Streaming Music ทำให้เพลงสั้นลงได้อย่างไร?

 Charlie Harding และ Nate Sloan เข้าร่วมกับบรรณาธิการ Nilay Patel The Verge เพื่อแกะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการฟังเพลงจาก Streming Music ที่ว่ากันว่าตอนนี้ความยาวของเพลงชื่อดังนั้นลดลงเรื่อย ๆ 

นี่คือข้อความบทสัมภาษณ์จากนักแต่งเพลง Charlie Harding และนักดนตรี Nate Sloan เพื่ออธิบายว่าทำไมเพลงจึงเริ่มสั้นลงในยุคของการสตรีม

บทสัมภาษณ์

Nilay Patel: เห็นได้ชัดว่าบริการสตรีมเพลงของทุกที่ เพลย์ลิสต์อัลกอริธึมมีอยู่มากมายทุกหนทุกแห่ง การสร้างอัลบั้มมันกำลังพังทลายลง เพลงก็สั้นลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อคุณถามว่า“ เทคโนโลยีทำอะไรดนตรีได้บ้าง” และนี่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ เพลงมีความยาวลดลงกว่า 30 วินาทีในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา

ชาร์ลีฮาร์ดิง:ใช่ หนึ่งในแนวโน้มหลักที่เราเห็นในเพลงและธุรกิจสตรีมมิ่งคือเพลงที่สั้นลงจากยุค ’90s ถึงตอนนี้ เวลาเฉลี่ยของเพลงลดลงและเราเห็นว่ามีเพลงที่สั้นมากๆ Spotify ออกมาในปี 2006 แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้การสตรีมเพลงได้กลายเป็นกำลังสำคัญของการแพร่กระจายของเพลงและตอนนี้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับคนเขียนเพลง

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงคือวิธีการรับเงินและมันมีผลต่อวิธีการเขียนเพลง ในอดีตคุณเคยได้รับเงินถ้าคุณขายได้ทั้งอัลบั้มผ่านรูปแบบเทป หรือ CD ในปี 1995 เรามีเพลงที่มีเวลาโดยเฉลี่ย สี่นาที 30 วินาที วันนี้ความยาวของเพลงลงไปเหลือเฉลี่ย สามนาที 42 วินาทีเพราะความแตกต่างในวิธีการได้รับเงินของศิลปินรวมถึงนักแต่งเพลงในตอนนี้ 

แทนที่จะได้รับเงินจากการขายที่เป็น Physical อย่าง เทป หรือ CD คุณจะได้รับเงินจากการจำนวนการเล่นเพลง ซึ่งจะนับเฉพาะเมื่อมีคนฟังเพลง 30 วินาที จริง ๆ แล้วมันสมเหตุสมผลถ้าคุณสามารถสตรีมเพลงได้มากขึ้นในแต่ละครั้ง

ซึ่งหมายความว่าคุณต้องการที่จะสร้างอัลบั้มของคุณที่เต็มไปด้วยเพลงที่สั้นๆกว่าเดิมมาก ดังนั้นหากคุณมีอัลบั้มเช่น Drake’s Scorpion ซึ่งเป็นอัลบั้มที่มีความยาวมาเกือบ 90 นาที แต่เขามีเพลงสั้น ๆ มากมายเพราะเขาได้รับเงินสำหรับเพลงทุกเพลงที่คุณฟัง ไม่ว่าคุณจะฟังทั้งอัลบั้มหรือไม่ก็ตาม

ไม่เพียง แต่เพลงจะสั้นลงเท่านั้น แต่วิธีที่ศิลปินแนะนำเพลงของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป  วันนี้เราไม่เพียงแต่จะเห็นเพลงที่สั้นลงเท่านั้น แต่มีโครงสร้างเพลงใหม่ที่เราสังเกตเห็นว่าเราเรียกว่า pop overture โดยที่เพลงในตอนแรกจะเล่นแบบไร้เสียงร้อง การเริ่มร้องจะเริ่มในห้าถึง 10 วินาทีแรกเพื่อให้ไม่ให้คุณ Skip ไปเพลงอื่น โดยหวังว่า คุณจะฟังไปอยู่จนถึงประมาณ 30 วินาที เพื่อทำเงินจากการ Stream ของคุณ

การถูกบรรจุเข้าไปใน Playist จะทำร้ายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
การถูกบรรจุเข้าไปใน Playist จะทำร้ายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

Nilay Patel: มันคล้ายกับตัวอย่างภาพยนตร์มีตัวอย่างย่อย ๆ ก่อนตัวอย่างจริง ๆ จะออกมา

เนทสโลน:ใช่แน่นอน

Nilay Patel: คุณกำลังบอกว่าเพลงจะสั้นลงเนื่องจากการให้บริการสตรีมและวิธีการที่ศิลปินได้รับเงินเมื่อผู้ฟังถึง 30 วินาทีจากนั้นทุกอย่างหลังจาก 30 วินาทีนั้นก็ไม่คุ้มค่า และพวกเขาต้องการพาคุณไปสู่เพลงถัดไปหรือไม่

เนทสโลน:แน่นอนว่ายังไม่มีแรงจูงใจให้ฟังเพลงทั้งหมดและนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เพลงสั้นลงเช่นกัน คุณไม่ต้องการเสี่ยงที่จะสูญเสียความสนใจต่อเพลงของคนฟัง ผลตอบแทนอาจไม่ใช่ตัวเงิน แต่อย่างน้อยก็ใน Spotify หากผู้ฟังฟังทั้งแทร็กซึ่งเพิ่มโอกาสที่แทร็กจะปรากฏในเพลย์ลิสต์ขนาดใหญ่ได้ ใน Spotify พวกเขาจะคำนึงถึงว่าหากมีคนฟังเพลงทั้งหมดของเพลง คุณจะได้รับเงินมากขึ้น และการถูกจัดในเพลย์ลิสต์อาจทำให้เกิดการคลิกได้มากขึ้น ดังนั้นคุณต้องการผู้ฟังที่จะฟังเพลงอย่างครบถ้วน ไม่ใช่แค่ 30 วินาทีแรก

Charlie Harding:สิ่งที่เปลี่ยนไปจริงๆคือการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเพลง ที่มีความยาวภายในสามนาที ซึ่งมีการเติบโตโดยเฉพาะในกลุ่มฮิปฮอป เพลงเช่น “Gucci Gang” ของ Lil Pump ซึ่งมีความยาวเพียงแค่ สองนาทีสี่วินาที หากคุณดูทั้งอัลบั้มของเขา 14 จาก 19 เพลงมีความยาวไม่เกินสามนาที 

แต่ประเด็นของเนทนั้นถูกต้องคุณต้องการผู้ฟังที่จะฟังไปจนจบเพลง คุณไม่ต้องการให้ใครข้ามเพลงของคุณไปเลย  ฉันไม่คิดว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคที่การโน้มน้าวให้ผู้ฟัง ฟังแค่ 35 วินาที  คุณต้องแน่ใจว่าพวกเขาฟังจนจบเพลงแล้ว ถึงจะออกไปสู่เพลงถัดไปเพื่อทำเงินต่อนั่นเอง

References : 
https://www.theverge.com/2019/5/28/18642978/music-streaming-spotify-song-length-distribution-production-switched-on-pop-vergecast-interview

Geek Monday EP2 : Recommendation Model อาวุธที่พา Spotify ติดปีก

Spotify นั้นรู้รสนิยมในการฟังเพลงของลูกค้ามากกว่าบริการอื่นใด แต่ระบบเบื้องหลังการทำงานนั้น ทำอย่างไรล่ะ ที่จะคอยหาเพลงที่เราจะชอบมัน ในทุก ๆ สัปดาห์ ผ่าน Features Discover Weekly  ซึ่งเพลงเหล่านั้น เราแทบจะไม่เคยได้ฟังมาก่อน แต่มาโดนกับรสนิยมเราได้ 

ปล. EP นี้ได้ถูกสร้างขึ้นก่อน EP1 ในเสียงจึงได้กล่าวว่าเป็น EP แรกครับต้องกราบขออภัยด้วย

ในวันที่ DJ Playlist พ่ายแพ้ต่อ AI Playlist

ถือเป็นข่าวที่ เซอร์ไพรซ์ ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับการปิดตัวลงของคลื่นเพลงสากล ที่มีแฟน ๆ ติดตามอยู่มากมาย อย่างคลื่น Get 102.5 เป็นการปิดต้อนรับปีใหม่เลยทีเดียว โดยแทบจะไม่ได้แจ้งข่าว ให้ แฟน ๆ ทราบล่วงหน้ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ

โดยส่วนตัว ก็ถือเป็นแฟนตัวยงของคลื่น Get 102.5 มักจะเปิดไว้เสมอเวลาขับรถไปทำงาน หรือ ถือว่าเป็นคลื่นเพลงสากล ที่เปิดเพลงฮิต ใหม่ ๆ ได้โดนใจแฟน  ๆ เป็นอย่างยิ่งและมักมีกิจกรรม มาให้ร่วมสนุกอยู่เสมอ

ต้องบอกว่ากระแสของ Digital Disruption นั้นกำลังลามไปทั่วทุกวงการสื่อจริง ๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ปิดตัวกันเป็นว่าเล่น หรือแม้สื่อระดับ mass media ทั้งวิทยุ หรือ โทรทัศน์ ก็โดนไปตาม ๆ กัน ต่างทยอยปิดตัวลง ไม่ก็ขายหุ้นทิ้งกันเป็นว่าเล่น

ปิดตัวต้อนรับปีใหม่เลยทีเดียวสำหรับ คลื่น Get 102.5
ปิดตัวต้อนรับปีใหม่เลยทีเดียวสำหรับ คลื่น Get 102.5

อิทธิพลที่เคยทรงอำนาจ ของสื่อต่างๆ  ในอดีตเหล่านี้ กำลังถูกท้าทายจาก สื่อ online ที่เริ่มแตก segment ระดับย่อยให้ผู้เสพ ได้เสพกันเรื่อย ๆ มี เพจ มีช่องรายการตาม youtube ต่างๆ  มากมาย ที่น่าสนใจ ที่แย่งดึงความสนใจไปจากสื่อหลักอย่างชัดเจน ด้วยต้นทุนการสร้างที่เรียกได้ว่าแตกต่างกันมาก แต่ในขณะที่ผู้รับชมนั้น แทบจะไม่ต่างจากสื่อหลักเลย ทำให้ สื่อหลักเก่า ๆ เริ่มที่จะอยู่ยากขึ้นในกระแส Digital Disruption นี้

การปิดตัวไปเงียบ ๆ ของคลื่น Get 102.5 ก็น่าจะเกิดจากหลายสาเหตุทั้งต้นทุน ทั้งค่าโฆษณาที่ลดลง หรือ แม้แต่ฐานผู้ชมที่อาจจะมีจำนวนลดลงไปเรื่อย ๆ 

แล้วทำไมผู้คนถึงฟังวิทยุน้อยลง โดยเฉพาะคลื่นเพลง?

ตรงนี้สาเหตุหลัก ๆ เลยน่าจะมาจาก Platform ของ Music Streaming อย่างชัดเจนที่มาทำลายตลาดธุรกิจคลื่นวิทยุที่เป็นคลื่นเพลงโดยเฉพาะ เพราะ Keyหลักของ คลื่นเพลงนั้นชัดเจนมากว่ามาจาก Playlist จาก DJ ว่าจะเปิดเพลงอะไรให้ผู้ฟังได้ติดตาม

Online Music Streaming ที่มีให้เลือกมากมายในปัจจุบันเป็นส่วนสำคัญ
Online Music Streaming ที่มีให้เลือกมากมายในปัจจุบันเป็นส่วนสำคัญ

และในอดีต ผู้ฟังส่วนใหญ่ ก็จะติดตามคลื่นวิทยุ จาก Playlist ของ DJ เหล่านี้ ซึ่ง Get 102.5 ก็เป็นคลื่นหนึ่งที่ผมยอมรับว่า จัด Playlist ของเพลงออกมาได้ดีมาก คือ ฟังแล้ว ก็ต้องฟังต่อไปเรื่อย ๆ เป็นสิ่งดึงดูดให้เราได้ฟังวิทยุต่อไป

แล้ว AI Playlist จาก Platform Music Streaming ล่ะ?

ตัวอย่างทั้ง Spotify , Apple Music หรือแม้ กระทั่ง Joox เองก็ตามนั้น ต้องยอมรับว่า AI เข้ามามีบทบาท อย่างชัดเจนในการคัดเลือก Playlist เพลงมาให้ผู้ฟังได้เสพกัน

เราจะได้เห็น Playlist มากมายจาก Platform Music Streaming เหล่านี้ มีทั้งตาม อารมณ์ เศร้า เหงา ดีใจ ตื่นเต้น มีครบทุกอารมณ์

หรือจะเป็น Playlist ตามยุคสมัย  ไม่ว่าจะเป็น ยุค 80′ , 90′ , 2000′   มีให้เลือกทั้งหมดเรียกได้ว่าตามไปเสพกันแทบจะไม่ครบเลยทีเดียวสำหรับ เหล่า Playlist จาก AI ที่คอยเลือกมาให้เราทั้งหมดเหล่านี้

ผมเคยเขียน Blog ในเรื่อง Function Discovery Weekly ที่เป็น Playlist ที่จัดโดย AI ของ Spotify ( Spotify’s Discover Weekly : Machine Learning ช่วยเลือกเพลงที่โดนใจเราได้อย่างไร )

ซึ่งมันเป็นความได้เปรียบอย่างชัดเจนของ AI เมื่อเทียบกับความสามารถของมนุษย์ที่เป็น DJ มาจัด Playlist เพราะ DJ ตามคลื่นวิทยุต่าง ๆ นั้น จะจัด Playlist ตามความรู้สึกและอารมณ์หรือความชอบของตัวเองเป็นหลัก

AI เลือกเพลงตามรสนิยมของผู้ใช้งานจริง ๆ ต่างจาก DJ ที่เลือกตามรสนิยมของตัวเอง
AI เลือกเพลงตามรสนิยมของผู้ใช้งานจริง ๆ ต่างจาก DJ ที่เลือกตามรสนิยมของตัวเอง

แต่ การสร้าง Playlist ของ AI นั้นได้ใช้วิธีการคำนวน ทาง computer algorithm ในการหาเพลงที่เข้ากับรสนิยมของผู้ฟังมากที่สุด โดยมองผู้ฟังเป็นหลัก ไม่ได้จัดโดยยึดจากอารมณ์ของตัวเอง เหมือน DJ ตามคลื่นวิทยุ ซึ่งนั่นทำให้ ผู้ฟังต่างหลงใหลใน Platform Music Streaming ต่าง ๆ มากกว่าจะไปฟังวิทยุเหมือนอดีตแล้ว

อนาคตของคลื่นวิทยุ

มันเป็นทิศทางที่ชัดเจนว่า คลื่นวิทยุ โดยเฉพาะคลื่นเพลงนั้น น่าจะโดน กระแส Digital Disruption ก่อนใครเพื่อน จาก เหล่า Platform Music Streaming และผมมองว่าเมื่อก่อนนั้น เราอาจจะต้องพึ่งวิทยุในยามขับรถกันอยู่บ้าง และเริ่มฟังจากที่บ้านน้อยลงไปเรื่อย ๆ 

แต่ปัจจุบัน ด้วยการเติบโตของระบบเครือข่ายมือถือทั้ง 4G จนจะกลายเป็น 5G แล้วนั้น การแข่งขัน ที่เกิดขึ้นทำให้เกิด Package แบบ Unlimited สามารถใช้งานได้ไม่จำกัด แต่อาจจะจำกัดความเร็ว ซึ่ง ส่วนนี้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะเราสามารถใช้งาน Platform Music Streaming เหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องมากังวล เรื่อง internet จะหมดเหมือนในอดีตอีกต่อไป

โปรโมชั่น Unlimit Internet แบบไม่ลดสปีด ช่วยให้สามารถฟังเพลงจาก Platform ต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา
โปรโมชั่น Unlimit Internet แบบไม่ลดสปีด ช่วยให้สามารถฟังเพลงจาก Platform ต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา

ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เราได้หนีออกจากคลื่นวิทยุออกไปเร็วขึ้น แม้กระทั่งตอนนั่งรถไปทำงาน หรือ ในเวลาว่างอื่นๆ เราสามารถหยิบมือถือมาฟังเพลงได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง internet อีกต่อไป

เพราะฉะนั้นคลื่นวิทยุ ที่เป็นคลื่นเพลงนั้น จะเริ่มอยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนฟังจะทยอยหายไปเรื่อย ๆ จะเหลือไว้แต่คลื่นวิทยุเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น  คลื่นกีฬา , คลื่นจราจร  หรือ คลื่นข่าว ซึ่งอาจจะพออยู่ได้ในกระแส Digital Disruption ที่กำลังถาโถม เข้าสู่สื่อยุคเก่าอย่างรุนแรงในปัจจุบัน