ประวัติ Jho Low ตอนที่ 19 : The End of The Beginning

ณ กรุง วอชิงตัน ดี.ซี ในเดือนกรกฏาคมปี 2016 อัยการสูงสุดของสหรัฐอเมริกา Loretta Lynch ก้าวขึ้นไปที่ไมโครโฟนในห้องแถลงข่าว ในห้องแถลงข่าวที่สำนักงานกระทรวงยุติธรรม ครู่หนึ่งต่อมาเธอได้ประกาศยึดทรัพย์สินครั้งที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาลครั้งหนึ่ง ในคดีฉ้อโกงครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศมาเลเซีย

Lynch ได้อธิบายถึงการที่รัฐบาลสหรัฐกำลังพยายามยึดทรัพย์สินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ที่ถูกซื้อมาโดยเงินที่ขโมยจากกองทุน 1MDB ซึ่งเป็นคดีคอร์รัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้

“กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะไม่อนุญาตให้ใช้ระบบการเงินอเมริกันเป็นสื่อกลางในการทุจริต” Lynch กล่าว “เหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องและสมรู้ร่วมคิดในการโกงครั้งประวัติศาสตร์นี้ สหรัฐจะไม่หยุดยั้งในความพยายามที่จะปฏิเสธพวกเขาถึงรายได้จากอาชญากรรมของพวกที่ได้ทำมา”

นี่คือการจับกุมผู้กระทำความผิดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ทีมอัยการสูงสุดของสหรัฐ ได้ร่วมมือกับ FBI ด้วยความระมัดระวัง ในการติดตามสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้

คดีนี้มีชื่อว่า “Jho Low” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ชื่อของ Low ถูกเรียกต่อสาธารณชนโดยหน่วยงานที่บังคับใช้กฏหมาย เช่นเดียวกับ Riza Aziz , Khadem Al Qubaisi และ Mohammed Al Husseiny รวมถึง Tarek Obaid

Tim Leissner ถูกเรียกว่า “Goldman Managing Director” ซึ่งแม้จะมีการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงจาก Goldman ในธุรกิจ 1MDB แต่สุดท้าย Leissner เองก็ไม่สามารถอยู่รอดได้จากหลักฐานการสนับสนุนแบบลับ ๆ ให้กับ Low ในการเปิดบัญชีในลักเซมเบิร์ก ซึ่งสุดท้ายเขาก็ได้ลาออกจากธนาคารในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016

ในช่วงต้นปี 2017 สิงค์โปร์ได้สั่งห้าม Leissner จากอุตสาหกรรมการเงินเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับหน่วยงานกำกับดูแลอุตสหกรรมการเงิน (Financial Industry Regulatory Authority) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาได้ห้ามเขาจากอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของอเมริกา หลังจากที่เขาไม่ตอบสนองต่อการร้องขอเอกสารและข้อมูลอื่น ๆ อันเนื่องจากการที่เขาได้ลาออกจาก Goldman ไปแล้ว

ส่วนสิ่งทีน่าตกใจก็คือ นายกรัฐมนตรี Najib Razak ที่ถูกขนานนามว่า “Malaysian Official 1” ซึ่งในคดีที่อธิบายว่าเขาเป็นญาติของ Riza Aziz และดำรงตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดใน 1MDB และต่อมาภายหลังได้เพิ่ม Rosmah ภรรยาของ Najib เข้าไปในคดีเพิ่มเติมโดยถูกเรียกว่า “ภรรยาของ Malaysian Official 1”

ซึ่งการพาดพิงเรื่องดังกล่าวนั้น ทำให้ Najib ถึงกับตกใจกับสิ่งที่สหรัฐกำลังดำเนินการ นี่เป็นคดีแพ่งที่กำลังจะยึดทรัพย์สินของพวกเขา ส่วนตัวของ Jho Low เองนั้น ก็ได้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่อเมริกาทันที รวมถึงตัว Najib เองที่ได้ส่งผู้ช่วยรองนายกไปยังสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กในปีนั้นแทนตัวเขา

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้กล่าวว่า เงินจำนวนอย่างน้อย 3.5 พันล้านดอลลาร์ ได้หายไป และจากการประเมินนั้นพบว่าเงินอีกอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์ นั้นได้หายไปภายใน 1 ปีหลังจากนั้น ซึ่งนั่นรวมถึง อสังหาริมทรัพย์ทั้งใน ลอสแองเจลลิส นิวยอร์ก และ ลอนดอนที่ Low ได้ซื้อไว้และโอนไปยัง Riza Aziz ลูกเลี้ยงของ Najib นั่นเอง

ทางการสหรัฐได้ยื่นฟ้องร้องคดีแพ่งเพิ่มเติมจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายที่รายการทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากบริษัทผลิตภาพยตร์ Granite บ้านหลังงามมูลค่า 8 ล้านดอลลาร์ ที่ Low มอบให้นางแบบสาว Miranda Kerr รวมถึงงานศิลปะมูลค่ากว่า 13 ล้านดอลลาร์ ที่ Low มอบให้กับ Leonardo DiCaprio

แน่นอนว่า Jho Low เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของการสอบสวนเรื่องราวทั้งหมด แม้มันจะไม่ชัดเจนว่าคนอื่น ๆ จะเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น Riza Aziz , Al Qubaisi , Al Husseiny , Jasmine Loo ที่ปรึกษากฏหมาย แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ถือเป็นเป้าหมายในการดำเนินการสอบสวนทางคดีอาญา

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยังคงพิจารณาถึงบทบาทของ Leissner ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมด แต่ต้องบอกว่า ในรอบเกือบทศวรรษนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงิน Hamburger Crisis ในปี 2008 นั้น มีพนักงานจาก Wall Street เพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ถูกจองจำในคุก ส่วนที่เหลือก็รอดไปได้อีกตามเคย แม้จะทำให้เศรษฐกิจล่มสลาย ทำให้คนหลายล้านคนต้องตกงาน แต่เหล่านายธนาคารจาก Wall Street ก็แทบจะไม่ได้รับผลกรรมใด ๆ จากสิ่งที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมา

วิกฤติการเงินในปี 2008 สุดท้ายเหล่านักการเงินใน Wall Street ก็รอดตัวอยู่ดี
วิกฤติการเงินในปี 2008 สุดท้ายเหล่านักการเงินใน Wall Street ก็รอดตัวอยู่ดี

ในวันที่ 27 มีนาคม ปี 2016 Yeo Jiawei พ่อมดทางการเงิน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกลไกทางการเงินที่ซับซ้อน และเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของ Low ที่ถูกทางการสิงคโปร์เฝ้าติดตามการกระทำต่าง ๆ ของเขา ซึ่งเขาพยายามปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่ดูเหมือนสุดท้าย เขาก็ต้องลงเอยที่คุก เช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ได้ทำการเข้ายึดทรัพย์สินกว่า 177 ล้านดอลลาร์ ในบัญชีของ Jho Low และครอบครัวของเขา ทางการสิงคโปร์ได้ทำการเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจธนาคารของ BSI เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษ ที่ประเทศสิงคโปร์ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียมีการสั่งปิดธนาคาร

ส่วน Yak Yew Chee นายธนาคารส่วนตัวของครอบครัว Low นั้น หลังจากให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ก็ถูกตัดสินให้จำคุก 18 สัปดาห์ หลังจากมีการสารภาพว่าได้ทำการปลอมแปลงรายงานธุรกรรมที่มีความน่าสงสัย เขาได้รับเงินค่าส่วนแบ่งจากการยักยอกครั้งประวัติศาสตร์นี้ เพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์เท่านั้น

สำนักงานอัยการสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการเปิดการสอบสวนทางอาญาในเรื่อง 1MDB โดยมุ่งเน้นไปที่บทบาทของ Low และ Qubaisi รวมถึงการสั่งปรับธนาคาร BSI กว่า 95 ล้านฟรังก์สวิส จากผลกำไรที่ได้มาซึ่งมิชอบ และหลังจากเปิดทำการมาเป็นเวลา 143 ปี ในที่สุด BSI ก็ปิดกิจการลงในปี 2017 โดยทรัพย์สินของ BSI ถูกโอนย้ายไปยังธนาคารสวิสอีกแห่งหนึ่ง ภายใต้คำสั่งจากทางการในที่สุด

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2016 ตำรวจของอาบูดาบี ได้ทำการเข้าจับกุม Khadem Al Qubaisi ต้องบอกว่ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในอ่าวเอมิเรตส์ สถานที่ที่การจัดการเรื่องที่สกปรก หรือทุจริตของชนชั้นสูงนั้นมักไม่ค่อยได้รับการเปิดเผย

แต่บทบาทของ Al Qubaisi ในเรื่องอื้อฉาวใน 1MDB นั้น ได้ถูกเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความน่าอับอายมาสู่อาบูดาบี แม้เขาจะถูกไล่ออกจาก IPIC ไปตั้งแต่ปี 2015 แล้วก็ตาม แต่การถูกจับกุมถือเป็นเรื่องใหญ่มากในดินแดนแถบนี้

เจ้าหน้าที่จากอาบูดาบี และ 1MDB ยังคงเจรจาต่อรองว่าจะแยกแยะปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้นอย่างไร ความหวังจากจีนก็ช่วยได้ไม่มากนัก เมื่อประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ปฏิเสธที่จะลงนามในข้อตกลงบางส่วน เพราะไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ แม้จะช่วยให้มาเลเซียใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้นก็ตาม

ถึงตอนนี้ ผู้ปกครองอาบูดาบีต้องการให้ความอับอายครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุด IPIC ใช้เงินสำรอง 3.5 พันล้านดอลลาร์จ่ายออกไปโดยไม่ได้หวังว่า 1MDB นั้นจะสามารถชำระคืนหนี้ให้พวกเขาได้อีกแล้ว และมันได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ด่างพร้อยของกองทุนที่ดำเนินมากว่า 32 ปี ของมูลค่ากองทุนกว่า 70,000 ดอลลาร์ โดยชายสุดแสบที่ชื่อ Jho Low

ความพยายามของ Low ในการปกปิดขั้นตอนการทุจริตใน PetroSadui นั้นก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 เจ้าชาย Turki ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทได้ถูกกักตัว หลังจากการขึ้นสู่อำนาจของผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ซึ่งการถูกริดรอนอำนาจของเจ้าชาย Turki เป็นการทำลายโอกาสที่จะกู้ชื่องเสียงกลับมาของ Low จนหมดสิ้นไปในที่สุด

ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็ทำได้เพียงแค่หนี และ พยายามหอบเงินส่วนที่เหลือออกไปได้ให้มากที่สุด และหนีไปใช้ชีวิต โดยไม่มีโอกาสได้ออกมาพบปะผู้คนในโลกภายนอกอีกต่อไปนั่นเอง เขาต้องลืมชีวิตมหาเศรษฐีที่เขาใช้มาหลายปี และเสพมันเหมือนยาเสพติด จนแยกไม่ออกระหว่างโลกแห่งความจริง และเรื่องราวโกหกที่เขาสร้างขึ้นมา

ส่วนนายรัฐมนตรี Najib เขาเริ่มทำราวกับว่า 1MDB นั้นไม่เคยมีอยู่จริง เขายกเลิกคณะกรรมการกองทุน และให้กระทรวงการคลังที่เขาเป็นหัวหน้ามาดูแลแทน ค่าใช้จ่ายของการทุจริตเหล่านี้นั้นส่งผลกระทบต่อประชาชนของประเทศมาเลเซียอีกหลายรุ่น

สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็กระทบกับประชาชนชาวมาเลเซียไปอีกหลายรุ่น
สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็กระทบกับประชาชนชาวมาเลเซียไปอีกหลายรุ่น

Moody’s ประเมินว่า รัฐบาลมาเลเซียต้องชำระหนี้กองทุนประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่า 2.5% ของ GDP ประเทศมาเลเซีย นักลงทุนต่างชาติกังวัลกับเรื่องอื้อฉาว ส่งผลให้เงินริงกิตในประเทศมีมูลค่าลดลง 30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

หนี้ของกองทุนกว่าครึ่งนั้นอยู่ในรูปแบบเงินดอลลาร์ ซึ่งเงินริงกิตที่อ่อนกว่านั้นทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการชำระหนี้เหล่านี้ แทนที่กองทุนอย่าง 1MDB นั้นจะสร้างงานใหม่ให้กับประชาชนชาวมาเลเซีย แต่มันกลับกลายเป็นภาระทางการเงินให้กับประเทศในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ซึ่งสุดท้ายหนี้สินเหล่านี้ที่มาจากกองทุน 1MDB นั้น ก็จะกลายเป็นระเบิดเวลา ที่กำลังจะมาถึง และคอยกัดกร่อนทำลาย อนานคตของประชาชนชาวมาเลเซีย ในภายภาคหน้านั่นเองครับ

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Jho Low จาก Blog Series ชุดนี้

ต้องบอกว่ามาเลเซียนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าอิจฉา ที่มีอาณาเขตติดกับเรา ที่เขาสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจ ให้ก้าวหน้าแซงประเทศไทย ไปได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญ คือการมีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งอย่างพรรค UMNO และได้ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งประเทศ ทำให้พวกเขาสามารถที่จะพัฒนาบ้านเมืองให้ก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และ การเมืองที่นิ่ง และมีเสถียรภาพ ทำให้พวกเขาไม่มีอุปสรรคใด ๆ เลยในการพัฒนาประเทศ ซึ่งตรงข้ามกับประเทศไทยเราที่มีปัญหาอุปสรรคทางการเมืองมาตลอดทศวรรษหลัง

แต่การเข้ามาของชายที่ชื่อ Jho Low มันทำให้มาเลเซียเปลียนไปได้ถึงขนาดนี้ ต้องบอกว่าเขาเป็นคนที่น่าทึ่ง ถ้านับความสามารถที่เขาสามารถทำการใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ ด้วยตัวละครเพียงไม่กี่คน แต่สามารถสร้างประวัติศาสตร์การโกง ยักยอก ทรัพย์ของประเทศได้มากมายมหาศาลถึงเพียงนี้

Connection เป็นสิ่งสำคัญอย่างแรกที่เราได้เรียนรู้จาก Low เขาอาศัย Connection ที่เขาสร้างมาตั้งแต่เยาว์วัย ทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้ ผ่านความสามารถและวาทะศิลป์ของเขาที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องต่างหลงเชื่อในคารมของเขา โดยคนเหล่านี้เป็นคนระดับมหาเศรษฐี หรือนักการเงินระดับท็อปของโลกแทบจะทั้งสิ้น

อีกส่วนหนึ่ง เราได้เห็นถึงด้านมืดของโลกการเงิน ความซับซ้อนของกลไกทางเงินที่เหล่า มหาเศรษฐี หรือ ผู้ที่ทำธุรกิจผิดกฏหมายใช้ในการฟอกเงินกัน และเราจะเห็นได้ว่ามันมีอยู่จริง และมันอยู่ในทั่วทุกมุมโลก ที่มีบริการเหล่านี้ให้ใช้ได้เหมือนกับมันเป็นสิ่งถูกต้อง

ซึ่งแน่นอนว่าโลกทุนนิยม ผลประโยชน์แอบแฝงต่าง ๆ ทั้งที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้องนั้น เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในการผลักดันเรื่องราวต่าง ๆ ตามที่เราได้เห็นใน Blog Series ชุดนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เหล่า ธนาคารระดับโลก หรือ สถาบันการเงินระดับโลกเหล่านี้ ทำเรื่องราวเหล่านี้เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ได้รับ ที่มันดูล่อตาล่อใจ และให้ผลตอบแทนที่มหาศาล

เพราฉะนั้น มันไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเรายังเห็นแชร์ลูกโซ่ หรือ การหลอกการลงทุนต่าง ๆ ที่มาถึงประชาชนทั่วไป และพวกเขาเชื่อว่ามันสามารถทำได้จริง เพราะขนาดกองทุนระดับโลก หลายพันล้าน หลายหมื่นล้าน ที่เราได้เห็นใน Blog Series ชุดนี้ยังเห็นถึงความโลภ โดยไม่ได้วิเคราะห์ถึงพื้นฐานทางธุรกิจ และผลตอบแทนจากการลงทุนที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาโอกาสเหล่านี้ทันที เพราะผลประโยชน์ล้วน ๆ ทั้งบนโต๊ะ หรือ ใต้โต๊ะที่ได้รับจากตัว Jho Low นั่นเอง

สุดท้าย มันคือเรื่องราวของผลประโยชน์ มันคือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันของ สถาบัน กองทุน หรือ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังแสวงหาวิธีการที่จะได้รับผลประโยชน์ที่สูงที่สุดจากโลกทุนนิยม ซึ่ง ชายที่ชื่อ Jho Low นั้นมองเห็นถึงช่องโหว่ตรงนี้ และเขาก็เป็นคนฉลาดพอที่จะทำให้โอกาสเหล่านี้ มาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเขาและผู้ที่เกี่ยวข้องของเขาได้นั่นเอง

แต่ท้ายที่สุด ความจริงทุกอย่างมันก็ต้องปรากฏ เหมือนหลาย ๆ กรณีที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา มันคือ รูปแบบ pattern เดิม ๆ แค่เปลี่ยนตัวละครตัวใหม่ เปลี่ยนสถานที่ ซึ่งโลกเรานั้นไม่เคยเรียนรู้ จากข้อผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมาเลย และสุดท้าย เรื่องราวเหล่านนี้ ที่เกิดขึ้นเหมือนที่ Jho Low ทำมันก็คงจะเกิดขึ้นอีก ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งในโลกนี้ ในอนาคตอย่างแน่นอนครับผม

–> อ่านตอนพิเศษ : The Fall of Najib Razak

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

Image References : https://today.line.me/id/pc/article/Cypriot+bishop+denies+pushing+for+Jho+Low+to+get+EU+passport-99758E

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 17 : The Empire Strikes Back

ในบ่ายวันที่อากาศร้อนอบอ้าวในช่วงปลายเดือนมิถุนายน Xavier Justo ในขณะที่กำลังผ่อนคลายอยู่ที่วิลล่าของเขาบนเกาะสมุยในประเทศไทย ทันใดนั้น ตำรวจไทยที่ติดอาวุธครบมือ ได้บุกเข้ามา แล้วทำการเข้าชาร์จเขาอย่างรวดเร็ว และมัดมือของเขาแน่น ตำรวจได้ทำการบุกค้นสำนักงานและนำเอาคอมพิวเตอร์และเอกสารอื่น ๆ และพาตัวเขาบินมากรุงเทพแบบทันที

เขาถูกกล่าวหาในคดีพยายามแบล็กเมล์ และ ขู่กรรโชกทรัพย์ โดยเมื่อเขาได้เดินทางมาที่เรือนจำในกรุงเทพ ก็มีเพื่อนอดีตนักสืบตำรวจชาวอังกฤษ Paul Finnigan ได้เข้ามาเยี่ยม โดยทาง Finnigan ได้เสนอข้อตกลงกับ Justo ให้สารภาพผิด และเขาจะช่วยเหลือให้ออกจากคุกได้ก่อนวันคริสต์มาส

ดูเหมือนทางฝั่ง PetroSaudi นั้นจะเกรงกลัวข้อมูลเหล่านี้ที่จะหลุดออกไป จึงได้ส่งทั้ง Finnigan รวมถึง Mahony มาเสนอข้อตกลงกับ Justo ซึ่งแน่นอนว่าในสภาพตอนนั้น เขาก็ต้องยอมเซ็น “รับสารภาพ” ซึ่งเขาได้ขอโทษ PetroSadui ที่ขโมยเอกสารต่าง ๆ จาก Server ออกมา

เรียกได้ว่าเป็นการร่วมมือกับของทั้ง Najib และ PetroSaudi ที่จะผลักเรื่องราวต่าง ๆ ออกไป และลดความน่าเชื่อถือของ Justo และพยายามลดทอนความหนักแน่นของหลักฐาน email ต่าง ๆ ที่ Justo ได้รับมา

“เราตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่น่าเศร้า และโดนใส่ร้ายจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านของมาเลเซีย” PetroSaudi กล่าวในแถลงการณ์

วันรุ่งขึ้นหลังจากการจับกุม New Straits Times หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่สนิทสนมกับ Najib ได้ตีพิมพ์บทความ ที่อ้างถึงบริษัท Protection Group International ซึ่งเป็นบริษัท ที่ทำธุรกิจการรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ ที่ได้กล่าวอ้างถึง หลักฐาน email ที่รั่วไหลออกมานั้น มีการปลอมแปลม ซึ่งเป็นหลักฐานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ

ซึ่งหลังจาก มีการตีพิมพ์เรื่องดังกล่าว Low ก็ได้ส่งต่อเรื่องราวนี้ไปยัง Al Mubarak พันธมิตรของเขาที่ Mubadala อย่างรวดเร็ว เพื่อหลอกพันธมิตรของพวกเขาในอาบูดาบีให้เข้าใจว่า email ที่หลุดออกมาของ PetroSaudi นั้นเป็นของปลอม

Nabji Razak ก็ได้เล่นบทโหดสอดรับทันที ด้วยการไล่รองนายกรัฐมนตรี Muhyiddin และสมาชิกคณะรัฐมนตรีอีกสี่คนออกทันที และได้ทำการระงับการไต่สวนของคณะกรรมการในเรื่อง 1MDB รวมถึงพยายามปฏิเสธเหล่านักวิจารณ์คนอื่น ๆ รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่กำลังใส่ร้ายเขา และสั่งให้กระทรวงมหาดไทย ระงับใบอนุญาต สื่อ The Edge เป็นเวลา 3 เดือน โดยอ้างว่ารายงานเรื่อง 1MDB ของ Edge นั้นอาจนำไปสู่ความขัดแย้งขอบคนในประเทศ

แต่นอกประเทศนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อในเดือนสิงหาคม อัยการสูงสุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศว่าจะทำการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับธุรกรรมของ 1MDB และทำการระงับบัญชีหลายบัญชีที่เกี่ยวข้องที่มีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อบัญชีจำนวนมากทั้งในสิงคโปร์ และ สวิตเซอร์แลนด์ของ Low ถูกปิดลง เขาจึงได้ทำการเคลื่อนย้ายเงินไปยังที่ที่ไกลที่สุด ทำให้เขาเริ่มต้องพึ่งพาเงินบาทของไทย หรือ ธุรกรรมในเงินหยวนของจีนเพิ่มมากขึ้น

เริ่มมีการประท้วงในเมืองหลวง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของประเทศมาเลเซีย เมื่อชาวมาเลเซียกว่า 1 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาววัยทำงาน ต่างพากันเดินขบวนล้อมรอบเมืองหลวง และสวมเสื้อยืดสีเหลืองที่มีสโลแกน “Bersih” ซึ่งมีความหมายว่า “สะอาด”

ประชาชนเริ่มออกมาประท้วงใจกลางเมืองหลวงของมาเลเซีย
ประชาชนเริ่มออกมาประท้วงใจกลางเมืองหลวงของมาเลเซีย

แม้กระทั่งอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ ผู้ยังมีอำนาจบางส่วนอยู่ในพรรค UMNO ก็สวมชุดซาฟารีเข้าร่วมการชุมนุมด้วย โดยเรียกร้องให้ Najib ลงจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด เหล่าผู้ประท้วง ต่างมีความกลัวว่า หนี้สินก้อนใหญ่ที่ 1MDB สร้างขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบต่อมาเลเซียเป็นเวลาไปอีกหลายปี

แต่ Najib ก็ยังสู้ไม่ถอย เพราะเขามั่นใจในความบริสุทธิของตัวเอง Kevin Morais หนึ่งในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริจของมาเลเซีย ที่เขามาเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นกับ Najib เพราะเป็นคนตรวจสอบโดยตรงของเส้นทางการเงินจาก 1MDB ไปยังบัญชีของ Najib และเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่างข้อกล่าวหาทางอาญาต่อนายกรัฐมนตรี

ซึ่งในสถานะดังกล่าว เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะ Najib นั้นยังอยู่ในอำนาจ และมีอำนาจมากกว่าที่หลายคนคิด ซึ่งเพียงไม่นาน Najib ได้ทำการไล่อัยการสูงสุดของประเทศ Patail ออกจากตำแหน่ง ตำรวจได้เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่สองคนจากคณะกรรมการและอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด และตำรวจได้ออกหมายจับ Rewcastle-Brown แต่เธอปลอดภัยเนื่องจากหนีไปลี้ภัยอยู่ที่ สหราชอาณาจักร

และ Morais นั้นได้กลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตี ซึ่งเขาได้ถูกสังหารโหดในท้ายที่่สุด ด้วยการถูกมัดศพลงกระสอบ และนำไปใส่ถังน้ำมันและเติมด้วยคอนกรีตเหลวก่อนถูกทิ้งในที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งรถยนต์ที่ Morais ขับมานั้น ก็โดนจุดไฟเผาทิ้ง ก่อนจะถูกนำไปทิ้งในสวนปาล์ม

เรียกได้ว่า การลอบสังหารครั้งนี้อย่างฉับพลันของเหยื่อที่เป็นคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของมาเลเซีย ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในครั้งนี้เริ่มกลัว และไม่กล้าที่จะทำการตรวจสอบ เพราะกลัวจะลงเอยแบบ Morais

แต่ถึงแม้ว่าภายในมาเลเซียนั้น Najib จะกุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ในต่างประเทศนั้นมันเป็นอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้เลย แม้ฝ่ายบริหารของ Najib นั้นมีความมั่นใจส่วนตัวว่าชาติตะวันตกจะไม่ดำเนินการสอบสวนในเรื่อง 1MDB เนื่องจากการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของ Najib กับประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในยุคของประธานาธิบดี โอบามา

แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้เริ่มเห็นร่องรอยของการสอบสวนที่มาจากองค์กรที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกาอย่าง FBI แม้ความพยายามของ Najib นั้น ได้สั่งให้ทีมงานและทนายของเขาไม่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ และทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าถึงเอกสารสำคัญของธนาคารในมาเลเซียได้

ตัว Najib เองได้เตรียมตั้งป้อมปราการเพื่อตอบโต้กลับสื่อที่คอยจ้องทำลายเขา กองทุน 1MDB ที่นำโดย Arul Kanda ที่กลายมาเป็นขุนพลคู่ใจคนใหม่ของ Najib ในการตอบโต้ประเด็นดังกล่าว Arul Kanda นั้นมีฝีปากระดับเทพ เพราะเป็นอดีตแชมป์การโต้วาทีระดับมัธยมปลายมาก่อน และได้ออกมากล่าวหาหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่กำลังขุดคุ้ยเรื่องนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสมคบคิดทางการเมืองเพื่อล้ม Najib

Paul Stadlen ชายหนุ่มชาวอังกฤษที่เป็นทีมงานของ Najib ก็ออกมาตอบโต้สื่อจากฝั่งตะวันตกเช่นเดียวกัน

“WSJ ยังคงรายงานการโกหกโดยไม่ระบุชื่อที่เป็นข้อเท็จจริง” เขากล่าว “เป็นสิ่งที่น่าอับอายต่อวงการสื่อสารมวลชน”

แม้จะมีการรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับกองทุน 1MDB ที่มาจาก Sarawak Report อย่างต่อเนื่อง และพยายามเชื่อมโยงกับ Najib , Rosmah และ Al Qubaisi ในรายงานของ Sarawak Report พยายามแสดงให้เห็นว่า Najib เป็นคนตัดสินใจทุกอย่างของ 1MDB ส่วน Jho Low นั้นเป็นเพียงคนที่อยู่เบื้องหลัง และพยายามซ่อนตัวเพื่อปกปิดตัวตนไม่ให้เชื่อมโยงมาที่เขา

FBI ของสหรัฐเริ่มเข้ามาสืบสวนสอบสวนประเด็นดังกล่าว
FBI ของสหรัฐเริ่มเข้ามาสืบสวนสอบสวนประเด็นดังกล่าว

ซึ่งรวมถึงการรายงานจาก Wall Street Journal (WSJ) สื่อชื่อดังจากฝั่งตะวันตกเช่นเดียวกัน และมันทำให้ Tom Wright ที่เดินทางมาทำข่าวที่ประเทศมาเลเซียซึ่งเดินทางมาพักที่โรงแรม แชงกรีล่าในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ นั้นต้องหนีหัวซุกหัวซุน

ตำรวจได้บุกจับกุมตัว Wright ถึงโรงแรม แต่โชคดีที่เขาได้ข่าวจากเพื่อร่วมงานก่อนทำให้สามารถหนีออกไปได้ทัน โดยเดินทางข้ามประเทศไปยังชายแดนทางด้านสิงค์โปร์แทน

ไม่นานหลังจากนั้น WSJ ก็ได้รายงานว่า FBI ของสหรัฐได้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการในเรื่อง 1MDB และ Najib Razak และในไม่ช้า Mahony ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่สุด จะได้รับหมายศาลจากสหรัฐเพื่อมาให้การเป็นพยาน มัดตัว Najib

Najib เตรียมตอบโต้กลับ ด้วยการจ้าง Boies, Schiller & Flexner ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย David Boies ซึ่งเป็นทนายความชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นตัวแทนของพวกเขา โดยทางบริษัทได้ส่งนักกฏหมายมือดีอย่าง Matthew Schwartz ให้กับลูกค้ารายใหม่ของเขา

ต้องบอกว่า Schwartz นั้นเป็นคนที่รู้เรื่องราวของอาชญกรรมทางการเงินเป็นอย่างดี ซึ่งอดีตเคยเป็นทีมงานด้านกฏหมายคนสำคัญที่ประสบความสำเร็จในคดีประวัติศาสตร์ของ Bernie Madoff

มาถึงตอนนี้เราจะเห็นได้ถึง การกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จของ Najib Razak และเขาก็ไม่ยอมที่จะถูกกล่าวหาเพียงฝ่ายเดียว และพร้อมที่จะใช้อำนาจที่มีของเขานั้นทำลายศัตรูในทุกวิถีทาง ซึ่งเดิมพันของเขาในเรื่องนี้นั้นยิ่งใหญ่นัก และเรื่องราว ๆ ต่าง มันเริ่มเดินทางมาไกลเกินกว่าที่เขาจะยอมถอยได้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเรื่องราวทั้งหมดของ 1MDB , Najib Razak และ Jho Low โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 18 : The Dragon Power

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 16 : Butterfly Effect

ในเดือนมกราคมปี 2015 Ho Kay Tat ก้าวเข้าสู่ห้องโถงที่มีแดดส่องสว่างของโรงแรม Fullerton ในประเทศสิงค์โปร์ พร้อมกับหัวหน้าของเขา Tong Kooi Ong ประธานของกลุ่ม Edge Media Group มันเป็นสถานที่นัดพบครั้งสำคัญสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลสุด Exclusive ของ PetroSaudi

เมื่อชายทั้งคู่เข้าไปยัง โรงแรม Fullerton ก็ได้เข้าไปพบกับ Rewcastle-Brown ที่รออยู่ที่บริเวณเลาจ์ของโรงแรมอยู่ก่อนแล้ว เธอได้บรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลจาก PetroSaudi ที่แสดงความเชื่อมโยงกับการยักยอกเงินครั้งใหญ่จากกองทุน 1MDB

เมื่อ Rewcastle-Brown ได้พาทั้งคู่ไปพบกับ Xavier Justo ที่กำลังอยู่บนเก้าอี้แสนสบายตัวหนึ่งภายในโรงแรม ซึ่ง Justo ได้ทำการแสดงตัวอย่างของ email จาก PetroSaudi ที่เขาต้องการเรียกร้องเงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ ที่ Rewcastle-Brown ได้พบกับ Justo ครั้งแรก แต่เธอไม่สามารถหาเงินที่จะมาซื้อข้อมูลดังกล่าวได้ แต่เธอก็ได้ตามหาคนที่พร้อมจะจ่ายสำหรับข้อมูลเหล่านี้แล้วในตอนนี้ Tong ประธานของ Edge Media Group ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์ธุรกิจอิสระรายเดียวของมาเลเซีย ต้องการที่จะได้ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งเขาตกลงที่จะเดินทางมาพบกับ Justo และได้นำผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สองคนมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว

เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการกลั่นกรอง email และเอกสารต่าง ๆ โดยพยายามหาหลักฐานการปลอมแปลง โดยดูจาก Meta-Data ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ เพื่อตรวจสอบว่ามีใครทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเอกสารเหล่านี้หรือไม่

เหล่าผู้เชี่ยวชาญ ก็ใช้เวลาเพียงไม่นานสรุปได้ว่า ไฟล์ดังกล่าวไม่ได้ถูกดัดแปลง มันเป็นของจริง 100% จากนั้น Justo ได้คุยถึงวิธีการจ่ายเงิน ซึ่งตัวเขาเองไม่ต้องการเงินสด เพราะกังวลว่าการโอนเงินจำนวนมากเข้าบัญชีอาจทำให้เกิดความยุ่งยาก โดยเขาตกลงที่จะหาวิธีการรับเงินในภายหลัง และส่งมอบฮาร์ดดิสก์ให้ก่อน

และในช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวเริ่มแพร่สะพัดออกไปทั่วโลก หนังสือพิมพ์ The Time ของอเมริกาที่เป็นสื่อยักษ์ใหญ่ก็เริ่มประโคมข่าวฉาวเรื่องนี้ของ Najib , Low และ กองทุน 1MDB

ซึ่งมันเป็นสื่อที่ Najib นั้นไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แม้จะมีคำแถลงจากสำนักงานของนายกรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว แต่มันได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับพี่น้องสี่คนของ Najib ที่หลายปีที่ผ่านมาได้บ่นกับครอบครัวเกี่ยวกับการใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่งของ Rosmar ภรรยาของ Najib ซึ่งมันทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวพวกเขาย่ำแย่

Time สื่อยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเริ่มมาเล่นประเด็นดังกล่าว
Time สื่อยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเริ่มมาเล่นประเด็นดังกล่าว

ในช่วงต้นเดือน มีนาคม ปี 2015 Rewcastle-Brow ก็พร้อมที่จะเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รับมาจาก Justo หลังจากมีความสงสัยอยู่หลายปีเกี่ยวกับ 1MDB ตอนนี้เธอมีหลักฐานพร้อมทุกอย่างที่จะประจานสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว

เธอได้ทำการโพสต์ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่มีการพาดหัวว่า “Heist of the Century” โดยย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกของการลงทุนของ 1MDB หลักฐานต่าง ๆ ที่ได้รับจาก Justo นั้นแสดงให้เห็นว่า Low ได้รับเงินจาก 1MDB ผ่านบริษัท เชลล์ของเขาอย่าง Good Star ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยหลักฐานว่า Low ได้รับเงินจากกองทุนของชาติในปี 2009

ซึ่งข่าวดังกล่าวมันทำให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค UMNO เช่นเดียวกัน สมาชิกของพรรคที่นำโดย มหาเธร์ เรียกร้องให้นายก Najib ลาออกอย่างเปิดเผย นักการเมืองอาวุโสบางคนถึงกับมีการแอบดังฟังโทรศัพท์ของ Najib และได้ยินเขาพูดคุยกับ Low ถึงแผนการที่จะกล่าวโทษเรื่องคอร์รัปชั่นใด ๆ ไปยังหุ้นส่วนตะวันออกกลางของ 1MDB

นายก Najib ได้สั่งให้ Low ออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว และไม่ให้ปรากฏตัวในที่สาธารณะ และตัว Najib เองยังได้ปฏิเสธการกระทำความผิดใด ๆ ที่ 1MDB และมีคำสั่งให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ที่นำโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบสถานะทางการเงินของรัฐ

ตัว Low เองนั้นก็พร้อมจะสู้แม้จะหลังพิงฝาแล้วก็ตามที ต้องบอกว่ามันเป็นสัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอด ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์มันบีบบังคับเขาจนแยกความจริงกับเรื่องหลอกลวงของเขาไม่ออกเสียแล้ว ซึ่งบางทีตัว Low เองนั้นก็เชื่อจริง ๆ ว่าทั้งตัวเขาและประเทศได้รับประโยชน์ จากความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นกับตะวันออกกลาง และช่วยเสริมสร้างโปรไฟล์ของประเทศ

และเมื่อข่าวดังกล่าวเริ่มกระจายไปทั่วโลก Low ได้ส่งข้อความไปหาพันธมิตรของเขาทั่วโลก เขาบอกกับ Al Mubarak หัวหน้าผู้บริหารของ Mubadala ว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดใด ๆ รวมถึงพยายามส่งสัญญาณถึง Otaiba เพื่อแสดงให้เหล่าพันธมิตรของเขาได้รู้ว่า เขาพยายามควบคุมสถานการณ์อย่างไร

และฝั่งของ Ambank ตัว Joanna Yu ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากคณะกรรมการของ Ambank แน่นอนว่าเธอรู้ว่าจะเป็นการทำผิดกฏหมายหากจะเก็บความลับของบัญชี เพื่อหลอกลวงธนาคารและคณะกรรมของธนาคาร เธอไม่ได้คิดว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โตถึงเพียงนี้

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ตำรวจมาเลเซียได้บุก Ambank ที่สำนักงานใหญ่ใน Petronas Towers ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพุ่งตรงไปที่โต๊ะทำงานของ Yu ซึ่งตำรวจให้เธอส่งคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ ให้ทันที และเธอก็ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่แต่โดยดี

ตำรวจมาเลเซียบุก สำนักงานใหญ่ Ambank ที่ Petronas Tower
ตำรวจมาเลเซียบุก สำนักงานใหญ่ Ambank ที่ Petronas Tower

ซึ่งจากรายงานของ Sarawak Report ที่จัดทำโดย Rewcastle-Brow นั้น หน่วยงานบังคับใช้กฏหมายของมาเลเซีย ก็เริ่มที่จะไม่เกรงกลัวอำนาจของ Najib อีกต่อไป โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อสอบสวนเรื่อง 1MDB ซึ่งประกอบไปด้วย ธนาคาร Negara สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของประเทศมาเลเซีย รวมถึงอัยการสูงสุดของมาเลเซีย

ซึ่งหลังจากเรื่องราวเหล่านี้ เริ่มแพร่หลายออกไป ทาง IPIC ของอาบูดาบี ก็เริ่มสอบสวนอย่างจริงจัง เจ้าชาย Sheikh Mohammed Bin Zayed ผู้ปกครองของอาบูดาบี ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการจัดการกับ Al Qubaisi พันธมิตรที่สำคัญของ Low และได้ทรงออกพระราชกฤษฏีกาขับไล่ Al Qubaisi ออกจาก IPIC โดยไม่มีคำอธิบายในทันที

สำหรับ Low การถูกขับไล่ของ Qubaisi นั้น ถือเป็นเรื่องที่่น่าหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก เพราะ Qubaisi นั้นเป็นพันธมิตรที่สำคัญของเขา และมีหลักฐานมากมายที่เชื่อมโยงมายังตัวเขา แต่เขาก็ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ปกครองอาบูดาบีนั้นจะทำการสอบสวนอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการทำให้เกิดปัญหากับ Sheikh Mansour อย่างแน่นอน

และมันได้กลายเป็นช่องโหว่ ให้ Low นั้นจะหนีหลุดรอดจากคดีดังกล่าว โดยวางแผนการโทษอดีตพันธมิตรของเขา ซึ่งหากเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเงินที่ถูกขโมยของ IPIC ปรากฏออกมา Qubaisi นั้นก็จะกลายเป็นเหยื่อความรับผิดชอบของเรื่องราวทั้งหมดได้ ซึ่ง Low นั้นมั่นใจว่าชื่อของเขาแทบจะไม่มีอยู่บนเอกสารใด ๆ แต่ลายเซ็นต์ของ Qubaisi นั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หลังจากนั้นทางอาบูดาบีได้แต่งตั้งหัวหน้า IPIC คนใหม่ซึ่งก็คือ Suhail Al Mazrouri ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังานของอาบูดาบี ซึ่งเขาถูกส่งมากู้สถานการณ์ของ IPIC ที่ไปลงทุนกับ 1MDB

ฟากฝั่งของ Deutsche Bank ในที่สุดก็ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลักประกันของหมู่เกาะเคย์แมน และเรียกร้องให้มีการชำระคืนเงินกู้จำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่ง Low ได้เสนอวิธีแก้ปัญหา โดยให้ IPIC นั้นจ่ายเงิน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ และทางกระทรวงการคลังของมาเลเซียที่มี Najib เป็นผู้บัญชาการใหญ่ จะมาค้ำประกันในส่วนดังกล่าว

แน่นอนว่าทาง IPIC นั้นแทบจะไม่มีทางเลือก จึงต้องยอมรับข้อเสนอ ซึ่งทางรัฐมนตรี Mazrouri นั้นเข้ามาภายหลังและรับรู้ได้ว่าอาจจะมีการทุจริตจาก Qubaisi จริง และต้องการที่จะปกปิดเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว ซึ่งหลังจากได้มีการพูดคุยกับ Najib เขาก็เห็นด้วยกับข้อตกลงและทั้งสองฝ่ายก็ลงนามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

และอีกหนึ่งพันธมิตรที่สำคัญของ Low อย่าง Otaiba ก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับข้อสงสัยที่เขาได้รับจากธนาคาร BSI ซึ่งทางการสิงคโปร์ได้เริ่มเข้ามาสอบสวนโดยให้ BSI แสดงการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB ซึ่งทาง BSI ได้ไล่ Yak Yew Chee ผู้จัดการที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Low ออกในทันที

Yak จึงได้หนีไปยังเขตชนบทของประเทศจีน เพื่อพักจากเรื่องราวทั้งหมด เพราะเขาตกอยู่ในภาวะเครียดอย่างหนักจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น แผนกกำกับดูแลของธนาคารได้เริ่มการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Low ทั้งหมด ที่แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงไปยัง Otaiba อย่างชัดเจน

ซึ่ง Low ได้พยายามโยกย้ายเงินไปยังธนาคาร Amicorp แทน รวมถึงมองหาสถานที่ใหม่ ๆ ที่จะซ่อนเงินมหาศาลที่เขายักยอกมา เขาได้หันไปหา Tim Leissner อีกครั้ง ซึ่งนายธนาคารของ Goldman ก็ยินดีที่จะช่วยเหลือโดยส่งจดหมายอ้างอิงไปที่ Banque Havilland ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนขนาดเล็กของประเทศ ลักเซมเบิร์ก โดยในจดหมายของ Leissner ได้ระบุว่า Goldman ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมของ Low เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ให้หลักประกันแก่เขา

ดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้มันเริ่มลุกลามไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเสียแล้ว Low ก็ยังพยายามหนีให้ไกลที่สุด เพื่อซ่อนเงินของเขา และปิดความเชื่อมโยงของเขากับ 1MDB ให้ได้ ดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้จะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องราวทั้งหมด ของการยักยอกและโกงเงินระดับโลก ที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โปรดอย่าพลาดติดตามตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 17 : The Empire Strikes Back

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://anticorruptiondigest.com/2019/03/29/malaysia-sets-date-for-najib-razaks-1mdb-corruption-trial/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 15 : Out Of Control

ในเดือนมิถุนายนปี 2014 ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพ Rewcastle-Brown พยายามมองหาชายชาวสวิสในวัย 40 ปี ซึ่งมันแทบไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับชายลึกลับที่ต้องการติดต่อเธอ เพราะเธอรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น

Xavier Justo ได้แนะนำตัวเองในฐานะ Justo ทำให้ Rewcastle-Brown นั้นตกใจ เนื่องจากการพบกันครั้งนี้เป็นการนัดผ่านคนกลาง ซึ่งเธอคิดว่า Justo นั้นดูน่าจะอันตรายกว่านี้ ซึ่งเธอมองไม่เห็นทีท่าว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่จะทำอันตรายจาก Justo

“ผู้คนที่เราติดต่อด้วยนั้นโหดเหี้ยมและมีอิทธิพลสูงอย่างมาก” Justo กล่าวกับ Rewcastle-Brown 

Justo กำลังหาทางเลือกอื่นเพื่อรับเงินที่เขาเชื่อว่าสมควรได้รับ เขามองหาคนที่ยินดีที่จะจ่ายค่าเอกสารของ PetroSaudi ที่เขาได้ Copy ออกมาจาก Server เมื่อ 2 ปีก่อนหน้า

ต้องบอกว่าการได้มาเจอกับ Rewcastle-Brown นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากที่ Justo ออกจาก PetroSaudi ในปี 2011 เขาก็ได้เดินทางไปยังสิงค์โปร์ เพื่อชมการแข่งขัน F1 Night Race ซึ่งที่นั่นเขาควรจะได้พบกับ Tarek Obaid หัวหน้าผู้บริหารของ PetroSaudi เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องไฟล์ต่าง ๆ ที่เขามี

แต่เพื่อนเก่าของเขาดันไม่มาปรากฏตัว อย่างไรก็ตามในช่วงการเดินทางกลับนั้น เขาได้บังเอิญไปพบกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับมหาธีร์ โมฮัมเหม็ด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย และได้ทำการแลกนามบัตรกันไว้

และแทบจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นกว่า 2 ปี แต่ในช่วงฤดูร้อนปี 2014 บุคคลปริศนาที่เขาได้พบเจอก่อนกลับที่มีความใกล้ชิดกับ มหาธีร์ นั้น ได้ส่ง Connection ให้เขาไปเจอกับ Rewcastle-Brown ซึ่งในตอนนั้นกำลังขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1MDB

ข้อมูลจาก Server ที่ถูกดูดลงไปในฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ซึ่งบรรจุไปด้วยข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB และ PetroSaudi แต่ Justo มีเงื่อนไขสำคัญก็คือ Rewcastle-Brown ต้องจ่าย 2 ล้านเหรียญ ถ้าเธอต้องการข้อมูลดังกล่าว

แม้ Rewcastle-Brown นั้นจะมีน้องเขยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ชีวิตที่เธออยู่ที่มาเลเซีย ด้วยการประกอบอาชีพนักข่าวและบล็อกเกอร์นั้น เธอไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

Justo ยืนกราน “ไม่มีเงินสด ไม่ตกลง”

แน่นอนว่ามันเป็นข้อมูลที่สุด Exclusive ตัว Rewcastle-Brown เองก็อยากได้มันมาก ๆ หลังจากได้พบกันในครั้งนี้ เธอต้องกลับไปหาคนที่สามารถจ่ายมันได้ ซึ่งต้องใช้เวลาจริง ๆ กว่า 7 เดือนในการหาผู้มีอุปการคุณมาช่วยจ่ายเพื่อแลกกับข้อมูลดังกล่าว

ส่วนตัว Low นั้นดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินจากผู้บริหาร PetroSaudi เกี่ยวกับความต้องการเงินของ Justo แต่อย่างใด ตัว Low เองนั้นก็ยังแทบจะไม่ระแคะระคาย ที่จะมีการพบกันระหว่าง Rewcastle-Brown และ Justo ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสั่นคลอนสถานะของเขาครั้งสำคัญ ซึ่งถ้าเขารู้ แน่นอนว่าเงินเพียงแค่ 2 ล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายปิดปาก Justo นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของ Low อย่างแน่นอน

ต้องบอกว่าในขณะนั้น Low กำลังอยู่ในช่วง in love เพราะไปตกหลุมรักนางแบบสาวชื่อดังอย่าง Miranda Kerr เรียกได้ว่ากับ Kerr นั้น Low โชว์ป๋าอย่างเต็มที่ มีการทุ่มเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินส่วนตัว รวมถึงได้สั่งซื้อเรือยอชท์ใหม่ Equanimity เพื่อพา Kerr ออกทริปไปยังน่านน้ำรอบ ๆ ประเทศอิตาลี รวมถึงไม่พลาดที่จะซื้อชุดเครื่องประดับของ Lorraine Schwartz ไม่ว่าจะเป็น ต่างหูเพชร , สร้อยคอ ,สร้อยข้อมือ หรือ แหวน ซึ่ง Low ได้สั่งมาเพื่อมอบให้กับ Kerr บนเรือยอชท์สุดหรูของเขาขณะออกทริปนั่นเอง

Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก
Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก

แต่ความมั่งคั่งทั้งหมดที่ตัว Low แสดงออกมานั้น มันก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล แม้จะเพิ่งได้รับเงิน 5 พันล้านดอลลาร์จาก 1MDB แต่การที่จะต้องจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นจำนวนมากให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและสมรู้ร่วมคิด และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรักษาวิถีชีวิตแบบเศรษฐีเงินล้านของเขา

ในใบแจ้งหนี้ 2 ล้านดอลลาร์ สำหรับเครื่องประดับล่าสุดของ Kerr นั้น Low ต้องบุกเข้ากองทุนอีกครั้ง ในขณะที่ Low เป็นลูกค้าคนสำคัญของ Schwartz ทำให้เขาสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินของเขาที่ได้รับจาก 1MDB ล่าสุด ดูเหมือนว่า Low จะเริ่มสะดุดกับการจ่ายเงินเสียแล้ว

เขาต้องการเงินเพิ่ม คราวนี้เป็นรายของ Deutsche Bank ที่เริ่มสนใจ จะเข้ามาร่วมทำธุรกรรมกับ 1MDB หลังจากพิจารณาจากผลกำไรของ Goldman ที่ทำได้จากกองทุน 1MDB ซึ่ง Low นั้นต้องการที่กู้ยืมเงินเพิ่มเติมจาก Deutsche Bank อีก 725 ล้านดอลลาร์

ซึ่งแม้จะมีคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกองทุนที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากล แต่ Mohammed Al Housseiny ผู้บริหารสูงสุดของ Aabar ก็ได้มาช่วยให้กระบวนการดังกล่าวของธนาคาร Deutsche Bank ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเมื่อ Deutsche Bank ได้ส่งเงินกู้งวดแรกจำนวน 725 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ Aabar แม้มันจะผิดแปลกอยู่บ้างที่ปรกตินั้น ธนาคารจะส่งเงินสดจำนวนมากเหล่านี้ไปยังผู้กู้โดยตรงซึ่งก็คือ กองทุน 1MDB แต่ Deutsche เห็นการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนจากกองทุนอาบูดาบี ทำให้วพกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คิดถึงแต่เพียงผลประโยชน์ที่จะได้รับเพียงเท่านั้น

และ กระบวนการยักยอก ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะผู้รับเงินที่แท้จริงแล้วนั้น เป็นบริษัทที่มีชื่อคล้าย ๆ กับ Aabar ที่ Al Husseiny จัดตั้งขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคาร UBS ในสิงคโปร์ ซึ่งอีกสองวันต่อมา เงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ก็ถูกถ่ายโอนไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric อีกเช่นเคย

ซึ่งก็เหมือนเคยด้วยผลประโยชน์ มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัท เชลล์ ของ Low ก็ได้ส่งเงิน 13 ล้านดอลลาร์ไปยัง Densmore ซึ่งเป็น บริษัทในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ของ Otaiba ซึ่งมีบัญชีที่ BSI ในสิงคโปร์ ส่วน Khadem Al Qubaisi ที่เป็นหัวหน้าของ Al Husseiny ได้รับเงินไปอีก 15 ล้านดอลลาร์

ในเดือนกันยายนปี 2014 อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด ที่มีอายุ 89 ปี ซึ่งยังคงเป็นบุคคลสำคัญในพรรค UMNO ได้รับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา รวมถึง email จาก 1MDB ที่แสดงให้เห็นว่า Jho Low มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งการตัดสินใจลงทุน รวมถึงความไม่ชอบมาพากลของเงินทั้งหลายที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ

มหาเธร์ นั้นยังมีอำนาจอย่างสูงในพรรค UMNO และเขาเริ่มมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเขามีความตั้งใจที่จะทำการบีบบังคับให้นายกรัฐมนตรี Najib Razak ลาออก เพราะหนี้ก้อนโตของกองทุนเหล่านี้ เสี่ยงต่อการนำพามาเลเซียไปสู่ภาวะวิกฤติได้แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนติน่า

ฝั่งของ Rewcastle-Brown ก็ได้เขียนบทความในหัวข้อ “การใช้จ่ายของ Jho Low และเงินเพื่อการพัฒนาของมาเลเซีย” ซึ่งชี้ประเด็นถึงเหตุผลว่า ทำไมกองทุนของประเทศต้องโกหกถึงบทบาทลับ ๆ ของ Low

Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน
Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน

และฝั่งของการตรวจสอบบัญชีก็เริ่มโกลาหล เพราะความกังวลของ Deloitte บริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง ก็ได้เรียกร้องให้มีการส่งเงินกลับจำนวนกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน ที่มองว่ามีธุรกรรมที่มีความผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการใช้จ่ายอย่างดุเดือดของ Low เขาคิดว่าจะสามารถปกปิดมันได้ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมใหม่ ๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ สาธารณชนเริ่มรู้สิ่งที่ Low ทำแล้ว และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งอย่าง มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด กำลังมาเล่นเรื่องดังกล่าวด้วย ทำให้มันได้กลายเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังแท้จริงสำหรับ Low เพราะเขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายจำนวน กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์

และฝั่งของธนาคาร Deutsche Bank ก็ต้อน Low ไปอีกมุมเวที นายธนาคารชาวเยอรมัน เริ่มสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนที่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นหลักประกันในการกู้ยืม ซึ่งหากธนาคารเยอรมันขอเงินคืน กองทุนจะไม่สามารถหาเงินสดมาจ่ายได้อย่างแน่นอน

มาถึงตอนนี้ Low เริ่มที่จะจนมุม หลังจากถูกไล่บี้จากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งผู้มีอิทธิพลอย่าง มหาเธร์ นักข่าวที่เกาะติดเรื่องนี้ ขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างเต็มที่อย่าง Rewcastle-Brown ฝั่งตรวจสอบบัญชีอย่าง Deloitte ก็ไล่บี้จนดูเหมือนว่า Low จะไม่มีทางไปแล้ว และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เงินทั้งหมด มันไม่เหลืออยู่แล้วเสียที แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ Low ถึงตอนนี้ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดของการหลอกลวงระดับโลก โดยชายที่ชื่อ Jho Low เสียแล้ว เขาจะจนมุมจริง ๆ หรือ ไม่ แล้วเขาจะหาทางออกอย่างไรจากสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 16 : Butterfly Effect

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References : http://khalifahmailonline.com/2018/06/10/sebaik-ph-menang-pru-ini-tindakan-yang-cuba-dibuat-jho-low-terhadap-tun-mahathir/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 12 : The Big Boss

ในเดือน กรกฏาคม ปี 2012 หลังจากแผนการของ Low ครั้งที่สองทำได้สำเร็จ มันก็ถึงเวลาที่เขาต้องฉลองครั้งใหญ่ และเป็นโอกาสที่บริษัทของเขาที่ตั้งขึ้นร่วมกับน้องชาย ที่มีชื่อว่า Jynwel Capital ที่เพิ่งเข้าซื้อหุ้นในกิจการของ EMI Music Publishing

ต้องบอกว่า EMI Music นั้น ไม่ใช่บริษัทธรรมดา เพราะมีศิลปินชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kanye West , Beyonce , Usher , Alicia Keys และ Pharrell Williams ซึ่ง Low กำลังเข้าสู่อุตสาหรรมบันเทิงในอเมริกาอย่างเต็มตัว เพราะ อีกบริษัท อย่าง Red Granite ที่ตั้งร่วมกับ Riza Aziz และ Joey McFarland ได้เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street อยู่แล้วด้วยเช่นกัน

แลปาร์ตี้ค่ำคืนฉลองของพวกเขาจัดขึ้นที่ เรือ Serene บนชายฝั่งของประเทศฝรั่งเศษ เรือที่มีห้องโดยสารสิบห้าห้อง และ มีเหล่าลูกเรืออีกหลายสินคน เรือลำนี้เปรียบเสมือนพระราชวังที่ลอยอยู่เหนืออ่าว และมีบาร์อยู่บนชั้นดาดฟ้า

สิ่งอำนวยความสะดวกในเรือ มีตั้งแต่สระว่ายน้ำ อ่างน้ำวนขนาดใหญ่ ห้องซาวน่า ส่วนของเลานจ์ พร้อมแกรนด์เปียโน และบันไดหินอ่อนสุดหรู ที่เมื่อทอดสมอแล้วนั้น ดาดฟ้าด้านบนจะเปิดออกเหนือน่านน้ำ กลายเป็นห้องอาหารกลางแจ้ง

รายชื่อแขกที่เข้ามาร่วมงานนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็น เซเลบริตี้ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Kanye West , Rihanna ,Chris Brown , Lucacris รวมถึงสมาชิกของราชวงศ์ตะวันออกกลางอีกจำนวนมาก

ซึ่งแน่นอนว่า เงินเหล่านี้ ได้รับการสนับสนุนจากเงินพันธบัตร 1MDB ที่เพิ่งได้รับมาแทบจะทั้งสิ้น ซึ่ง Low ได้ทำการดูดเงินกว่าหลายล้านเหรียญ จากการขายพันธบัตรของ Goldman Sachs และความช่วยเหลือที่สำคัญจากกรรมการผู้จัดการของ IPIC อย่าง Qubaisi นั่นเอง

ซึ่ง Low ได้มองหาวิธีที่จะนำเงินมาลงทุนใน EMI ของเขา Low ได้ทำการทำการดึงเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ มาจากบริษัทนอมินีของเขา และเพื่อซ่อนร่องรอยของเงินจำนวนมากเหล่านี้ เขาก็ได้จัดการผ่านกองทุนที่บริหารโดย Amicorp ใน Curacao นั่นเอง

ไม่นานหลังจาก Low ได้กลายเป็นประธานคนใหม่ของ EMI Music Publishing และเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดูเหมือนเขาต้องการเป็นแบบจริงจัง และนี่คือการเล่นใหญ่ของ Low และเขาก็หวังว่า อาณาจักรบันเทิงของเขานั้นจะสร้างผลกำไรเพื่อจ่ายเงินกลับไปที่ 1MDB ได้นั่นเอง

Low รุกหนักธุรกิจบันเทิงด้วยการลงทุนใน EMI Music Publishing
Low รุกหนักธุรกิจบันเทิงด้วยการลงทุนใน EMI Music Publishing

มาถึงตอนนี้ต้องบอกว่า Low นั้น ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างธุรกิจที่แท้จริง ที่สร้างผลกำไรได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น Red Granite ที่่กำลังสร้าง The Wolf of Wall Street รวมถึงข้อตกลงกับ EMI ซึ่ง Low หวังว่า สิ่งเหล่านี้ ที่เขาออกหน้าแบบเต็มตัวไม่ซ่อนอยู่ในมุมมืดเหมือนกับที่ทำกับ 1MDB จะทำให้ทุกคนคลายข้อสงสัยในแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของเขาได้นั่นเอง

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 Low พยายามที่จะโอนเงินจำนวน 110 ล้านดอลลาร์ จากบัญชี BSI ของเขาในสิงค์โปร์ ไปยังอีกหนึ่งธนาคารที่เขาไว้วางใจอย่าง Rothschild ในเมืองซูริค เพื่อนำไปใช้ซื้อแมนชั่นบนถนน Oriole Drive ในเขต Bird Streets ของ Hollywood Hills ซึ่งใกล้ากับบ้านของ DiCaprio

แต่การโอนเงินครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ราบรื่นเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เขาทำ ก่อนหน้านี้ Low ได้รับเงินจากบริษัท Good Star ซึ่งเป็นบริษัท เชเชลส์ของเขา แล้วส่งไปที่พ่อของเขา แล้ว ให้พ่อของเขาส่งมันกลับมาที่บัญชีของ Low ในวันเดียวกัน ต้องบอกว่ามันเป็นธุรกรรมที่แปลกประหลาด

แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการทำธุรกรรมแบบประหลาด ๆ เหล่านี้ก็คือ ทำให้นายธนาคาร Rothschild เชื่อว่า Low นั้นได้รับเงินจากพ่อของเขา และทำให้ดูเหมือนการซื้อคฤหาสน์ บนถนน Bird Street นั้นเป็นส่วนหนึ่งของมรดกของตระกูล Low ซึ่งเขาได้ทำเช่นเดียวกันกับทรัพย์สินอีกมากมาย

แม้การทำครั้งแรก ๆ จะหลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้ แต่การทำแบบเดิมซ้ำ ๆ นั้น ทำให้ ฝ่ายกำกับดูแลของ BSI มองเห็นถึงพฤติกรรมเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งเริ่มมีการส่งเมล์ถึงข้อสงสัยเหล่านี้มาถึง Yak Yew Chee ที่เป็นพันธมิตรของ Low ใน BSI ที่ประเทศสิงคโปร์

Low จึงได้ทำการอธิบายเส้นทางการเงินเหล่านี้ โดยส่ง email ไปยังฝ่ายกำกับดูแลของ BSI หลังจากทราบเรื่องจาก Yak โดยอธิบายว่า เงินที่เขาโอนไปยังสวิตเซอร์แลนด์นั้นเป็นของขวัญที่เขาส่งให้พ่อของเขา เขาได้อธิบายใน email ว่า “เมื่อการสร้างความมั่งคั่งที่ดีเกิดขึ้นจากความเคารพในวัฒนธรรมและโชคลาภที่เกิดขึ้น ซึ่งจากความเคารพเราจะมอบเงินให้พ่อแม่ของเราเสมอ นี่เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีและวัฒนธรรมของเรา”

“ส่วนในกรณีที่พ่อของฉันได้รับมันเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพและความกตัญญูของลูกที่มีต่อพ่อแม่ และการตัดสินใจที่จะโอนเงินกลับมาให้นั้น เป็นประเพณีและเพื่อผลประโยชน์ของความไว้วางใจในครอบครัวฉัน”

“ฉันหวังว่า ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องดังกล่าวซ้ำ ๆ อีก เพราะมันจะเสียเวลาของพวกเราเปล่า ๆ เรามาร่วมกันสร้างความมั่งคั่ง ให้ธนาคาร BSI สามารถเพิ่มขึ้นได้ผ่านธุรกรรมเหล่านี้จะดีกว่า เพราะพวกคุณก็รับประโยชน์จากมัน”

ต้องบอกว่า แม้ชาวบ้านทั่วไปมักถูกสอบถามถึงเรื่องการโอนเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เหล่ามหาเศรษฐีนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เพราะเมื่อถึงตอนนี้ Low นั้นกลายเป็นลูกค้าที่สำคัญที่สุดที่ BSI มี เขาถูกเรียกว่า “Big Boss” ในสำนักงานของสิงค์โปร์ และผู้บริหารระดับสูงของ BSI ก็มักมาร่วมปาร์ตี้กับเขาที่ลาสเวกัส หรือ บนเรือยอชต์เป็นประจำ ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อธุรกิจของ Low ราบรื่น

ภายในไม่กี่วันหลังจาก Low ส่ง email ดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงของ BSI ก็ได้ทำการอนุมัติการโอนเงิน 110 ล้านดอลลาร์ “การโอนเงินภายนครอบครัวนี้นั้นไม่ได้เป็นไปอย่างมีเหตุผลเสมอไป” นายธนาคารอาวุโส ของ BSI เขียนเพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลของเจ้าหน้าที่กำกับระเบียบของบริษัท

โอนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อสื่อบ้านใน Hollywood Hills
โอนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อสื่อบ้านใน Hollywood Hills

แต่ด้วยความที่ Low เริ่มมีความหวาดระแวงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเริ่มถูกเพ่งเล็ง ทำให้เขาพยายามลบตัวตนของเขาออกไปให้ได้มากที่สุด เขาตั้งค่าบัญชี Gmail ภายใต้ชื่อ Eric Tan ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาในชื่อ “Fat Eric” และเริ่มพยายามใช้มันในการซ่อนข้อตกลงต่าง ๆ ทางธุรกิจ

เมื่อเขาต้องการเปิดบัญชีกับ Falcon Bank ที่บริหารโดย Aabar ตัว Low เองก็ใช้ Gmail ของ Eric Tan เพื่อใช้ในการนัดหมายกับนายธนาคารชาวสวิส ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ แม้เมื่อพบกันจริง ๆ Low ได้นำนายธนาคารไปยังบ้านพักของเขาที่เป็นที่อยู่จริง ๆ ของเขาก็ตาม แต่เขาก็ของให้ อ้างอิง Eric Tan ในที่สาธารณะและการติดต่อทาง Email ซึ่ง Low ก็ได้เริ่มใช้ที่อยู่ Gmail “Eric Tan” สำหรับการติดต่อทางธุรกิจส่วนใหญ่

ต้องบอกว่า Low เดินทางมาไกลกว่าที่เขาคิด และตอนนี้เขาจะถอยอีกไม่ได้ นอกเหนือจากเรื่องการบิดเบือนข้อตกลงทางธุรกิจ เขายังใช้ชื่อเท็จในการทำธุรกิจเพื่อบิดเบือนตัวตนของตัวเอง แต่เมื่อถึงตอนนี้ มันก็พิสูจน์ได้ว่าเขายังไม่ถูกจับได้จริง ๆ จัง ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเขาผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาได้อย่างเหลือเชื่อ และดูเหมือนตอนนี้เป้าหมายใหญ่ของเขานั้นจะโฟกัสไปที่ธุรกิจบันเทิง ที่เขาหวังว่าจะสร้างผลตอบแทบกำไร แบบธุรกิจจริง ๆ ให้กับเขาได้บ้างเสียที จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ ชายที่ชื่อ Jho Low โปรดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 13 : Just In Time

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : http://thetapirtimes.com/2017/02/27/jho-low-wins-oscar-for-role-in-hidden-figures/