Paypal Mafia ตอนที่ 2 : Jeremy Stoppelman

สำหรับ Jeremy Stoppelman หนึ่งในผู้บทบาทสำคัญกับ paypal  โดยเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ เรียนด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์  มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ โดยจบการศึกษาในช่วงปี 1999 ก่อนฟองสบู่ดอทคอมแตกพอดี

Stoppelman นั้น เริ่มชีวิตการทำงานที่ @Home Network โดยใช้ระยะเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ ในบริษัทดังกล่าว ก่อนจะมาร่วมงานกับ Elon Musk ใน X.com ซึ่งเขาค่อนข้างมีบทบาทสำคัญใน X.com ก่อนจะควบรวมกับ Paypal โดยตำแหน่งสุดท้ายนั้นเขาดูแล Engineer ทั้งหมดในตำแหน่ง VP of Engineering 

ซึ่งหลังจากอยู่กับ Paypal เพียงไม่นาน เขาก็ได้ลาออกไปไปเรียนต่อด้านธุรกิจที่ Harvard Business School ที่มหาวิทยาลัย Harvard และเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริการเกี่ยวกับการค้นหาร้านอาหารชื่อดังของสหรัฐอย่าง Yelp ( คล้าย ๆ Wongnai ของไทย )

Stoppelman นั้นเป็นชาวยิว เหมือน ๆ กับหลาย ๆ นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยี โดยเขาเกิดที่ Arlington รัฐ Verginia โดยมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เขาได้เริ่มลงทุนในหุ้นตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เท่านั้น ความฝันอย่างนึงในวัยเด็กของเขาก็เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป คือการสร้างเกมส์ขึ้นมา และได้เริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มเรียนด้านโปรแกรมมิ่งภาษาแรกคือ Turbo Pascal 

สำหรับชีวิตการทำงานของเขาใน X.com ของ อีลอน มัสก์ นั้นทำให้ได้เจอะเจอผู้คนมากหน้าหลายตา รวมถึงนักลงทุนชื่อดังอย่าง Max Levchin ซึ่งต่อมาก็เป็น Levchin นี่เองที่กลายมาเป็นนักลงทุนหลักของ Yelp  บริการที่เขาได้ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากได้มีโอกาสเข้าไปอบรมในโปรแกรม Business Incubator ของ MRL Ventures

โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์
โชคชะตาพามาเจอเทพอย่าง อีลอน มัสก์ ที่ X.com

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เกิดจุดหักเหสำคัญขึ้นกับ Stoppelman ตอนนั้นเขาป่วยเป็นไข้หวัดอย่างหนัก และไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ และมันทำให้เขาได้คิดถึงไอเดียของ Yelp ที่ต้องการสร้าง Online Community ที่จะช่วยแชร์บริการต่าง ๆ ในท้องถิ่นใกล้เคียง ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของ Yelp ในช่วงแรก ๆ 

ซึ่งเขาก็ได้ชักชวนอดีตเพื่อนร่วมงานที่ paypal อย่าง Russel Simmons ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ที่ MRL Ventures และได้ทำการเสนอไอเดียของ Yelp ให้กับ Levchin ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้ให้เงินลงทุนให้กับทั้งสองหนุ่มในการตั้งต้นธุรกิจจำนวน 1 ล้านเหรียญ

ด้วยความสามารถทั้งทางด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของ Stoppelman ทำให้เขาสามารถพา Yelp กลายเป็นบริการที่คนแห่มาใช้กันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสปากต่อปาก ด้วยบริการง่าย ๆ ที่ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดทำมาก่อน

ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน Yelp ก็มีการเข้ามา Review ของ User ในระบบกว่า 138 ล้าน Reviews และมันได้ทำให้มูลค่าของ Yelp พุ่งสูงขึ้นไปถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ ด้วยความที่เป็นบริการที่ใช้ผลการค้นหาของ Google เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง traffic ให้ Yelp นั้น

ในที่สุด Google ก็ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อ Yelp จาก Stoppelman เป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ Stoppelman ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์วงการด้วยการปฏิเสธข้อการเข้าซื้อของ Google อย่างไร้เยื่อใย

และในที่สุดในปี 2012 Stoppelman ก็พา Yelp เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้สำเร็จ ต้องเรียกได้ว่าเขาสามารถที่จะนำ Startup จากบริษัทเล็ก  ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน ฝ่าฟันจนสามารถเข้าไปอยู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จ

พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ
พา Yelp เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กได้สำเร็จ

กล่าวกันว่า สไตล์การบริหารงานของ Stoppelman ในการสร้าง Yelp นั้น เขามักจะเป็นผู้บริหารที่มารับฟังปัญหาลูกน้องอยู่สม่ำเสมอ และพยายามแก้ไขแบบ 1 ต่อ 1 อย่างมืออาชีพ ภายใน Yelp เองเขาก็ไม่ได้มีห้องผู้บริหารส่วนตัว แม้จะเป็น CEO ก็จริงแต่ก็มาคลุกคลีทำงานกับลูกน้องของเขาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เหล่าพนักงาน Yelp รักเขามาก

ซึ่งที่ Yelp เขาได้พาน้องชายเข้าร่วมงานด้วยในตำแหน่ง Senior Vice President of Engineering เขามักจะคอยสอดส่องบริการของตัวเองอยู่สม่ำเสมอ เพื่อหาจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข ซึ่งใน Yelp Platform เองนั้นก็มี Review ของเขาอยู่กว่า 1,000 reviews ซึ่งสุดท้ายหลังจากพาบริษัทเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ หุ้นของเขาที่มีอยู่กว่า 11% นั้นก็ทำให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว ๆ 111 ล้านเหรียญ – 222 ล้านเหรียญ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนของ Silicon Valley จวบจนถึงปัจจุบัน

–> อ่านตอนที่ 3 : Andrew McCormack

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : wikipedia.org