ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนผู้คนประมาณ 1 ล้านคน พากันไปที่ถนนของฮ่องกงเพื่อประท้วงการออกกฏหมายใหม่ที่อนุญาตให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการระบุตัวผู้ประท้วงชาวฮ่องกงหลายคนปกปิดใบหน้าของพวกเขา แต่จากเรื่องราวใหม่ในการรายงานของวอชิงตันโพสต์ พบว่าผู้ประท้วงบางคนได้ฉายแสงเลเซอร์กำลังสูงโดยตรงที่กล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นกลยุทธ์การประท้วงที่ใช้เทคโนโลยีสูงสุด ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสับสนให้กับระบบจดจำใบหน้าของรัฐบาลจีน
การใช้เลเซอร์เหล่านี้ทำให้ภาพถ่ายของการประท้วงนั้นไม่สามารถที่จะระบุตัวตนกลับมาที่พวกเขาได้นั่นเอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงตอนนี้ คือความจริงที่น่ากลัวที่อาจส่งผลกระทบระยะยาวหากยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างเด็ดขาด
ในขณะที่กฏหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่เป็นประเด็นหลักของการประท้วงนั้นถูกระงับไว้ชั่วคราว ซึ่งหากมีการผ่านกฏหมายดังกล่าวไปได้ ในอนาคตมันจะทำให้ฮ่องกงมีความสามารถในการถ่ายโอนอาชญากรที่น่าสงสัยไปยังเขตอำนาจศาลใด ๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการอีกต่อไปนั่นเอง
หากฮ่องกงสามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศจีนก็จะทำให้เส้นแบ่งระหว่างระบบกฎหมายทั้งสองแห่งนั้นถูกฉีกขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิงนั่นเอง ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่มีอำนาจเต็มเหนือเกาะฮ่องกงได้ทันที
นั่นอาจนำไปสู่การที่เหล่าพลเมืองของฮ่องกงจะถูกควบคุมแบบเข้มงวดเหมือนกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และตอนนี้มีผู้แสดงความคิดเห็นบางคนได้กล่าวถึงการรุกล้ำของจีนแผ่นดินใหญ่ ผ่านเทคโนโลยีระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) เป็นสัญญาณว่าการควบคุมของจีนแผ่นดินใหญ่ในฮ่องกงกำลังเพิ่มขึ้นแล้วนั่นเอง