Welcome Danny Welbeck

จบปิดตลาดซื้อขายหน้าร้อนไปอย่างเรียบร้อย  อารเซน่อลสุดที่รักของผมก็ได้กองหน้าตัวใหม่มาซักที แต่ไม่รู้จะดีใจหรือ เสียใจดีกับการได้เทพอย่าง Danny Welbeck มาร่วมทีม  แต่จังหวะช่วงเวลานี้ ขอใครก็ได้แล้วกัน เพราะมันไม่มีกองหน้าจะใช้ได้จริง ๆ แล้วสำหรับทีม อาเซน่อลในตอนนี้  ตัวความหวังอย่าง ชิรูด์ ก็ดันมาเจ็บยาวไปอีก  เวนเกอร์คงเห็นอะไรซักอย่างในตัว Danny Welbeck ถึงได้ไปกระชากตัวมาจาก Manchester United แบบนี้ ผมว่าราคาก็ไม่ได้สูงเกินไป ก็ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีกับทีมอาเซน่อล

เท่าที่ได้ดูฟอร์มการเล่นในสองนัดแรกนั้น มองยังไงก็ยังเหมือนเดิมกับที่อยู่ Man U  ซึ่งถือว่า sense ฟุตบอลของ Welbeck นั้นอยู่ในระดับที่โอเคนะ  แต่จังหวะสุดท้ายนี่ยังไงก็ยังไม่เด็ดขาดพอ หวังว่าเจ๊เวนเกอร์ แกจะปั้นขึ้นมาได้  ดูสไตล์ ก็คล้าย ๆ Henry เหมือนกันในบางจังหวะ คิดว่าศูนย์หน้า สไตล์นี้แหละน่าจะเหมาะกับทีม อาเซน่อลที่สุดแล้ว คิดว่าถ้าปรับอีกหน่อย Welbeck คงจะโอเคกับอาเซน่อลนะ

สำหรับฟอร์มโดยรวมของทีม ผมรู้สึกว่ามันจะแย่กว่าฤดูกาลที่แล้วอีกนะ ปีที่แล้วนี่ ออกสตาร์ทมาแพ้แค่นัดแรก แล้่วทยอยโกยแต้มในช่วง แรก ๆ ได้ทันที แต่ปีนี้มานี่ หนักไปทางเสมอไปหน่อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่ยังไม่แพ้ใคร ( หรือจะไร้พ่ายอีกซักฤดูกาล)  แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้ออกตัวแรงมาก ๆ เด๋วจะไปแผ่วปลาย ๆ อีก  อยากให้ไปแรงตอนปลายฤดูกาลมากกว่า เพราะปีที่แล้วนี่ อุตส่าห์ออกตัวแรงนำมาตลอดดันไปตกม้าตายในตอนจบซะงั้น รู้สึกเสียอารมณ์อยู่บ้าง แต่ยังดีที่ได้รับรางวัลปลอบใจเป็นแชมป์ FA Cup มา

โดยส่วนตัวคิดว่าปีนี้อาเซน่อล คงจะลุ้นในอันดับสี่เหมือนเดิม  ซึ่งคิดว่าน่าจะได้อันดับเดิมด้วยซ้ำ ดูจากฟอร์ม เชลซีแล้ว ไม่น่าพลาดแชมป์ ทีมแกแน่นจริง ๆ สำหรับ มูรินโย่ ซึ่งดูจะห่างจากทีมอื่นอยู่พอตัว แต่ก็ประมาท แมนซิตี้ ไม่ได้เหมือนกัน ถ้านักเตะแกเล่นฟอร์มดีกันทุกคนนี่ น่ากลัวสุด ๆ สำหรับ แมนซิตี้  ส่วนคู่แข่งที่คิดว่าน่ากลัวสำหรับการมาลุ้น แชมเปี้ยนลีค คิดว่าน่าจะเป็น แมนยู  เพราะเสริมทัพเข้ามาได้น่ากลัว ๆ มั๊ก ๆ ในปีนี้ แถมยังไม่ต้องไปเล่นถ้วยยุโรปอีกต่าง ๆ หาก ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสุด ๆ ซึ่งจากที่ได้สังเกตมานาน ทีมที่ไปเตะกลางสัปดาห์ จะกลับมาเล่นไม่ค่อยดีในวันเสาร์ อาทิตย์นั้น เนื่องจากต้องเดินทางด้วย คิดว่าทำให้เสียพลังไปเยอะกับการเตะกลางสัปดาห์ แต่สมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็สร้างทีมได้ 2 ทีมอยู่แล้ว คิดว่าไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรหากมีการสลับผู้เล่นกันบ้าง ยังไงปีนี้ ก็ยังต้องเชียร์หนัก ๆ กับอาเซน่อลเหมือนเดิม ส่วนตัวก็ยังหวังลึก ๆ ว่าจะมีโอกาสได้แชมป์กับเขาบ้างหลังจากห่างหายมาหลายปี

Book Review : Alex Ferguson My Autobiography

ถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นแฟน แมนยู  แต่ก็สนใจหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าจะออก ซึ่งตอนแรกนั้นได้ load ใน version ของ kindle มาแล้วอ่านไม่จบ เลยมาลองซื้อเล่มแปลไทยมาอ่าน ถือว่าเป็นหนังสือที่ให้ความรู้ในหลาย ๆ ทางมาก คือกว่า ป๋า แกจะผ่านความสำเร็จกับแมนยู มาขนาดนี้ เบื้องลึกเบื้องหลังนี่มีปัญหามากมาย ทั้งกับนักเตะ กับ ผู้บริหารสโมสรเอง เรามองจากภายในนอกในรอบสิบกว่าปีหลังนี่จะเห็นแต่ความสำเร็จของแมนยู แต่เราไม่รู้ว่าข้างในเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องภายในของแมนยู ในรอบสิบกว่าปีหลังนี้มา

ตัวหนังสือนั้นจะแบ่งเป็นบท ๆ กล่าวถึงเรื่องตั้งแต่ตอนป๋า แกเริ่มทำงาน ตั้งแต่อยู่ scotland คุมทีมเล็ก ๆ จนมาคุมทีม อเบอร์ดี คว้าแชมป์ลีก ได้ ก่อนจะถูกดึงมาสร้างทีมให้กับแมนยู และเกือบจะถูกไล่ออกในตอนแรก ๆ ที่ทำทีมไม่ได้แชมป์ รวมไปถึง การสร้างทีมจากเด็กในยุคที่ป๋าเรียกว่า class of 1992 ซึ่งมรดกที่หลงเหลือในปัจจุบัน คือ ไรอัน กิ๊กซ์ นั่งเอง รวมถึงปัญหากับนักเตะภายในทีม อย่าง เดวิด เบ๊คแคม , รอย คีน , เวย์ รูนนี่ย์  หนังสือเรื่องนี้อ่านดูแล้ว แสดงถึง พลังของความเป็นผู้นำของป๋า อย่างมาก ค่อนข้างเด็ดขาดกับการจัดการลูกทีม ไม่ให้ลูกทีมคนใด ใหญ่คับสโมสร  ไม่งั้นแกจะเฉดหัวออกจากทีมทันที่ ซึ่งผมมองว่า มันเป็น ศาสตร์ และ ศิลป์ ในการบริหารคน เช่นเดียวกับในองกรธุรกิจต่าง ๆ มันก็ต้องมีพวก star ทำตัวใหญ่คับองค์กร เรื่องนี้ได้เรียบรู้วิธีการบริหารคน บริหารทีมงาน  รวมถึงการบริหารเงิน ที่ทำให้แมนยูนั้น ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ อนาคตนั้น ก็ต้องดูกันต่อไปหลังจาก David Moyes มาคุมทีม

 

เก็บตกจากหนังสือ

  • ป๋าแกเกือบถูกไล่ออกตอนคุมแมนยูช่วงแรก ๆ เนื่องจากไม่ได้แชมป์อะไรเลย
  • ทีมที่ป๋าบอกว่าเป็นคู่แข่งที่เจ๋งที่สุด ที่คุมทีมมา คือ บาเซโลน่า ในยุค เป๊บ
  • ป๋าแกเคยเป็นเจ้าของผับด้วยตอนคุมทีมแรกๆ ในสก๊อตแลนด์
  • ป๋าเคยคิดจะวางมือ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2000 แต่เมียขอให้ทำงานต่อไป