Rise of Square กับการเติบโตจากบริษัท hardware เล็ก ๆ สู่ผู้นำด้านการชำระเงินในเวลาเพียงทศวรรษได้อย่างไร

ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยเครื่องอ่านการ์ดสี่เหลี่ยมเล็กๆ Jack Dorsey (อดีต CEO ของ Twitter) และ Jim McKelvey ออกเดินทางเพื่อค้นหาวิธีที่ตรงไปตรงมาสำหรับศิลปินและผู้ขายในการรับบัตรเครดิต วิธีแก้ปัญหามาในรูปของดองเกิลพลาสติกขนาดเท่าแสตมป์ที่สามารถเสียบเข้ากับแจ็คของ iPhone ได้

เรื่องราวของ Square มันเริ่มต้นตอนที่ Jack Dorsey ที่หลังจากพ่ายแพ้ในศึกแย่งชิง Twitter ในครั้งแรก เขาได้กลับบ้านไปที่เมือง เซนต์หลุยส์ เขาได้ไปพบกับเพื่อนเก่าอย่าง Jim McKelvey และเริ่มแลกเปลี่ยนไอเดียธุรกิจใหม่ที่พวกเขาอาจจะเริ่มต้นด้วยกัน

McKelvey มีอาชีพ เป่าแก้ว และงานที่เกี่ยวกับแก้ว เขาขายให้ร้านต่าง ๆ และนักสะสม เขาบอกกับ Dorsey ว่า เขาพลาดการขายประติมากรรมแก้วขนาดใหญ่ เพราะลูกค้าเขาไม่มีเงินสดมากพอ

และทำมันทำให้ Dorsey ปิ๊งไอเดียขึ้นมา พวกเขาเริ่มพูดคุยกันเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คนซื้อได้โดยใช้โทรศัพท์ มือถือ และบัตรเครดิต มันจึงเป็นที่มาของการตั้งบริการชำระเงินผ่านมือถือในชื่อ Square

และตัว Square นี่เองที่ Dorsey กลับมาเป็นที่สนใจในวงกว้างได้อีกครั้งไอเดียของเขาในเรื่องการสร้างอุปกรณ์รูดบัตรเครดิต โดยเสียบไว้ที่ช่องหูฟังของ มือถือ นั้น ถือว่าเป็นการปฏิวัติการเงินโลกอีกครั้งหนึ่ง

อุปกรณ์รูดบัตรเครดิตที่ dorsey คิดค้นเมื่อปี 2009 (CR:ITPS.com)
อุปกรณ์รูดบัตรเครดิตที่ dorsey คิดค้นเมื่อปี 2009 (CR:ITPS.com)

ทั้งสองคนเปิดตัวธุรกิจใหม่ในปี 2009 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากสมาร์ทโฟนและการชำระเงินออนไลน์ ในช่วงสิบสามปีที่ผ่านมา Square ซึ่งปัจจุบันคือ Block ได้เติบโตขึ้นเป็นบริษัททางการเงินมูลค่ากว่า 54 พันล้านดอลลาร์

″เราบังเอิญตระหนักถึงปัญหา: ในสหรัฐฯ ผู้คนจำนวนมากจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตซึ่งเหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปเพราะสะดวก แต่ปัญหาคือผู้ขายจำนวนมากไม่สามารถรับบัตรได้” Dorsey กล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ กับ CEO ของ MicroStrategy ″เราไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่มหึมา”

ดองเกิล iPhone รุ่นแรกๆ ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วกลายมาเป็นแอป iPad ซึ่งทาง Square ได้ตกลงกับ Apple ในการขายฮาร์ดแวร์ในร้านค้า และต่อมากับ Starbucks ซึ่งแพลตฟอร์มของพวกเขากลายเป็นตัวประมวลผลการ์ดของเชนร้านกาแฟชื่อดังอย่างเป็นทางการ 

ปัจจุบัน Block ดำเนินการกับธนาคารที่ได้รับการคุ้มครองโดย FDIC ซึ่งได้สร้างบริการอย่าง Cash App บริการจ่ายเงินผ่านมือถือซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินของผู้บริโภค การซื้อขายหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล ซึ่ง Square ยังได้ซื้อบริการสตรีมเพลงของ Jay-Z อย่าง Tidal และ Afterpay ผู้ให้บริการที่ซื้อก่อนและจ่ายภายหลังจากออสเตรเลีย

เช่นเดียวกับบริษัท Disruptor 50 ส่วนใหญ่ การเติบโตของ Square ได้รับแรงหนุนจากเงินร่วมลงทุนจำนวนมหาศาล

การระดมทุนรอบแรกอย่างเป็นทางการในปี 2009 นำโดย Khosla Ventures ด้วยการประเมินมูลค่าประมาณ 45 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนรายแรกในรอบ 10 ล้านดอลลาร์นั้น ได้แก่ Sir Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group, Marissa Mayer อดีต CEO ของ Yahoo, ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter Biz Stone และ Shawn Fanning แห่ง Napster 

ภายหลังการระดมทุนได้นำไปสู่การร่วมทุนของ Visa, Citi, Starbucks, Goldman Sachs รวมถึง Sequoia และ Kleiner Perkins ยักษ์ใหญ่ใน Silicon Valley

การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2015 โดย Square เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ SQ โดยมี Dorsey เป็นผู้นำ บริษัทมหาชนแห่งใหม่นี้มีมูลค่าเพียง 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีราคาหุ้นอยู่ที่ 9 ดอลลาร์ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 900% ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ธุรกิจของ Square เติบโตอย่างรวดเร็ว Cash App ตอนนี้ทำรายได้ประมาณครึ่งหนึ่งให้กับบริษัท และเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่ใหญ่ที่สุดในช่วงการแพร่ระบาด เนื่องจากชาวอเมริกันหันไปใช้บริการธนาคารดิจิทัล

ในช่วงแรก ๆ ของ Cash App Dorsey อธิบายเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ามีคนเพียงไม่กี่คนที่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลอง

″Cash App เป็นสิ่งที่ทุกคนในบริษัท ในขณะที่เราเริ่มต้น ไม่คิดว่าเราควรจะทำ” Dorsey กล่าวในการประชุม Microstrategy ในเดือนกุมภาพันธ์ “มันเป็นการขายไอเดียที่ยากมาก… เราไม่เห็นโอกาสมากนักในตลาด และทุกวันผมสูญเสียความน่าเชื่อถือ ซึ่งผมตระหนักดีถึงการปกป้องสิ่งนี้ ในที่สุดทีมก็พบแบบจำลองและทำให้มันเกิดขึ้น”

สกุลเงินหลักของอินเทอร์เน็ต

Dorsey ได้ใช้รูปแบบการทดลองนี้ในด้านอื่นๆ ของธุรกิจของ Block โดยเฉพาะ bitcoin

Square เริ่มทดลองกับ cryptocurrency ภายใน Cash App ในปี 2014 Dorsey เปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์เพื่อรองรับ cryptocurrency ซึ่งในช่วงแรกมีการทำธุรกรรมเพียงเล็กน้อยและแทบจะไม่มีใครสนใจเลยด้วยซ้ำ

บริษัท ดำเนินการอย่างจริงจังอีกครั้งในปีต่อมา และตอนนี้สามารถซื้อและขาย bitcoin บนแอป Cash นอกเหนือจากหุ้น ในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว การซื้อขาย bitcoin สร้างรายได้ 3.5 พันล้านดอลลาร์

Cash App ธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับ Square (CR:Techstartups)
Cash App ธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับ Square (CR:Techstartups)

ปัจจุบัน Block ถือ bitcoin ในงบดุลแทนเงินสด และได้เปิดตัวโครงการ crypto แบบโอเพนซอร์สหลายโครงการภายในบริษัท รวมถึงกำลังทำงานเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน cryptocurrency แบบกระจายอำนาจและโครงการขุดเหมือง bitcoin และมีแผนกที่โฟกัสไปที่ bitcoin ของบริษัทโดยเฉพาะที่เรียกว่า TBD

Dorsey เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน Bitcoin ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และมักเรียกมันว่า ”สกุลเงินหลักของอินเทอร์เน็ต”

เขาลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Twitter เมื่อปลายปีที่แล้ว และกล่าวว่าเขาเชื่อว่าบริษัทพร้อมที่จะก้าวต่อไปในยุคใหม่แล้ว

นั่นทำให้ Dorsey ในวัย 45 ปีมีเวลามากขึ้นที่จะอุทิศให้กับธุรกิจที่กำลังเติบโตของ Block แต่ Dorsey ก็คาดหวังที่จะมุ่งเน้นไปที่ความสนใจหลักของเขาที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัล

การรีแบรนด์เป็น Block เป็นแสดงถึงความทะเยอทะยานในธุรกิจ crypto ของบริษัท และถือเป็นการเปลี่ยนโฟกัสของบริษัทให้เป็นมากกว่าแค่ธุรกิจเครื่องอ่านบัตรเครดิตแบบเดิม

“เราสร้างแบรนด์ Square สำหรับธุรกิจผู้ขายของเรา” Dorsey กล่าวในแถลงการณ์ “Block เป็นชื่อใหม่ แต่จุดประสงค์ในการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของเรายังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราจะยังคงสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงเศรษฐกิจ”

Block เป็นหนึ่งในผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโรคระบาด เนื่องจากนักลงทุนเปิดใจรับหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูง แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลงสู่พื้นก่อนการเกิดโรคระบาด เนื่องจากนักลงทุนหนีจากการประเมินมูลค่าที่สูงเว่อร์ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งคุกคามการเติบโตในอนาคต

หุ้นร่วงลงมากกว่า 45% ในปีนี้เพียงอย่างเดียว บริษัทรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นปิดเมื่อวันพฤหัสบดี และนักลงทุนกำลังจับตาดูการคาดการณ์ของ Block สำหรับปี 2022 อย่างใกล้ชิด และแผนการที่จะดำเนินการในยุคถัดไปของการเติบโต

References :
https://www.cinemonic.com/the-rapid-growth-of-jack-dorseys-square-inc-the-square-fintech-story/
https://www.cnbc.com/2022/02/24/how-jack-dorsey-grew-square-from-start-up-to-payments-powerhouse.html
https://www.cnbc.com/2021/12/01/square-changes-corporate-name-to-block-.html
https://www.tharadhol.com/twitter-part8-square/
https://www.cnbc.com/2021/08/02/square-to-buy-australia-fintech-afterpay-amid-buy-now-pay-later-trend.html

Jack Dorsey x Block เมื่ออดีตซีอีโอ twitter กำลังสร้างระบบใหม่สำหรับนักขุด bitcoin

Block บริษัทชำระเงินของ Jack Dorsey (เดิมชื่อ Square) กำลังจะเข้าสู่วงการขุด bitcoin ซึ่ง Thomas Templeton ผู้จัดการทั่วไปด้านฮาร์ดแวร์ของ Block ทวีตข้อความซึ่งได้ระบุแผนของบริษัทสำหรับขั้นตอนต่อไป

Templeton กล่าวว่าเป้าหมายคือการทำเหมือง bitcoin ซึ่งเป็นกระบวนการสร้าง bitcoin ใหม่โดยการแก้ปัญหาการคำนวณที่ซับซ้อนมากขึ้น มีการกระจายอำนาจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน “ตั้งแต่การซื้อ การตั้งค่า การบำรุงรักษา ไปจนถึงการขุด”

แนวคิดในการทำให้กระบวนการทำเหมืองเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนั้น ไม่ใช่แค่การสร้าง bitcoin ใหม่ Templeton กล่าวว่าบริษัทมองว่าเป็นความต้องการระยะยาวสำหรับอนาคตที่มีการกระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์

“การขุดจำเป็นต้องมีการกระจายมากขึ้น” Dorsey ทวีตเมื่อเดือนตุลาคมเมื่อเขาเสนอแนวคิดนี้ เป็นครั้งแรก “ยิ่งมีการกระจายอำนาจมากเท่าไร เครือข่าย bitcoin จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเท่านั้น”

ในตอนท้ายนั้น บริษัทกำลังแก้ไขอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งในการเข้าสู่วงการขุดของคนทั่วไป : แท่นขุดเจาะหายาก มีราคาแพง Block กล่าวว่าพวกเขาจะเปิดให้มีการสร้าง ASIC ใหม่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะสำหรับการขุด bitcoin

โปรเจ็กต์นี้อยู่ในทีมฮาร์ดแวร์ของ Block ซึ่งกำลังเริ่มสร้างทีมวิศวกรรมหลักของระบบ ASIC และนักออกแบบซอฟต์แวร์ที่นำโดย Afshin Rezayee

ในแง่ของฮาร์ดแวร์ Dorsey ทวีตก่อนหน้านี้  ว่าบริษัทกำลังพิจารณา “ระบบการขุด bitcoin ที่ใช้ชิปของตัวเอง”  Dorsey ได้แบ่งปันความคิดของเขาเกี่ยวกับความจำเป็นในการมุ่งเน้นที่การบูรณาการในแนวดิ่งมากขึ้น เช่นเดียวกับการออกแบบชิป ซึ่งเขากล่าวว่าในตอนนี้มีเพียงไม่กี่บริษัทที่ทำอยู่และมีการผูกขาดมากจนเกินไป

Templeton เขียนว่า Block ยังต้องการปรับปรุงความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ผู้ใช้ในการขุด

“ปัญหาทั่วไปที่เราได้ยินเกี่ยวกับระบบปัจจุบันคือเรื่องการกระจายความร้อนและฝุ่นละออง นอกจากนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้ทุกวันซึ่งต้องมีการรีบูตเป็นเวลานาน เราต้องการสร้างบางสิ่งที่ใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ” Templeton กล่าว “เครื่องขุดในตอนนี้มันยังมีเสียงดังมาก ซึ่งทำให้เสียงดังเกินไปสำหรับใช้ในบ้าน”

การทำให้ทุกคนเข้าถึงการขุด bitcoin ได้เป็นส่วนสำคัญของพันธกิจของโครงการนี้

“ทุกคนเข้าถึงการขุดไม่ได้” Dorsey เขียนเมื่อเดือนตุลาคม “การขุด Bitcoin ควรจะง่ายพอๆ กับการเสียบอุปกรณ์เข้ากับแหล่งพลังงาน วันนี้มีแรงจูงใจไม่เพียงพอสำหรับบุคคลทั่วไปที่จะเอาชนะความซับซ้อนของการขุดด้วยตนเอง”

การประกาศจาก Block เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่สหรัฐฯ เอาชนะประเทศจีนได้เป็นครั้งแรกในฐานะจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของโลกสำหรับนักขุด Bitcoin สหรัฐอเมริกายังมีแหล่งพลังงานหมุนเวียนมากมายอีกด้วย

รัฐวอชิงตันเป็นเมืองใหญ่สำหรับฟาร์มทำเหมืองพลังน้ำ นิวยอร์กผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมากกว่ารัฐอื่นๆ และยังรวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะนำไปสู่เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าที่ปราศจากคาร์บอน 100% 

ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งของพลังงานหมุนเวียนของเท็กซัสก็เพิ่มขึ้น โดย 20% ของพลังงานมาจากพลังงานลม  และเท็กซัสยังคงเพิ่มแหล่งผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์อีกมาก

เท็กซัสยังมีโครงข่ายไฟฟ้าที่สามารถกำหนดราคาแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกระหว่างผู้ให้บริการพลังงาน และที่สำคัญคือ เท็กซัสยังมีผู้นำทางการเมืองที่เป็นมืออาชีพในวงการ crypto นี่เป็นเงื่อนไขในฝันสำหรับนักขุดที่ต้องการการต้อนรับที่ดีและแหล่งพลังงานที่มีราคาถูก

“หากคุณต้องการย้ายนักขุดออกจากจีน คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีความมั่นคงทางภูมิศาสตร์ การเมือง และเขตอำนาจศาล คุณต้องการให้แน่ใจว่ามีการคุ้มครองสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนตัวสำหรับทรัพย์สินที่คุณกำลังย้ายเข้ามา” Darin Feinstein ผู้ร่วมก่อตั้งของ Core Scientific ผู้ดำเนินการขุดคริปโตเคอเรนซีกล่าว

บทสรุป 

ย้อนกลับไปที่แนวคิดตั้งต้น Bitcoin ได้สัญญาว่าจะกระจายผลประโยชน์ให้กับผู้ใช้ทุกคน แต่ในปัจจุบัน มูลค่าของเศรษฐกิจใน Bitcoin เป็นของคนไม่กี่คนที่ร่ำรวยขึ้นมา

การเกิดขึ้นของเหรียญใหม่ส่วนใหญ่ที่ออกในแต่ละวันถูกรวบรวมโดยกลุ่มเหมืองขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งแนวคิดของ Jack Dorsey นั้นถือว่าน่าสนใจมาก ๆ ที่จะทำให้การขุดสามารถกระจายไปยังคนทั่วไปได้ และ block จะมาช่วยเหลือปัญหาส่วนนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้ง bitcoin ซึ่งมันได้บิดเบือนแนวคิดตั้งต้นไปอย่างมากนั่นเองครับผม

References : https://www.theinformation.com/articles/square-goes-full-crypto-with-its-name-change-to-block-more-crypto-ads-coming-to-facebook
https://www.cnbc.com/2022/01/13/block-formerly-square-is-building-a-system-for-bitcoin-miners.html
https://www.theblockcrypto.com/linked/130439/jack-dorseys-block-commits-to-build-an-open-bitcoin-mining-ecosystem
https://www.theverge.com/2022/1/14/22883500/jack-dorsey-block-bitcoin-mining-system-open-source-mainstream

Paypal Mafia ตอนที่ 9 : Keith Rabois

Keith Rabois นั้นเป็นหนึ่งในทีมงานของ paypal ที่จัดการเรื่องการกำหนดนโยบายที่สำคัญ ๆ ของบริษัท โดยเขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย stanford ในสาขารัฐศาสตร์ ต่อด้วยการเรียนจบทางด้านกฏหมายที่ Harvard Law School สถาบันด้านกฏหมายอันดันหนึ่งของอเมริกา

หลังจากเรียนจบด้านกฏหมายจาก Harvard เขาก็ได้เข้ามาทำงานในสำนักงานกฏหมายชื่อดังอย่าง Sullivan & Cromwell โดยเน้นไปทางด้านคดีที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา

หลังจากนั้นเขาก็ได้มาทำงานด้านการเมือง โดยเป็นคนช่วยในการร่างสุนทรพจน์ของรองประธานาธิบดี Quayle รวมถึงงานด้านสื่อคอยตตอบข้อซักถามของสื่อเกี่ยวกับนโยบายของรองประธานาธิบดี

หลังจากทำงานด้านการเมืองได้เพียงปีเดียวเท่านั้น เขาก็เข้าสู่แวดวงธุรกิจอีกครั้งที่ Voter.com บริการเว๊บท่าที่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเขามีบทบาทสำคัญในการปรับรูปแบบธุรกิจของ Voter.com จากเว๊บท่า ไปสู่การทำการตลาดผ่าน email 

และในปี 2000 เขาได้เข้ามาร่วมงานกับ paypal ในตำแหน่ง Business Development เพื่อเพิ่มกลยุทธ์ในการแข่งขันกับ ebay , VISA และ MasterCard รวมถึงการจัดการเรื่องกฏระเบียบทางการเงินต่าง ๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้น ทำหน้าที่ในการล็อบบี้เหล่าสมาชิกสภาคองเกรสกว่า 70 คน รวมถึงการประสานกับเหล่าวุฒิสมาชิก 20 คนในการจัดการเรื่องกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงินให้ paypal สามารถเติบโต และสามารถทำกำไรได้ในที่สุด

หลังจาก paypal ถูกขายให้ ebay ในปี 2002 แล้วนั้น Rabois ก็ได้ย้ายมาทำงานกับ LinkedIn ที่เป็น Social Network ของมืออาชีพ โดยเขาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ LinkedIn นั้นมีผู้ใช้งานเติบโตขึ้นจาก 1.5 ล้านคนไปจนถึง 10 ล้านคนในช่วงปี 2007

ย้ายไปร่วมงานกับ LinkedIn
ย้ายไปร่วมงานกับ LinkedIn เครือข่ายสังคมออนไลน์ของมืออาชีพ

Rabois ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำแนวคิดในการทำการตลาดโฆษณาออนไลน์ ที่ล้ำสมัยที่สุดคนหนึ่ง และยังเป็นคนที่กำหนดแนวคิดสำคัญในเรื่อง Premium Subscriptions ซึ่งเป็นโมเดลการทำงานอย่างนึงของ LinkedIn โดยยังเป็นแหล่งรายได้หลักของ LinkedIn มาจวบจนถึงปัจจุบัน

หลังจากการทำงานที่ LinkedIn เขาก็ได้เข้าร่วมงานกับ Jack Dorsey ที่กำลังสร้างผลิตภัณฑ์ชำระเงินรูปแบบใหม่อย่าง Square โดยรับตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer)  เขาได้เข้าร่วมงานกับ Square ในช่วงตั้งไข่ของบริษัท ตั้งแต่มีลูกค้าทดลองใช้งานเพียงแค่ 841 ราย โดยขณะนั้น Square มีพนักงานรวมทั้งสิ้นแค่ 24 คนเท่านั้น

เขาได้ช่วย Jack Dorsey ในการขยายตลาดของ Square อย่างรวดเร็ว จนพนักงานมีถึงกว่า 440 คน ทำให้ Square มีการใช้บริการผ่านอุปกรณ์ของ Square เป็นจำนวนเงินมากกว่า 12 พันล้านเหรียญ ซึ่งทำให้มูลค่าของ Square เพิ่มจาก 40 ล้านเหรียญจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 3.6 พันล้านเหรียญ

เข้าร่วมงานกับ Square จนมูลค่าบริษัทสูงขึ้นถึง 3.4 พันล้านเหรียญ
เข้าร่วมงานกับ Square จนมูลค่าบริษัทสูงขึ้นถึง 3.6 พันล้านเหรียญ

สำหรับงานด้านการลงทุน เขายังเข้าร่วมงานกับ Khosla Ventures ในตำแหน่ง Managing Director และเข้าร่วมในฐานะคณะกรรมการของบริษัท Scribd หลังจากที่ Khosla Ventures ได้กลายเป็นบริษัทลงทุนหลักของ Scribd

ในปี 2014 Rabois เขาได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Opendoor ซึ่งเป็น Marketplace ของ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ 

และเขายังเป็นนักลงทุนในสเตจแรกของหลาย ๆ ธุรกิจเกิดใหม่ชื่อดัง โดยเป็น Angel Investor ของทั้ง Youtube , Airbnb , Palantir , Eventbrite , Lyft ,Quora , Yammer , Skybox, Counsyl , Weebly , Wish รวมถึง Eventbrite

–> อ่านตอนที่ 10 : Reid Hoffman

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Jawed Karim *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***