ต้องบอกว่า internet นั้นถือเป็นนวัตกรรมครั้งสำคัญของโลกเรา ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์เราไปตลอดกาล ข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกที่สามารถเข้าถึงได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
แน่นอนว่าพื้นฐานในการเข้าสู่ internet นั้นต้องใช้โปรแกรมท่องเว๊บอย่าง Web Browser ที่มีอยู่อย่างมากมายในปัจจุบัน แต่การปฏิวัติครั้งสำคัญจน เราสามารถท่องโลก internet ได้อย่างง่ายดายเหมือนปัจจุบันนั่นก็คือ การเกิดขึ้นของ NetScape
แต่การเป็นผู้บุกเบิก ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เมื่อเราแทบจะไม่ได้เห็นชื่อของ NetScape มานานมากแล้ว แต่การต่อสู้กับพวกเขาในยุคนั้น ที่ต้องต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft นั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ที่ผมจะมาเล่าผ่าน Blog Series ชุดนี้นั่นเองครับ
โดยเรื่องราวจะมาจากหนังสือหลักสองเล่ม คือ NetScape Time โดย JIM CLARK และ Speeding The Net โดย Joshua Quittner and Michelle Slatalla ที่มาเรียบเรียงใหม่ผ่านสไตล์ของผมเหมือนเช่นเคย ครับ อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับผม
และมันตรงกับความต้องการของ Michael ที่ต้องการลดขนาดโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทลงพอดิบพอดี วิธีสั่งของแบบตัวต่อตัวที่เกิดจากโลกอินเทอร์เน็ตนั้น ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายโดยแทบจะไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานแต่อย่างใด
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกเขาทำ พวกเขายังประดิษฐ์วิดีโอเกมแบบ Multi Player เป็นคนแรก โดยใช้เครือข่ายเน็ตเวิร์ก รวมถึงซอฟต์แวร์ประมวลผลคำ (Word Processing) เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยเลเซอร์
คงไม่กล่าวเกินเลยไปนักที่จะบอกว่า Xerox ได้มอบเทคโนโลยีทั้งหมดให้กับ Bill Gates และ Steve Jobs ซึ่งทั้งสองต่างประหลาดใจกับความอัจฉริยะของเหล่านักวิจัยของ Xerox ที่คิดค้นสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
จ๊อบส์ ชอบ GUI และ เม้าส์จริงๆ ส่วน เกตส์ นั้นชอบทุกอย่าง เพราะมันเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ แทบจะทั้งสิ้นที่คิดค้นโดยเหล่าอัจฉริยะ จนทำให้ Apple ตัดสินใจสร้าง Macintosh ตามนวัตกรรมที่พวกเขาสังเกตเห็น
ส่วน Microsoft เปิดตัว Microsoft Word ซึ่งได้ใช้ตัวแก้ไขข้อความที่ PARC พัฒนาขึ้น และ Windows ก็ตามมาในปี 1985 ทั้งสอง บริษัท ประสบความสำเร็จอย่างน่าขัน บิลล์เกตส์ และสตีฟ จ็อบส์กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน และนำพาบริษัท Apple และ Microsoft ขึ้นสู่จุดสูงสุดของบริษัททางด้านเทคโนโลยี
หนึ่งในหนังสือเชิงปรัชญาที่เขาชอบมากที่สุดคือ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy โดย Douglas Adams ซึ่งเป็นหนังสือที่เสนอมุมมองเชิงปรัชญาในหลาย ๆ ด้าน เนื้อหานั้นเป็นเหมือนการรวมเอาหนังสืออย่าง Monty Python และ Star Wars มารวมกัน
และที่ ดี.อี.ชอว์ นี่เองที่ทำให้เจฟฟ์ นั้นได้พบเจอกับสิ่งที่เรียกว่า internet ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากในขณะนั้น ซึ่งเป็นปี 1994 เจฟฟ์ นั้นถูกมอบหมายให้มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จากเทคโนโลยี internet เจฟฟ์ เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ internet และรู้สึกประทับใจกับเจ้า internet ทันที ตอนนั้น อัตราการเติบโตของ internet สูงถึง 2,300% ต่อปีเลยทีเดียว
ซึ่งทำให้ตอนนี้เจฟฟ์ เริ่มมองข้ามการทำงานให้กับ ดี.อี.ชอว์ การเติบโตของ internet ในระดับนี้นั้นเขามองว่ามันจะทำให้ใครหลาย ๆ คนหาเงินได้อย่างมหาศาล และตัวเขาก็อยากเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เขาอยากสร้างบริษัทที่ประสบความสำเร็จโดยใช้ทักษะทางธุรกิจและเทคโนโลยีของเขาเอง ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ได้ ขอให้สามารถทำกำไรได้มากพอ เขาเล็งเห็นทันทีว่า internet จะกลายเป็นพื่นที่ขนาดมหึมา ที่มีคนเข้ามาใช้บริการ นั่นย่อมทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าตามมา
ตอนนั้นเขาเริ่มฝันถึงการเป็นผู้ค้าปลีกทาง internet รายใหญ่ที่สุดของโลกแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าควรเริ่มจากตลาดแบบเดียวก่อน ต้องเป็นสินเค้าที่ตลาดต้องการแล้วนำไปหลอมรวมกับความสามารถของ internet ในการกระจายไปยังผู้คนได้ทั่วอเมริกา หรือแม้กระทั่งทั่วโลกเลยด้วยซ้ำ แล้วสิ่ง ๆ นั้นมันคือ อะไร เจฟฟ์ จะเริ่มธุรกิจค้าปลีกครั้งแรกกับผลิตภัณฑ์อะไรดี ตอนนี้โอกาสมันเข้ามาถึงเจฟฟ์แล้วที่จะได้ทำตามความฝันในการเป็นผู้ประกอบการเสียที จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ เจฟฟ์ เบซอส โปรดติดตามได้ในตอนต่อไปครับผม