ประวัติ Jho Low ตอนที่ 9 : The Wolf of Hollywood

หลังจากที่ได้เจอกับ Low ในทริปการพักผ่อนที่ Whistler ในประเทศแคนาดา McFarland ที่เป็นเพื่อนกับ Paris Hilton ก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนกับ Low อย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถ และ Connection ที่กว้างขวางในวงการ Entertainment นั้น ทำให้เขากลายมาเป็นคนที่โปรดปรานของ Low เป็นอย่างมาก

Low และ McFarland เริ่มพูดคุยอย่างจริงจัง เกี่ยวกับการที่จะเริ่มต้นธุรกิจภาพยนตร์ฮอลลีวูด พร้อมกับ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของนายกรัฐมนตรี Najib Razak พวกเขาจำเป็นต้องหา Connection ที่ใกล้ชิดกับนักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง

ตัว Riza นั้นก็พอจะมี Connection อยู่บ้าง และเคยรู้จักกับ Jamies Foxx นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง เพราะเขาเคยไปพูดคุยกับ Foxx เกี่ยวกับแนวคิดในเรื่องการลงทุนในการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งมูลค่าการลงทุนสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์

และด้วยเงินมหาศาลขนาดนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ Foxx จะช่วยเปิดประตูต่อให้ Riza ได้พบกับ Avi Lerner ผู้ผลิตภาพยนตร์อิสระที่บริษัท Millennium Films ที่เพิ่งสร้างหนัง Righteous Kill โดยได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Al Pacino และ Robert De Niro มารับบทนำ

Joe Gatta ผู้บริหารของ Millennium ได้มีโอกาสพบกับ Riza และ McFarland และชักชวนให้พวกเขาสร้าง บริษัท ผลิตภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมา

โดยในปี 2007 Di Caprio ได้ชนะการประมูล ที่มีการแข่งขันกับดาราชื่อดังอีกคนอย่าง Brad Pitt เพื่อสิทธิในเรื่องราวอัตถชีวประวัติของ Jordan Belfort นักลงทุนชื่อดังในยุค 1980-1990 ซึ่งต้องบอกว่าเขามีประวัติที่น่าสนใจมาก ๆ ในการทำเงินกับตลาดหุ้น และใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างสุดเหวี่ยง ทั้งปาร์ตี้ เล่นยา และ โสเภณี แต่สุดท้าย เขาก็ได้ถูกตัดสินจำคุกในปี 2004 ในข้อหาฉ้อโกง และถูกสั่งให้ชดใช้ให้กับเหล่านักลงทุนที่ถูกเขาหลอกลวง ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากนั้นเพียง 22 เดือน

ซึ่งนั่นก็คือที่มาของภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street แม้ตัวเนื้อเรื่องเอง จะมีการเติมแต่งไปเป็นอย่างมาก จากเนื้อเรื่องต้นฉบับ เพราะ Belfort เองนั้นก็ไม่ได้อยู่ในแถบ Wall Street แต่อย่างใด เขาอยู่ห่างไปเป็นพัน ๆ ไมล์จาก Wall Street และเขาก็ไม่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “The Wolf of Wall Street” เหมือนที่หนังกำลังสื่อถึง

แต่ตัว Belfort นั้น เป็นคนที่ศรัทธาในตัว Di Caprio เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และประทับใจ Di Caprio จากหนังอย่าง Catch Me If You Can และการรับบทบาท Jay Gatsby ในหนังดังอย่าง The Great Gatsby

ซึ่งต้องบอกว่าฮอลลีวูด นั้น หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของ นักการเงินชายที่แสนโลภ และประสบความสำเร็จอย่างดีในการเสนอเนื้อหาแบบดังกล่าว ตั้งแต่ ยุค 1980 ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง American Psycho และ Boiler Room มีเสียงตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ ภาพยนตร์เสมอมา

แม้ตัว Martin Scorsese ที่ได้ถูกวางตัวให้มาเป็นผู้กำกับจะรู้สึกผิดหวัง กับบทของหนังดังกล่าว ซึ่งเขาต้องใช้เวลากว่า 5 เดือนในการเตรียมบท เพื่อเตรียมการถ่ายทำและได้เริ่มบ่นกับคนในวงการว่ามันเป็นการเสียเวลาเปล่ากับหนังอย่าง The Wolf of Wall Street

Martin Scorsese ผู้กำกับชื่อดังที่จะมากำกับ The Wolf of Wall Street
Martin Scorsese ผู้กำกับชื่อดังที่จะมากำกับ The Wolf of Wall Street

แต่ Low ก็จัดการเรื่องดังกล่าว ด้วยการเสนอเงินทุนที่ไม่มีลิมิต และ ปล่อยให้ Scorsese ทำในสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานศิลปะ หรือ เงินทุนในการสร้าง Low พร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างให้ทั้้งหมด แค่ให้งานนี้สำเร็จ

ในเดือนกันยายนปี 2010 Riza Aziz และ McFarland ได้ก่อตั้งบริษัท Red Granite Productions (ซึ่งต่อมากลายเป็น Red Granite Pictures) โดย Riza นั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน และ McFarland เป็นรองประธาน ส่วน Low นั้นก็ไม่มีบทบาทอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับที่เขาทำในกองทุน 1MDB

Low นั้นอยู่เบื้องหลังอยู่เสมอ เขาจัดการระดมทุนครั้งแรกให้กับบริษัท มีการโอนเงินจำนวน 1.17 ล้านดอลลาร์ จาก บริษัท Good Star บริษัทนอมินีของเขาในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ก่อนที่จะทยอยโอนเพิ่มเติมมาในภายหลัง เพื่อมาเป็นทุนในการสร้างหนังและค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาด

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2011 มีการจัดอีเว้นท์ มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ที่เมืองคานส์ ประเทศ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในการสร้างหนัง The Wolf of Wall Street ของพวกเขา

Low เล่นใหญ่ด้วยการเปิดตัวที่เทศกาลหนังเมืองคานส์
Low เล่นใหญ่ด้วยการเปิดตัวที่เทศกาลหนังเมืองคานส์

ดูเหมือนว่าตัว Belfort เอง ก็เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในงานอีเว้นท์ที่มีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 3 ล้านดอลลาร์ เพื่อการเปิดตัว ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่่องนี้ยังไม่ได้เริ่มผลิตเลยด้วยซ้ำ

แม้ในภายหลังนั้น Low จะเสนอเงินให้ Belfort กว่า 500,000 ดอลลาร์ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเปิดตัวหนังในลาสเวกัสกับ Di Caprio แต่ Belfort ก็เริ่มไม่ไว้วางใจคนกลุ่มนี้อีกต่อไป และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปสุงสิงกับ Low ในภายหลัง

คนในฮอลลีวูด ต่างมีความสงสัยเกี่ยวกับบริษัทหน้าใหม่อย่าง Red Granite ที่มีเงินทุนมหาศาล และพวกเขาก็แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับฮอลลีวูดมาก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ และแทบจะไม่มีใครรู้จัก Riza Aziz หรือ McFarland ที่อยู่ดี ๆ ก็กระโดดเข้ามาสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ด้วยทุนมหาศาลขนาดนี้

ซึ่งในเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเทศกาลภาพยนตร์ที่คานส์ Low นั้นก็มีการเช่าเรือซุปเปอร์เรือยอชท์ ที่นำมาจอดเทียบท่าในน่านน้ำของทะเลเมดิเตอร์เรนียน ไม่ไกลจากเมืองคานส์ และนอกจากการมาเพื่อเปิดตัวบริษัทภาพยนตร์ของเขา Low ได้จัดให้ศิลปินชื่อดังอย่าง Pharrell Williams เข้ามาบันทึกเพลงในสตูดิโอชั่วคราวของเขาบนเรือยอชท์ด้วย

ไม่เพียงแค่วงการภาพยนตร์เท่านั้น Low ยังเข้าไปคลุกคลีกับวงการเพลง โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัทผลิตเพลงที่ชื่อว่า Red Spring และเริ่มจ้างนักดนตรีที่เก่งที่สุดเพื่อช่วยสร้างอัลบั้ม ให้กับ Elva Hsiao ที่เป็นนักร้องชื่อดังจากไต้หวัน โดย Low อยากให้ Hsiao แจ้งเกิดได้ในอเมริกา

โดย Low ได้ตกลงจ่ายเงินกว่า 3 ล้านเหรียญ ให้ Pharrell Williams เพื่อสร้างเพลง 3 เพลงให้กับ Hsiao และจะปรากฏในมิวสิควีดีโอคู่กับเธอ นอกจากนี้ยังตกลงกับ Alicia Keys และสามีนักแต่งเพลงฮิปฮอปของเธอ Swizz Beatz โดยจ่ายเงินให้ทั้งคู่ 4 ล้านเหรียญ เพื่อให้ดูแลอัลบั้มและการเปิดตัวของ Hsiao ในอเมริกา

และเมื่อมาถึงจุดนี้ ต้องบอกว่า Jho Low นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่ ปาร์ตี้ อย่างบ้าระห่ำ และใช้เงินอย่างบ้าคลั่งเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะตอนนี้ เขา และ Riza กำลังกลายเป็นผู้เล่นในฮอลลีวูด แบบเต็มตัว และเล่นใหญ่ ด้วยการสร้างหนังที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความสงสัยจากคนในวงการบันเทิงฮอลลีวูด แล้วเขาทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับชายที่ชื่อ Jho Low โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 10 : Win Win Situation

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.theaustralian.com.au/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 7 : Money Magic

ในวันที่ 22 ตุลาคม 2009 เพียงแค่สามสัปดาห์หลังจากที่ Low ได้ยักยอกเงินมูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ จากกองทุน 1MDB เขาก็ได้บินไปฉลองที่อเมริกาทันที และที่นั่นก็คือเมืองแห่งแสงสีอย่าง ลาสเวกัส

และก็เป็นหนึ่งในโรงแรมใหม่ล่าสุดอย่าง Palazzo โรงแรมระดับหรู และมีคาสิโนที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา Low ได้มีการจ้างนางแบบสาวในลาสเวกัสกว่า 20 คนมาร่วมงานปาร์ตี้ฉลอง ที่เป็นความลับ

เมื่อถึงเวลา 20.00 น. เหล่าสาว ๆ ก็เข้ามาถึงห้อง VIP โดยข้างใน รอบ ๆ โต๊ะมีชาวเอเชียจำนวนหนึ่งกำลังเล่นโป๊กเกอร์พร้อมด้วย Leonardo DeCapio แม้เหล่านางแบบหลายคนจะเคยพบกับนักแสดงชื่อดังมาก่อน แต่การปรากฏตัวของเขาในงานนี้ทำให้บางคนรู้สึกประหลาดใจ

โดยในห้องนั่งเล่นของห้องสวีทดังกล่าว มีโซฟานุ่ม ๆ และประตูที่เปิดออกไปที่ระเบียงสระว่ายน้ำ ที่สามารถมองเห็นบรรยากาศเมืองลาสเวกัสยามค่ำคืน พนักงานโรงแรมได้สร้างฟลอร์เต้นรำแบบชั่วคราวพร้อมกับลูกบอลดิสโก้ห้อยอยู่เหนือศรีษะ และทาง Palazzo นั้นได้มีการจัดการ์ดมาคุมเข้มให้กับแขก VIP กลุ่มนี้ เป็นพิเศษ

ต้องบอกว่าในช่วงเวลานั้น ช่วงปลายปี 2009 Low สามารถเข้าถึงเงินสดได้มากกว่าใครในโลก และเขาไม่อายที่จะใช้จ่ายมันอย่างบ้าคลั่ง Low ได้เริ่มจัดปาร์ตี้ พบปะคนสำคัญทั้งดารา นักธุรกิจ นายธนาคาร และบุคคลสำคัญอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Connection ใหม่ ๆ

ต้องบอกว่าแผนการของ Low ในศตวรรษที่ 21 นั้น เป็นความพยายามระดับโลกที่ทำได้สำเร็จอย่างแท้จริง ที่เขาแทบจะไม่ต้องผลิตสินค้าใด ๆ เลย กับการเสกเงินเหมือนมีเวทมนต์ ด้วยการเปลี่ยนเงินสดจากกองทุนของรัฐที่มีการควบคุมที่หละหลวมในประเทศกำลังพัฒนา และ เคลื่อนย้ายมันไปสู่มุมมืดของระบบการเงิน

ในระหว่างเดือนตุลาคม 2009 ถึง มิถุนายนปี 2010 ในระยะเวลาเพียงแค่ 8 เดือน Low และ ผู้ติดตามของเขาใช้เงินไปกว่า 85 ล้านดอลลาร์ในการเล่นการพนันในเวกัส , เครื่องบินไอพ่นส่วนตัว , เช่าบ้านพักตากอากาศ รวมถึง Apartment สุดหรูใจกลางกรุงนิวยอร์ก Park Imperial

แต่เขาก็มีความฝันอย่างนึงตั้งแต่เรียนที่ Wharton ที่อยากจะพบเจอนางแบบคนดัง ที่เขาใฝ่ฝัน ซึ่งเธอผู้นั้นก็คือ Paris Hilton

ซึ่งตอนนี้เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาของ Low อีกต่อไป ในเดือนพฤศจิกายนปี 2009 Low ได้ส่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปที่ LA เพื่อพา Paris Hilton ไปยังแวนคูเวอร์ เพื่อพาเธอไปยัง Whistler สกีรีสอร์ตชื่อดังของแคนาดา

Paris Hilton สาวในฝัน ของ Jho Low
Paris Hilton สาวในฝัน ของ Jho Low

โดย Low ได้ติดต่อผ่านผู้จัดการส่วนตัวของ Hilton โดยจ่ายเงินประมาณ 100,000 ดอลลาร์ เพื่อมาพักผ่อนที่ โดย Hilton ได้พาเพื่อนของเธอ Joey McFarland ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจ้างดาราสำหรับงานปาร์ตี้และอีเว้นท์มาด้วย

ที่รีสอร์ตดังกล่าว มีการรวมตัวกันของเหล่าคนสนิทของ Low เพื่อมาพักผ่อน ที่สกีรีสอร์ตแห่งนี้ Low ได้พาเพื่อนสนิท ทั้ง Al Wazzan เพื่อนร่วมชั้น Wharton ชาวคูเวต รวมถึง Riza Aziz ลูกเลี้ยงของนายกรัฐมนตรี Najib มาร่วมพักผ่อนในทริปนี้ด้วยกัน

ซึ่ง Riza นั้น อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส และพร้อมที่จะช่วย Low ลงทุนเงินบางส่วน ซึ่งที่ รีสอร์ต Whistler นีเองที่ทำให้ทั้งคู่คิดไอเดียเกี่ยวกับการสร้างภาพยนต์ ซึ่งมี McFarland ที่มีความสนใจในเรื่องดังกล่าวมาร่วมกันออกไอเดียด้วย

ซึ่งหลังจากจบทริปที่แคนาดา Low ก็ได้เริ่มทำความสนิทสนมกับ Hilton อย่างต่อเนื่อง มีการจ่ายเงินให้เธอจำนวนมหาศาล ในงานฉลองวันเกิดของ Hilton มีของขวัญวันเกิดอย่าง นาฬิกา Cartier สุดหรู พร้อมด้วยเงินสดกว่า 250,000 ดอลลาร์ให้ Hilton เพื่อไปใช้เล่นบาคาร่า เรียกได้ว่า Low จ่ายเงินให้ Hilton อย่างเต็มที่ โดยไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ

ด้วยความที่เขาเป็นคนจ่ายหนัก โดยเฉพาะที่คาสิโน ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มจับตามามอง Low เพราะเขาดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลยกับการจ่ายเงินจำนวนมหาศาล แม้จะเสียการพนันสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์ เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด มีข่าวลือในแวงวงคาสิโนว่า เขาอาจจะเป็นพ่อค้าอาวุธ หรือ อาจจะเป็นทายาทกษัตริย์แห่งมาเลเซีย เลยเสียด้วยซ้ำในขณะนั้น

เมื่อเข้าสู่ปี 2010 Low ก็ได้ซื้อบ้านหรูมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ใน ลอนดอน ลอสแองเจลิส และ นิวยอร์ก ให้กับ Najib และครอบครัวของเขา โดยมีการซื้อ อาคาร Park Laurel ในเมืองนิวยอร์ก ที่มีมูลค่ากว่า 36 ล้านดอลลาร์ สำหรับ Riza Aziz ลูกเลี้ยงของ Najib

เรียกได้ว่าเป็นการเอาใจ Najib อย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดอสังหาเหล่านี้ Riza ก็จะกลายเป็นเจ้าของในท้ายที่สุด ซึ่งเงินส่วนใหญ่ก็มาจากเงินที่ขโมยมาจากกองทุน 1MDB นั่นเอง โดยที่ทาง Najib เองนั้น ก็ไม่ได้สนใจถึงแหล่งที่มาของเงินในการซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ ในขณะนั้น

แม้จะซื้อบ้านหลายหลัง แต่ Low ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางไปทั่วโลก มีการเดินทางไปยัง มาเลเซียเพื่อพบนายกรัฐมนตรี Najib และเขาจะบินต่อไปยัง สิงค์โปร์ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ รวมถึง อาบูดาบี สวิส แล้วบินวนกลับมาที่ลอสแองเจลิส เพื่อเดินทางไปเล่นการพนันที่เวกัส เรียกได้ว่าเป็นตารางการบินที่บ้าคลั่งมาก ๆ ที่คนส่วนใหญ่คงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

Bombardier Global 5000 เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของ Low
Bombardier Global 5000 เปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของ Low

ซึ่งการเดินทางที่เยอะขนาดนี้ ทำให้ Low ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว Bombardier Global 5000 เครื่องบินสุดหรูของเหล่ามหาเศรษฐี เนื่องด้วยเขาอาศัยอยู่ในเครื่องบินเจ็ตมากกว่าบ้านหลาย ๆ หลังที่เขาซื้อมา ทำให้ภายในเครื่องบินนั้นตกแต่งเต็มไปด้วย เตียง และ ออฟฟิสขนาดเล็ก เครื่อง Fax และ WI-FI ซึ่งเขาใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่อยู่บนเครื่องบิน

ต้องเรียกได้ว่า มันเป็นชีวิตที่ไม่ธรรมดา Low ได้สร้างความประทับใจที่แตกต่างให้กับเหล่าผู้คนที่ได้มีโออาสพบเขา ซึ่งต้องบอกว่า แผนการของ Low นั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก ๆ และมาไกลเกินกว่าที่เขาคิดไว้ เพราะทุกอย่างมันดูเหมือนง่ายไปหมดสำหรับเขา แต่หารู้ไม่ว่า สถานการณ์ที่ มาเลเซีย เริ่มมีความสงสัย ถึงทรัพย์สินที่ได้มาของ Low และ วิธีการลงทุนของ 1MDB ของ Low เสียแล้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ กับผู้ชายที่เสกเงินได้ดั่งมีเวทย์มนต์อย่าง Jho Low โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 8 : Where’s Our Money?

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.businesstimes.com.sg/asean-business/malaysian-playboy-financier-jho-low-in-cross-hairs-after-poll-upset