนตัวนั้นเป็นคนชอบดู Documentary ของทางเมืองนอก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวงการ IT และ Series หนึ่งที่ชอบติดตามดูเป็นพิเศษคือ Game Change : ของทางฝั่ง Bloomberg ที่ได้สร้าง Documentary ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา case study ทางธุรกิจ ที่น่าสนใจในหลาย ๆ ประเด็น

สำหรับตอนที่จะกล่าวใน blog นี้คือ How Microsoft Attacked the Beast who created Netscape, Mozilla Firefox & invested Skype เป็นเรื่องราวในยุคต้นกำเนิดของ Internet ซึ่งเราคงมองภาพไม่ออกในยุคแรก ๆ  ที่ยังไม่มี internet ใช้ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ สำหรับการสร้าง Web Browser มาซัวในยุคปลาย 1990

Mosaic เว๊บ Browser ตัวแรกของโลก

สำหรับ Browser ตัวแรกของโลกนั้นต้องยกให้กับ Mosaic ที่พัฒนาโดย Lab ของ University of Illinois of Urbana Chanpaign ที่ผู้ที่ได้ว่าเป็นผู้ถือกำเนิดมันก็คือ Marc Andreessen ซึ่งต้องถือเป็นเจ้าพ่อ internet ในยุคแรก ๆ เลยก็ว่าที่ทำให้ internet เป็น Graphic ที่สวยงามให้คนทั่วไปใช้งานได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งในช่วงนั้นยังเป็นรูปแบบของ text mode อยู่ หลังจากปล่อยให้ Download Free และเป็นที่นิยมอย่างมากแล้วนั้น Marc ก็ถูกนายทุน โดย Jim Clark ที่ชักชวน Marc ให้มาเปิดบริษัทเพื่อพัฒนา Web Browser เพื่อขายเป็น commercial โดยได้ร่วมตั้ง Netscape ขึ้นมา ต้องถือว่าโชคดีผมก็มีโอกาสได้ใช้ Netscape กับเค้าเหมือนกัน ๆ กันยุคแรก ๆ  ก่อนที่ Microsoft จะใช้ IE ตีตลาดจนไม่เหลือที่ว่างให้ Netscape และก็ได้มีโอกาสได้สร้าง HTML Web ในช่วงแรก ๆ เหมือนกันซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เบนเข็มมาเรียนทางด้าน Computer Engineer

หลาย ๆ คนอาจจะเคยใช้ netscape ซึ่งเป็น browser ตัวแรก ๆ ก่อนที่ IE ของ microsoft จะออกมา
หลาย ๆ คนอาจจะเคยใช้ netscape ซึ่งเป็น browser ตัวแรก ๆ ก่อนที่ IE ของ microsoft จะออกมา

ในช่วงปลาย 1990 นั้น Marc ถือว่าเป็นบุคคลที่โด่งดังมาก เนื่องจากหลังจากสร้าง NetScape และปล่อยออกสู่ตลาดนั้น ก็ได้นำบริษัททำ IPO เพื่อเข้าตลาดหุ้นโดยแทบจะทันที ซึ่งตอนนั้นก็ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วนอยู่พอสมควร

เนื่องจากมูลค่าหุ้นขึ้นไปสูงถึงระดับ 171$  ในช่วงเปิดตัวแรก ๆ  ทำให้บริษัทมีมูลค่าทันทีถึง  2 พันล้านเหรียญในยุคนั้น ซึ่งถือว่ามากพอตัว   และทำให้เค้ากลายเป็นเศรษฐีหนุ่มทันทีจากมูลค่าหุ้น และนักลงทุน ที่ร่วมก็รวย ๆ กันไปตาม ๆ กันจากมูลค่าหุ้นที่พุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงดังกล่าว

Marc Andreessen บิดาแห่ง Browser
Marc Andreessen บิดาแห่ง Browser

แต่การเกิดขึ้นของ NetScape นั้นเหมือนเป็นการปลุกยักษ์ให้ตื่น Microsoft ในสมัยนั้นเป็นบริษัทที่มูลค่าแทบจะสูงที่สุดในโลกของ Technology Company ซึ่ง Gate ก็ไม่รอช้า ในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ Microsoft ต้องออก OS ใหม่พอดีซึ่งก็คือ Microsoft Windows 95  

โดยทาง Microsoft นั้นใช้แผนที่เหนือเมฆ คือนำ Internet Exproler ออกสู่ตลาดโดยแถมมากับระบบปฏิบัติการ Windows 95 เลยแทบจะทันที โดย microsoft นั้นก็ได้พัฒนาตัว IE โดยใช้พื้นฐานมาจาก Mosaic ที่ Marc เป็นคนพัฒนาขึ้นในตอนอยู่  University of illinois of Urbana Chanpaign นั่นเอง

ซึ่ง Microsoft นั้นเป็นบริษัทที่ทุนหนาอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแต่อย่างใด ในการแถม Browser ไปกับระบบปฏิบัติการ และเป็นยิ่งส่งเสริมให้คนหันมาใช้ ระบบปฏิบัติการ Windows 95 มากยิ่งขึ้นเสียไปอีก ซึ่งเป็นความโหดมากของ microsoft ในการแทบจะ ฆ่า Netscape ออกไปจากตลาด และ เพิ่มยอดขายของ Windows 95 เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว

Microsoft ออก Internet Exproler มาแถมกับระบบปฏิบัติการ เพื่อฆ่า Netscape
Microsoft ออก Internet Explorer มาแถมกับระบบปฏิบัติการ เพื่อฆ่า Netscape

สุดท้ายก็มีการฟ้องร้องกันหาว่า Microsoft ผูกขาดการตลาดของระบบปฏิบัติการ ทางฝั่ง microsoft นั้นก็ไม่แยแสในเรื่องที่เกิดขึ้นเดินหน้าแถม Browser ต่อไปจนครองส่วนแบ่งแทบจะทั้งหมดของ Browser ในขณะนั้น

และ ทำให้ Netscape ต้องถูกขายให้กับ AOL ในภายหลังก่อนจะพัฒนากลายมาเป็น Moziila Firefox อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนคดีความฟ้องร้องนั้น ถึงแม้สุดท้าย ศาลจะพิพากษาให้ Microsoft เป็นฝ่ายผิด แต่ microsoft ก็ยินยอมจ่ายค่าปรับเพียงร้อยกว่าล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเปรียบเหมือนในสงครามนี้ microsoft ยอมแพ้ในศาลแต่ ในเชิงธุรกิจนั้น Netscape ได้ตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง