Movie Review : ฉลาด เกมส์ โกง

Review

เอาตรง ๆ ผมก็ถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้ของค่าย GDH หรือ GTH เก่า มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ค่อนข้างคาดหวังได้กับหนังของค่ายนี้ ว่าดูแล้วคุ้มกับเงินที่เสียไป

แต่ช่วงหลัง ๆ มา หนังของ GDH นั้นมาสไตล์เดิม ๆ มาตลอด แทบจะไม่มีแนวใหม่ ๆ เข้ามาเลย แต่เนื่องจากการทำการตลาดที่ดี และมีแฟนหนังที่มฐานคนดูอยู่มากพอสมควร จึงมั่นใจได้ว่าหนังในแนวทางเดิม ๆ ของ GDH นั้นทำแล้วไม่เจ๊งแน่นอน อย่างเช่นหนังเรื่องแรกของค่ายคือ แฟนเดย์ นั้น ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ concept ของหนังก็ไม่ต่างจากหนังเดิม ๆ ของ GDH เท่าที่ควร ซึ่งคิดว่า ทาง GDH ก็คงไม่ค่อยกล้าฉีกแนวตัวเองเยอะ เพราะหนังสไตล์นี้สามารถทำเงินได้แน่ ๆ อยู่แล้ว

แต่สำหรับหนังเรื่องที่สองของ GDH นั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ถือว่าเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ให้คนดู ที่จะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ของหนัง GDH ที่มี production และบทของหนังต่างจากที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ถือว่า GDH สามารถทำได้อย่างดีกับหนังเรื่องนี้

โดยส่วนตัวเคยชมผลงานของผู้กำกับ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ  จากหนังเรื่อง เคาท์ดาวน์ ซึ่งก็ค่อนข้างประทับใจกับหนังเรื่องแรกของเค้า และเฝ้ารอคอยหนังเรื่องใหม่ของเค้าอยู่เหมือนกัน จากหนังเรื่อง ฉลาด เกมส์ โกง เราจะได้กลิ่นอายของ เคาท์ดาวน์ อยู่บ้างเหมือนกัน จะฉีกแนวจาก GTH เดิม ๆ อย่างชัดเจน

สำหรับนักแสดงในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเด็กยุคใหม่แทบจะทั้งสิ้น แทบจะไม่มีดาราเก๋าประสบการณ์มาเล่นด้วยเลย ถือว่าเป็นการเสี่ยงพอสมควรสำหรับบทหนัก ๆ อย่างหนังเรื่องนี้

แต่เหมือนการ design character ของแต่ละตัวละคร นั้นเหมาะกับนักแสดงนำทุกคนอยู่แล้ว อย่างเช่น ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง (ออกแบบ) ที่รับบท ลิน ในเรื่องนั้น สามารถสื่อสารความเป็นลิน ได้อย่างลงตัว การแสดงสีหน้า ท่าทาง ก็ถือว่าทำได้ไม่ขี้เหร่ สำหรับการเล่นหนังครั้งแรกของเธอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางช่วงการแสดงก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ ยังเหมือนหุ่นยนต์มากเกินไป แต่โดยรวมก็ค่อนข้างทำได้ดี

แต่ที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็น ชานน สันตินธรกุล  ที่รับบทแบงค์ ถ้าเทียบกับลินที่เป็นตัวละครหลักแล้ว แบงค์ ก็ถือว่าเป็นตัวละครที่เป็นตัวหลักที่ไม่แตกต่างจาก ลิน แม้จะได้รับบทน้อยกว่ามาก แต่ key หลักของเรื่องน่าจะอยู่ที่เจ้าแบงค์ นี่แหละ ที่ตีบท ในเรื่องได้แตก ไม่แน่ใจว่าด้วยบุคลิก และลักษณะส่วนตัวของเค้าเป็นอย่างงี้ด้วยหรือ ป่าว จึงทำให้ง่ายต่อการรับบทบาทดังกล่าว  ดูแล้วค่อนข้างอินกับตัวละครนี้มาก ถ้าเทียบกับลินแล้ว บทของแบงค์นั้น แสดงได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ส่วน เกรซ กับ พัฒน์ นั้นก็ถือเป็นส่วนเติมเต็มเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ

ที่ เซอร์ไพร์ อีกอย่างสำหรับหนังเรื่องนี้คือการนำเอานักแต่งเพลงระดับตำนานอย่าง พี่  ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่มารับบทพ่อของลิน ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ในการเห็น พี่ ธเนศ เล่นหนัง ต้องยอมรับว่าพี่เค้าไม่ได้แต่งเพลงเก่งเพียงอย่างเดียว บทพ่อที่ได้รับ ก็ถือว่าตีบทนี้ได้แตกกระจาย เหมือนกัน

โดยรวมหนังให้แง่คิดในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งความสัมพันธ์ของพ่อลูก ความสัมพันธ์ของเพื่อน รวมถึงการกล่าวถึงเรื่องการโกง หรือ คอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่อง และบทสรุปที่่ถือได้ว่าทำออกมาได้ดี ยกให้เป็นหนังยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ได้ดูมาของ GTH เลยก็ว่าได้

 

เก็บตกจากหนัง

  • หนังมีการเชื่อมโยงการโกง กับ การคอร์รัปชั่น ได้อย่างน่าสนใจ
  • เราจะได้เห็นนักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง พี่ ธเนศ มารับบทหลักของหนังที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
  • ตัวละครเอก แบงค์ กับ ลิน ถือว่าเล่นคู่กันได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
  • เป็นหนังที่รูปแบบบท และ production แตกต่างจากที่ GTH ทำมาอย่างสิ้นเชิง
  • อาจเปรียบเปรยได้ว่าหนังเรื่องนี้ให้ประสบการณ์แบบดูหนัง hollywood เลยทีเดียว

คะแนน

9/10


สรุป
“โดยส่วนตัวถือเป็นหนังยอดเยี่ยมที่สุดของ GTH ตั้งแต่ได้ดูมา”

Movie Review : Before We Go

Review
ไม่ได้ดูหนังแนว Feel Good ของฝรั่งมาพักใหญ่จนมาได้ดูหนังเรื่องนี้ Before We Go ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้ว่า Chris Evans นั้นกำกับเอง เพิ่งมาดูข้อมูลตอนหลัง ถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเรื่องนึงทีเดียวสำหรับผลงานด้านการกำกับของ Chris Evans

สำหรับ Before We Go นั้น นำแสดงโดย Chris Evans ที่ควบบทดารานำชายเอง โดยเล่นคู่กับ Alice Eve ซึ่งเป็นหนังแนว โรแมนติกผสม comedy ถือว่าเป็นหนัง style GTH ของไทยเลยก็ว่าได้สำหรับเรื่อง Before We Go โดยเนื่องเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก Alice Eve ที่รับบทเป็น ฺBrooke Daltan นั้น ได้ทำกระเป๋าสูญหาย ในบาร์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งเค้าพยายามที่จะกลับบ้านไปที่ Boston ให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายแต่เค้าไปไม่ทัน จึงไม่สามารถกลับบ้านได้ จนมาเจอกับพระเอกคือ Chris Evans ที่รับบท Nick Vaughan หนุ่มนักทรัมเป็ต ที่เล่นอยู่ที่สถานีรถไฟ และเนื่องด้วยการช่วยเหลือของ Nick ก็ทำให้เกิดเรื่องราวๆ  ต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย ตามฉบับหนัง Romantic Comedy แต่เรื่องนี้ดูแล้วคุณจะยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง โดยส่วนตัวชอบการแสดงของ Alice Eve ในเรื่องนี้เธอแสดงได้ดีมากเรื่องนึง หนุ่ม ๆ หลาย ๆ คนคงหลงไหลเธอจากหนังเรื่องนี้แน่ๆ  ก็ไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับหนังเรื่อง Before We Go นั้นผมก็แนะนำให้หามาดูไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

เก็บตกจากหนัง

  • เรื่องนี้ Chris Evans รับบทกำกับเอง และนำแสดงเอง
  • เป็นหนัง Feel Goods ที่ดูแล้วคุณจะยิ้มตามไปตลอดทั้งเรื่อง

คะแนน

8/10


สรุป
“ดูเรื่องนี้แล้วจะหลงรัก Alice Eve เพิ่มขึ้นแน่นอน”

Movie Review : ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ


Review

ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกในปีนี้ของค่าย GTH เลยทีเดียวสำหรับ ฟรีแลนซ์… ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ  ผลงานของผู้กำกับ indy มากฝีมืออย่าง เต่อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์  ที่ได้ฝากผลงานที่กวาดรางวัลอย่าง Mary is happy, Marry is happy  ซึ่งเป็นหนังที่ออกไปในแนว indy เฉพาะกลุ่ม  รวมถึงเคยฝากผลงานการเขียนบทของหนังในค่าย GTH อย่าง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ และ ท๊อป ซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน  ที่สามารถกวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลายมาแล้ว

สำหรับเต๋อ นั้นเป็น ผู้กำกับรุ่นใหม่มากความสามารถที่รอการพิสูจน์ผลงานกับหนัง Main Stream ซึ่งก็ถือว่าเรื่อง ฟรีแลนซ์..  นี้ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่เต๋อทำหนังที่เป็น Main Stream เข้าถึงผู้คนมาก ๆ ไม่เหมือนหนังสั้น หรือ หนัง indy ที่เขาเคยทำมา  ผลงานในเรื่องนี้  ได้นักแสดงนำอย่าง  ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์  , ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ รวมถึง สาวนักร้องมากความสามารถอย่าง วิโอเลต วอเทียร์  ที่มารับบทบาทการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของเธอ

คือถ้ามองในแง่ของกระแสของหนังเรื่องนี้ถือว่าได้ทำการ โปรโมตมาก่อนหน้าพอสมควรทำให้ผู้คนทั่วไปค่อนข้างคาดหวังกับหนัง GTH เรื่องนี้ และเนื่องจากแฟนหนัง GTH ส่วนใหญ่นั้นก็จะชอบหนังแนว feel good ของ GTH ที่มีมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลังซึ่งแทบจะเป็น pattern การทำหนังของ GTH เลยก็ว่าได้ทำให้สามารถกวาดรายได้ไปอย่างงดงามตลอดหลายปีที่ผ่านมา  แต่กับ ฟรีแลนซ์…ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ นั้น ถ้าเราดูจาก Trailer นั้นทุกคนคงคิดว่าคงเป็นหนังแนวเดียวกับ atm error errรัก หรือ  ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้  ที่ซันนี่แสดงมาก่อนหน้านี้ และทำรายได้ไปอย่างถล่มทลาย  แต่กลับกัน หนังเรื่องนี้ เป็นส่วนผสมของความเป็นหนัง main stream หรือหนังตลาด fell good ของ GTH กับแนว indy ที่ เต๋อถนัด

จาก feedback ของหนังตาม social network ต่างๆ  เราจะเห็นได้ว่าจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบหนังเรื่องนี้ของเต๋อ เนื่องจากการโปรโมตมาก่อนหน้านั้นทำให้แฟน GTH หลายคนคงคาดหวังกับหนังอีกแบบ แต่โดยส่วนตัวนั้นถือได้ว่า GTH นั้นได้ก้าวข้ามจุด comfort zone ของตัวเองออกมาผ่านหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นการแสดงความกล้าหาญอย่างยิ่งที่ได้ทำหนังที่แตกต่างจาก pattern เดิม ๆ ของ GTH ซึ่งก็คิดว่าแฟนหนังหลาย ๆ คนอาจจะผิดหวัง แต่ถ้าดูจากเนื้อหนังจริง ๆ แล้วนั้น หนังเรื่องนี้ได้แสดงถึงความดิบของการแสดงในบทบาท ฟรีแลนซ์ , หรือ หมอ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งคนในสายงานดังกล่าวน่าจะอินกับการแสดงของหนังเรื่องนีได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่าหนังต้องการสื่อถึงอะไร เนื่องจากผ่านการทำงานแบบฟรีแลนซ์มาก่อน รวมถึง เคยป่วยเนื่องจากการทำงานหนักแบบหนังเรื่องนี้มาแล้ว และต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลรัฐ ( ประกันสังคมทำไว้)  ทำให้เข้าใจแต่ละจุดที่หนังต้องการสื่อได้อย่างดี ถึงถือว่าหนังเรื่องถ่ายทอดเรื่องราวความเป็น ฟรีแลนซ์ หรือ เรื่องราวของหมอได้ออกมาดีมาก ๆ คือ เข้าใจถึงบทบาทอย่างแท้จริง ซึ่งคิดว่าน่าจะมาจากประสบการณ์ตรงของ เต๋อ ที่เคยผ่านการเป็น ฟรีแลนซ์มาก่อน

ซึ่งอีกส่วนหนึ่งที่ต้องขอชมคือการแสดงของนักแสดงทุกคน ทั้ง ซันนี่ , ใหม่ รวมถึง วี ไวโอเลต นั้นสามารถเข้าถึงบทบาทได้อย่างดีเยี่ยมถือว่าได้ทำการบ้านส่วนนี้มาดีมาก ๆ ถึงแม้หนังจะดูเหมือนเอื่อย ไม่ค่อยมีมุกตลกเข้ามาซักเท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ  ของ GTH แต่ก็ถือว่าได้ว่าเป็นหนังทดลองของ GTH ที่น่าจะประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้  รวมถึงในแง่บทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ได้อย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งของค่าย GTH ที่กล้าที่จะสลัดภาพเดิม ๆ ของหนังออกมาได้อย่างดี ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่าชอบหนังเรื่องมาก ก็ขอให้แนะนำเข้าไปดูกันเยอะ ๆ ให้รายได้ทะลุ 100 ล้านเพื่อให้ GTH ผลิตหนังคุณภาพที่มีความแตกต่างออกมาเยอะ ๆ เพื่อแฟนหนังจะได้เห็นหนังรูปแบบใหม่ ๆ ของ GTH บ้าง

เก็บตกจากหนัง

  • trailer ของหนังค่อนข้างหลอกคนดูว่าจะเป็นหนังแนวเดิมของ GTH
  • วี ไวโอเลต นั้นแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก และถือได้ว่าสอบผ่านอย่างยิ่งสำหรับบทบาทของเจ๋
  • หนังค่อนข้างมีจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็น indy กับ หนัง main stream ได้อย่างดี

คะแนน

9/10


สรุป
“เหมาะกับการเปิดประสบการณ์ใหม่  ๆ กับหนังของ GTH”

Movie Review : ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้


Review

หนังเรื่องใหม่ของทาง GTH ที่ออกมาได้ช่วงจังหวะเวลาที่ดีมากช่วงนี้ เชื่อว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีใครที่ไม่พูดถึงหนังเรื่องนี้ ไอฟาย…แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ ที่กระแสค่อนข้างมาแรงมากในขณะนี้

จากกระแสของหนังจะเห็นได้ว่า ทาง GTH ทำการตลาดหนังเรื่องนี้มาดีมาก  ๆ ซึ่งคนที่ได้ดูกลุ่มแรก ๆ นี่จะจุดกระแสให้คนดูตาม ๆ กัน คล้าย  ๆ กับเรื่อง พี่มาก พระโขนง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงนี้นั้นจะเป็นอารมณ์เดียวกับ กระแส ตอนหนัง พี่มากพระโขนงเป๊ะ ๆ คือ ใครไม่ได้ดูจะถือว่าเชยมาก ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ไปดูตามกระแส ที่ห้ามใจไม่ไหวจริง ๆ โดยในเมื่อวานนั้น จะมี feed ใน facebook กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ตลอดเวลา โดยพูดไปในแง่ดี ที่ควรจะไม่พลาดหนังเรื่องนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า เป็นการตลาดแบบปากต่อปาก ที่มีค่าย GTH นี่แหละที่สามารถทำได้แบบนี้  จะไม่ค่อยเห็นหนังของค่ายอื่นที่เป็นกระแสปากต่อปาก แบบหนังของ GTH คือประมาณอารมณ์ ใครที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็จะตกเทรนด์

จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น เมื่อวานในช่วงกลางวันผมเห็นกระแสหนังเรื่องนี้มาแรงมาก จึงต้องมานั่งหาตั๋ว ตอนค่ำ ๆ ก็พบว่า เต็มแทบจะทุกโรงไปถึงรอบสุดท้ายด้วยซ้ำ จนต้องมานั่งไล่หาโรงดู สุดท้ายได้ไปดูที่ เอสพลานาด แคราย ซึ่งมีตั๋วในรอบสุดท้ายพอดี เวลา 23.40 น.  ซึ่งถือว่าโชคดี ( ปรกติผมจะดูแถวบ้านที่ เมเจอร์ รัชโยธิน เซ็นทรัลลาดพร้าว หรือ ไกลสุดคือ เอสพลานาด รัชดา ซึ่งหนังส่วนใหญ่ผมก็จะยังสามารถซื้อหาตั๋วได้ทันอยู่ใน 3 โรงข้างต้น)  แต่เมื่อวานนี่ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่เต็ม เกือบหมดทุกโรง จนต้องระเห็จไปดูที่ แคราย

จะเห็นได้ว่าอารมณ์คนไทยในช่วงนี้ ต้องการคลายเครียดอย่างยิ่ง ๆ ยิ่งมีปัญหาทางด้านการเมืองมานาน และเศรษฐกิจในบ้านเราก็ไม่ค่อยจะดีในช่วงปีนี้ จะเห้นได้ว่า หากมีอะไรที่มีช่วยคลายความเคลียดนั้น จะเป็นกระแสที่แรงมาก เช่น รายการ the voice  จะเห็นได้ว่าเป็นรายการ entertain ที่มีคนดูค่อนข้างมากในปีนี้ ผมก็เชื่อว่า ปีนี้คนไทย ประสบปัญหามาเยอะ   พอมีหนังเรื่องนี้เข้ามาในช่วงเวลานี้ จึงทำให้กระแสดังระเบิดได้ขนาดนี้  ซึ่งถ้ามองตัวหนังจริง ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจาก ผลงานเก่า ๆ ของ GTH ที่ผ่านมาซักเท่าไหร่ ถ้าใครได้ดูผลงานก่อนหน้านี้ของ  เมษ ธราธร   ที่กำกับเรื่อง ATM เออรักเออเร่อ นั้น ก็จะมี style คล้าย  ๆ  กับเรื่อง ไอฟาย…แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ แต่เรื่องนี้กระแรงกว่ามาก โดยส่วนตัวถือว่าเรื่องนี้ช่วยให้คลายเครียดได้ดี  การใช้มุก แบบบ้าน ๆ เข้าใจวิถีชีวิต ของคนประจำวันได้อย่างดี ไม่มีการตลกฟุ้งเฟ้อ ตลกแบบ GTH นี่เป็นอะไรที่ classic มาก ๆ  คือมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป และสามารถสื่อสารออกมาได้เข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้คำหยาบมากมาย ( ในเรื่องนี้อาจมีบ้างที่ใช้คำหยาบคาย) แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่า เป็นคำที่เราใช้กันเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน ทำให้โดนใจ ผู้ชมอย่างมาก จึงทำให้เกิดกระแส ค่อนข้างแรงในขณะนี้ ซึ่งผมมองว่า ยังไง 100 ล้าน นี่ก็เกิน อยู่แล้ว และน่าจะแรงจนเป็นหนังที่ทำได้รายได้ อันดับสองรองจาก พี่มาก พระโขนงของ GTH ซึ่งอันนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่คงเกิดขึ้นยากอีกรอบในประเทศไทย

สำหรับนักแสดงนำ ทั้ง ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ นั้น แสดงได้โดนมาก ๆ ในเรื่องนี้ ซันนี่นั้นหลังจากหายไปนาน คิดว่า คงจะกลับมาดังจากหนังเรื่องนี้แน่ๆ  แสดงได้เข้าใจบทบาทของช่างซ่อมบำรุง โดยแท้ ส่วน ไอซ์ นั้น เรื่องนี้ ถือว่าพัฒนาการแสดงจากเรื่องที่แล้วพอสมควร ผมมองว่าเรื่อง ATM นั้น จะแข็ง ๆ ไปหน่อย แต่ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นธรรมชาติมาก ๆ โดยรวมหนังเรื่องนี้ พยายามสื่อในหลายอารมณ์ ทั้ง อารมขัน  อารมเศร้า ความรัก การอกหัก  หลาย ๆ อย่างมารวม ๆ กันได้ลงตัวมาก ๆ ถือว่า ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งครับ

เก็บตกจากหนัง

  • เรื่องนี้จะเข้าใจชีวิตของชาง Engineer ส่วนใหญ่มากขึ้น
  • เรื่องนี้ Main หลักจะเป็นหนังสนุกให้ขำกันได้ทั้งเรื่องถ้าใครเส้นตื้น นี่ ท้องแข็งกันไปได้ทีเดียว
  • บทมีช่วงกลางที่มันจะเนิบ ๆ ไปนิด ๆ ช่วงต้น ๆ นี่ยิงมุขกระจาย
  • เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจการพูดภาษาอังกฤษในบางคำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรย

ระดับความมันส์

9/10

สรุป
“ขำกันท้องแข็ง”