Crocodile of Wall Street กับข้อหาฟอกเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์ใน Bitcoin ที่ถูกขโมยจาก Bitfinex

คู่สามีภรรยาในวัย 30 ปีที่รู้จักกันในชื่อ crypto “Bonnie and Clyde” ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วหลังจากถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดเพื่อฟอกเงินเกือบ 120,000 bitcoin มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์จากการ แฮ็ก Bitfinex ในปี 2016

Ilya Lichtenstein ชาวรัสเซีย-อเมริกันที่มีชื่อเล่นว่า “Dutch” และภรรยาที่เกิดในสหรัฐฯ ของเขา Heather Morgan ถูกจับในแมนฮัตตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice (DOJ)) ซึ่งได้ทำการยึด bitcoin มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์

Morgan ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่า “Crocodile of Wall Street” แร็พบน TikTok ในชื่อ Razzlekhan และเป็นนักเขียนที่ Forbes ที่เคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวิธีที่ธุรกิจสามารถป้องกันจากอาชญากรไซเบอร์ และยังทำงานเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ในปี 2019 Morgan เคยพูดที่นิวยอร์กในหัวข้อ “How to Social Engineer Your Way Into Anything”

บัญชี Twitter ของ Lichtenstein มีการโพสต์บ่อยครั้งเกี่ยวกับ Web3 และสกุลเงินดิจิทัล ในขณะที่ บัญชี LinkedIn ของ Lichtenstein ในวัย 34 ปีจบการศึกษาจาก Y Combinator ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงของ Silicon Valley

โดยมีรายงานว่าเขาได้สนับสนุนบริษัท startup ที่มีชื่อว่า MixRank ที่สร้างแอปติดตามลูกค้าของเขาในปี 2011 Morgan และ Lichtenstein ร่วมกันก่อตั้ง Endpass ซึ่งเป็น crypto wallet ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการฉ้อโกง

ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินมาจากไหน?

Bitfinex ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกงกล่าวในเดือนสิงหาคม 2016 ว่าแฮ็กเกอร์ได้ขโมย 120,000 bitcoins ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 70 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น

ทางการ สหรัฐเชื่อว่าแฮ็กเกอร์ทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตมากกว่า 2,000 รายการ และส่ง Bitcoin ที่ไปยัง wallet ที่ Lichtenstein ถือครองในท้ายที่สุด โดยทางการสหรัฐไม่ได้กล่าวหาว่าทั้งคู่ทำการโจมตีโดยตรง

ทางการระบุว่ามีการโอน Bitcoin ประมาณ 25,000 เหรียญออกจากกระเป๋าเงินของ Lichtenstein บางส่วนไปยังบัญชีของเขาและภรรยาของเขา ส่วนที่เหลืออีก 94,000 ยังคงอยู่ใน wallet ที่ใช้หลังจากการแฮ็ก

การค้นพบเส้นทางที่ถูกกล่าวหา

หน่วยงานพิเศษที่มีหมายค้นสำหรับการเข้าถึงบัญชีออนไลน์ของทั้งคู่ได้ทำการดึงไฟล์จากบัญชีที่ Lichtenstein ใช้เก็บกุญแจส่วนตัว (Private Key) สำหรับ wallet ของเขา

การค้นหากุญแจเป็นขั้นตอนสำคัญ ซึ่งเป็นการเปิดเผยที่อยู่ของ wallet ของผู้รับ ซึ่งช่วยให้ผู้ตรวจสอบดำเนินแผนการฟอกเงิน ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถ กู้ คืน 94,000 bitcoin ได้สำเร็จ

DOJ กล่าวว่าทั้งคู่มีส่วนร่วมในการทำธุรกรรมสกุลเงินเสมือนหลายประเภทรวมถึงการซื้อ NFT แต่ดูเหมือนว่าบัญชี OpenSea ของพวกเขาจะถูกลบไปแล้ว

ทั้งคู่ถูกกล่าวหาว่า ฟอกเงินผ่าน bitcoin อย่างไร?

Lichtenstein และ Morgan ใช้วิธีการที่ซับซ้อนหลายอย่าง โดยทั้งคู่สร้างบัญชีปลอมและใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์อัตโนมัติเพื่อทำธุรกรรมหลายรายการ โดยฝากเงินกับการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน crypto หลายแห่งเพื่อให้ติดตามได้ยาก พวกเขายังใช้บัญชีที่อยู่ในสหรัฐฯ เพื่อให้กิจกรรมของพวกเขาดูเหมือนถูกกฎหมาย

Lichtenstein และ Morgan ใช้วิธีการที่ซับซ้อนหลายอย่าง เพื่อให้ดูเหมือนถุูกกฏหมาย (CR:Info9jatv)
Lichtenstein และ Morgan ใช้วิธีการที่ซับซ้อนหลายอย่าง เพื่อให้ดูเหมือนถุูกกฏหมาย (CR:Info9jatv)

ในคำสั่งฟ้องล่าสุดกล่าวหาว่าทั้งคู่พยายามปกปิดบทบาทของพวกเขาในการฟอก bitcoin โดยการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่

Lichtenstein และ Morgan ใช้เวลาหนึ่งเดือนในยูเครนในปี 2019 อัยการกล่าว โดยที่กิจกรรมของพวกเขาบางครั้งดูเหมือนจะถอดแบบมาจากนิยายสายลับชื่อดัง ซึ่งทางการคิดว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการใช้ชีวิตในรัสเซีย เนื่องจาก Morgan กำลังเรียนภาษาอยู่

การเข้าบุกค้นอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 5 มกราคม พบเงินสดมูลค่า 40,000 ดอลลาร์ มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 50 ชิ้นหนังสือที่มีรอยร้าว 2 เล่ม และกระเป๋าที่มีป้ายแปลก ๆ ว่า “burner phone”

ทางการเชื่อว่าพวกเขาได้เข้าถึงบัญชีที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ของ Lichtenstein แล้ว ไฟล์ที่เข้ารหัสนั้นมีสเปรดชีตของบัญชีต่างๆ และกระเป๋าเงินเพิ่มเติมที่ทางการไม่สามารถยึดได้ตามกฎหมาย

“ไฟล์เหล่านี้หลายไฟล์รวมถึงรูปแบบต่างๆ ของคำว่า ‘สกปรก’ ในชื่อไฟล์ เช่น ‘dirty_wallet.dat'” คำฟ้องระบุ

การค้นพบอีกอย่างหนึ่งคือไฟล์ชื่อ “passport_ideas” ซึ่งเชื่อมโยงกับบัญชีผู้ขาย darknet ต่างๆ ที่เสนอขายหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนปลอม

Lichtenstein และ Morgan เผชิญข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงินและฉ้อโกงสหรัฐฯ โดยมีโทษจำคุกรวมกัน 25 ปี พวกเขาจะถูกควบคุมตัว  จนถึงการพิจารณาคดีในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

เมื่อการฟอกเงิน จะง่ายยิ่งขึ้นในอนาคต

ผมว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ที่แม้จะกระทำการแฮ็กไปนานแล้ว แต่สุดท้ายทาง DOJ ก็ยังสืบสวนสอบสวนกลับมาเอาผิดได้ แสดงว่า การใช้ bitcoin เพื่อการฟอกเงินมันก็มีช่องโหว่ในตัวมันเองเช่นเดียวกัน

แต่เทรนด์ที่เราจะเห็นเกิดขึ้นแน่ ๆ ในอนาคตแม้กระทั่งประเทศไทยเราเองก็คือ การนำเอาเงินผิดกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นจากการโกงกินชาติ ทุจริตคอร์รัปชั่น ยาเสพติด บ่อนออนไลน์ ต่าง ๆ จะสามารถแปลงร่างกลายเป็นเงินสะอาดได้ง่ายมากขึ้นผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างแน่นอน

ซึ่งเมื่อก่อนมันอาจจะไม่ง่ายขนาดนี้ ที่จะแปลงเงินสกปรกด้วยวิธีการฟอกเงินแบบเก่า ๆ ที่อาจจะต้องใช้เวลาและต้นทุนที่สูง แต่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนในการฟอกเงินสกปรกเหล่านี้ลดลงไปอย่างมาก และ สามารถนำเงินสกปรกมาใช้ในชีวิตจริง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก

สิ่งที่รัฐต้องตามให้ทันก็คือนวัตกรรมการฟอกเงินใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเริ่มติดตามข้อมูลต่าง ๆ ยากมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งหากอยู่ในระบบการเงินแบบไร้ตัวกลางเช่น bitcoin ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ในการปราบปรามเรื่องราวเหล่านี้ต้องมีการปฏิวัติระบบครั้้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เพื่อให้ทันอาชญากรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้น

เพราะหากทุกสิ่งทุกอย่างมันง่ายขึ้น กำแพงที่คอยกั้นไม่ให้คนไปทำผิด ทั้งเรื่องสีเทา เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นต่าง ๆ มันก็จะพังทลายลงไป และเมื่อนั้นประเทศก็จะสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับช่องทางเหล่านี้อีกมากมายในอนาคตนั่นเองครับผม

References : https://www.dailymail.co.uk/news/article-10493217/Self-proclaimed-Crocodile-Wall-Street-husband-granted-bail-set-3m-5m.html
https://fortune.com/2022/02/09/who-is-crocodile-of-wall-street-heather-morgan-bitcoin-hack-bitfinex/
https://markets.businessinsider.com/ilya-lichtenstein-morgan-heather-bitfinex-hack-money-laundering-tiktok-rapper-2022-2

เมื่อ Raspberry Pi ถูกนำมาใช้แฮ็ค Tesla Model X

ComputerWeekly ได้รายงานว่านักศึกษาปริญญาเอกชาวเบลเยี่ยม ทำการ hack ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Tesla Model X ได้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ อย่าง Raspberri Pi

โดยพวกเขาได้ใช้เครื่องมือแฮ็กเกอร์ทั้ง มีดพก Swiss Army ,  Raspberry Pi พร้อมกับ Key fob (กุญแจรีโมท เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปเปิดประตูรถ) ที่ได้รับการแก้ไข และหน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECU)  ช่องโหว่นี้บังคับให้ Tesla ต้องออกแพทช์ใหม่สำหรับรถยนต์ Model X ทันที

Lennert Wouters นักศึกษาปริญญาเอกจากกลุ่มวิจัยการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (Cosic) ของมหาวิทยาลัย Leuven ได้สร้างอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายกับรถ Tesla ได้ไกลถึง 5 เมตร 

ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่สามที่ Wouters สามารถใช้ประโยชน์จาก key fob และเข้าถึงรถได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถที่จะโคลน fob ได้สำเร็จมาแล้ว

“การใช้ ECU ที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งได้มาจาก Tesla Model X ทำให้เราสามารถบังคับ Key fobs ได้ในระยะทางไกลถึง 5 เมตร” Wouters กล่าว

ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดมีราคา 195 เหรียญและสามารถซ่อนไว้ในกระเป๋าเอกสารหรือกระเป๋าพกพาได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งทำให้โจร สามารถที่จะเดินไปตามเป้าหมาย และควบคุมกุญแจของพวกเขาได้ จากนั้นก็รอเพียงแค่เวลาที่หัวขโมยจะต้องใช้ตัวเชื่อมต่อ Raspberri Pi เพื่อจับคู่ Key fob ที่แก้ไขแล้ว จากนั้นพวกเขาก็สามารถควบคุมยานพาหนะได้ทั้งหมด

Raspberry Pi ถือว่าเป็น อุปกรณ์ที่มีต้นทุนต่ำ ใช้งานง่าย และใช้พลังงานในการประมวลน้อย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเจ้าบอร์ดเล็ก ๆ ตัวนี้ มีอะไรมากกว่านำมาใช้ในการเรียนรู้การเขียนโค้ด หรือ เชื่อมต่อวงจรไฟ LED กระพริบ แบบที่เราได้เคยเห็นกันเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่าข่าวนี้น่าสนใจ ตอนนี้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นั้นแทบจะมีระบบปฏิบัติการทางด้านคอมพิวเตอร์อยู่ด้านใดคอยจัดการในส่วนต่าง ๆ ของรถ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตรถยนต์เหล่านี้ ก็จะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของเหล่า Hackers ที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งต่อไปเราอาจจะได้เห็น Ransomware ที่จะมาเรียกค่าไถ่จากรถยนต์ก็เป็นได้นั่นเองครับ

References : https://www.computerweekly.com/news/252492564/Belgian-security-researcher-hacks-Tesla-with-Raspberry-Pi
https://www.geeky-gadgets.com/tesla-model-s-hacked-by-raspberry-pi-mini-pc-in-seconds-11-09-2018/

Geek Daily EP39 : Ransomware โจมตีโรงพยาบาลในเยอรมันทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นรายแรก

เป็นครั้งแรกที่การเสียชีวิตของผู้ป่วยเชื่อมโยงโดยตรงกับการโจมตีทางไซเบอร์ ตำรวจได้เปิดการสอบสวน “การฆาตกรรมโดยประมาท” หลังจาก Ransomware ได้รบกวนการดูแลฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยดุสเซลดอร์ฟในประเทศเยอรมนี

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2Gb2b2n

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/32ZBKG7

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ENXtvDkuxIo

References : https://www.technologyreview.com/2020/09/18/1008582/a-patient-has-died-after-ransomware-hackers-hit-a-german-hospital/
https://www.technologyreview.com/2020/08/28/1007752/how-a-1-million-plot-to-hack-tesla-failed/
https://geeksadvice.com/woman-dies-after-german-hospital-hack-ransomware-operators-suspected-of-negligent-homicide/

Geek Daily EP11 : เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ hack สร้างตับอ่อนเทียมเพื่อแก้ปัญหาโรคเบาหวาน

แผนการของ Liam Zebedee วิศวกรซอฟต์แวร์ชาวดัตช์ ก็คือกระบวนการในการบันทึกระดับน้ำตาลในเลือดโดยอัตโนมัติกำหนดอินซูลินที่ต้องการและส่งผ่านปั๊มอินซูลินซึ่งให้อินซูลินที่ออกฤทธิ์สั้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

เพื่อทำตามแผนของเขา Zebedee ใช้ CGS FreeStyle Libre สำหรับการตรวจสอบกลูโคสอย่างต่อเนื่อง และใช้เครื่องส่งสัญญาณ Miaomiao เพื่อส่งการอ่านไปยังโทรศัพท์ของเขาผ่านซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซ Nightscout และการสร้างภาพกราฟฟิกผ่าน Intel Edison และ Explorer HAT

เมื่อทุกสิ่งรวมกัน การคุมเบาหวานนี้ดำเนินการโดยใช้ ‘OpenAPS’ ซึ่งจะดาวน์โหลด / อัพโหลดข้อมูลใน Nightscout และทำนายการส่งอินซูลินในปั๊มผ่านทางวิทยุนั่นเอง

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3ioO20u

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/2VEP66C

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2D2N1uR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/B6d70fbh2Bs

References : https://interestingengineering.com/software-engineer-with-diabetes-incredibly-builds-his-very-own-artificial-pancreas
https://www.intelligentliving.co/engineer-diabetes-built-own-artificial-pancreas/
https://www.newsbytesapp.com/timeline/world/52417/241435/dutch-software-engineer-with-diabetes-builds-artificial-pancreas
https://futurism.com/neoscope/artificial-pancreas

เมื่อ Smart TV อาจจะกำลังสอดแนมชีวิตความเป็นส่วนตัวของคุณ

หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ททีวีในช่วง Black Friday , 12/12 หรือวางแผนที่จะซื้อ Smart TV รุ่นใหม่ ๆ ในเร็ววันนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทาง FBI จึงต้องการให้คุณรู้บางสิ่งที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับความเป็นส่วนตัวของคุณได้

สมาร์ททีวีเป็นเหมือนโทรทัศน์ทั่วไป แต่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และด้วยการกำเนิดและการเติบโตของของบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Hulu หรือ บริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นโทรทัศน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อคอยเชื่อมต่อกับบริการเหล่านี้ผ่านจอทีวี 

แต่ก็เหมือนกับทุกอย่างที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพราะมันเป็นการเปิดสมาร์ททีวีให้กับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเหล่า hacker ไม่เพียงเท่านั้นสมาร์ททีวีหลายรุ่นมาพร้อมกับกล้องและไมโครโฟน ซึ่งก็เหมือนกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่ผู้ผลิตมักจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

นั่นเป็นประเด็นสำคัญจากการที่ FBI ได้ โพสต์เตือนบนเว็บไซต์เกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีบนสมาร์ททีวี

“ นอกเหนือจากความเสี่ยงที่ผู้ผลิตทีวีและผู้พัฒนาแอพ อาจจะแอบดักฟังและเฝ้ามองคุณผ่านโทรทัศน์นั้น มันยังสามารถเป็นประตูสำหรับแฮกเกอร์ที่จะเข้ามาในบ้านของคุณได้นั่นเอง “

แม้เหล่า Hacker อาจไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่ถูกล็อคของคุณได้โดยตรง แต่เป็นไปได้ที่ทีวีที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ ของคุณ เป็นทางลัดให้พวกเขาสามารถเจาะเข้ามาผ่านเราเตอร์ของคุณได้” FBI กล่าว

FBI เตือนว่า Hacker สามารถควบคุมสมาร์ททีวีที่ไม่มีการป้องกันของคุณ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจจะควบคุมกล้องและไมโครโฟนเพื่อเฝ้ามองคุณที่บ้านได้นั่นเอง

เมื่อเทคโนโลยีเริ่มรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเทคโนโลยีเริ่มรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Hacker แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเจาะเข้าไปยัง Chromecast สตรีมมิ่งของ Google และเผยแพร่วิดีโอแบบสุ่มไปยังเหยื่อหลายพันคน

ในความเป็นจริงแล้วช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดที่กำหนดเป้าหมายไปยังสมาร์ททีวีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับการพัฒนาโดยสำนักข่าวกรองกลาง แต่ถูกขโมยไป และไฟล์ได้ถูกเผยแพร่ออนไลน์ในภายหลังโดย WikiLeaks

Washington Post ได้รายงานข่าว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ผลิตสมาร์ททีวียอดนิยมบางราย รวมถึง Samsung และ LG มีการรวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังรับชมเพื่อช่วยผู้โฆษณาในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาจากผู้ชมของพวกเขาได้ ตัวอย่างเช่น  ปัญหาการติดตามทีวีกลายเป็นปัญหาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตสมาร์ททีวี Vizio ต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 2.2 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ถูกจับได้อย่างลับๆ ในเรื่องการพยายามติดตามข้อมูลผู้ใช้ผ่านทีวีของพวกเขา

FBI แนะนำให้วางเทปสีดำไว้เพื่อบังกล้องสมาร์ททีวีในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน และหมั่นอัพเดท Firmware บนสมาร์ททีวีของคุณด้วยแพตช์ที่ได้รับการแก้ไขล่าสุดเสมอ และอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อทำความเข้าใจว่าสมาร์ททีวีของคุณนั้นมีความสามารถในการเข้าถึงอะไรได้บ้าง เพื่อให้คุณสามารถรับชมมันได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

อย่างที่เราทราบกันว่าปัญหาเรื่อง privacy หรือความเป็นส่วนตัวของการใช้งานอุปกรณ์ใด ๆ ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นั้นเป็นปัญหาที่กำลังกลายเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน แม้กระทั่งใน smartphone ที่เราแทบจะใช้ติดตัวกันตลอดเวลา

ใน Social Network แพลตฟอร์มที่ต้องการข้อมูลทุกอย่างของเราเพื่อนำไปขายโฆษณานั้น ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะได้ข้อมูลของเราไป แม้จะไม่ได้รับข้อมูลจาก app ตัวเองโดยตรงก็อาจจะได้รับข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ที่เป็น app 3rd party ที่คอยละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราได้อย่างที่เราได้เห็นข่าวใหญ่ก่อนหน้านี้ในเรื่องการดักฟังจากการสนทนาของเรา

แน่นอนว่า เมื่อโลกเข้าสู่ยุค 5G เหล่าอุปกรณ์ต่างๆ จะเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่ง TV เป็นอุปกรณ์แรก ๆ ที่ได้เข้ามาเริ่มเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ที่ทุกคนต่างเสพติดกับมัน

ซึ่งอย่างที่ FBI กล่าว เราก็ต้องมีการระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ เพราะเนื่องจากหากเป็น case ร้ายแรงจริง ๆ อย่างการ hack เข้ามาเฝ้ามองเราผ่าน TV ผ่านกล้องที่ติดอยู่กับทีวีนั้น ก็ถือเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ๆ เพราะเหล่า hacker นั้นอาจจะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ข้อมูลเท่านั้น แต่อาจต้องการอย่างอื่นที่มากกว่าข้อมูลได้ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง หรือแม้กระทั่งชีวิตของคุณเองก็ตามหากพวกเขาสามารถเฝ้ามองเราผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ได้ครับ

References : http://www.hackersnewsbulletin.com/2013/08/hackers-have-remote-of-your-smart-tv-and-spying-on-you-smart-tv-hacked.html https://techcrunch.com/2019/12/01/fbi-smart-tv-security/ https://www.hackread.com/hacker-shows-how-smart-tvs-can-be-hacked/