It’s Okay to Not Be Okay (Google) กับความเป็นส่วนตัวที่น่ากังวลของอนาคต Voice Assistant

ต้องบอกว่าเทคโนโลยีอย่าง Voice Assistant ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งขึ้น ผ่านอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ที่มีมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าบางอุปกรณ์นั้นอาจจะไม่มีหน้าจอ และสั่งการได้ด้วยเสียงเพียงเท่านั้น

บริษัทยักษ์ใหญ่ล้วนโฟกัสกับเทคโนโลยีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Google Assistant , SIRI ของ Apple หรือ Alexa ของ Amazon และต้องบอกว่าเทคโนโลยี Voice Assistant ในปัจจุบันพัฒนาไปมากจนน่าตกใจ

แต่อีกไม่นาน เราอาจจะไม่ต้องเรียกมันเพื่อให้ทำงานอีกต่อไป เช่น ในเคสที่เกิดขึ้นกับ Google ซึ่งปรกติเราต้องเรียกเพื่อใช้งาน หรือ มีการกดปุ่มเพื่อเรียกการใช้งานในฟังก์ชั่นนี้ เช่น “Ok Google”

รานงานใหม่จาก สื่อชื่อดังอย่าง 9to5Google ได้ค้นพบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชั่นใหม่ที่มีชื่อว่า “Guacamole” ซึ่ง Google อาจเรียกฟังก์ชั่นใหม่นี้ว่า Quick Phrase หรือ Voice Shortcuts

วิธีการที่ 9to5Google เจอฟังก์ชั่นนี้ก็คือ การถอดรหัสโค้ด จากแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่นล่าสุดที่ Google อัปโหลดไปยัง Play Store ซึ่งเป็นไฟล์ APK นั่นเอง

ซึ่งทาง 9to5Google นั้นได้เห็นโค้ดหลายบรรทัด ซึ่งสามารถคาดเดาได้ว่าฟังก์ชั่นในอนาคตของ Google Assistant จะเป็นอย่างไร (มีอยู่ใน Code แต่ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้นำมาใช้จริง ๆ ก็ได้)

มันมีความสามารถทั้งในการตั้งหรือยกเลิกการปลุก ตั้งการช่วยเตือน ถามเกี่ยวกับสภาพอากาศ ตั้งและควบคุมตัวจับเวลา และอื่น ๆ

ซึ่งน่าสนใจว่า เมื่อเราไม่ต้องสั่งมันอีกต่อไป เพราะฉะนั้นมันก็จะฟังเราอยู่ตลอดเวลานั่นเอง และคอยดักวลีต่าง ๆ ที่คิดว่าจะเป็นการสั่งงานจากเรา ซึ่งก็แน่นอนว่า มันจะเริ่มลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเรามากยิ่งขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ 9to5Google ได้วิเคราะห์ไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น Nest/Smart Display ที่คอยดักฟังคำพูดของเราอยู่ตลอดเวลาและคอยจับหาวลีที่เกี่ยวข้องในการสั่งการ

แม้จะมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Google ว่า วิธีตรวจจับคำให้ดำเนินการคำสั่งของ Google Assistant นั้น Google ได้กล่าวว่า “ถ้าไม่มีการตรวจพบการเปิดใช้งาน ฟังก์ชั่นเหล่านี้จะไม่ถูกส่งหรือบันทึกไปยัง Google”

แต่ด้วยการทำงานจริงของ Quick Phrase ที่จะเกิดขึ้น มันทำให้เปิดโอกาสในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้มากกว่าเดิม เนื่องจากต้องมีการคอย monitor เราอยู่ตลอดเวลาในการสนทนาปรกติประจำวันของเรา

แต่นี่เป็นเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น อาจจะยังไม่ออกมาใช้จริง ฟังก์ชั่นนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และยังไม่ชัดเจนว่าจะเปิดตัวเมื่อไหร่และอุปกรณ์ใดจะรองรับบ้าง

แต่ก็ต้องบอกว่า ถือเป็นเรื่องน่าสนใจเลยทีเดียวนะครับ ว่าหากเทคโนโลยีนี้ พัฒนาต่อไปในอนาคต จะเป็นอย่างไร และจะลุกล้ำความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของเราเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่

แน่นอนว่า ข้อมูลที่เป็น text ที่อยู่บนเว็บไซต์ หรือ email ต่างๆ Google ได้นำมาวิเคราะห์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงโฆษณาของพวกเขาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น แต่ในอนาคตมันอาจจะไม่ใช่แค่เพียงข้อมูล text เหล่านี้อีกต่อไป เพราะเสียงของเราอาจจะไปอยู่ในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหล่านี้ก็เป็นได้นั่นเองครับผม

References : https://9to5google.com/2021/09/01/google-assistant-quick-phrases/
https://www.androidauthority.com/google-assistant-ok-google-optional-2745962
https://www.theverge.com/2021/4/23/22400412/google-guacamole-voice-shortcuts-assistant-snooze-stop-alarm-call
https://www.cnet.com/tech/services-and-software/google-guacamole-will-reportedly-let-you-use-voice-assistant-without-saying-hey-google/
https://arstechnica.com/information-technology/2019/10/alexa-and-google-home-abused-to-eavesdrop-and-phish-passwords/

The Dark Side of SIRI

ถ้าคุณใช้ Apple และใช้บริการผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง SIRI  หรือเป็นเจ้าของอุปกรณ์ที่ใช้ SIRI  ตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่า จะมีบุคคลอื่นสามารถฟังเสียงของคุณได้ แม้จะเป็นเรื่องลับ  ๆ อย่าง เรื่องบนเตียงของคุณนั่นเอง

ซึ่ง พวกเขาอาจได้ยินการสนทนาที่คุณมีกับเจ้านายของคุณเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดใหม่ หรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับปัญหาทางการแพทย์ที่เป็นส่วนตัวของคุณที่ไม่อยากให้มีใครรับรู้

และนั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้จากการรายงานของสำนักข่าวใหญ่อย่าง The Guardian ซึ่ง Apple whistleblower ได้ให้รายละเอียดว่า มีบริษัท Sub Contract ที่สามารถตรวจสอบเสียงของคำสั่ง SIRI ของผู้ใช้ได้ รวมถึงการบันทึกที่ไม่ได้มีไว้สำหรับฟังก์ชันการทำงานแบบปรกติของ SIRI

แม้ว่าทาง Apple จะรับรู้ถึงกระบวนการดังกล่าวแต่ทาง Apple  บอกว่ากระบวนการตรวจสอบทั้งหมดโดยบริษัท Sub Contract เหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

โดย Apple ได้บอกกับ The Guardian ว่าจะมีการส่งข้อมูลการเปิดใช้งานของ SIRI เพื่อที่ผู้ตรวจสอบจะมีการฟังคลิป ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีและจะมีการถอด ID และชื่อผู้ใช้ของ Apple ออกไปนั่นเองเพื่อไม่ให้ระบุตัวตนถึงผู้ใช้งานได้

ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของการเปิดใช้งาน SIRI ทั้งหมด ที่จะมีการอยู่ภายใต้กระบวนการนี้ Apple กล่างถึงเป้าหมายคือ เพื่อปรับปรุงความสามารถของ SIRI ในการทำความเข้าใจและช่วยเหลือผู้ใช้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แต่ Apple ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนในเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องมีกระบวนการดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะมีบริษัท หรือ ใครบางคนที่อาจจะฟังเสียงของคุณเมื่อมีการพูดคุยกับ SIRI

นอกจากนี้ Apple ยังไม่ได้ใช้ความพยายามในการว่าจ้าง Sub Contract ที่น่าเชื่อถือ หรือตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลิปเสียงจาก SIRI นั้นไม่สามารถสืบหาไปยังตัวตนของผู้ใช้งานจริงได้ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างชัดเจน

“ มีคนไม่มากนักที่ทำงานอยู่ที่นั่นและจำนวนข้อมูลเสียงที่เรามีอิสระที่จะตรวจสอบดูค่อนข้างเป็นข้อมูลที่กว้างมาก” พวกเขากล่าวเสริมในภายหลังว่า“ มันดูไม่เหมือน Apple จะถูกกระตุ้นให้พิจารณาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้  ซึ่งหากมีใครบางคนที่มีเจตนาชั่วร้ายมันคงไม่ยากที่จะระบุไปยังคนผู้ใช้จริงได้ ” ข้อมูลจากแหล่งข่าวกล่าว

“ มีการบันทึกตัวอย่างจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีการพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัวระหว่างแพทย์และผู้ป่วย หรือแม้กระทั่งข้อตกลงทางธุรกิจ การติดต่อเรื่องคดีความที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้น การเผชิญหน้าในเรื่องทางเพศและอื่น ๆ ” ผู้แจ้งเบาะแสกล่าว “ การบันทึกเหล่านี้มาพร้อมกับข้อมูลผู้ใช้ที่แสดงตำแหน่งรายละเอียดการติดต่อและข้อมูลแอพทั้งหมด”

ซึ่งการบันทึกข้อมูลเหล่านี้อาจใช้เวลานานกว่า 2-3 วินาที ตามที่ Apple ได้อธิบายออกมา แต่ผู้แจ้งเบาะแสกลับแจ้งว่า บางรายการมีการบันทึกในเวลาที่เกิน 30 วินาทีด้วยซ้ำ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Apple อนุญาตให้มีมนุษย์มาคอยทบทวนเสียงที่บันทึกโดยผู้ช่วย AI อย่าง SIRI  เนื่องจากเรารู้แล้วว่า Amazon และ Google ก็ทำในสิ่งเดียวกันนั่นเอง

และดูเหมือนว่าผู้ช่วยดิจิทัลจะแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต ซึ่งหมายความว่า บริษัทเหล่านี้อาจจะไม่หยุดที่จะพยายามทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้สมบูรณ์แบบในเวลาอีกไม่นาน

ดังนั้นหาก Apple, Google, Amazon และยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ มุ่งมั่นที่จะให้มนุษย์มาคอยตรวจสอบเสียงที่บันทึกโดยผู้ช่วย AI ของพวกเขา ซึ่งพวกเขาควรมุ่งเน้นไปที่การทำให้ระบบนี้สมบูรณ์แบบโดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเสียก่อน เพราะข้อมูลเหล่านี้ที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น บางส่วนเป็นข้อมูล Sensitive ซึ่งเหล่าผู้ใช้คงไม่อยากให้ถูกเผยแพร่ออกไปให้คนอื่นรู้นั่นเอง

References : 
https://www.theguardian.com/technology/2019/jul/26/apple-contractors-regularly-hear-confidential-details-on-siri-recordings

Geek Monday EP7 : AI First กับ Game Changer ของ Google

ถึงแม้จะมี Product ที่ว้าวขนาดไหน ช่วยแก้ปัญหาให้การใช้ชีวิตประจำวันเราได้มากขนาดไหน แต่สุดท้าย ที่ google ทำก็เพื่อขายโฆษณาอยู่ดี

ไม่ต้องคิดเลยว่าต่อไปเราจะมี Google Assistant Ads ที่เราสามารถลงโฆษณาได้ โดยให้ Google Assistant เลือกบริการของเราก่อนใคร เมื่อผู้ใช้งานเรียกใช้บริการต่าง ๆ ผ่าน Google Assistant หรือ แม้กระทั่ง Google Lens มันเป็น Product ที่ค่อนข้างชัดเจน ที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์การโฆษณาชัด ๆ

ลองจินตนาการ ว่าเราอยากได้สินค้าที่เพื่อนมี ไม่ต้องไปหาที่ไหน เอากล้องเล็งไปที่สินค้านั้น ๆ Google ก็จะ Provide หาสินค้ามาให้เราซื้อได้เอง โดยแทบไม่ต้องไปค้นหาจากไหนเลย ซึ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่ง Model ธุรกิจใหม่ ๆ ของ Google ล้วน ๆ

ซึ่งจากช่วงหลังเราจะเห็นได้ว่า Google แทบจะมีได้รายได้หลักมาจาก Google Search เพียงอย่างเดียว แต่มันก็เพียงพอที่ Google สามารถที่จะนำเงินไปทุ่มเททรัพยากรเพื่อทำการ R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างที่เราเห็นและสุดท้ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์ใหม่ ๆ ให้ google อยู่ดีนั่นเอง

ไม่ต้องคอยเก้อ Google Assistant บอกคุณได้ว่ารถไฟจะมาถึงเมื่อไหร่

ก่อนการเปิดตัว Google Pay และ Apple Pay ในระบบขนส่งมวลชน MTA ของนครนิวยอร์ก ในวันที่ 31 พฤษภาคม Google ได้รวมข้อมูลการขนส่งสาธารณะใหม่เข้ากับ Google Assistant 

โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ Google จะสามารถบอกคุณได้ว่ารถไฟขบวนถัดไปของคุณจะมาถึงเมื่อใดและจะให้เส้นทางเดินเท้าถึงสถานี คุณสามารถหารถไฟขบวนต่อไปหรือระบุขบวนที่ต้องการ ฟังก์ชันนี้จะทำงานบนโทรศัพท์ Android , smart speakers และ  smart displays

ฟังก์ชั่นใหม่ของ Google Pay ในระบบขนส่งมวลชนนั้นมาพร้อมกับ OMNY ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบไร้สาย ที่จะรองรับ Apple Pay และ NFC  โดยจะเปิดตัวในสัปดาห์หน้า ในการเปิดตัวจะมีให้ใช้งานบนรถบัส Staten Island และรถไฟใต้ดินสาย 4, 5 และ 6 ระหว่าง Grand Central / 42nd Street และ Atlantic Ave / Barclays Center ระบบทั้งหมดคาดว่าจะเปิดตัวได้ใช้จริงในปีหน้า

คุณสามารถขอให้ Google Assistant บอกว่ารถไฟขบวนถัดไปจะมาเมื่อไหร่
คุณสามารถขอให้ Google Assistant บอกว่ารถไฟขบวนถัดไปจะมาเมื่อไหร่

ซึ่งฟังก์ชั่น Google Assistant ใหม่นั้นดีพอ ๆ กับข้อมูลที่ MTA มีอยู่ และหากการรวม Google Map ของ Google ก็จะทำให้ระบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพื่อส่งเสริมวิธีการชำระเงินใหม่ Google จะอัปเดต Google Map “ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เพื่อแสดงเส้นทางที่รองรับ Google Pay นอกเหนือจากนิวยอร์กแล้วฟังก์ชั่นการทำงานนี้จะมีบริการที่ลอนดอนและเมลเบิร์นด้วย โดยรวมแล้ว Google บอกว่ามันทำงานกับกว่า 30 เมืองทั่วโลกเพื่อให้ Google Pay ได้รับการยอมรับในระบบการขนส่งแบบสาธารณะในทุก ๆ เมืองทั่วโลก

References : 
https://www.theverge.com/2019/5/23/18636948/google-assistant-public-transport-nyc-mta-pay-omny-apple-pay-contactless

LineMan , Grab หลบไป Google มาแล้วพร้อมบุกตลาด Delivery

Google ประกาศในวันนี้ว่า บริษัท กำลังเปิดตัวความสามารถใหม่ในการสั่งซื้อรวมถึงการจัดส่งอาหารโดยตรงจาก Google Search, Maps และ Google Assistant แม้ Google จะไม่ได้เข้าสู่ตลาดนี้โดยตรง แต่จะเป็นพันธมิตรกับ บริษัท ต่างๆ เช่น DoorDash, Postmates, Delivery.com, Slice และ ChowNow และอื่น ๆ 

อย่างไรก็ตามลูกค้าจะได้ประสบการณ์ในการสั่งซื้อในเครื่องมือของ Google อย่างมีประสิทธิภาพ และจะสามารถชำระเงินด้วย Google Pay ได้ ซึ่งเป็นการควบรวมทุกอย่างไว้ใน Service ของ Google ทั้งหมด

สำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมจะเห็นปุ่ม “สั่งซื้อออนไลน์” ในการค้นหาและแผนที่ในไม่ช้า เมื่อทำการค้นหาร้านอาหารหรืออาหารที่เฉพาะเจาะจงผ่านทางบริการต่าง ๆ ของ Google

บริการใน Google Service
บริการใน Google Service

แม้ว่า Seach และ Maps อาจเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้คุณลักษณะนี้ แต่ Google ก็กำลังสร้าง Features เหล่านี้ให้อยู่ใน Google Assistant ซึ่งลูกค้าจะสามารถสั่งงานด้วยเสียงเช่น : “Hey กูเกิลสั่งอาหารจาก [ชื่อร้านอาหาร : ซื้อกลับบ้าน]” ซึ่ง Features เหล่านี้ได้รับสามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS 

รวมเข้ากับบริการ Google Assistant
รวมเข้ากับบริการ Google Assistant

แต่ลูกค้ายังสามารถสั่งอาหารตามปกติได้โดยไม่ต้องใช้เสียงผ่าน Google Assistant  เนื่องจากมันค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้ Google Assistant มานั่งไล่เมนูอาหารของคุณ

คำสั่ง Default นั้นจะเปิดประสบการณ์การใช้งานแบบ tap-driven ซึ่งนั่นหมายถึงลูกค้าได้เลือกรายการเมนูและยืนยันการสั่งซื้อ หากต้องการมาสั่งซื้อใหม่อีกครั้ง ลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องมาทำซ้ำอีก กับอาหารเดิม ๆ ที่ชอบสั่ง

References : 
https://techcrunch.com/2019/05/23/the-google-assistant-can-now-order-food-delivery-for-you/